ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันอังคาร, ตุลาคม 21, 2551

แฉแหลก! พลร่มป่าหวายนับร้อย ผสมโรงม็อบถ่อยพันธมาร


ที่มาข่าว จากประชาทรรศน์
21 ต.ค. 2008

“สล้าง” แฉแหลก! พลร่มป่าหวายนับร้อย ผสมโรงม็อบถ่อยพันธมาร ตั้งป้อมรบพุ่งรัฐบาลประชาธิปไตย ชำเรา “ขันทีเฒ่า-คนใกล้ชิดรั้ววัง” ไม่จงรักภักดี! ย้ำมือที่มองไม่เห็น “ขายชาติ” เพื่อผลประโยชน์เชิงอำนาจ

พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ กล่าวในรายการจุดชนวนข่าว ทางคลื่นวิทยุ 105 ว่าตำรวจไทยถูกสื่อมวลชนบิดเบือนข้อเท็จจริง การที่พันธมิตรฯยึดสนามบิน สถานีรถไฟ เป็นการก่อการร้ายสากล แต่การยึดทำเนียบรัฐบาลที่ผ่านมานั้นถือว่าเป็นกบฏ และตำรวจต่างประเทศยินดีจะช่วยเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม เรื่องการบุกสภาวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ไม่ใช่การบุกเพื่อปิดล้อม สื่อบิดเบือน ความจริงเพราะพันธมิตรฯ บุกสภาเพื่อสังหารส.ส.ที่อยู่ในสภา ซึ่งตำรวจถูกสั่งไม่ให้ใช้อาวุธจะมีก็เพียงแก๊สน้ำตา ตำรวจจึงมีความรู้สึกว่าสื่อมวลชนไม่ให้ความเป็นธรรม ให้ใครก็ไม่รู้เอาเท้ามาเหยียบหน้าแล้วขยี้ ตอนนี้ไม่มีคำว่าลูกน้องเก่าลูกน้องใหม่สำหรับตน แต่ตำรวจรวมต้องเป็นหนึ่งเดียว และต้องขอกราบขอบคุณใครก็แล้วแต่ที่ทำให้ตำรวจรักกัน จากที่เมื่อก่อนรักกันไม่เป็น

ส่วนจะไปยึดทำเนียบคืนหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สล้าง กล่าวว่า จะไม่ขอเรียกว่ายึด แต่จะไปปิดล้อมข้างนอก เพื่อไม่ให้รถอาหารเข้าไปได้ แค่นั้นพันธมิตรก็ยอมแพ้แล้ว

“ผมบอกได้เลยว่าผมไม่ไว้หน้า ผมทำพินัยกรรมให้ลูกแล้ว ผมเลือกประเทศมากกว่าศีลธรรม ผมไปไหนไม่เคยพกปืน ไม่มีลูกน้องกัน ดังนั้นประเทศต้องมาก่อน เรื่องส่วนตัว”อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ กล่าว

ส่วนกรณี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และพล.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลรัฐประหาร มีความเกี่ยวเนื่องกับเหรียญพระบิดาฝนหลวง งานพืชสวนโลก จ.เชียงใหม่ อย่างไรนั้น พล.ต.อ.สล้าง กล่าวว่า ต้องการจะบอกว่าในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเสียสละพระวรกายให้บ้านเมือง แต่คนที่อยู่รอบล้อมพระองค์เป็นคนที่ไม่จงรักภักดี

การไปแจ้งความครั้งนี้ได้ระบุชื่อบุคคลทั้งสองไว้แล้ว โดยส่วนตัวเห็นว่า ใครก็ตามที่ทำความดีต้องสรรเสริญ แต่ถ้าใครทำร้ายบ้านเมือง จะไม่ให้เครดิตกับคนนั้น เมื่อก่อนตำรวจขยับหรือทำอะไรไม่ได้ เพราะตำรวจเกรงใจพล.อ.เปรม แต่ขณะนี้ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นไม่มีความเกรงใจแล้ว

เมื่อถามว่าทำไม พล.อ.สุรยุทธ์ ถึงมีส่วนเกี่ยวข้อง พล.อ.สล้างกล่าวว่า แล้วเหรียญหายไปในรัฐบาลใคร และเรื่องยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เหรียญจะหายไปได้อย่างไร ถ้าไม่มีผู้ใหญ่สั่ง พล.อ.เปรมเองก็ทราบเรื่องตอนที่ปูนซีเมนท์ไทยเข้าไปก่อสร้างงาน

อย่างไรก็ตาม พล.อ.สล้างและคณะ จะนำคืนสู่พระแท่นแก้ว โดยก่อนหน้านี้เหรียญพระบิดาฝนหลวงถูกพบโดยกลุ่มลูกเสือชาวบ้าน ซึ่งเหรียญดังกล่าวได้วางอยู่ในโพรงหญ้าใกล้โรงเก็บของของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากนั้นกลุ่มลูกเสือชาวบ้านจึงขอเข้าพบเจ้าหน้าที่ และนำเรื่องนี้มาแจ้งแก่พล.อ.สล้าง

นอกจากนี้ พล.อ.สล้าง กล่าวฝากไปยังคนที่สนับสนุนพันธมิตรฯ และสื่อมวลชนว่า การที่เปิดรับ ASTV ซึ่งเป็นเครื่องมือสะกดจิตคนที่ดูอยู่หรือเปล่า ขอให้ผู้ชุมนุมร่วมกับพันธมิตรฯ เลิกพฤติกรรมเช่นนี้ อย่างไรก็คนไทยด้วยกัน แต่ถ้ายืนยังไม่ออกจากทำเนียบรัฐบาลจริงๆ ตนจะนำเครื่องมือโฟมที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศมาใช้ และจะเสนอให้รัฐบาลหาซื้อเครื่องมือนี้มาใช้ด้วย และหากการดำเนินการประสบความสำเร็จ หลังจากนี้องค์กรอิสระต่างๆ ก็คงอยู่ไม่ได้ เพราะต้องรู้ดีแล้วว่าองค์กรเหล่านั้นถูกตั้งมาโดยมิชอบ

“ขอใช้คำหยาบว่าพวกนี้ เลวระยำจริงๆ ที่ทำร้ายคนอื่น ท่านไม่มีที่อยู่หรอกครับ ถ้าท่านทำอย่างนี้ต่อไป ท่านอยู่ไม่ได้หรอก พวกท่านมันสกปรกเกินไป พรุ่งนี้จะมีงาน ผมกราบขอร้องสื่อที่ยังรักประเทศชาติ พรุ่งนี้เราจะให้ดอกไม้กัน งานเริ่มบ่ายโมง และขอย้ำว่าเสร็จภารกิจนี้ผมไม่มีวันรับตำแหน่งใดๆ เด็ดขาด” พล.ต.อ.สล้างกล่าว

พล.ต.อ.สล้าง กล่าวด้วยว่า หลังจากพิธีทำบุญล้างซวยให้กับประเทศ ขอให้รัฐบาล ไป ตรวจเช็คยอดกำลังพลใน 3 หน่วยงานของกองทัพ เพราะขณะนี้เรามีชื่อ และ นามสกุล พร้อมรูปถ่าย ของนายทหารในราชการ ประกอบไปด้วย นายทหารพลร่มป่าหวาย นายทหารหน่วยอากาศโยธิน และ นาวิกโยธิน มาร่วมอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย

“เราจะไม่ดำเนินการ ในลักษณะที่ทำให้เกิดความรุนแรง เพราะล้วนรู้จักกันแ ละ ทหารที่มาเป็นตัวเล็ก ๆ ไม่อยากไปทำให้เกิดการลงโทษอะไร แต่ เมื่อรัฐบาลจะเรียกเช็คยอดกำลังพล ก็ให้ประกาศไปว่า 3 วัน เพื่อให้เขาได้มีโอกาสเดินทางกลับหน่วยงานต้นสังกัด จากนั้นเราจะดำเนินกรรมวิธีของเรา” พล.ต.อ.สล้าง กล่าว

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สล้างยังกล่าวถึงนางสนองพระโอษฐ์หลายคน ซึ่งมีหลักฐานชัดเจน มีรูปถ่ายชัดเจน แต่จะไม่ทำอะไร กล่าวแต่เพียงว่านางสนองพระโอษฐ์เหล่านั้นเป็นชู้กับนักการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้จะเท็จทูลก็คงไม่ดีนัก

แกะประเด็นร้อน...คำต่อคำ!!

พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “จุดชนวนข่าว” ทางคลื่นวิทยุ 105 ซึ่งดำเนินรายการโดยอุดมสักดิ์ เสาวนะและพิธาน คลี่กระจาย

ถาม: วันพรุ่งนี้กลุ่มพลังกู้วิกฤตชาติที่จะร่วมกับองค์กรชาวพุทธจะจัดงานในรูปแบบใด?
พล.ต.อ.สล้าง :
เหมือนกับงานบุญใหญ่ คือทำบุญล้างซวยประเทศ ที่คนทั้งชาติมาแบ่งเป็น 2 ฝ่าย และก็หันหน้าเข้าห่ำหั่นกันโดยที่ไม่มีเรื่องโกรธเคืองกันมาก่อน และถ้ายังต่อสู้กันต่อไปเราก็จะเป็นเหมือนเกาหลีเหนือ กับเกาหลีใต้ เราก็จะไม่มีพระมหากษัตริย์ เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังไม่มีความจงรักภักดีเลย วันนี้ผมได้ไปแจ้งความไว้หลายเดือนแล้วเรื่องเหรียญหาย วันนี้ผมได้มอบให้นายตำรวจคนหนึ่งเข้าไปเร่งรัดพนักงานสอบสวนกองปรามปราม

ถาม-เหรียญอะไรหายครับ?
พล.ต.อ.สล้าง :
เหรียญพระบิดาฝนหลวงซึ่งประดิษฐานไว้ที่งานพื้นสวนโลกได้หายไป โดยไปเข้าใจว่าผู้สร้างคือพันตำรวจโท ทักษิณ แต่ข้อเท็จจริง คุณหญิงสุดารัตน์กำลังพิจารณาว่าจะเอาเหรียญชนิดใดดี ที่จะเอาไปใช้ในงาน ดร.เจริญผล อธิบดีกรมศาสนา ก็ได้แนะนำคุนหญิงสุดารัตน์ว่าเหรียญของผมเนี่ย ซึ่งได้รับพระบรมราชานุญาติ ให้สร้างเป็นเหรียญเปลือย คือไม่มีฉลองพระองค์ แล้วก็เป็นเหรียญเดียวในประเทศไทยที่ได้รับพระบรมราชานุญาติ คุณหญิงจึงสนใจ

พอผมได้รายงานมันก็ตรงกับมูลนิธิเทิดพระเกียรติ มูลนิธินี้เราตั้งขึ้น เพราะถ้าสร้างในนามมูลนิธิ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค มันคงไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง คล้ายกับผมเอาหน้าคนเดียว ผมจึงได้เชิญข้าราชบริพารที่ร่วมกันทั้งหมดมาประชุมร่วมกันแล้วก็ตั้งใหม่ ชื่อว่า “มูลนิธิเทิดพระเกียรติฯ”

มีหน้าที่เพื่อสร้างพระบรมราชานุเสาวรีย์เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ แต่เพียงอย่างเดียว สร้าง 199 แห่งทั้งในและนอกประเทศ โดยผมได้เชิญคนที่มีคุนูปกรณ์แก่ประเทศและที่ได้ทำถวายพระราชวงศ์อย่างสูงยิ่ง คือ ดร.อดุลย์ วิเชียรเจริญ รัฐมนตรีศึกษาของยูเนสโก ท่านเป็นผู้ที่ไปเสนอพระนามของสมเด็จย่า ให้ประกาศเป็นคนไทยดีเด่นในรอบร้อยปี

เนื่องจากรัฐบาลในขณะนั้น ไม่ได้เสนอพระนามของสมเด็จย่า แต่ไปเสนอผู้อื่น ซึ่งพวกเราก็ไมพอใจ จึงได้เร่งรัดโดยให้ ดร.อดุลย์ บินไปที่ประเทศฝรั่งเศส จนได้รับพระนามในองค์กรยูเนสโกให้เป็นประธาน แต่ท่านอดุลย์บอกว่าผมเป็นประธานประชุมให้ก็แล้วกัน โดยจัดตั้งมูลนิธิให้คุณเจริญจิต ณ สงขลา เป็นประธานมูลนิธิชั่วคราว แล้วค่อยหาเลือกคนที่เหมาะสมมาเป็นประธานในการจัดสร้าง

ถาม : แล้วก็จัดสร้างอนุเสาวรีนี้ขึ้นมา?
พล.ต.อ.สล้าง :
อันนี้เป็นอันแรกครับ เพราะว่ามีการเสนอในที่ประชุมโดย ดร.เจริญผล ผมก็เลยขอนัดคุณหญิงสุดารัตน์ ท่านกำลังทานอาหารอยู่ที่วังบรูพา ผมก็เลยเดินทางไปหาท่านกับคณะ 4 คน พอท่านเห็นรูปก็บอกว่าเอาเลย และบอกว่าขอรูปสมเด็จพระนางเจ้าฯ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยได้ไหม ผมบอกว่าแล้วแต่กระทรวงเกษตร กระทรวงเป็นเจ้าภาพ แล้วแต่กระทรวงเกษตร ผมจะทำให้ ผมก็เลยปั้นรูปสมเด็จพระนางเจ้าและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นรูปคู่ด้านนึงอีกด้านนึงเป็นรูปเรือใบ

ในที่สุดคุณหญิงสุดารัตน์ก็เกิดภาวะถูกโจมตีอย่างหนัก ท่านก็เลยแย่ จึงมีเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้เข้ามาขอเปลี่ยนเหรียญว่าเป็นรูปพระบิดาฝนหลวงได้ไหม ผมเลยบอกไปว่าผมปั้นเสร็จไปแล้ว ผมหมดไป 6 แสนแล้ว ถ้าคุณจะเอาอย่างนี้ผมจะปั้นให้ใหม่แต่ผมไม่เห็นด้วย ผมจะปั้นเป็นเหรียญเดี่ยว และรูปพระบิดาฝนหลวง ตามที่กรมป่าไม้ร้องขอ

ตอนนั้นคุณหญิง สุดารัตน์ ท่านเมาหมัดไม่รู้เรื่องอะไรล่ะ หลังจากนั้นรัฐมนตรีเกษตรฯ ก็เข้ามาเซ็นสัญญากับผู้รับเหมาให้ปั้นพระรูปเป็นเหรียญพระบิดาฝนหลวง ส่วนแท่นผมจะทำเป็นแท่นแก้วที่ใหญ่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยไม่มีโครงสร้างเป็นแก้วใสเลยจะได้เล่นไฟได้สวยงามผมก็ออกให้ เพราะฉะนั้นเมื่อเหรียญหายไปผมก็เป็นเจ้าของอยู่ด้วย

ถาม : หายไปอย่างไงครับ?
พล.ต.อ.สล้าง :
คือไปเข้าใจว่า คุณทักษิณเป็นผู้สร้าง งานนี้แสดงมา 28 วันแล้วอีก 2-3 วันจะเลิกงานอยู่แล้ว คนเข้าไปชมจะ 3 ล้านคนแล้ว

ถาม : หายในช่วง คมช. ครองอำนาจอยู่รึป่าว
พล.ต.อ.สล้าง : เป็นมา 40 กว่าวันแล้ว

ถาม-แจ้งความหรือยังครับ
พล.ต.อ.สล้าง : ผมไปแจ้งมาแล้วไปมาทั้งคณะ

ถาม : คดียังไม่คืบหน้า?
พล.ต.อ.สล้าง :
ผมไม่อยากให้ท่านลงไป ผมบอกว่าผมจะไปแจ้งเอง คือหม่อมเจ้าทองคำเปลว ทองใหญ่ เจ้านายอวุโส อันดับสองรองจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นผู้นำไปแจ้งนายเจริญจิต ณ สงขลา อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และก็ พล.ท.ทองสุก บุตรสาย เป็นราชองค์รักษ์ของสมเด็จย่า เป็นคนแรกและคนสุดท้าย ร่วมไปแจ้งความด้วย ตอนนี้ผมได้เร่งรัด ด้วยพยานแวดล้อมเราเชื่อได้ปราศจากข้อสงสัยว่า เป็นการสมรู้ร่วมคิดกันระหว่าง พล.อ.เปรม กับ พล.อ.สุรยุทย์ จุลานนท์ ผมจึงได้เร่งรัดให้ไปสอบสวน

ถาม : ให้ปากคำกับตำรวจไว้แล้วใช่ไหมครับ
พล.ต.อ.สล้าง : วันนี้ประมาณบ่าย 3 จะมีคนไปเร่งรัดพนักงานสอบสวนก่อน

ถาม : พรุ่งนี้ในงานจะมีพระสงฆ์มาประมาณกี่รูปครับ
พล.ต.อ.สล้าง : ผมไม่ทราบแน่ แต่คาดว่าประมาณไม่น้อยกว่า 20,000 รูป

ถาม : ไปที่ลานพระรูปตรงนั้น ไม่กลัวเผชิญหน้ากับพันธมิตรฯหรือ?
พล.ต.อ.สล้าง :
ไม่หรอกครับเพราะเราได้ขอร้องกับพันธมิตรฯ ว่าเรามางานบุญ และผมก็ได้เชิญพันธมิตรฯ นปก.มาร่วม แต่ขอให้ใส่เสื้อสีขาว เพราะว่าไม่ต้องซื้อทุกคนมีอยู่แล้ว ผมไม่ได้ขึ้นไปรบราฆ่าฟันกับใคร แล้วเรื่องกับพันธมิตรฯเนี่ย ต่างประเทศเค้าสงสาร ตำรวจไทย ประชาชนไทย







(คลิ๊กดูข่าวจาก ไทยอีนิวส์)Thai E-News: วิเคราะห์เพิ่มเติมภาพวีดีโอวันที่ 7 ต.ค.51

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก