ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันอังคาร, ตุลาคม 28, 2551

แฉเบื้องลึก สารวัตรจ๊าบ เหยื่อคาร์บอมบ์พัวพันก่อการร้าย

จากประชาชรรศน์ออนไลน์
28 ต.ค.51

ปูดเบื้องลึก! “เหยื่อคาร์บอมบ์” ผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิด ยันสรุปสำนวน 2 ข้อหาหนักน้องเขยการุณ ชี้เข้าข่ายก่อการร้าย ตำรวจจำหน่ายคดีทิ้ง เหตุ “พ.ต.ท.เมธี” ตายในที่เกิดเหตุ ด้าน ส.ส.พปช.สับเละ!คนย่ำยีกฎหมายไม่ควรได้รับความช่วยเหลือ ระบุกรรมการสิทธิฯโดดป้อง!จ่าย 4 แสนบาท ไม่มองใครถูก-ใครผิด

ตามที่รัฐบาลมีการอนุมัติเงินจำนวน 56 ล้านบาทให้แก่คณะกรรมการเยียวยาและช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายกรณีเหตุการณ์ไม่สงบในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิต คือ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือสารวัตรจ๊าบ นายตำรวจนอกราชการ และหัวหน้าการ์ดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งมีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าจะได้รับความช่วยเหลือด้วยหรือไม่

ทั้งนี้ มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งรับผิดชอบคดีนี้ ว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการออกหมายจับ พ.ต.ท.เมธี ซึ่งมีความผิดในคดีลักทรัพย์และรับของโจร ตามหมายจับเลขที่ 515/43 ออกโดย สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตั้งแต่เมื่อปี 2543

นอกจากนี้ ยังมีคดีลอบวางระเบิดและมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งขณะนี้คดีได้ถูกจำหน่ายออกไปแล้ว เนื่องจากจำเลยได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ในเหตุการณ์คาร์บอมบ์ บริเวณด้านหน้าที่ทำการพรรคชาติไทย

ทางด้าน พ.ต.อ.สมชาย เชยกลิ่น ผู้กำกับการ สน.ดุสิต ให้สัมภาษณ์ “สำนักข่าวประชาทรรศน์” กรณีรถจี๊ประเบิดหน้าพรรคชาติไทย เป็นเหตุให้ พ.ต.ท.เมธี เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ

ซึ่งในสำนวนระบุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหากับ พ.ต.ท.เมธี ใน 2 ข้อหา คือ 1.มีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ทำให้วัตถุระเบิด มีการระเบิดในที่สาธารณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นได้รับอันตราย แต่พนักงานสอบสวนมีคำสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากผู้ต้องหาเสียชีวิต

ขณะเดียวกัน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพลังประชาชน (พปช.) ระบุว่า ตนยังไม่ทราบถึงหลักการการช่วยเหลือทั้งหมดของคณะกรรมการ แต่มองว่าแนวทางการช่วยเหลือโดยสามัญสำนึกแล้ว คนที่ได้รับการช่วยเหลือต้องเป็นพลเมืองดี และมีความตั้งใจดี ส่วนความเห็นที่ต่างกันไม่ใช่สาระสำคัญ การช่วยเหลือต้องพิจารณาว่าให้รอบคอบว่าบุคคลใดคือผู้ที่เหมาะสมจะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ

คนที่ควรได้รับความช่วยเหลือจะต้องดูว่าคนผู้นั้นปฏิบัติตามกฎหมาย เคารพกฎหมาย และประพฤติตัวถูกต้องคามครรลองของกฎหมายในสังคมหรือไม่ คนที่ย่ำยีกฎหมายแต่ได้รับเงิน ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจาณาในด้านจริยธรรมเพื่อซึ่งเรื่องนี้ทางคณะกรรมการเยี่ยวยาต้องพิจารณาให้รอบคอบเพื่อให้เกิดบรรทัดฐานที่ดีต่อสังคม และป้องกันการตั้งข้อสงสัยกับบุคคลต่างๆในอนาคต” ส.ส.พลังประชาชน ระบุ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้พรรคพลังประชาชนไม่เคยคัดค้านบุคคลผู้ใด แต่รัฐบาลต้องพิจารณาว่าบุคคลนั้นเป็นเมืองดีหรือไม่ ถ้าใครละเมิดกฎหมายก็ไม่สมควรได้รับความช่วยเหลือ

ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการเยียวยาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. ในกรณี พ.ต.ท.เมธี ทางคณะกรรมการสิทธิฯได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เสียชีวิตตามจำนวนเงินที่กำหนดไว้ คือ 4 แสนบาท โดยไม่ได้มองประเด็นเรื่องของความผิดในอดีต ซึ่งการตัดสินใจทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการสิทธิฯ


เหวง’ยันเหตุก่อการร้าย!จ้องฆ่าส.ส.-ส.ว
นพ.เหวง โตจิราการ กรรมการสมาพันธ์ประชาธิปไตย ได้ออกแถลงการณ์ กรณีการตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของ พ.ต.ท.เมธี ซึ่งเป็นหัวหน้าการ์ดพันธมิตรฯ และเป็นน้องเขยของนายการุณ ใสงาม อดีต ส.ว.บุรีรัมย์


ซึ่งจากข้อเท็จจริงในเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2551 หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สลายการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่บริเวณหน้ารัฐสภา โดยในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ได้มีเหตุวินาศกรรมรถจี๊ปเชอโรกีของหัวหน้าการ์ดพันธมิตรฯ ภายหลังเคลื่อนย้ายที่จอดสามหน แล้วมาจอดที่หน้าพรรคชาติไทย และได้บรรจุระเบิดจำนวนมาก

จากนั้น พ.ต.ท.เมธี ในขณะที่ก้าวเข้าไปในรถยนต์ (ที่ไม่ใช่ของตน) ได้เกิดระเบิดขึ้น ซึ่งได้ฉีกร่างของ พ.ต.ท.เมธีและเศษส่วนเนื้อสมองได้พุ่งตรงดิ่งไปคาบนยอดใบไม้เหนือร่างเขา แล้วได้เกิดระเบิดในรถจี๊ปอีกครั้ง จากนั้นก็จุดระเบิดถังแก๊สของรถอีก

ทั้งหมดนี้ น่าจะเข้าข่าย “คาร์บอมบ์” อย่างชัดเจน ซึ่งก็คือ “การก่อการร้ายในเมือง” ชนิดหนึ่ง และหากว่ารถโดยสารที่บรรทุก ส.ส. ส.ว. เจ้าหน้าที่ หนีการปิดล้อมของพันธมิตรฯ ออกจากรัฐสภาซึ่งต้องเคลื่อนผ่านข้างๆ รถจี๊ปเชอโรกีดังกล่าวในจังหวะที่คาร์บอมบ์ถูกกดระเบิดด้วยรีโมตคอนโทรล ผู้ที่เสียชีวิตก็คงไม่ใช่ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี แต่คงจะเป็น ส.ส. และ ส.ว. รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐสภา

นพ.เหวง โตจิราการ ระบุว่า การกระทำทั้งหมดของพันธมิตรฯในวันที่ 7 ตุลาคม เข้าข่ายมีความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 ซึ่งในมาตรา 4 ระบุไว้ว่า เป็นการกระทำที่เป็นการ “ก่อวินาศกรรม” ขณะที่การสืบสวนสอบสวนกำลังดำเนินไปอย่างเคร่งครัด โดยยังไม่มีข้อสรุปออกมา

ส่วนการที่นายอานันท์ ปันยารชุน แสดงความชื่นชมต่อการกระทำของ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี อย่างออกนอกหน้านั้น เท่ากับว่านายอานันท์ เห็นด้วยกับการกระทำของ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี นั่นเอง สมาพันธ์ประชาธิปไตยได้ออกแถลงการณ์ประณามและคัดค้านเหตุ “คาร์บอมบ์” ที่เกิดขึ้นนี้

และไม่ว่าจะมีจุดมุ่งหมายในการประหัตประหารรถโดยสาร ส.ส.-ส.ว. และเจ้าหน้าที่รัฐสภา ที่จะต้องเคลื่อนผ่านจุดนั้นหรือไม่ก็ตาม “คาร์บอมบ์” หรือก่อการร้ายโดยซุกระเบิดในรถยนต์จำนวนมากเพื่อให้ระเบิดทำลายเป้าหมายที่ต้องการในเมือง รวมถึงการก่อวินาศกรรมทุกรูปแบบ ก็ต้องเป็นสิ่งที่ถูกประณามคัดค้าน และหาทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น ไม่ใช่การแสดงออกที่สนับสนุนเช่นนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก