ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันเสาร์, พฤศจิกายน 14, 2552

เก็บมาเล่าต่อ การปลุกกระแสคลั่งชาติในครั้ง นี้ ปชป.+พธม.+อำมาตย์มีแววไร้ ผล

15 พฤศจิกายน 52 ที่สนามหลวง เวทีแดงและเหลือง ?????
ที่มาโดยคุณ ขุนพลแก้ว จากประชาไท

ข่าวการรวมตัว ของเหล่าพันธ์มิตร ที่นัดรวมตัวกันที่ ท้องสนามหลวง วันที่ 15 พฤศจิกายน นี้
ส่อเค้า ความรุนแรงให้เห็นแต่เนิ่นๆ เมื่อคืน วันศุกษ์ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดเวทีย่อย ของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่สนามหลวงได้ไปยึดพื้นที่ สนามหลวงก่อนนั้น ได้มีกลุ่มพันธมิตร ยกพวกมาป่วนลื้อเวทีและถูกกลุ่มคนเสื้อแดง จับได้และรุมสหะบาทา จนอ่วมอรทัยกันไปตามๆกัน จากการสอบถามและประชาสัมพันธ์ สอบถามเรื่องกลุ่มพันธมิตร ที่จะออกมาร่วมงานชุมนุมดังกล่าว มีการตั้งยอดไว้ประมาณ
สี่ถึงห้าหมื่นคนนั้น จริงแล้ว ยอดอาจจะไม่ถึงเพราะ จากการสอบถามแนวร่วม พันธ์มิตรแล้วนั้น การปลุกกระแสคลั่งชาติในครั้งนี้อาจไร้ ผล เพราะ พันธมิตรเองก็คงจะรู้ว่า จากการที่ทำวีรกรรมไว้นั้น ตั้งแต่ ยึดทำเนียบ ยึด nbt ปิดสนามบิน และ ทำร้ายคนบริสุทธ์ ที่วิภาวดี ซอย 3 นั้นหลายคน ยัง มีความเคียดแค้นต่อการกระทำของ กลุ่มพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง หลายคนปฏิเสธ ที่จะออกมาเคลื่อนไหว ในครั้งนี้ เพราะห่วงต่อสวัสดิภาพของตัวเองกันทั้งสิ้น
ที่สำคัญคือ รัฐบาลมีการให้งบประมาณ และสั่งการให้ มหาดไท สั่งการไปยัง กำนันผู้ใหญ่บ้านให้ นำผู้คนมาร่วม กับคนเสื้อเหลือง นั้น เป็นการกระทำที่ เรวบัดซบจริงๆครับ พูดง่ายๆ เรวได้ใจครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็รอดูกันต่อไปว่า บ้านเมืองจะเป็นไปในทิศทางใด เพราะนับวันมีแต่จะสร้างความแตกแยกของคนในชาติไปเรื่อยๆ จนใกล้จะถึงที่สุดแล้ว สงสารคนในชาติจริงๆครับที่ต้องมาร่วมชะตากรรม ในกลียุค ครั้งนี้

.................................................................................................................

มันก็น่าจะเป็นเช่นนั้นสำหรับคนที่คิดได้คงไม่มีใครอยากมีสภาพเหมือนน้องโบว์หรอกครับ และผลงานแสนบัดซบล่าสุดที่ โจรพันธมิตรบุกไปทำร้ายชาวบ้าน ภูมิซรอล จนบาดเจ็บสาหัสนั้น คงเป็นสัญลักษณ์ ตอกย้ำภาพความเลวแบบป่าเถื่อนของคนพวกนี้อย่างชัดเจนในการกระทำตนเหนือกฏหมาย และครั้งนี้ก็เป็นที่รู้กันว่าการปลุกกระแสคลั่งชาติครั้งนี้ มีใบสั่งมาขากอำมาตย์แก่ที่เริ่มล่อแล่หากทางไปไม่ได้ หนทางเดียวที่จะสร้างเหตุดึงอำทหารมาเกี่ยวข้องในการรักษาความสงบตามข้ออ้างที่ถนัด จึงต้องใช้ พันธมิตรออกมาล่อเป้าสร้างกระแรกชาติ แต่ด้วยที่ว่า ประชาชนไทยนั้น ตาสว่าง มากขึ้น การดำเนินงานครั้งนี้จึงต้อง ร่วมมือหลายฝ่าย ทั้ง กลุ่ม เนรคุณเนวิน แม้แต่ ปชป.เอง ก็ต้องปลุกกระทุกด้าน แต่ยิ่งเท่ากับตอกย้ำความบัดซบให้ปรากฏแก่สังคม เมื่อ ผู้นำเขมรยืนยันว่า ไม่มีปัญหากับเมืองไทย แต่มีปัญหา กับ นายมาร์ค ผู้นำ รบ.โจรก่อการร้ายแห่งประเทศไทย .และเริ่มมีข่าวจากเพื่อนบ้าน ทั้งลาว พม่า เวียดนาม มาเลเซีย เริ่มขยับแข้ง ขา เริ่มขัดหูขัดตากับ ความสามหาวปากเก่งของ นายมาร์ค และ เหล่า รมต.ร่วมทีม ที่แสดงความคิดสุดเห่ยต่างๆ ออกทีวี จะเห็นได้ว่าประเทศเหล่านี้คือกลุ่มเพื่อนบ้านมากัดฟันมาร่วมพิธีเปิดการประชุมอาเซียนซัมมิทที่ผ่าน แต่ หากย้อนลงไปทางใต้ ไล่นับแต่ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโนนีเซีย บรูไน ฟินลิปิน กลุ่มนี้เขาไม่ได้มาเข้าร่วมงานพิธีเปิดกันอย่างพร้อมเพียง ถามคนไทยทั้งประเทศดูก็จะตอบเลยว่าเพราะเขาไม่ยอมรับ รัฐบาลโจรชุดนี้ และคนไทย ที่มีใจเชียร์ นายมาร์ค ปชป.และพวกที่มีใจผูกพันลึกซึ้งกับ พธม.ถ้าไม่ ดัดจริต หลอกตัว เองจนเกินไป ก็คงได้คำตอบที่มองเห็นภาพต่างเช่นกันว่า ต่างชาตินั้นเขาระอาพวกคุณแล้ว และที่บางประเทศต้องทนฝืนยิ้มปั้นหน้าพูดดีด้วย ก็คงจะผะอืด ผะอม จนอยากอาเจียนกับคำโกหกสร้างภาพของ คุณหนูมาร์ค..

บทสัมภาษณ์พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตรลงTHE TIMES ฉบับเต็มที่เวบลิเบอรัลไทย

โดยคุณ UDD-นกเล็ก

คลิ๊ก Click Link THE TIMES ฉบับเต็ม บทสัมภาษณ์ทักษิณ ชินวัตร

..........................สันดานสื่อทรราชออกลายอีกแล้ว หลังจากTIMESเขียนบทบรรณาธิการ การันตีทักษิณไม่ได้พูดหมิ่นแม้แต่คำเดียว แถมกล่าวยกย่องเชิดชูสถาบันไม่ขาดปาก

แต่สื่อกระแสหลักพากันเงียบเป็นเป่าสากไม่ยอมนำเสนอ หลังจากพากันโหมกระหน่ำรุมตื้บมาก่อนนี้

ที่สำคัญสื่อหลักยังเงียบเฉยต่อการที่มาร์คเคยให้สัมภาษณ์บลูมเบิร์กเรื่องทำนองเดียวกัน แต่ดูจะหนักกว่าแม้วให้สัมภาษณ์เดอะไทม์ส


### 100 สส.เย้ยมาร์คท่านทักษิณ มีสส. ของพรรคมา ร่วมกันลงชื่อกว่า 100 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสส.อีสาน เพื่อเดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศกัมพูชา ในวันที่ 13 พ.ย.นี้ โดยพ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางออกจากประเทศกัมพูชาเช้าวันที่ 14 พ.ย. ไปยังดูไบ

พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี เตรียมทหารรุ่น 10 กล่าวยืนยันว่า เพื่อนตท.10 ทุกคน รวมถึงพ.ต.ท.ทักษิณ มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แน่นอน ส่วนการให้สัมภาษณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณนั้น คงต้องรอให้มี การพิสูจน์ความจริงต่อไป

ขณะที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี กล่าวว่า ..

ได้อ่านต้นฉบับ 12 แผ่น ที่พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์ไทมส์ออนไลน์แล้ว ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย !!! ไปตีความกันเอง และไม่อยากพูด ไม่อยากวิเคราะห์เรื่องนี้

“แม่ทัพนายกองที่เข้าพรรค เพื่อไทยยังจงรักภักดี พร้อมปกป้องสถาบันตลอด”


### ฮุนเซนสวนมาร์ค ไม่ส่งตัว กษัตริย์ตั้ง

พาออกทีวีโชว์ชาวกัมพูชา พร้อมโชว์หนังสือที่ไทยขอให้ส่งตัวกลับ มาดำเนินคดี ยืนยันให้ไม่ได้ เพราะที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจที่กษัตริย์กัมพูชาแต่งตั้ง

ย้ำอีกเป็นคดีการเมืองด้วย


### "มาร์ค"เสียใจผู้นำเขมรปฏิเสธ อัดทักษิณต่อ

เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่สมเด็จฮุนเซนระบุนายกฯเป็นเด็กและขโมยเก้าอี้คนอื่นจนเข้ามาเป็นนายกฯ

นายมาร์ค หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า "ไม่จริง ผมไม่ไปตอบโต้ ซัด"บิ๊กจิ๋ว"ทำให้เกิดปัญหาด้วย

เมื่อถามว่าเห็นภาพกัมพูชาต้อนรับพ.ต.ท. ทักษิณ อย่างยิ่งใหญ่แล้วมีความเห็นอย่างไร

นายมาร์ค กล่าวว่า "ไม่รู้สึกอะไร ถ้าจะมีคำถามต้องคำถามว่าคุณทักษิณไปทำอะไร

.....................สัญญาณอันตรายเพราะสภาล่มถึง 7 ครั้งภายใน 8 เดือน แจงมาร์คผู้ดีไม่โต้เขมร และไอ้มี่กล่าวไปในใจเด็กคนนี้ ต้องพึงระวังนะ เรานะโตแล้ว 40 กว่า อย่าวู่วาม ! เราขอเตือน ประชาชนจะเดือดร้อน


### เราขอสรุปข่าวท่านทักษิณเยือนกัมพูชา

นายกฯฮุนเซนวิจารณ์นายอภิสิทธิ์ค่อนข้างรุนแรงหลายเรื่อง

และผู้สื่อข่าวรอยเตอร์และเอพี ว่า ...เพียงไม่กี่วินาที หลังจาก อุปทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ยื่นหนังสือขอให้ส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ปรากฏว่า รมต.ต่างประเทศกัมพูชา รีบยื่นหนังสือปฏิเสธส่งกลับคืนทันที

ยังออกแถลงการณ์มีใจความว่า "การดำเนินคดีและกระบวนการทางกฎหมายที่กระทำกับ ฯพณฯ ทักษิณ ชินวัตร มีมูลเหตุจูงใจมาจากประเด็นการเมือง และกัมพูชาไม่สามารถให้การรับรองได้ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณถูกคณะทหารโค่นลงจากอำนาจ ภายหลังประชาชนชนชาวไทย "จำนวนมาก" ลงคะแนนเลือกตั้งตาม "กระบวนการประชาธิปไตย" ให้ดำรงตำแหน่งผู้นำ

เมื่อพิจารณาสภาพความเป็นจริงทั้งหมด กัมพูชาจึงไม่อยู่ในฐานะที่จะจับกุมพ.ต.ท.ทักษิณเพื่อส่งตัวกลับไปดำเนินคดี"

และเป็นที่น่าสังเกตตว่า ในแถลงการณ์ฉบับนี้กัมพูชาจงใจเลือกใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่เขียนเน้นตรงคำว่า……

***** จำนวนมาก (OVERWHELMINGLY) กับ กระบวนการประชาธิปไตย (DEMOCRATICALLY) *****

..... เชื่อว่ามาร์คอาจขายหน้าโอบามา

รอยเตอร์ระบุว่า ข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลกัมพูชา กับ รัฐบาลไทยครั้งนี้อาจทำให้นายอภิสิทธิ์ ต้องอับอายขายหน้าต่อหน้าประธานา ธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐอเมริกา

เพราะวันอาทิตย์ที่ 15 พ.ย.นี้ นายอภิสิทธิ์มีกำหนดการทำหน้าที่พาผู้นำชาติกลุ่มอาเซียน รวมถึงกัมพูชา เข้าหารือกับนายโอบามา ที่เดินทางมาประชุมเอเปกในสิงคโปร์

ขณะเดียวกัน รัฐบาลผสมของนายอภิสิทธิ์เองก็ยังอยู่ในสภาพไม่มั่นคง และต้องเผชิญแรงกดดันจากกลุ่มหัวรุนแรง หรือ Extremists ในกลุ่มพันธมิตรเสื้อเหลือง ซึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลไทยตอบโต้กัมพูชาด้วยการสั่งปิดด่านการค้า พร้อมกับเพิ่มกำลังทหารตามแนวชายแดน

และนายกฮุนเซน ***ชี้คุยได้-ห้ามเกี่ยวท่านทักษิณ *** โดยนายฮุนเซน กล่าวว่า…॥ หนังสือที่กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาส่งให้เจ้าหน้าที่ไทยคงเพียงพอแล้วที่จะบอกว่าจะไม่มีการส่งตัวพ।ต.ท.ทักษิณในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน และย้ำว่า ข้อกล่าวหาและโทษจำคุกพ.ต.ท.ทักษิณ 2 ปีมีต้นเหตุมาจากแรงจูงใจทางการเมือง พ.ต.ท. ทักษิณเป็นเหยื่อทางการเมืองจากเหตุรัฐประหาร 19 กันยาฯ 2549 อย่างไรก็ตาม ถ้าตนพบกับนายอภิสิทธิ์ระหว่างประชุม "เอเปก" ที่สิงคโปร์จะไม่หยิบยกกรณีความขัดแย้งเรื่องการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจขึ้นมาหารือ ต้องการแก้ไขความขัดแย้งผ่านการเจรจาโดยสันติ แต่ต้องไม่นำประเด็นขอส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณขึ้นมาพูดคุยบนโต๊ะเจรจาเด็ดขาด ตนอยากสนับสนุนพ.ต.ท. ทักษิณเพื่อช่วยเหลือประเทศไทย ตนเข้าใจความรู้สึกของคนไทยดีว่าต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศ

โดยนายกฮุนเซน กล่าวว่า…..

ตนอยากสนับสนุนพ.ต.ท. ทักษิณเพื่อช่วยเหลือประเทศไทย ตนเข้าใจความรู้สึกของคนไทยดีว่าต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศ และตัวพ.ต.ท.ทักษิณเองก็อยากกลับไปรับใช้ประชาชน แต่ไม่ได้รับโอกาสนั้น

ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า "รัฐบาลไทยกำลังตามล่าผม อยู่ แต่อยากบอกว่า ลืมผมได้แล้ว อย่ากังวลอะไรมากมายนัก ผมไม่เคยคิดทำร้ายประเทศไทย เพราะก็ยังเป็นอดีตนายกฯ ที่มีความรักประเทศชาติ"

สำนักข่าวซีซีทีวี ประเทศจีน รายงานว่า….

รมต.ต่างประเทศอินโดนีเซีย 1 ใน 10 ชาติสมาชิกอาเซียน กล่าวว่า.... รัฐบาลจาการ์ตาติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิดและวิตกกังวลมาก

เพราะกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีของสมาชิกอาเซียนถึง 2 ชาติ และความสัมพันธ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป้าประสงค์ของชาติในกลุ่มอาเซียน ข้อพิพาทครั้งนี้จึงควรยุติลง เพื่อให้อาเซียนกลับไปเดินบนเส้นทางแห่งมิตรภาพเหมือนเช่นเดิม


### ปิดท้ายข่าว แกนนำเสื้อแดงชี้มาร์ค พลาด-กรณีเขมร

กล่าวว่า กิจกรรมคอนเสิร์ตระดมทุนขับไล่รัฐบาลในวันที่ 14 พ.ย.ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ ขณะนี้พร้อมแล้ว เวทีเริ่มเวลา 15.00 น. ถึงช่วงเช้า 06.00 น.ของอีกวัน

ส่วนกำหนดวันชุมนุมใหญ่ แกนนำจะประชุมหลังจัดงานจากนั้นจะแถลงให้ทราบ เป็นช่วงปลายเดือนพ.ย.หรือไม่ต้องประเมินสถานการณ์ก่อน

เย้ยเปิดทำเนียบรับแกนพธม.

สำหรับกลุ่มพันธมิตรประกาศชุมนุมใหญ่วันที่ 15 พ.ย. ตั้งข้อสังเกตว่าก่อนประกาศ แกนนำพันธมิตรนำโดยนายพิภพ ธงไชย เข้าพบนายอภิสิทธิ์ที่ทำเนียบ ต้อนรับเสมือนเพื่อนรู้ใจและผู้มีพระคุณ ส่งสัญญาณว่าเป็นพวกเดียวกับรัฐบาล พวกมีเส้น สะท้อนชัดว่าประชาธิปัตย์และพันธ มิตรสมคบกันตลอด

ยังทราบว่าพันธมิตรจะจัดคอนเสิร์ตที่จ.ปราจีนบุรี ในวันที่ 14 พ.ย.ซึ่งมีพรมแดนติดกับกัมพูชา ใช้งบลับจากรัฐบาล ถามนายอภิสิทธิ์และพันธมิตรว่าทำเพื่ออะไร มีอะไรแอบแฝง จงใจให้เกิดสงครามระหว่าง 2 ชาติหรือไม่ ยังได้เห็นความร่วมมือจากนายเนวินที่จะขนคนมาเพิ่มเติมให้ด้วย นายอภิสิทธิ์ควรทาบทามพรรคการเมืองใหม่มาร่วมรัฐบาลในคราวเดียวกันเลย

วันศุกร์, พฤศจิกายน 13, 2552

PTV2009-11-13 คลิปความจริงวันนี้และเสธ.แดงฉะ รบ.มาร์ค

โดยคุณ Tuxedo

เสธ.แดง ไทยกัมพูชา รัฐบาลอ่อนหัด
2009-11-12,13 26นาที WMV 26.06Mb, MP3 4.36Mb

เสธ.แดง เขาพระวิหารกับทหารอาชีพ

2009-10-26,27 26นาที WMV 26.03Mb, MP3 4.47Mb

PTV 2009-11-13 71นาที WMV 69.58Mb, MP3 12.30Mb

Clipผลงานบังสุกุลครับ >> ความจริงวันนี้ DLได้คาดว่าไม่เกินเที่ยงคืน

สนับสนุนการดำเนินงาน Thaipeoplevoice >> Click

................................................................

จากไทยอีนิวส์

ผู้ก่อการร้ายพันธมิตรบัดซบปลุกปั่นซ้ำรอย6ตุลา


(บน)ภาพนักศึกษาเล่นละครแขวนคอล้อเลียน กรณีช่างไฟฟ้านครปฐมถูกจับแขวนคอ เพราะไปติดโปสเตอร์ประท้วงจอมพลถนอม กิตติขจรกลับประเทศ ได้ถูกฝ่ายขวาจัดบิดเบือนว่านักศึกษาเล่นละครแขวนคอพระยุพราช(สมเด็จพระบรมฯ) แล้วปลุกปั่นมวลชนออกมาล้อมปราบปรามนักศึกษาที่ชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อย่างโหดเหี้ยม ในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519


(ล่าง)พิภพ ธงชัย แกนนำพันธมิตร ซึ่งเป็นขบวนการผู้ก่อการร้ายที่หนีหมายเรียกคดียึดสนามบินได้เข้าพบอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อสมคบคิดกันกรณีกัมพูชาและการจัดชุมนุม15พ.ย.นี้ โดยมีประเด็นปลุกปั่นใช้สถาบันชาติ-กษัตริย์เป็นเครื่องมือทางการเมืองเหมือนเคย


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา บอร์ดประชาไท และบอร์ดชุมชนฟ้าเดียวกัน
13 พฤศจิกายน 2552

ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตผู้นำนักศึกษาในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ได้ตั้งกระทู้เสียดสีบรรดานักราชาชาตินิยม(Royalist)ไทยในหัวข้อ"แขวนคอช่างไฟ บอกแขวนคอหุ่นพระยุพราช,พูดจงรักภักดี บอกพูดจาบจ้วง: 33ปีผ่านไปนิสัยโกหกบัดซบของพวกรอยัลลิสต์ไทยไม่เคยเปลี่ยน"ในเวบบอร์ดประชาไท และ
เวบบอร์ดชุมชนฟ้าเดียวกัน

ดร.สมศักดิ์กล่าวว่า ผมดูคลิปการแถลงข่าวของพันธมิตร นัดชุมนุมวันที่ 15 พย.(ดูรายงานข่าวที่ http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000135201ดูคลิปได้ที่ http://www.manager.co.th/Multimedia/ViewVideo.aspx?NewsID=9520000135201&BrowseNewsID=0&Speed=0ฟังภาษาที่ใช้ในแถลงการณ์ (สุริยะใสเป็นคนอ่าน) ที่เต็มไปด้วยการกล่าวหาเรื่อง "จาบจ้วงสถาบัน" เรียกร้องให้ชาวไทยมาร่วมชุมนุมแสดงพลัง ต่อต้านการ "จาบจ้วง" ฯลฯ

แล้วอดนึกถึง การประกาศ ทำนองนี้ ผ่านสถานีวิทยุยานเกราะ ในบ่ายวันที่ 5 ตุลาคม 2519 ไม่ได้

ภาษาที่ใช้ไม่ได้ห่างกันนัก อ้าง"ในพระปรมาภิไธย" อ้าง"สถาบันพระมหากษัตริย์" แทบทุกวรรค ทุกประโยค ไม่ขาดปาก

และที่ไม่ต่างกันเลย คือ นิสัยขี้โกหกบัดซบ อย่างชนิด หามูลไม่ได้เลย

แขวนคอตัวละครเล่นเป็นช่างไฟฟ้านครปฐม ก็ยกเมฆว่า "แขวนคอหุ่นพระยุพราช" "ย่ำยีหัวใจคนไทย" บลา บลา

พูดแสดงความจงรักภักดี ก็บอกว่า พูดจาบจ้วง "ย่ำยีหัวใจคนไทย" บลา บลา

ผมพยายามมองเรื่องนี้อย่าง"ขำๆ" ว่า

ตอนนี้ 33 ปีผ่านไป ไมมีใครโง่พอจะเชื่อคำโกหกในบ่ายวันที่ 5 ตุลาคม 2519 ของ ยานเกราะ ดาวสยาม กับพวกแล้ว

คงต้องรออีก 20-30 ปีข้างหน้า ละกระมัง

ถึงตอนนั้น จึงค่อยมาอ่าน คำสัมภาษณ์ทักษิณจริงๆ แล้วจึงเห็นความโกหกหน้าด้านของพวก สนธิ สุริยะใส พิภพ จำลอง

00000000000000
ข่าวเกี่ยวเนื่อง:
-คำต่อคำแม้วสัมภาษณ์TIMESฉบับเต็มไม่หมิ่น ความจริงเชิดชูสถาบันไม่ขาดปาก
-ลำดับเหตุการณ์กรณี 6 ตุลาคม 2519ในกรณีละครแขวนคอ มีเหตุการณ์ดังนี้

-4 ตุลาคม 2519 ตอนเที่ยงมีการชุมนุมที่ลานโพธิ์ นักศึกษาธรรมศาสตร์ส่วนใหญ่ไม่เข้าสอบ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้นักศึกษาเลิกชุมนุมและเข้าห้องสอบแต่นักศึกษาไม่ยอม มีการอภิปรายและการแสดงละครเกี่ยวกับกรณีฆ่าแขวนคอพนักงานการไฟฟ้านครปฐม(ซึ่งพนักงานไฟฟ้าดังกล่าวเป็นผู้สนับสนุนนักศึกษาไปแจกใบปลิวประท้วงถนอมกลับประเทศ และถูกฆ่าแล้วจับแขวนคอ) จัดโดยชุมนุมนาฏศิลป์และการละคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สถานีวิทยุยานเกราะออกข่าวว่านักศึกษาที่แสดงละครมีใบหน้าคล้ายเจ้าฟ้าชายถูกแขวนคอ

5 ตุลาคม 2519ในตอนเช้า หนังสือพิมพ์ดาวสยาม และบางกอกโพสต์ เผยแพร่ภาพการแสดงล้อการแขวนคอของนักศึกษาที่ลานโพธิ์ โดยพาดหัวข่าวเป็นเชิงว่าการแสดงดังกล่าวเป็นการ “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ”

10.00 น. สถานีวิทยุยานเกราะเปิดรายการพิเศษ เสียงของ พ.ท.อุทาร สนิทวงศ์ กล่าวเน้นเป็นระยะว่า “เดี๋ยวนี้การชุมนุมที่ธรรมศาสตร์ไม่ใช่เป็นเรื่องต่อต้านพระถนอมแล้ว หากแต่เป็นเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ”

21.30 น. นายประยูร อัครบวร รองเลขาธิการฝ่ายการเมืองของ ศนท.ได้แถลงที่ อมธ. พร้อมกับนำ นายอภินันท์ บัวหภักดี นักศึกษาปีที่ 2 คณะรัฐศาสตร์ และนายวิโรจน์ ตั้งวาณิชย์ นักศึกษาปีที่ 4 คณะศิลปศาสตร์ สมาชิกชุมนุมนาฏศิลป์และการละคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาแสดงความบริสุทธิ์ใจ และกล่าวว่าการแสดงดังกล่าวก็เพื่อแสดงให้เห็นความทารุณโหดร้ายอันเนื่องมาจากการฆ่าแขวนคอที่นครปฐม โดยมีการแต่งหน้าให้เหมือนสภาพศพ และการที่เลือกเอาบุคคลทั้งสองก็เพราะเป็นนักแสดงในมหาวิทยาลัย อีกทั้งตัวเล็กมีน้ำหนักเบา ไม่ทำให้กิ่งไม้หักง่าย การแสดงแขวนคอใช้วิธีผูกผ้าขาวม้ารัดรอบอกและผูกเชือกด้านหลังห้อยกับกิ่งไม้ จึงต้องใส่เสื้อทหารซึ่งมีตัวใหญ่เพื่อบังร่องรอยผ้าขาวม้าให้ดูสมจริง นายประยูรกล่าวว่า “ทางนักศึกษาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมสถานีวิทยุยานเกราะและหนังสือพิมพ์ดาวสยามจึงให้ร้ายป้ายสีบิดเบือนให้เป็นอย่างอื่นโดยดึงเอาสถาบันที่เคารพมาเกี่ยวข้อง…”

21.40 น. รัฐบาลเสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคประชาธืปัตย์ ออกแถลงการณ์ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 แจ้งว่า “ตามที่ได้มีการแสดงละครที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ศกนี้ มีลักษณะเป็นการหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อองค์รัชทายาท รัฐบาลได้สั่งให้กรมตำรวจดำเนินการสอบสวนกรณีนี้โดยด่วนแล้ว”

สถานีวิทยุยานเกราะและชมรมวิทยุเสรีออกอากาศตลอดคืนเรียกร้องให้ประชาชนและลูกเสือชาวบ้านไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการจับกุมผู้กระทำการหมิ่นองค์สยามมกุฎราชกุมารมาลงโทษ

6 ตุลาคม 2519



08.30-10.00 น. หลังจากตำรวจตระเวณชายแดน (ตชด.) ร่วมกับกองกำลังอันธพาลการเมือง รุมกันใช้อาวุธยิงถล่มนักศึกษาที่ชุมนุมในธรรมศาสตร์ราว3,000คน ตลอดคืน ช่วงนี้หลายคนแตกตื่นวิ่งหนีวิถีกระสุนที่ ตชด. และกลุ่มคนที่เข้าก่อเหตุได้ยิงเข้าใส่ฝูงชนอย่างไม่ยั้ง ทั้งๆ ที่หน่วยรักษาความปลอดภัยของนักศึกษามีปืนพกเพียงไม่กี่กระบอก

นักศึกษาประชาชนที่แตกตื่นวิ่งหนีออกไปทางหน้าประตูมหาวิทยาลัยในจำนวนนี้มีมากกว่า 20 คนถูกรุมตีรุมกระทืบ บางคนถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส แต่ยังไม่สิ้นใจ ได้ถูกลากออกไปแขวนคอ และแสดงท่าทางเยาะเย้ยศพต่างๆ นานา

นักศึกษาหญิงคนหนึ่งถูกรุมตีจนสิ้นชีวิต แล้วถูกเปลือยผ้าประจาน โดยมีชายคนหนึ่งซึ่งเข้าก่อเหตุ รูดซิปกางเกงออกมาแสดงท่าเหมือนจะข่มขืนหญิงผู้เคราะห์ร้ายนั้น ให้พวกพ้องที่โห่ร้องอยู่ใกล้ๆ ดู มีประชาชนบางส่วนเมื่อเห็นเหตุการณ์ชวนสังเวช ก็จะเดินเลี่ยงไป ด้วยน้ำตาคลอ

ประชาชนที่ชุมนุมอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัย ลากศพนักศึกษาที่ถูกทิ้งอยู่เกลื่อนกลาดข้างหอประชุมใหญ่ 3 คนออกมาเผากลางถนนราชดำเนิน ตรงข้ามอนุสาวรีย์พระแม่ธรณีบีบมวยผม ใกล้ๆ กับบริเวณแผงขายหนังสือสนามหลวง โดยเอายางรถยนต์ทับแล้วราดน้ำมันเบนซิน จุดไฟเผา ศพนักศึกษาอีก 1 ศพถูกนำไปแขวนคอไว้กับต้นมะขามแล้วถูกตีจนร่างเละ

ตู่ให้หวยแม่นมาร์ค-แม้ว2มาตรฐานตอแหลแลนด์


"กรณีที่นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบลูมเบิร์กเผยแพร่เมื่อ8ก.ค.2552 เรื่องในหลวงทรงตั้งสมเด็จพระบรมฯเป็นพระรัชทายาทสืบราชบัลลังก์ เป็นการพูดที่ไม่ถูกกาลเทศะตามโบราณราชประเพณี ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดกันในเวลานี้ ดังนั้นจะคอยจับตาดูว่า สังคมและผู้ที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างไร ผมไม่อยากให้เกิด 2 มาตรฐานในเรื่องนี้ เพราะหากกลับกัน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนพูด ก็จะถูกรุมวิพากษ์โขกสับกล่าวหาทันทีว่า พูดจาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทันที"-จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดงให้สัมภาษณ์ไว้ในวันที่ 11 กรกฎาคม2552


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
13 พฤศจิกายน 2552

กระแสพลิกกลับเมื่อสัจจะเอาชนะความเท็จ หลังจากเปิดบทสัมภาษณ์ของแม้วกับTHE TIMESทุกถ้อยคำแล้วพบว่าไม่มีคำไหนหมิ่นเบื้องสูง แถมกล่าวยกย่องเชิดชูสถาบันไม่ขาดปาก สำทับด้วยไทม์สการันตีไม่หมิ่นมีแต่จงรักภักดี ทำให้กระบอกเสียงรัฐบาลหุ่นเชิดหันมาเล่นบท"หมาป่ากับลูกแกะ"ว่าถึงจะไม่หมิ่นแต่ทำร้ายจิตใจคนไทยเนื่องจากพูดเรื่องการสืบสันตติวงศ์ช่วงในหลวงประชวร ซึ่งก็ปรากฎว่าศรย้อนเข้าปักร่างอภิสิทธิ์ เนื่องจากมาร์คเคยเปิดทำเนียบให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบลูมเบิร์กเรื่องนี้ชัดเจนมาก่อน จนเคยถูก"ตู่-จตุพร"ออกมาดักคอเรียกร้องสังคมและสื่ออย่าเงียบเฉย เพราะหากเป็นแม้วพูดเรื่องเดียวกันจะโดนรุมกระทืบยับ สุดท้ายจตุพรสุดแม่น ภาษาชาวบ้านว่า"ซื้อหวยทำไมไม่ถูกอย่างนี้"!?


กระแสข่าวป้ายสีด้วยวิธีการโหมโฆษณาชวนเชื่อแบบขาวเป็นดำ(black propaganda)ตีกลับเสียแล้ว หลังจากมีการเปิดเผยคำให้สัมภาษณ์ของทักษิณ ชินวัตร กับTIMES ONLINEแบบคำต่อคำแล้ว(อ่านข่าว:สัจจะชนะความเท็จ:ทุกเม็ดทุกคำแม้วสัมภาษณ์TIMESไม่หมิ่น ความจริงเชิดชูสถาบันไม่ขาดปาก ) ซึ่งไม่มีถ้อยคำหรือเจตนาหมิ่นเบื้องสูงเลย แถมยังมีการกล่าวเชิดชูสถาบันอยู่ไม่ขาดปาก และTIMESยังได้เขียนบทบรรณาธิการยืนยันว่าทักษิณไม่ได้หมิ่น แต่ตรงกันข้ามกับถวายพระเกียรติยกย่องตลอดเวลาให้สัมภาษณ์(อ่านข่าว:TIMESการันตีแม้วไม่หมิ่นซักคำ สื่อไทยเฉยหลังรุมตื้บหนำใจ แถมละเว้นมาร์คจ้อสื่อนอกหนักกว่า )

หลังกระแสตีกลับ และสัจจะชนะความเท็จ รัฐบาลหุ่นเชิดได้ส่งกระบอกเสียงออกมาเล่นบท"หมาป่ากับลูกแกะ"เบี่ยงประเด็นไปอีกเรื่อง โดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กระบอกเสียงระบอบรัฐบาลหุ่นเชิด กล่าวว่า กรณีที่สำนักข่าวไทม์สออนไลน์เขียนบทบรรณาธิการเรื่อง “ วิวาทะแห่งสยาม ” โดยคัดค้านกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทย มองว่าน่าจะมีเจตนากลบเกลื่อนสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์มากกว่า

กระบอกเสียงระบอบหุ่นเชิดกล่าวด้วยว่า เรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์หนังสือไทมส์ไม่ใช่เรื่องที่ต้องตีความว่าจะผิดหรือไม่ผิดกฎหมายหมิ่นฯ เพราะถึงไม่ผิดแต่ก็เกิดความกระทบกระเทือน จิตใจของประชาชนในประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่เหนือกว่ากฎหมายหมิ่น

จะเห็นได้ว่ากระบอกเสียงระบอบรัฐบาลหุ่นเชิดพยายามเบี่ยงกระแสออกไป หลังจากหลักฐานคำให้สัมภาษณ์เต็มและบทบรรณาธิการของTIMESปรากฎชัดว่า"ไม่หมิ่น" โดยอ้างว่าถึงไม่หมิ่นแต่ก็กระทบกระเทือนจิตใจคนไทย เมื่อถามต่อไปว่าตรงไหนที่กระทบกระเทือน คำตอบก็คือเพราะทักษิณพูดให้สัมภาษณ์เรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ช่วงที่ในหลวงทรงพระประชวร

ซึ่งการเล่นบท"หมาป่ากับลูกแกะ"แบบนี้ว่าไปแล้ว จะย้อนศรไปกระทบต่อหัวหน้าระบอบรัฐบาลหุ่นเชิด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะมากกว่า เพราะนายอภิสิทธิ์เคยเปิดทำเนียบรัฐบาลให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบลูมเบิร์กมาก่อนนี้ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2552 และได้ตีพิมพ์เผยแพร่ในวันที่ 8 กรกฎาคม

จตุพรซื้อหวยทำไมไม่แม่นอย่างนี้ เคยดักคอมาร์คไว้พูดแบบนี้ไม่ผิด หากแม้วโดนยำเละ

ต่อมาในวันที่ 11 กรกฎาคม 2552นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดงได้กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวบลูมเบิร์ก เรื่องในหลวงทรงตั้งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร เป็นพระรัชทายาทสืบราชบัลลังก์ว่า เป็นการพูดที่ไม่เหมาะสม ไม่ถูกกาลเทศะตามโบราณราชประเพณี คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีควรจะต้องระมัดระวังคำพูดมากกว่านี้ เพราะไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดกันในเวลานี้ ดังนั้นจะคอยจับตาดูว่า สังคมและผู้ที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างไรกับคำพูดดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์

"ซึ่งผมไม่อยากเกิด 2 มาตรฐานในเรื่องนี้ เพราะหากกลับกัน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนพูด ก็จะถูกรุมวิพากษ์โขกสับกล่าวหาทันทีว่า พูดจาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทันที"นายจตุพรให้สัมภาษณ์เอาไว้ในวันที่11กรกฎาคม

เปิดหลักฐานมาร์คสัมภาษณ์บลูมเบิร์กเรื่องสืบสันตติวงศ์ หนักกว่าแม้วลงTIMESทีแบบนี้ไม่ผิด!?


สื่อกระแสหลัก และบรรดานักสร้างประชามติสาธารณะทั้งหลาย พากันออกมาประณามอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตรว่า มิบังควรที่ให้สัมภาษณ์กับTIMES ONLINE ในเรื่องเกี่ยวกับการสืบพระราชสันตติวงศ์ ขณะที่ในหลวงยังทรงพระประชวรอยู่

อย่างไรก็ดีน่าประหลาดใจว่าในเรื่องเดียวกันนี้ แต่คนพูดคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวที่มีชื่อเสียงระดับโลกคือสำนักข่าวบลูมเบิร์ก เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้ สื่อกระแสหลักและบรรดานักสร้างประชามติสาธารณะต่างเงียบเฉย...

รายงานข่าวและบทสัมภาษณ์ที่บลูมเบิร์กนำเสนอนี้ ตีพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 8 กรกฎาคม 2552 ชื่อบทความดั้งเดิมในภาษาอังกฤษถือเป็นเรื่อง"มิบังควรอย่างยิ่ง"ในวัฒนธรรมการเมืองแบบไทย เพราะน่าจะ"หนักกว่า"ชื่อบทความที่Timesตีพิมพ์บทความล่าสุดที่สัมภาษณ์ทักษิณเสียอีก ไทยอีนิวส์จึงแปลให้ดูสละสลวยเข้ากับวัฒนธรรมทางการเมืองแบบไทยๆเสียว่า "การเปลี่ยนผ่านรัชกาลไม่ได้สร้างความกังวลให้เซียนหุ้นที่ชื่อนาย"เฟเบอร์"หยุดชะงักการลงทุนเล่นหุ้นในประเทศไทย"ซึ่งมีความสำคัญบางตอนกล่าวถึงการสืบพระราชสันตติวงศ์ โดยเป็นการสัมภาษณ์พิเศษนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ดังต่อไปนี้
....................

อภิสิทธิ์:"ในหลวงทรงโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมฯเป็นพระรัชทายาทสืบต่อพระราชบัลลังก์"

ในการสัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกฯอภิสิทธิ์ได้เปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีพระราชโอรส พระราชธิดา4พระองค์ และพระราชนัดดา11พระองค์ ได้ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้พระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวเป็นพระรัชทายาทขึ้นสืบต่อพระราชบัลลังก์แล้ว

"สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามกุฎราชกุมารทรงเป็นพระรัชทายาทที่จะสืบราชบัลลังก์"อภิสิทธิ์กล่าว


8 กรกฎาคม 2552 (สำนักข่าวบลูมเบิร์ก)--นายกรัฐมนตรีของไทยต้องหยุดชะงักการตอบข้อซักถามและฝืนพูดต่ออย่างยากลำบากต่อคำถามที่ว่า เพื่อนร่วมชาติของเขาจะเผชิญต่อชะตาอนาคตอย่างไร หากว่าชีวิตของพวกเขาซักวันใดวันหนึ่ง ไม่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก เป็นร่มโพธิสมภารแก่พสกนิกร

"ผมไม่ได้แสร้งพูด--มันจะเป็นช่วงเวลาที่ลำบากยากยิ่งสำหรับพวกเราคนไทยทั้งมวล"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกล่าว เขาเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลผสมเมื่อเดือนธันวาคมปีกลาย และยังก้าวเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ยังคงอยู่ในวังวนปัญหาให้กับประเทศเป็นรายที่5ในรอบเพียง4ปี
(July 8 (Bloomberg) -- Thailand’s prime minister pauses briefly and swallows hard as he addresses the question few of his compatriots dare contemplate: life without King Bhumibol Adulyadej, the world’s longest-reigning monarch.

“I am under no illusion -- it will be a very difficult time for all of us,” says Abhisit Vejjajiva, who in December patched together a multiparty coalition government and became troubled Thailand’s fifth prime minister in four years.)

ในการสัมภาษณ์ในทำเนียบรัฐบาลที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมอิตาลีเมื่อ5วันก่อน อภิสิทธิ์ได้เปิดเผยว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีพระราชโอรส พระราชธิดา4พระองค์ และพระราชนัดดา11พระองค์ ได้ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระรัชทายาทสืบทอดราชบัลลังก์แล้ว

"สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามกุฎราชกุมารทรงเป็นพระรัชทายาทที่จะสืบราชบัลลังก์"อภิสิทธิ์กล่าว

(ต้นฉบับของบลูมเบิร์กคือIn an interview at his Italianate office in Government House in Bangkok five days later, Abhisit discloses that Bhumibol, who has 4 children and 11 surviving grandchildren, has already endorsed his only son as the next king.

“The crown prince is the designated heir,” Abhisit says. )

วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 12, 2552

เก็บตก วาทะเด็ด สมเด็จฮุนเซน


ปรบมือให้ฮุนเซน॥วาทะคมๆของท่านได้สังหารกระบือเหลืองแต๋วแตกจนหัวใจแหลกสลายตายไปหลายตัว!!

ที่มาโดยคุณWittaya ประชาไท







รวมวาทะเด็ด จากสมเด็จฯฮุนเซน






กลายเป็นมวยถูกคู่ไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ระหว่างเด็กดื้อ ศิษย์หลายเสา กับฮุนเซน พระวิหารยิม เมื่อฝ่ายแรกเปิดฉากรัวหมัดใส่อย่างไม่ยั้ง ราวกับว่าโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางไหน


แต่พอฝ่ายหลังตั้งหลักได้ เท่านั้นแหละมาร์คเอ๊ย เรียกว่าเห็นดาว เห็นเดือน เห็นตะวันกันเลยทีเดียว ไม่เชื่อก็ตามมาดูบทสัมภาษณ์ เฉพาะเนื้อๆเน้นๆ ที่คัดจากมติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ก็แล้วกัน


"ผมขอประกาศชัดๆ ให้คนไทยรู้ว่าเรื่องนี้รัฐบาลไทยมาหาเรื่องกัมพูชา"


"เรื่องที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชานี้ เป็นปัญหาระหว่างผมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทยในปัจจุบันโดยแท้
..ก่อนที่จะพูดขอให้ศึกษาหาความรู้ให้มากกว่านี้เพราะตอนที่ผมเริ่มทำงานการเมืองนั้นนายกรัฐมนตรีไทยยังเป็นเพียงเด็กวิ่งเล่นอยู่เลย"


"อยากปิดก็ขอให้ปิดไปเลย..เพราะกัมพูชาก็จะปิดเช่นกันและปิดทางด้านเศรษฐกิจด้วย
..สั่งห้ามสินค้าไทยทั้งหมดข้ามแดนเข้ามายังตลาดกัมพูชา แม้แต่หมูเพียงตัวเดียว จะไม่ให้ข้ามเข้ามา"


"เรื่องการแต่งตั้งอดีตนายกรัฐมนตรีไทยมาเป็นที่ปรึกษานั้น ผมขอประกาศชัดๆ ให้คนไทยรู้ว่าเรื่องนี้รัฐบาลนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ มาหาเรื่องกัมพูชา
.. ผมจะบอกให้ว่า จริงๆแล้วปฏิกิริยาของคนไทยที่แท้จริงเป็นอย่างไร คือพวกเสื้อแดงสนับสนุนการแต่งตั้ง พวกเสื้อเหลืองโกรธและประท้วงคัดค้าน และยังมีกลุ่มที่สบายใจโดยอยู่เฉยๆ เงียบๆ อีกด้วยต่างหาก"


"หากทักษิณมาพำนักอยู่ในกัมพูชา นายกรัฐมนตรีไทยจะกลัวอะไรกันนักกันหนา ทักษิณไปมาแล้วทั่วโลกไม่เห็นทำอะไร ไปศรีลังกา ล่าสุด ก็ยังไม่เห็นได้ทำอะไรเลย แต่พอบอกว่าจะมากัมพูชาก็หาเรื่องกัมพูชา"


"อยากรู้นักว่าใครเป็นเบี้ยของใครกันแน่ อภิสิทธิ์ตกเป็นเครื่องมือของทักษิณเอง เพราะเมื่อทักษิณเปิดตัวเข้ามา อภิสิทธิ์ก็กระโดดออกมาตอบโต้โดยไม่คิดอะไรเลยและไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของ ชาติเลย"


"สมัยนครวัดนั้นประเทศไทยอยู่ที่ไหนกัน อ้างว่ากัมพูชามายึดครองบุกรุกดินแดนไทยนั้น กัมพูชาจะไปยึดดินแดนไทยได้อย่างไร ศึกษาประวัติศาสตร์เสียให้ดีว่า ใครรุกรานใครกันแน่"


"ผมจึงถือโอกาสนี้ร้องขอให้พี่น้องเสื้อแดงและ พรรคเพื่อไทยเสียสละอนุญาตให้ผมนำท่านทักษิณ มาช่วยกัมพูชาในเรื่องเศรษฐกิจบ้างด้วยแล้วกัน"


"ในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับทักษิณก็ต้องไล่แก้ตั้งแต่ทักษิณมาเลย ตั้งแต่เรื่องการปฏิวัติ เมื่อ 19 กันยายน 2549"


"ถ้าอภิสิทธิ์เก่งจริงก็ขอให้เลือกตั้งใหม่สิ ท่านกลัวอะไรหรือ หรือว่ากลัวที่จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรืออย่างไร หรือว่ากลัวว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง"


"ผมเองเป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้รับเสียงสนับสนุนถึง 2/3 ของสภากัมพูชา แล้ว ท่านอภิสิทธิ์ได้รับเท่าไหร่กันหรือ ขโมยเก้าอี้เขามานั่ง ขโมยของของคนอื่น มาเป็นของตัวเองจะให้เคารพได้อย่างไร"


"อภิสิทธิ์มีปัญหาท่วมตัวอยู่แล้ว อาจตายได้..ทักษิณเป็นเพื่อนของผม เพื่อนไม่สามารถหักหลังเพื่อนได้ ไม่สามารถโยนเพื่อนให้เสือกินได้หรอก"


"อยากฉีกอะไรทิ้งก็ฉีกไปเลย อยากปิดอะไรก็ปิดไปเถิด เพราะถ้าเปิดคงจะไม่สะดวกแล้ว เห็นทีต้องถอนกำลังทหาร 911 (หน่วยรบพิเศษ) ของกัมพูชาออกภายในหนึ่งสัปดาห์ดีกว่า เพราะว่าใช้กำลังเพียงนิดๆ หน่อยก็พอ (ที่จะสู้กับไทย) แล้ว"


"รองนายกรัฐมนตรีสุเทพของไทยได้ขอ ว่า ให้ช่วยจับทักษิณส่งตัวไปประเทศไทยได้หรือไม่ เรื่องนี้ผมทำไม่ได้หรอก ถ้าผมทำเช่นนั้นก็ถือเป็น กบฏต่อมิตร"


"ขอร้องให้พี่น้อง ประชาชน-ตำรวจ-ทหารไทย ทราบว่าคนที่คุณๆ ทั้งหลายต่อว่าอยู่นั้นเป็นผู้ที่ชนะการเลือกตั้งมาแล้วทั้งนั้น ผมเคารพอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ผมจึงช่วยเขา มีแต่อภิสิทธิ์เท่านั้นที่จงเกลียดจงชังคนเหล่านั้น"


"ไทยก็ยังสนับสนุนให้เขมรแดงทำการสู้รบกับรัฐบาลที่ถูกกฎหมาย แล้วให้พวกเขมรแดงไปอยู่ประเทศไทย ไทยให้อยู่ในดินแดนไทยได้อย่างไร เรายังไม่ทำเช่นนั้นเลย ถ้าทักษิณตั้งกองกำลังอยู่ในดินแดนกัมพูชาจะว่าอย่างไรบ้างล่ะ
..ลงนามไม่สนับสนุนเขมรแดง ลงนามสันติภาพ แต่ก็ยังละเมิดหลายอย่าง ขอให้คนไทยดูไว้กฎหมายระหว่างประเทศยังไม่เคารพเลย จะให้เราเคารพกฎหมายไทยได้อย่างไร"


"..ลงนามด้วยมือ ลบด้วยเท้า ขอยกเลิกการสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารของกัมพูชา
.. ยังมีหน้ามาบอกว่าไม่เกี่ยวกับกัมพูชา แต่เป็นเรื่องระหว่างไทยกับยูเนสโก สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึง จริตที่แท้จริงของนายกรัฐมนตรีไทย และเป็นเสมือนการดูหมิ่นเหยียดหยามว่า กัมพูชาโง่อย่างแท้จริง"


"ประเทศไทยเอาปัญหาปราสาทพระวิหารมาเป็นตัวประกัน เป็นเครื่องมือในการโค่นล้มรัฐบาลตั้งแต่สมัยรัฐบาลสมัคร ตลอดจนพยายามเอาผิดกับอดีตรัฐมนตรี นพดล"


------------------


เป็นไงบ้าง ท่านผู้ชม อ่านแล้วต้องยอมรับว่า โดนทุกดอก เข้าทุกเม็ด อย่างกับเข้ามาพูดอยู่ในหัวใจคนไทย ยังไงยังงั้น คนที่พูดได้ถึงขนาดนี้ ถ้าไม่บอก ใครจะไปรู้ ว่าไม่ใช่ตู่ จตุพร พรหมพันธุ์


เพราะว่าข้อมูลของน้าฮุนฯแกแน่นปึ้กระดับที่ ถ้าบอกว่าบ้านแกไม่ได้ติดดีสเตชั่น คงไม่มีใครเชื่อ


งานนี้ ถ้าจะบอกว่ามาร์คเสียหมา ก็คงไม่ผิดจากความจริงไปซักเท่าไหร่ เพราะประมาทคู่ต่อสู้แท้ๆ เลยเจอสวนเข้าไปจังๆ เล่นเอามาร์คถึงกับ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก จากมวยได้ใจ ระริกระรี้เป็นปลากระดี่ได้น้ำ กลับมายืนพิงเชือก เป่าลมออกจากปากเหมือนหมาหอบแดด หน้าอูมๆเหลืออยู่ไมถึง 2 นิ้ว


ขนาดนี้เราว่าฮาแล้ว แต่น้าฮุนฯแกบอกว่า ยังฮาได้อีก ขอแค่มาร์คเปิดเกมงามๆมาเรื่อยๆ รับรองได้ว่า น้าฮุนฯจะไม่ทำให้หลานมาร์คต้องผิดหวัง เป็นอันขาด


เจอลูกหลงไปเต็มๆ แต่ยังเก็บอาการอยู่ คือบักป๊อกหน้ามึนของเรา เมื่อน้าฮุนฯแกบลั๊ฟมาว่า "ใช้กำลังเพียงนิดๆ หน่อยๆก็พอสู้กับทหารไทยแล้ว" นี่ไม่ใช่แค่หยาม แต่มันเหยียบหน้ากันชัดๆ


แต่ไม่เป็นไร เพราะทหารไทยไม่ถนัดสู้กับคนมีปืน


เวรกรรม ตอนแรกก็นึกว่า เขมรถอนทหารไปบางส่วน เพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับทหารไทย ที่ไหนได้ กลายเป็นว่ามันมากเกินไป กลัวจะเหยียบกันตาย ตอนไล่ปล้ำทหารตุ๊ด..อะไรจะขนาดนั้น


นี่ถ้าผมเป็นผบ.ทบ. ผมลาออกไปแล้ว


เห็นเพื่อนเขาช่วยเหลือกันในยามยากแล้ว บอกตรงๆว่า "กูอายแทนมึงว่ะ ป๊อก!"


ฮุนเซนกับทักษิณจะคบหากันมา ซักกี่ปีกันเชียว แต่พอทักษิณมาเจอเสือ เพื่อนคนนี้กลับออกหน้า ไม่ยอมให้มันมากัดเพื่อนเป็นอันขาด ผิดกันอย่างลิบลับ กับเพื่อนเก่าเล่ายี่ห้อ ตั้งแต่เข้าโรงเรียนเตรียมทหาร...


พอจวนตัวเข้า มันโยนเพื่อนให้เสือกิน


วโรทาห์: 12 พ.ย. 52

วันพุธ, พฤศจิกายน 11, 2552

เปิดคำสัมภาษณ์" พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร "ผ่านไทม์ออนไลน์


เปิดคำสัมภาษณ์"ทักษิณ "ผ่านไทม์ออนไลน์ อ้างรัฐบาลพยายามรักษาอำนาจทุกวิถีทางไม่ให้ตนเองกลับประเทศโดยมีแรงหนุนจาก ทหารและประธานองคมนตรี หวั่นเกิดความวุ่นวายและนองเลือด ยอมรับมีเงินอยู่นอกประเทศ200-300ล้านเหรียญหรือเกือบ1หมื่นล้านบาท เผยตั้งแต่หย่าคุณหญิงอ้อยังไม่เคยพบหน้ากันอีกเลย

คำสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเมืองชนิดคำต่อที่"ไทม์ส์ ออนไลน์"เผยแพร่เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2552 มี เนื้อหาที่สำคัญคือ รัฐบาลพยายามรักษาอำนาจของตนเองทุกวิถีทางโดยได้รับการสนับสนุนจากทหารและ ประธานองคมนตรี จึงไม่ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทย ถ้า ตนกลับประเทศในตอนนี้อาจเกิดความวุ่นวายและนองเลือดเพราะผุ้สนับสนุนตนหลาย ล้านคนจะออกมา ซึ่งรัฐบาลจะใช้กำลังทหารและกระสุนจริง นอกจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณยังยอมรับว่า มีเงินอยู่นอกประเทศ 200-300 ล้านเหรียญ(เกือบหมื่นล้านบาท) หลังจากที่ถูกซักถามเรื่องนี้หลายครั้ง

ไทม์ส-คุณเคยได้รับเลือกตั้งมา 3 ครั้ง ในเมืองไทย ไม่เคยแพ้เลือกตั้งแต่มาถูกขับจากอำนาจากการรัฐประหาร ตอนนี้คุณมีสถานะเป็นอย่างไร คุณยังเป็นนายกรัฐมนตรีพลัดถิ่นของเมืองไทยหรือเปล่า
ทักษิณ-ตอน นี้ผมถือว่า ตัวเองเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีเมืองไทย ที่กำลังลี้ภัย ผมถูกร้องขอให้เป็นผู้นำรัฐบาลพลัดถิ่น แต่ผมไม่ได้ทำอย่างนั้น ตอนนี้ผมแค่พยายามจะต่อสู้เพื่อเรียกความยุติธรรมกลับคืนมาไม่ใช่เพื่อตัว เองแต่เพื่อประชาชนคนไทย โดยเฉพาะคนยากจน พวกเขาได้รับโอกาสหลายอย่างและเริ่มจะมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

แต่การรัฐประหารทำลายความหวังของพวกเขา และตอนนี้ประเทศก็แย่กว่าเมื่อ 3 ปีก่อน ดังนั้น เขาสู้เพื่อความยุติธรรมของพวกเขา พวกเขาสมควรจะได้รับโอกาส

ไทม์ส -นายกรัฐมนตรีฮุน เซ็น ของกัมพูชา เปรียบเทียบคุณว่าเป็นเหมือน"อองซาน ซูจี"ของพม่า คุณว่ามันเป็นการเปรียบเทียบที่ดีไหม ทักษิณ-มัน ก็มีความคล้ายกันบางอย่าง แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง ส่วนที่เหมือนคือเราชนะเลือกตั้ง ผมบริหารปกครองประเทศ เรา(พ.ต.ท.ทักษิณ และ ซูจี)ถูกล้มอำนาจจากการรัฐประหาร และเรามาจากประชาชน เราเป็นผู้นำที่ได้รับเลือกตั้งมา และมาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน เป็นเสียงส่วนใหญ่มาก ไม่ใช่แค่เสียงส่วนใหญ่เล็ก ๆ

ซู จีเธอถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านพัก ส่วนผมก็ถูกเขี่ยออกจากประเทศ พวกเขารู้ว่า หากผมยังอยู่ในประเทศ พวกเขาจะแย่ยิ่งกว่ากรณีของนางซูจี

ไทม์ส-คุณกำลังจะไปพบกับนายกฯฮุน เซ็น ของกัมพูชา ในสัปดาห์นี้ คุณกำลังจะไปตั้งรกรากถิ่นฐานในกัมพูชาหรือ
ทักษิณ-เปล่า ผมสามารถทำงานผ่านออนไลน์ สามารถทำงานผ่านอีเมล์ได้ แต่ผมต้องการจะขอบคุณฮุน เซ็น เป็นการส่วนตัว หลังจากที่เขาประกาศแต่งตั้งให้ผมเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ผมโทรศัพท์ไปขอบคุณ และเขาจึงเชิญผมไปกัมพูชา

ไทม์ส-รัฐบาลไทยมีปฎิกิริยาเรื่องนี้อย่างแรงมาก มีการถอนทูตเอกอัครราชทูต ทำไมรัฐบาลไทยจึงมีปฎิกิริยารุนแรงเช่นนี้
ทักษิณ-รัฐบาล ไทยพยายามจะปกป้องอำนาจตัวเองทุกวิถีทาง พวกเขากลัวว่า หากผมยังพักอยู่ที่นี่ มันจะเป็นการอยู่ใกล้เกินไป แต่ผมจะไม่อยู่ แต่ถึงยังไง ผมก็ต้องไปเที่ยวที่นั่น(กัมพูชา)

รัฐบาล ทั้งคณะทำแค่วิตกตื่นกลัวกับผม แต่ไม่ได้ทำอะไรเลยให้ประเทศไทย พวกเขาปกป้องอำนาจตัวเองเกินไป พวกเขาไม่เคยได้อำนาจมาง่าย ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามจะรั้งอำนาจเอาไว้ด้วยความช่วยเหลือจากทหาร และประธานองคมนตรี พวกเขาทำเหมือนงูจงอางหวงไข่

พวก เขาเหมือนเด็กมาก กลัวว่า ถ้าผมอยู่ที่นี่ ผู้สนับสนุนผมจะยิ่งมีกำลังใจมากขึ้น เพราะผมอยู่ใกล้เมืองไทย แต่ผมจะไม่อาศัยที่นี่ ผมรู้ว่ามันใกล้เกินไป แต่ผมจะมากัมพูชาเป็นครั้งเป็นคราว

ไทม์ส -ตอนเดือนมีนาคม (2552)คุณ บอกว่า"ถ้ามีเสียงปืนจากทหารที่ยิงประชาชน คุณจะกลับประเทศทันทีและระดมการชุมนุม แล้วกัมพูชาเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการเดินนำประท้วงกลับประเทศไทยหรือเปล่า
ทักษิณ-ถ้า ผมจะเริ่มการเดินนำประท้วง ผมก็เริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองไทย บนแผ่นดินไทย แต่ผมเข้าเมืองไทยผ่านพรมแดน ผมสามารถเข้าเมืองไทยผ่านลาว กัมพูชา พม่าได้ ผมหาทางได้

ไทม์ส -แล้วภายใต้ภาวการณ์อย่างนี้ คุณจะทำอย่างนั้นไหม
ทักษิณ-ผม พยายามจะไม่ทำ ผมมีขั้นตอนวิธีการ(ที่จะทำเช่นนั้น)คือ ชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไป นั่นเป็นสิ่งสำคัญ แต่มันก็ไม่ได้แก้ปัญหาให้กับเมืองไทยอย่างแท้จริง มันอาจแก้ปัญหาให้ผมได้ แต่ไม่ใช่สำหรับเมืองไทย ปัญหาของเมืองไทยจะต้องแก้ด้วยการนำกลุ่มคนทั้งสองฝ่ายมาหันหน้าเข้าหากัน และสมานฉันท์ร่วมกัน

รัฐบาล ต้องการเขี่ยผมออกนอกประเทศไทย พวกเขาไม่ต้องการให้ผมกลับประเทศไทย พวกเขาต้องการเขี่ยผมออกจากการเมือง มันมีที่มาจากการเมืองจริงๆ

ถ้า ผมกลับไปเดี๋ยวนี้ มันจะเกิดความวุ่นวายกว่านี้ เพราะผู้สนับสนุนผมมีหลายล้านคนที่จะออกมา พวกเขารู้ว่า ผมถูกกระทำทางการเมือง ผมไม่เคยได้รับการไต่สวนอย่างเป็นธรรมและยุติธรรม ถ้าผมกลับไปเดี๋ยวนี้ อาจจะเกิดการนองเลือด เพราะรัฐบาลคงจะใช้กำลังทหารที่ใช้กระสุนจริง ซึ่งมันไม่เป็นประโยชน์กับใคร

ไทม์ส -แล้วมีโอกาสประนีประนอมที่ว่านั่นไหม
ทักษิณ-มี มันขึ้นอยู่กับว่าใครจะเป็นคนนั่งหัวโต๊ะในการเจรจา

ไทม์ส -คุณได้รับการติดต่อจากบุคคลในรัฐบาลบ้างไหม
ทักษิณ-ไม่ พวกเขาไม่เคยติดต่อผม พวกเขาอ้างว่าโทรศัพท์หาผม แต่จริงๆไม่เคย พวกเขาไม่ต้องการจะแก้ปัญหา แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถครองอำนาจไว้ได้ พวกเขาหมกหมุ่นกับอำนาจ หากประเทศไม่ย่อยยับ และไม่มีใครช่วยให้พวกเขาได้ขึ้นสู่อำนาจ พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะมีอำนาจได้

ไทมส์ -มีเงินของคุณจำนวนมากที่ยังอยู่ในเมืองไทย ราว 2,200 ล้านดอลลาร์(ถูกอายัดโดยรัฐบาลซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณถุกกล่าวหาว่า คอรัปชั่น) คุณจะเอากลับคืนมาไหม
ทักษิณ-ผม หวังว่า หากมีความยุติธรรมในสักวันหนึ่ง ผมจะกลับไปเอา เพราะนั่นเป็นเงินของครอบครัวที่มีมาก่อน มันเป็นหุ้นจำนวนเดียวกันที่เราเป็นเจ้าของก่อนเข้าสู่การเมือง และครอบครัวผมทั้งหมดขายหุ้นนั้นทั้งหมดเพื่อให้แหล่งที่มาถุกต้อง แต่ พวกเขาพยายามสร้างเรื่องว่า มีเงินเพิ่มขึ้นมาเพราะอิทธิพลของผม ตอนนี้หุ้นเหล่านี้ทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นตามดัชนีของตลาดหุ้น และบางบริษัทก็มีหุ้นที่มีราคาเพิ่มขึ้นมากกว่าโดยเฉลี่ย แต่มันไม่ใช่บริษัทของครอบครัวผม เป็นบริษัทของคนอื่น

ไทม์ส -แล้วถ้ารัฐบาลบอกคุณว่า "โอเค เอาเงินคุณกลับไป แต่เลิกยุ่งกับการเมือง เป็นแค่นักธุรกิจพอ คุณจะยอมไหม
ทักษิณ-เอ่อ คุณก็รู้ว่า ผมต้องการความยุติธรรม ผมไม่สนว่า จะต้องกลับไปสู่การเมืองหรือไม่ แต่หากคนส่วนใหญ่ต้องการให้ผมกลับไป อย่างนั้นผมก็ต้องกลับ ผมเห็นแก่ตัวเองไม่ได้ แต่ถ้าผมสามารถเลือกได้ ผมจะใช้ชีวิตของผมอย่างสงบ ผมต้องการตั้งพรรคใหม่ชื่อว่า"พรรคใช้ชีวิตอย่างมีสุข"(หัวเราะ)

คุณ รู้ว่า ผมไม่มีเวลาที่จะมีความสุขกับชีวิต ผมต้องทำงานตั้งแต่โตมา หลังจากผมกลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แทนที่ผมจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่ผมอาสาทำงานให้กับประเทศ โดยปกติแล้ว การเมืองไม่ใช่ที่สำหรับคนรวยที่จะเอาไป คนที่เป็นคนรวยต้องการจะเล่นการเมือง แต่ผมรักประชาชน ผมรักประเทศชาติ อยากจะทำสิ่งที่ดีให้แก่พวกเขา

ผมเป็นคนหัวปฏิวัติมาก ๆ ผมต้องการการปฎิรูป ผมได้ปฎิรูปอะไรมาหลายอย่าง ผมปฎิรูปกระทรวงต่างๆ ที่เคยอยู่มากว่า 100 ปี และเคยปฎิรูประบบกฎหมายให้ทันสมัยขึ้น

ไทม์ส - การสนับสนุนต่อตัวคุณในประเทศเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร หลังจากที่คุณออกมาแล้ว
ทักษิณ-ก็ ลดลงบ้าง โดยเฉพาะในพื้นที่เมือง เพราะสำนักข่าวลำเอียงต่อต้านผม เอียงอยู่ข้างเดียวตลอดเวลา แต่ถ้าผมเคลียร์แล้วแรงสนับสนุนคงกลับมาอย่างรวดเร็ว การเลือกตั้งครั้งล่าสุดหลังการรัฐประหารแสดงให้เห็นว่าแม้ว่าผมไม่ได้อยู่ ที่นั่น ผมก็ยังคงได้ที่นั่งมากกว่า นี่ก็จะเป็นจริงอีกครั้งในการเลือกตั้งหนต่อไป ถ้าหากผมอยู่ที่นั่น ก็คงเป็นการกวาดเสียงข้างมากใหญ่กว่าที่เคยเป็น นั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมพรรคประชาธิปัตย์ ฝ่ายตรงข้ามของผมถึงได้กลัวผมมากและพยายามจะป้ายสีผมอยู่ตลอดเวลา พวกนี้จะทำทุกอย่างเพื่อให้ผมอยู่ห่างๆ

ไทม์ส์- คุณให้การสนับสนุนทางการเงินต่อกลุ่มเสื้อแดงอย่างไร
ทักษิณ-ถ้า คุณไปที่นั่นแล้วคุยกับพวกเสื้อแดง คุณจะเข้าใจได้ดีว่าพวกเขามาด้วยเงินของตัวเองกันอย่างไร ช่วยซึ่งกันและกันอย่างไร บริจาคกันคนละเล็กคนละน้อยเมื่อมาถึงกรุงเทพฯ รวบรวมเงิน ช่วยกันเองได้มาก น่าทึ่งทีเดียว ไม่เหมือนกับพวกเสื้อเหลือง ที่มาจากทหารที่เข้ายึดสนามบิน (สุวรรณภูมิ ในปี 2008)

ไทม์ส- คุณต้องให้บ้างสิ คุณเป็นเศรษฐีพันล้านนี่
ทักษิณ-ไม่นะ ทรัพย์สินทั้งหมดนั่นถูกอายัดไว้

ไทม์ส- แต่ไม่ทั้งหมด คุณต้องมีเงินอยู่บ้างนอกประเทศ
ทักษิณ-ก็มีบ้าง ไม่มาก

ไทม์ส-มูลค่าสุทธิเท่าไหร
ทักษิณ- นอกประเทศก็มีสักร้อยล้านดอลลาร์ หรือสองสามรอยล้านดอลลาร์ จริงๆแล้วร้อยล้านนะ

ไทม์ส - ตกลง สองสามร้อยล้าน หรือ ร้อยล้านกันแน่
ทักษิณ -ผมเคยมีอยู่สองสามร้อยล้าน(เกือบหมื่นล้านบาท-ผู้แปล) แต่ผมใช้เงินไปกับบ้าน โน่นนี่ ก็คงเหลืออยู่สักร้อยล้าน

ไทม์ส- แล้วจะหมดเมื่อไหร่
ทักษิณ-ผม ไม่รู้ ตอนนี้ผมทำงานแล้วนะ ผมกำลังทำธุรกิจ ผมไม่สามารถนั่งอยู่นี่เฉยๆแล้วก็ใช้จ่ายไปอย่างเดียว ผมกำลังทำธุรกิจ ลงทุนมีเหมืองทอง 10 เหมืองในอู กันดา มีใบอนุญาตออกล็อตเตอรี่ในอูกันดา ในฟิจิ ในอังโกลา เราคงเริ่มกันในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ แล้วผมก็มีใบอนุญาตทำเหมืองทอง ซึ่งดูมีอนาคตดีมาก แล้วตอนนี้ก็กำลังเซ็นสัญญาสัมปทานเหมืองทองในปาปัวนิวกีนี เหมืองบนบก ผมทำธุรกิจเพชรดิบ เพชรเจียรนัย ด้วย ผมตัดสินใจไม่ทำเหมืองเพราะเสียงเกินไป อยากได้กำไรกลับมาเร็วๆ

ไทม์ส -อะไรคือการสนับสนุนของคุณต่อพรรค"เพื่อไทย"คุณทำอะไรให้พรรคนี้
ทักษิณ-ตัว ผมเองเป็นจุดขายของพรรค บางครั้งผมก็ต้องคุยกับผู้สนับสนุนผมหลายครั้งหลายคราว เช่น ทุกวันอังคาร ผมจะพูดออกอากาศทางวิทยุผ่านอินเตอร์เน็ต

ไทม์ส -คุณหย่าภรรยาเมื่อไม่กี่ปีก่อน บางคนบอกว่านั่นเป็นแผนทางการเมือง แผนทางกฎหมาย เพื่อปกป้องทรัพย์สินของคุณ
ทักษิณ-ภรรยา ผมเข้าใจว่า ผมมีผู้สนับสนุนมาก และผมไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะกลับไปเล่นการเมืองได้เพราะผู้สนับสนุนตั้ง ความหวังกับผม และจริง ๆ แล้ว เธอไม่สนับสนุนผมให้เล่นการเมืองแต่แรกแล้ว เพราะเธอมาจากครอบครัวมีชื่อเสียงมาก ๆ

เธอ ไม่ค่อยออกไปไหนกับผม โดยเฉพาะต่างประเทศ เธอไม่เคยตามผมไป เธอต้องการจะใช้ชีวิตอย่างเรียบ ๆ เธอไม่ชอบการเมืองเลย แต่เธอเข้าใจว่า ผมต้องกลับไปเล่นการเมือง ดังนั้นเธอจึงบอกว่า"ฉัน ไม่สามารถห้ามคุณเรื่องการเมืองได้อีกแล้ว เพราะฉันเห็นใจคนที่สนับสนุนคุณ แต่คุณต้องเห็นใจฉัน ฉันแบกรับไม่ไหวอีกแล้ว มันมากเกินไปสำหรับชีวิตฉัน ดังนั้นเราควรจะหย่ากันดีกว่า "

เธอบอกว่าได้โปรด "ฉันไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว" ตอนนี้เธออยู่เมืองไทยและนับตั้งแต่หย่ากัน เราก็ไม่เคยพบหน้ากันอีกเลย

ที่มา : http://www.wiseknow.com/content/view/2314/

..............................................................................................

Thairath

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2552

Pic_46093

สมเด็จฮุน เซน//พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

"ทักษิณ"ควง"ฮุนเซน" ให้สัมภาษณ์ทีวีเขมรโชว์ไอเดียแก้เศรษฐกิจ ด้านนายกฯเขมรให้เหตุผลไม่ส่งตัวให้ไทย เพราะกษัตริย์กัมพูชาแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา และคดีทักษิณเกิดขึ้นหลังรัฐประหาร..

ผู้สื่อข่าวรายว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 พ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่น) กัมพูชาได้เผยเทปบันทึกการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของประเทศกัมพูชา ผ่านทางสื่อโทรทัศน์ของกัมพูชา ทางช่องทีวีเค (TVK) พร้อมกับสมเด็จฮุน เซน ซึ่งถือเป็นการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังจากเดินทางถึงประเทศกัมพูชา

โดยระหว่างการสัมภาษณ์ สมเด็จฮุน เซน ได้นำเอกสารที่รัฐบาลไทยส่งมาให้กับทางการกัมพูชา ในการขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนยื่นให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ดูพร้อมกับกล่าวว่า ขอให้มั่นใจได้ว่าทางการกัมพูชาจะไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาที่ประเทศไทย ด้วยเหตุผล 3 ข้อ คือ 1. เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของสมเด็จฮุน เซน เป็นตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งโดยกษัตริย์ของกัมพูชา 2. สัญญาการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจะไม่นับรวมในกรณีที่เป็นนักโทษทางการเมือง และ 3. คดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตกเป็นผู้ต้องหานั้น เป็นคดีที่เกิดขึ้นหลังการทำรัฐประหารที่ประเทศไทย ซึ่งไม่มีความเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์แบบ

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า บรรยากาศตลอดการให้สัมภาษณ์นั้น สมเด็จฮุน เซน นั่งเคียงข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ตลอด โดยมีนักข่าวของกัมพูชานั่งอยู่โดยรอบจำนวน 5 คน ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียด และได้อธิบายถึงหลักการที่จะมาดำเนินงานในฐานะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ถามคำถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าตามที่เคยบอกไว้ว่าจะมาพัฒนาเศรษฐกิจที่กัมพูชา จะทำอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า จะยกเรื่องการปฏิรูประบบการเงินของกัมพูชา จะบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ และได้ยกทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นำมาใช้ที่ประเทศกัมพูชา และจะนำการค้าการลงทุนในระดับที่พอเหมาะเข้ามาที่ประเทศกัมพูชาให้ได้มากที่สุด

ขณะที่สมเด็จฮุน เซน ได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพรรคประชาชนกัมพูชา (ซีพีพี) และพรรคเพื่อไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า ทั้งสองพรรคการเมืองมีความสัมพันธ์ที่ดีมายาวนานตั้งแต่สมัยที่พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคไทยรักไทยอยู่ ซึ่งคล้ายๆ กับพรรคประชาธิปัตย์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็มีความสัมพันธ์กับพรรคสมรังสีเช่นกัน ถ้าพรรคประชาธิปัตย์อยากที่จะแต่งตั้งนายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยก็ยินดี ไม่มีปัญหา

ส่วนปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่เกิดขึ้นอยู่นั้น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เห็นว่า หากมองในระดับประชาชนคนไทย และคนกัมพูชาก็ยังรักกันอยู่ และรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีอยู่ เพียงแต่ปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาส่วนตัวระหว่างสมเด็จฮุนเซน และนายอภิสิทธิ์

สำหรับกำหนดการทำงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีการเปิดเผยที่ชัดเจน แต่ในวันที่ 12 พ.ย.นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปพูดคุยกับกระทรวงการเศรษฐกิจและการคลังของกัมพูชา จากนั้นจะเดินทางต่อไปยังเสียมราฐ และคาดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะหาเวลามาพูดคุยกับสื่อมวลชนไทยที่ไปรอทำข่าว

วันอังคาร, พฤศจิกายน 10, 2552

เช้าวันที่ 10 พ.ย. พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางถึงประเทศกัมพูชาแล้ว เพื่อรับข้อเสนอเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา

ข่าวโดย มติชนออนไลน์ วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 เวลา 15:22:19 น.


เช้าวันที่ 10 พ.ย. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย เดินทางลงจากเครื่องบินมาถึงสนามบินในฐานทัพทหาร กรุงพนมเปญ กัมพูชาแล้ว เพื่อรับตำแหน่งที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ ก่อนที่จะขึ้นรถซึ่งรัฐบาลกัมพูชาจัดให้ เพื่อร่วมประชุมด้านเศรษฐกิจ 12 พ.ย.นี้


"ทักษิณ"เดินทางถึงสนามบินกรุงพนมเปญ รอยเตอร์เผยรับตำแหน่งที่ปรึกษาศก.แล้ว






สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 10 พ.ย.ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางถึงประเทศกัมพูชาแล้ว เพื่อรับข้อเสนอเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา โดยนายเขียว กันหะริด รัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศกัมพูชา กล่าวว่า ขณะนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางถึงกัมพูชาแล้ว ด้วยเที่ยวบินพิเศษ และเพิ่งมาถึงสนามบินกองทัพกัมพูชา พร้อมทั้งกล่าวว่า รัฐบาลกัมพูชากำลังมองไปสู่อนาคตเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ความรู้ด้านเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ของพ.ต.ท.ทักษิณ และทางการกัมพูชาเชื่อมั่นว่า ประสบการณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ จะส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศกัมพูชา



อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์สระบุว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะอยู่ในประเทศกัมพูชานานเท่าใด โดยเขามีกำหนดจะบรรยายสรุปให้แก่เจ้าหน้าที่ด้านเศรษฐกิจกัมพูชาจำนวน 300 คน ที่กระทรวงการคลัง


สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อเช้าวันที่ 10 พฤศจิกายน ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางถึงสนามบินกรุงพนมเปญแล้ว ตามคำเชิญของสมเด็จฯฮุนเซน เพื่อปฎิบัติภารกิจที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้แก่รัฐบาลกัมพูชา




ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานไปยังอุปทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ ให้ติดตามความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในประเทศกัมพูชาอย่างใกล้ชิด ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางโดยเครื่องบินส่วนตัว มาถึงท่าอากาศยานแห่งชาติพนมเปญแล้ว ในช่วงเช้าวันที่ 10 พฤศจิกายน โดยกระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานอย่างเป็นทางการจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญแล้วในช่วงบ่ายวันเดียวกัน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้ประสานงานขอส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยภายใต้สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน





โดยนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยว่า คาดว่าหนังสือขอส่งตัวพ.ต.ม.ทักษิณ ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนของสำนักงานอัยการสูงสุด จะมาถึงกระทรวงการต่างประเทศในบ่ายวันนี้


ทั้งนีมีรายงานว่า หลังจากนั้นกระทรวงการต่างประเทศจะเร่งส่งหนังสือเป็นโทรเลขด่วนไปยังสถานเอกอัครราชทูตให้ดำเนินการร้องขอไปยังทางการกัมพูชาทันที

(ฝันกันใหญ่พวกมาร์คหน้าด้าน)


AP สำนักข่าวจากฝรั่งเศษ รายงานว่า ฮุนเซ็น เซ็ดการ์คระดับมืออาชีพฝึกมาจากต่างชาติ พร้อมอาวุธครบมือ ตลอดเส้นทางรถ ทักษิณ วิ่งผ่าน ชนิดแมลงวันหัวเหลืองแค่บินเฉี่ยวอาจพรุนได้




..................................................................................................

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา TimesOnline
10 พฤศจิกายน 2552
*เมื่อท่านอ่านข่าวนี้จบ โปรดกระจาย"สัจจะความจริงที่อยู่เหนือความเท็จ" ไปในทุกช่องทางที่ท่านสามารถทำได้

ตีแผ่ขบวนการฤาษีแปลงสารของผู้จัดการจากบทสัมภาษณ์จงรักภักดีให้กลายเป็นจะล้มสถาบัน

ทักษิณพยายามตอบสัมภาษณ์ว่า ในเวลานี้สมเด็จพระบรมฯยังไม่ได้เป็นกษัตริย์ก็ทำให้ดูเหมือนว่าท่านยังไม่เปล่งรัศมีทอแสงเจิดจ้า แต่หากถึงเวลาที่เสด็จขึ้นเป็นกษัตรยิ์ก็จะทรงเป็นกษัตริย์ที่ดีแน่ เพราะทรงเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว กอรปกับได้เรียนรู้การทรงงานจากในหลวงมานานปีแล้ว

ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อTimes onlineฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกไปพาดหัวข่าวทำนองว่า ทักษิณเชื่อมั่นว่าเมื่อพระบรมฯเสด็จขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่จะทรงมีพระราชบารมีทอแสง

ทำให้ASTVผู้จัดการ กระบอกเสียงพันธมิตรนำไปขยายผลเป็นข่าวพาดหัวว่า สุดชั่ว! ?ทักษิณ? ยืมมือสื่ออังกฤษ ให้ร้าย ?ในหลวง? รุนแรง โดยขยายเนื้อข่าวว่า "เป็นข้อความที่ พ.ต.ท.ทักษิณ สัมภาษณ์ให้ร้ายและล่วงละเมิดองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงประทับรักษาพระวรกายอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชตั้งแต่เดือนกันยายน 2552 ที่ผ่านมา อย่างรุนแรง โดยมีการกล่าวอ้างถึงองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช และการสืบราชสันตติวงศ์อีกด้วย"

จากนั้นเข้าตำราที่ว่าฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด อาจจะไม่เคยอ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษด้วยซ้ำ สื่อกระแสหลักต่างๆก็นำข้อความจากเวบผู้จัดการASTVไปขยายผลทำลายทักษิณอย่างเป็นกระบวนการ และขบวนการอำมาตย์ ทั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ แม้แต่กษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีต่างประเทศ ในฐานะตัวแทนของประเทศไทยนำไปขยายผลอย่างกว้างขวาง

อย่างไรก็ดีผู้จัดการASTVได้พยายามแปลรายละเอียดบทสัมภาษณ์ทั้งหมด สุดท้ายก็หาเรื่องใส่ร้ายทักษิณไม่ได้ และได้หันไปโจมตีเรื่องอื่นๆแทน นั่นแสดงว่าเมื่อฝ่ายแปลข่าวต่างประเทศแปลออกมาอย่างสมบูรณ์แล้ว ความจริงก็คือทักษิณได้กล่าวเทิดทูนในหลวง ราชินี พระบรมฯ พระราชวงศ์ และอาจดูเหมือนแก้ต่างกับสื่อต่างชาติที่จี้ถามเรื่องสถาบันกษัตริย์แทรกแซงการเมืองอยู่ตลอดเวลาในการสัมภาษณ์นี้

ที่น่าเศร้าก็คือมาถึงเช้าวันนี้(10พ.ย.)บรรดาสื่อกระแสหลัก ซึ่งรวมทั้งรายการ"เรื่องเล่าเช้านี้" ของสรยุทธ สุทัศนะจินดา รายการเล่าข่าวภาคเช้ายอดนิยม และขบวนการอำมาตย์เผด็จการก็ยังคงขยายผลเรื่องที่พวกเขาบิดเบือนและสร้างblack propagandaต่อไป โดยไร้ยางอาย

เราได้ถอดความที่ทักษิณให้สัมภาษณ์ Timeonlineในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระราชวงศ์ชั้นสูง ซึ่งกระบอกเสียงพันธมิตรอย่างผู้จัดการASTVได้บิดเบือน ดังต่อไปนี้

1.ทักษิณย้ำในหลวงไม่เคยแทรกแซงการเมือง

ในตอนต้นทักษิณกล่าวถึงชัยชนะอย่างท่วมท้นของเขาและก้าวมาเป็นรัฐบาลที่มั่นคง ในขณะที่พรรคฝ่ายค้านอย่างประชาธิปัตย์อ่อนแอ จึงมีการใช้สื่อมวลชนมาทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านโจมตีเขาอย่างไร้เหตุผล ครั้งหนึ่งเมื่อเขาได้พบกับลูกชายเจ้าของหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่ง ก็เลยถามไปว่าทำไมหนังสือพิมพ์ของคุณถึงได้โจมตีผมอย่างไร้เหตุผลนัก? เขาก็ตอบว่า"คุณอาครับ ผมก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะคุณพ่อผมถูกล็อบบี้จากองคมนตรี2คนที่มาทานข้าวเย็นกัน แล้วก็แจ้งพ่อผมว่าพระเจ้าอยู่หัวฯไม่ต้องการทักษิณต่อไปแล้ว. .ซึ่งผมก็แจ้งเขาไปว่า ผมไม่เชื่อหรอกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงมีพระราชประสงค์เช่นนั้น เพราะพระองค์ท่านไม่เคยทรงแทรกแซงการเมือง อาจจะเป็นเพียงการที่องคมนตรีกระทำไปเองเพื่อต่อต้านผมเท่านั้น" (I said I don't believe that ? His Majesty never wants to become involved in politics. Maybe it's because of their own prejudice against me. )

2.ยันไม่เคยคิดล้มสถาบัน ขึ้นเป็นประธานาบดีตามข่าวลือ

ทักษิณกล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า เหตุที่องคมนตรีต่อต้านเขาก็เพราะมีการแพร่ข่าวลือออกไปว่า ทักษิณต้องการเปลี่ยนประเทศเป็นสาธารณัฐ และขึ้นเป็นประธานาธิดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยอยู่ในความคิดผมเลย เพราะผมมีความจงรักภักดีอย่างสูงยิ่ง ในตอนที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรีหนแรกและได้เข้าเฝ้าฯ ผมได้กราบทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหัวว่าฯ ขอเดชะ กระหม่อมฯมีความจงรักภักดีต่อพระองค์เป็นที่ยิ่ง กระหม่อมเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่เกิดมาในรัชสมัยของพระองค์ท่าน อายุของกระหม่อมก็ไล่เลี่ยกับพระราชโอรสพระราชธิดาในพระองค์ท่าน ดังนั้นขอให้พระองค์ท่านโปรดทอดพระเนตรกระหม่อม และสั่งสอนกระหม่อมเสมือนว่าเป็นคนในรุ่นลูกของพระองค์ท่านเถิด. ..กระหม่อมฉันเทิดทูนจงรักภักดีอย่างยิ่ง พระองค์ท่านทรงงานหนักเพื่อพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดอย่างมิเห็นแก่เหน็ดเหนื่อยมานานปี แม้พระชนมายุมากแล้ว ขอให้ใช้กระหม่อมฉัน กระหม่อมฉันจะน้อมรับใช้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทถวายงานรับใช้แก้ไขปัญหาให้พสกนิกรของพระองค์ท่าน. .นี่เป็นคำถวายปฏิญญาณนับแต่แรกที่ผมเข้ารับตำแหน่ง(So I very much respect Your Majesty. Whatever I need to do properly, please teach me.? This is how I present myself. And, ?Your Majesty has been working hard for the Thai people for many years and you may be tired and you're getting old. Please use me. I will shoulder all the burdens and I will work hard for you to solve the problems of your citizens.)

3.เทิดพระเกียรติราชินีไปงานศพพันธมิตร ก็ด้วยน้ำพระทัยแห่งพระมหากรุณาคุณ

ผู้สื่อข่าวถามว่าคุณรู้สึกประหลาดใจไหมที่พระราชินีเสด็จไปงานพระราชทานเพลิงศพเสื้อเหลือง พันธมิตรคนหนึ่งที่เป็นศัตรูทางการเมืองของคุณ?
The Queen attended the funeral of one of the Yellow Shirt supporters [the ?Yellow Shirts?, Mr Thaksin?s opponents]. You must have been very surprised about that.

ทักษิณกล่าวตอบว่า ทุกคนในประเทศไทยก็ประหลาดใจเรื่องนี้ แต่ผมทราบว่าพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถพระองค์ท่านทรงเปี่ยมด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ก็อาจมีใครไปให้ข้อมูลกับพระองค์ท่านในทางที่ผิดเป็นต้นว่า" สตรีผู้นี้เสียชีวิตลงเพราะพยายามปกป้องสถาบันกษัตริย์" ก็ทำให้พระองค์ท่านคล้อยตามข้อมูลที่คนแวดล้อมถวายรายงานที่ผิดๆ(Everybody, the whole of Thailand, was surprised. But I know Her Majesty. Her Majesty is very kind when someone gives her wrong information [such as] ?That lady's dying because she tried to protect the monarchy.? I think she was lied to. People around her circles try to give her the wrong impression, to give wrong information to Their Majesties.)

4.ผู้สื่อข่าวถามนำเรื่องพระบรมฯจะขึ้นเป็นกษัตริย์ จะแตกต่างจากในหลวงในปัจจุบันอย่างไร?

ในหน้า4ของบทสัมภาษณ์นั้น ผู้สื่อข่าวถามนำว่า "วันหนึ่งเมื่อสมเด็จพระบรมฯเสด็จขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์จะมีพระราชบุคลิกลักษณะหรือสไตล์ที่แตกต่างจากในหลวงองค์ปัจจุบันอย่างไร? ( One day the Crown Prince will become King. How will his style be different from that of the current King?)

ทักษิณกล่าวตอบว่า ก็น่าจะแตกต่างกัน แต่ผมคิดว่าคงราบรื่นดี เพราะพระองค์ท่านเป็นกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ คนแวดล้อมข้าราชบริพารก็คงเป็นคนใหม่ ส่วนแวดวงในวังของพระองค์ท่านก็คงไม่ใหญ่โตอัครฐานนักเพราะเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ เนื่องจากพระองค์ท่านยังใหม่ก็อาจจะยังไม่เป็นที่นิยมมากเทียบเท่ากับในหลวงองค์ปัจจุบัน แต่ก็คงไม่มีเรื่องยุ่งยากนักเพราะแวดวงในวังก็ขนาดย่อมกว่า ก็เนื่องจากเป็นรัชสมัยใหม่(It may be different, but I think it will go smoothly because he's a constitutional monarch. The people around the Crown Prince will be new, and the palace circle will not be that big because he will be new. The Crown Prince, because he will be new, may not be as popular as His Majesty the King. However, he will have less problem because the palace circle will be smaller, because of being new in the reign)

ผู้สื่อข่าวย้ำถามว่า ช่วยอธิบายพระราชอริยาบถบุคคลิกลักษณะของพระบรมฯให้ฟังด้วย(What kind of personality does he have? )

ทักษิณตอบว่า พระองค์ท่าน เป็นผู้ที่ทรงเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวที่จะกระทำการสิ่งใดให้สำเร็จ พระองค์ท่านมีความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น(He has a very strong determination to do what he really wants to achieve. He has a strong determination.)

เชื่อมั่นพระบรมฯเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่จะเป็นกษัตริย์ที่ดี เพราะเรียนรู้จากในหลวงมามาก

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า พระบรมฯทรงต้องการมุ่งมั่นจะทำอะไรให้สัมฤทธิ์ผล(What does he want to achieve? )

ทักษิณตอบว่า พระองค์ท่านยังไม่ได้เป็นกษัตริย์ ดังนั้นก็เป็นธรรมดาว่าตอนนี้ท่านก็ยังไม่เปล่งรัศมีทอแสง แต่หลังจากเสด็จขึ้นเป็นกษัตริย์แล้ว ผมเชื่อมั่นว่าพระองค์ท่านจะทรงเปล่งรัศมีทอแสงสมสง่ากับความเป็นขัติยราชได้ เพราะพระบรมฯได้เฝ้าสังเกตเรียนรู้จากในหลวง ซึ่งเป็นสมเด็จพระราชบิดามานานปี พระองค์ทรงเรียนรู้จากพระเจ้าอยู่หัวฯ แต่เวลานี้ยังไม่ถึงเวลาของพระองค์เท่านั้น แต่เมื่อเวลาที่พระองค์เสด็จขึ้นเป็นกษัตริย์มาถึง ผมคิดว่าพระองค์ท่านจะมีพระราชบารมีที่เหมาะสมกับฐานะกษัตริย์แน่(He' s not the King yet, he may not be shining. But after he becomes the King I'm confident he can be shining to perform Kingship, because he has observed His Majesty, his father, for many years. He learns a lot from His Majesty. It's not his time yet. But when the time comes I think he will be able to perform.)

จากการอ่านคำสัมภาษณ์ และการตอบแบบสัมภาษณ์นี้ จะเห็นว่าทักษิณได้กล่าวเทิดทูนในหลวง พระราชินี พระบรมโอรสถาธิราชในทางถวายพระเกียรติ กระทั่งแก้ต่างกับสื่อต่างชาติตลอดเวลาการให้สัมภาษณ์

แต่ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อTimes onlineฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกไปพาดหัวข่าวทำนองว่า ทักษิณเชื่อมั่นว่าเมื่อพระบรมฯเสด็จขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่จะทรงมีพระราชบารมีทอแสง

ทำให้ASTVผู้จัดการ กระบอกเสียงพันธมิตรนำไปขยายผลเป็นข่าวพาดหัวว่า สุดชั่ว! ?ทักษิณ? ยืมมือสื่ออังกฤษ ให้ร้าย ?ในหลวง? รุนแรง โดยขยายเนื้อข่าวว่า "เป็นข้อความที่ พ.ต.ท.ทักษิณ สัมภาษณ์ให้ร้ายและล่วงละเมิดองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงประทับรักษาพระวรกายอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชตั้งแต่เดือนกันยายน 2552 ที่ผ่านมา อย่างรุนแรง โดยมีการกล่าวอ้างถึงองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช และการสืบราชสันตติวงศ์อีกด้วย"

จากนั้นเข้าตำราที่ว่าฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด อาจจะไม่เคยอ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษด้วยซ้ำ สื่อกระแสหลักต่างๆก็นำข้อความจากเวบผู้จัดการASTVไปขยายผลทำลายทักษิณอย่างเป็นกระบวนการ

อย่างไรก็ดีผู้จัดการASTVได้พยายามแปลรายละเอียดบทสัมภาษณ์ทั้งหมด สุดท้ายก็หาเรื่องใส่ร้ายทักษิณไม่ได้ และได้หันไปโจมตีเรื่องอื่นๆแทน นั่นแสดงว่าเมื่อฝ่ายแปลข่าวต่างประเทศแปลออกมาอย่างสมบูรณ์แล้ว ความจริงก็คือทักษิณได้กล่าวเทิดทูนในหลวง ราชินี พระบรมฯ พระราชวงศ์ และอาจดูเหมือนแก้ต่างกับสื่อต่างชาติที่จี้ถามเรื่องสถาบันกษัตริย์แทรกแซงการเมืองอยู่ตลอดเวลาในการสัมภาษณ์นี้

จากคุณ : noncanboy007
เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 52 16:20:33

..............................................................................................

โดยคุณ Tuxedo

Music. คือ..เพื่อน โดยจิ้น>> Mpeg1 48.96Mb , MP3 2.83Mb

PTV 2009-11-10 67นาที WMV 66.88Mb, MP3 11.57Mb

Clipผลงานบังสุกุลครับ >> ความจริงวันนี้ DLได้คาดว่าไม่เกินเที่ยงคืน

สนับสนุนการดำเนินงาน Thaipeoplevoice >> Click

2009-11-10 PCH อ.วรพล แฉ Timeonline 22นาที WMV 22.33Mb, MP3 3.76Mb

2009-11-10 PCH นายกทักษิณ แฉ Timeonline 50.35นาที MP3

................................................................................................

แหม ทีมงานมาร์คเคยปล่อยข่าวว่าจะยืมมือต่างชาติกดดัน ท่านฮุนเซนให้ส่งตัวท่านทักษิณ ผมได้ยินแล้วนั่งขำมาก จนป่านนี้แล้ว คนพวกนี้ยังเพ้อไม่เลิก ตั้งแต่ เป็นเจ้าภาพจัดประชุมอาเซียนซัมมิทแล้วมีผู้นำชาติ5ชาติไม่เข้าร่วมในพิธีเปิด ก็น่าจะชัดเจนแล้วนะว่าเขาคิดอย่างไรกับรัฐบาลโจร ปชป. และไอ้ที่ว่าจะยืมมือต่างชาติกดดันท่านฮุนเซนนั้น ผมกับมองเห็นว่า ต่างชาติต่างหากที่เขาวานให้ท่านฮุนเซนกดดัน เจ้าหนู้มาร์คที่สามหาวอวดดี

...............................................................................................

ภาพล่าสุดจากพนมเปญ โดยคุณ :* สายน้ำ *: แห่งชมรมฟ้าใหม่ โดยได้รับความอนุเคราะห์จาก คุณอริณวรรณ



อ่านเต็มๆ คำสัมภาษณ์ของฮุนเซน และการตอบโต้จากกระทรวงการต่างประเทศของไทย

จากไทยอีนิวส์ ที่มา เว็บไซต์ประชาไท
11 พฤศจิกายน 2552

ฮุน เซน ประกาศกร้าว “นี่คือปัญหาระหว่างผมกับอภิสิทธิ์” วิพากษ์นายกฯ ไทยตกเป็นเครื่องมือของทักษิณเองและทำอะไรไม่คิดถึงประโยชน์ชาติ ขู่หากไทยปิดพรมแดน กัมพูชาจะปิดการค้ากับไทย แม้แต่หมูตัวเดียวก็จะไม่ให้เข้าไปขาย ด้านเลขานุการรมต.ต่างประเทศของไทยโต้คำสัมภาษณ์ฮุนเซนถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในอีกครั้ง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สรุปเนื้อหาสำคัญในเบื้องต้นของการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวของนายกรัฐมนตรี กัมพูชา ที่ห้องรับรองพิเศษท่าอากาศยานนานาชาติกรุงพนมเปญ ภายหลังจากเดินทางกลับถึงกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา 16.15 น.
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“หากไทยสั่งปิดพรมแดนเมื่อใดก็อย่าห้ามเฉพาะคนที่ประสงค์จะข้ามแดน เพราะกัมพูชาก็จะปิดเช่นกันและปิดทางด้านเศรษฐกิจด้วย สั่งห้ามสินค้าไทยทั้งหมดข้ามแดนเข้ามายังตลาดกัมพูชา แม้แต่หมูเพียงตัวเดียวก็จะไม่ให้ข้ามเข้ามา”

เรื่องที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชานี้เป็นปัญหาระหว่างผมกับนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทยในปัจจุบันโดยแท้ ก่อนที่จะพูดขอให้ศึกษาหาความรู้ให้มากกว่านี้เพราะตอนที่ผมเริ่มทำงานการ เมืองนั้นนายกรัฐมนตรีไทยยังเป็นเพียงเด็กวิ่งเล่นอยู่เลย

ตามที่ฝ่ายไทยออกข่าวว่าจะกดดันกัมพูชาด้วยการปิดพรมแดนนั้น “อยากปิดก็ขอให้ปิดไปเลยกัมพูชาก็จะ “เดินตามหลังประเทศไทย” (ทำตามประเทศไทยเพื่อโต้ตอบ) หากไทยสั่งปิดพรมแดนเมื่อใดก็อย่าห้ามเฉพาะคนที่ประสงค์จะข้ามแดน เพราะกัมพูชาก็จะปิดเช่นกันและปิดทางด้านเศรษฐกิจด้วย สั่งห้ามสินค้าไทยทั้งหมดข้ามแดนเข้ามายังตลาดกัมพูชา แม้แต่หมูเพียงตัวเดียวก็จะไม่ให้ข้ามเข้ามา สินค้าต่างๆ ทั้งหลายของไทย กัมพูชาสามารถนำเข้าจากประเทศอื่นๆ ได้ทั้งหมด ขอยกข้อมูลการค้าไทย-กัมพูชา ปี ค.ศ. 2008 มาเป็นตัวอย่าง ไทยส่งสินค้ามาขายกัมพูชา ประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่กัมพูชาส่งออกไปไทยแค่ 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่อย่างไรก็ดี ก็ขอเห็นด้วยกับการที่นายกรัฐมนตรีไทยได้บอกว่ามาตรการต่าง ๆ จะมิให้มีผลกระทบต่อประชาชนสองประเทศเพราะผมเองก็ไม่อยากกระทำเช่นนั้น [ปิดด่านให้เกิดผลกระทบ] ไม่สอดคล้องกับแนวทางความร่วมมือต่อกันตามกรอบอาเซียน ผมไม่อยากทำเช่นนี้ แต่ผู้นำฝ่ายไทยก็ขู่ผมเสียเหลือเกิน ผมจึงขอสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่กัมพูชาทั้งหมดว่าเรื่องนี้ [การปิดด่านตอบโต้ไทยและระงับการนำเข้าสินค้าของไทย] ให้เตรียมการไว้ได้เลย


“ทักษิณไปมาแล้วทั่วโลกไม่เห็นทำอะไร ไปศรีลังกาล่าสุดก็ยังไม่เห็นได้ทำอะไรเลย แต่พอบอกว่าจะมากัมพูชาก็หาเรื่องกัมพูชา”

เรื่องการแต่งตั้งอดีตนายกรัฐมนตรีไทยมาเป็นที่ปรึกษานั้น ผมขอประกาศชัดๆ ให้คนไทยรู้ว่าเรื่องนี้รัฐบาลนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ มาหาเรื่องกัมพูชา เรื่องนี้ขอให้คิดดีๆ ว่าฮุนเซน หรือ อภิสิทธิ์ผิด และผมจะไม่มีวันถอยอยู่แล้ว กัมพูชาเคยแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวต่างประเทศมาหลายคนแล้ว ทั้งชาวเกาหลีและชาวออสเตรเลีย หากทักษิณมาพำนัก อยู่ในกัมพูชา นายกรัฐมนตรีไทยจะกลัวอะไรกันนักกันหนา ทักษิณไปมาแล้วทั่วโลกไม่เห็นทำอะไร ไปศรีลังกาล่าสุดก็ยังไม่เห็นได้ทำอะไรเลย แต่พอบอกว่าจะมากัมพูชาก็หาเรื่องกัมพูชา ผมได้อธิบายเรื่องนี้ตั้งแต่การประชุมที่หัวหินเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2552 แล้ว ผมอดทนอดกลั้นเงียบมาตลอด แต่นายกรัฐมนตรีไทยและประเทศไทยต่อว่าต่อขานผมอยู่ข้างเดียวเรื่องการยกเลิก บันทึกความเข้าใจ (MOU) [ว่าด้วย OCA] นี่ก็เป็นนายอภิสิทธิ์นี่หล่ะ ที่เอาผลประโยชน์ร่วมของประเทศทั้งสองฝ่ายมาทำให้เกิดความเสียหาย

เรื่องแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่อภิสิทธิ์อ้างว่าอยู่เฉยไม่ได้เพราะดูหมิ่นศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของ ไทย ผมจะบอกให้ว่าจริงๆ แล้วปฏิกิริยาของคนไทยที่แท้จริงเป็นอย่างไร คือพวกเสื้อแดงสนับสนุนการแต่งตั้ง พวกเสื้อเหลืองโกรธและประท้วงคัดค้าน และยังมีกลุ่มที่สบายใจโดยอยู่เฉยๆ เงียบๆ อีกด้วยต่างหาก พวกนี้เขารู้ว่า รัฐบาลฮุนเซน เป็นรัฐบาลที่ดี และสมัยทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีก็ทำให้เขาสบายใจ มีเงินใช้ ยิ่งนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ฯ ดำเนินการกดดันเราแรงแค่ไหนก็จะได้รับผลสะท้อนกลับไปแรงเท่านั้น


“อภิสิทธิ์ ตกเป็นเครื่องมือของทักษิณเอง เพราะเมื่อทักษิณเปิดตัวเข้ามา อภิสิทธิ์ก็กระโดดออกมาตอบโต้โดยไม่คิดอะไรเลยและไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของ ชาติเลย”

การที่นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์เตือนให้นายกรัฐมนตรีฮุนเซนอย่าเป็นเบี้ยในหมากเกม ของทักษิณนั้น เราไม่ได้เป็นเครื่องมือของใคร อยากรู้นักว่าใครเป็นเบี้ยของใครกันแน่ อภิสิทธิ์ตกเป็นเครื่องมือของทักษิณเอง เพราะเมื่อทักษิณเปิดตัวเข้ามา อภิสิทธิ์ก็กระโดดออกมาตอบโต้โดยไม่คิดอะไรเลยและไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของ ชาติเลย แถลงมาจากโตเกียวเรื่องการยกเลิก MOU ก็ ขอให้คนไทยคิดดูเอาเองก็แล้วกันว่าสมบัติของรัฐ แต่กลับยกเอาเรื่องส่วนตัวมาเป็นเหตุเลิกความร่วมมือ คนไทยยอมรับได้ไหม คนอย่างนี้จะเอามาเป็นผู้นำอาเซียนได้ไหม เพราะว่าในปี ค.ศ. 2015 อาเซียนจะร่วมกันหลายด้าน เปิดพรมแดนให้เดินทางไปมาหาสู่ร่วมกัน ใช้เงินสกุลเดียวกัน แต่ไทยเองกลับมารุกรานกัมพูชากันอยู่เห็นๆ ยกกำลังเข้ามายึดดินแดนกัมพูชาสมัยนครวัดนั้นประเทศไทยอยู่ที่ไหนกัน อ้างว่า กัมพูชามายึดครองบุกรุกดินแดนไทยนั้น กัมพูชาจะไปยึดดินแดนไทยได้อย่างไร ศึกษาประวัติศาสตร์เสียให้ดีว่าใครรุกรานใครกันแน่

ทักษิณไม่ได้เป็นเครื่องมือให้เราแต่ผมต้องการเอาประสบการณ์ของ “ท่านทักษิณ” มาช่วยงานด้านเศรษฐกิจของกัมพูชา ผมจึงถือโอกาสนี้ร้องขอให้พี่น้องเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยเสียสละอนุญาตให้ผมนำ ”ท่านทักษิณ” มาช่วยกัมพูชาในเรื่องเศรษฐกิจบ้างด้วยแล้วกัน

ตามที่ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน มีคำแถลงว่าขอให้แก้ปัญหาเรื่องนี้ผมก็เห็นด้วย แต่ดูเหมือนว่าข้อเสนอของเลขาธิการอาเซียน จะไม่สอดคล้องกับท่าทีของรัฐบาลไทย ความจริง กัมพูชาพร้อมที่จะเจรจาอย่างไรเมื่อไรก็ได้ ไม่ว่าทวิภาคีหรือพหุภาคี แต่ก็เหมือนว่าฝ่ายไทยได้ปฏิเสธเสียแล้ว แต่ท่าน สุรินทร์ต้องฟังให้เข้าใจด้วย ขอให้เลขาธิการอาเซียนพิจารณาแก้ปัญหาเหล่านี้ในลักษณะเบ็ดเสร็จในคราวเดียว และแก้ทั้งหมด ทั้งเรื่องของทักษิณ / เรื่องการปฏิวัติเมื่อ 19 กันยายน 2549 / เรื่องการรุกรานดินแดนของกัมพูชา / การที่กัมพูชาตั้งทักษิณเป็นที่ปรึกษา จะใช้กลไกอะไรกัมพูชาก็พร้อม ทั้งทวิและพหุภาคี เรื่องนี้ที่จริงอยากยกขึ้นพูดที่หัวหินเหมือนกันแต่ก็อดกลั้นไว้ ถือว่าตนได้ไว้หน้าประเทศไทยและนายอภิสิทธิ์แล้ว การแก้เรื่องนี้ต้องแก้ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเรื่อง ในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับทักษิณก็ต้องไล่แก้ตั้งแต่ทักษิณมาเลย ตั้งแต่เรื่องการปฏิวัติ เมื่อ 19 กันยายน 2549 “ถ้า อภิสิทธิ์ เก่งจริงก็ขอให้เลือกตั้งใหม่สิ ท่านกลัวอะไรหรือ หรือว่ากลัวที่จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรืออย่างไร หรือว่ากลัวว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง”

ผมเองเป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้รับเสียงสนับสนุนถึง 2/3 ของสภากัมพูชา แล้ว “ท่านอภิสิทธิ์” ได้รับเท่าไหร่กันหรือ ขโมยเก้าอี้เขามานั่ง ขโมยของๆ คนอื่นมาเป็นของตัวเองจะให้เคารพได้อย่างไร

อภิสิทธิ์มีปัญหาท่วมตัวอยู่แล้ว อาจตายได้ มี ปัญหากับเพื่อนบ้านทั้งหมด ทั้งลาว กัมพูชา มาเลเซียและพม่า นอกจากนั้น ยังมีปัญหาภาคใต้ไทย ปัญหาเสื้อเหลือง เสื้อแดง เสื้อน้ำเงิน เสื้อขาว เพื่อไทย เสื้อเหลืองเองก็ยังไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเสียด้วยซ้ำ กัมพูชาจะต้องเคารพอะไรไทยหรือ การแต่งตั้งทักษิณเพียงคนเดียว ไม่เกี่ยวกับไทย ผมเคยบอกอภิสิทธิ์ในการพบกันแล้วว่าทักษิณเป็นเพื่อนของผม เพื่อนไม่สามารถหักหลังเพื่อนได้ ไม่สามารถโยนเพื่อนให้เสือกินได้หรอก ดังนั้น อยากฉีกอะไรทิ้งก็ฉีกไปเลย อยากปิดอะไรก็ปิดไปเถิด เพราะถ้าเปิดคงจะไม่สะดวกแล้ว เห็นทีต้องถอนกำลังทหาร 911 (หน่วยรบพิเศษ) ของกัมพูชาออกภายในหนึ่งสัปดาห์ดีกว่า เพราะว่าใช้กำลังเพียงนิดๆ หน่อยก็พอ [ที่จะสู้กับไทย] แล้ว

กรณีมีข่าวลือว่าทักษิณเข้ามาในกัมพูชาแล้วหลายครั้งนั้น ผมก็ขอปฏิเสธชัดๆ อีก และเห็นว่าข้อมูลข่าวกรองของท่านที่ได้มานั้นผิดพลาด เป็นการแสดงถึงความอ่อนด้อยของการข่าว ทั้งเรื่องการที่ลือว่าเข้ามาเกาะกง รวมทั้งตอนที่ รองนายกรัฐมนตรีสุเทพฯ มากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเพื่อพบผมที่อำเภอตาเขมา รองนายกรัฐมนตรีสุเทพฯ ของไทยได้ขอว่า ให้ช่วยจับทักษิณส่งตัวไปประเทศไทยได้หรือไม่ เรื่องนี้ผมทำไม่ได้หรอก ถ้าผมทำเช่นนั้นก็ถือเป็น “กบฏต่อมิตร” และเรื่องการร้องขอให้จับตัวทักษิณส่งไปและข้อหาความผิดที่กล่าวโทษต่อทักษิณเป็นกรณีเกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งนั้น

เห็นพูดกันนักว่าทักษิณมาอยู่ในกัมพูชา ขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่เคยมา แต่ตอนนี้ขอประกาศชัดๆ เลยว่าจะเชิญมาปาฐกถาเรื่องเศรษฐกิจให้ข้าราชการและนักธุรกิจระดับสูงของ กัมพูชาจำนวนประมาณ 300 คน ได้รับฟัง ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2552 ช่วง 8 โมงเช้า ที่กระทรวงเศรษฐกิจและการคลังกัมพูชา

ขอประกาศชัดๆ ให้คนกัมพูชาทุกคนทราบว่า ทักษิณ ชวลิต สมชาย คนเหล่านี้เคยเป็นนายกรัฐมนตรีไทยทั้งนั้น และเป็นเพื่อนของฮุน เซนแห่งกัมพูชา จึงขอให้ทุกคนช่วยอำนวยความสะดวกแก่บุคคลเหล่านี้ และขอร้องให้พี่น้อง ประชาชน-ตำรวจ-ทหารไทย ทราบว่าคนที่คุณๆ ทั้งหลายต่อว่าอยู่นั้นเป็นผู้ที่ชนะการเลือกตั้งมาแล้วทั้งนั้น ผมเคารพ อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ผมจึงช่วยเขา มีแต่อภิสิทธิ์เท่านั้นที่จงเกลียดจงชังคนเหล่านั้น เรื่องนี้เป็นปัญหาระหว่างผมกับอภิสิทธิ์

สมัยก่อนนั้นไทยเป็นหนึ่งในผู้มีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา ลงนามในสัญญาที่ปารีสเมื่อปี ค.ศ.1989 แต่ไทยก็ยังสนับสนุนให้เขมรแดงทำการสู้รบกับรัฐบาลที่ถูกกฎหมาย แล้วให้พวกเขมรแดงไปอยู่ประเทศไทย ไทยให้อยู่ในดินแดนไทยได้อย่างไร เรายังไม่ทำเช่นนั้นเลย ถ้าทักษิณตั้งกองกำลังอยู่ในดินแดนกัมพูชาจะว่าอย่างไรบ้างล่ะ เราจะไม่ทำเช่นนั้นหรอกแค่ให้เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจเท่านั้น และเราจะไม่หยุดเช่นกัน ไม่ยอมอย่างเด็ดขาด

“ไทยไม่เพียงละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศด้วยซ้ำไป ลงนามไม่สนับสนุนเขมรแดง ลงนามสันติภาพ แต่ก็ยังละเมิดหลายอย่าง ขอให้คนไทยดูไว้กฎหมายระหว่างประเทศยังไม่เคารพเลย”

เรื่องที่กล่าวว่า กัมพูชาไม่เคารพระบบการศาลของไทยนั้น “เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยนั้นไม่ได้มีคุณค่าอะไรนักหนาที่ควรแก่การให้ความเคารพเลย” สมัยก่อนนั้นนายเขียว สัมพัน นายนวน เจีย ก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในกัมพูชา ก็อยู่ในประเทศไทยทั้งนั้น อยู่ในประเทศไทยก่อนถูกจับตัวในกัมพูชา ถือว่าไทยไม่เพียงละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศด้วยซ้ำไป ลงนามไม่สนับสนุนเขมรแดง ลงนามสันติภาพ แต่ก็ยังละเมิดหลายอย่าง ขอให้คนไทยดูไว้กฎหมายระหว่างประเทศยังไม่เคารพเลย จะให้เราเคารพกฎหมายไทยได้อย่างไร

เรื่องปัญหาปราสาทพระวิหาร ได้เคยหารือทวิภาคีกับอภิสิทธ์แล้วถึง 3 ครั้ง ทั้งที่หัวหิน พัทยาและที่กรุงพนมเปญ เคยหารือและเห็นร่วมกันว่า จะเจรจาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคี แต่พอกลับไปแล้ว ทำเสมือน “ลงนามด้วยมือ ลบด้วยเท้า” ขอยกเลิกการสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารของกัมพูชา ไทยส่งคณะผู้แทนไปที่สเปนเพื่อคัดค้านการขึ้นทะเบียนฯในการประชุมที่เมืองเซบีย่าแล้ว “ยังมีหน้า” มาบอกว่าไม่เกี่ยวกับกัมพูชา แต่เป็นเรื่องระหว่างไทยกับยูเนสโก สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึง ‘จริต’ ที่แท้จริงของ นายกรัฐมนตรีไทย และเป็นเสมือนการดูหมิ่นเหยียดหยามว่า กัมพูชาโง่อย่างแท้จริง

ที่เคยเป็นข่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย ได้เสนอให้ตั้งองค์กรทางด้านกฎหมายของอาเซียนเพื่อมาไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง [เรื่องปราสาทฯ] พอรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาทำหนังสือ เสนอว่าจะยกเรื่องนี้ขึ้นในอาเซียน แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยก็ไม่เห็นด้วยและอ้างว่าสื่อมวลชน ลงข่าวคลาดเคลื่อน และหนังสือพิมพ์ไทยก็ไม่มีการแก้ข่าว ผมได้อดทนอย่างมากที่ไม่ยกปัญหานี้ขึ้นในการประชุมสุดยอดอาเซียนล่าสุดที่ ผ่านมาเพราะไม่อยากให้การประชุมอาเซียนล้มเหลว ถือได้ว่าผมไว้หน้าฝ่ายไทย

ประเทศไทยเอาปัญหาปราสาทพระวิหารมาเป็นตัวประกัน [เครื่องมือ] ในการโค่นล้มรัฐบาลตั้งแต่สมัยรัฐบาลสมัคร ตลอดจนพยายามเอาผิดกับ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นพดลฯ ฝ่ายไทยดีแต่พูดว่าเรื่องการร่วมมือแก้ไขปัญหาปราสาทฯ นั้นต้องผ่านการพิจารณาให้การรับรองของสภาเสียก่อน อ้างอยู่นั่นแล้ว ในเรื่องนี้นั้นเมื่อครั้งที่ ประธานรัฐสภาชัย ชิดชอบ เยือนกัมพูชา ผมได้สอบถามความคืบหน้าและขอให้ ประธานรัฐสภาชัย ชิดชอบ ช่วยแก้ปัญหาด้วย ซึ่งได้รับคำตอบว่าเรื่องนี้ผ่านรัฐสภาไทยไปแล้ว ไทยหยิบยกปัญหาปราสาทฯ มาใช้เป็นเกมการเมืองเตะถ่วงการแก้ปัญหา


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อ่านฮุนเซนว่าอย่างไรไปแล้ว มาดูท่าทีทางการไทยตอบโต้ โดยเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศเผยแพร่คำสัมภาษณ์ของเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตอบคำถามผู้สื่อข่าว เกี่ยวกับการให้สัมภาษณ์พาดพิงไทยของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2552 นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบ คำถามผู้สื่อข่าว กรณีสมเด็จอัครคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2552 พาดพิงประเทศไทยและรัฐบาลไทย สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

1. การวิพากษ์วิจารณ์การเมืองภายในของไทยและกระบวนการยุติธรรมของไทย

ความเห็นของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทั้งต่อการเมืองภายในประเทศไทย และต่อกระบวนการยุติธรรมไทยและศาลไทย เป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทยอย่างชัดแจ้งอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตามแนวปฏิบัติของนานาอารยประเทศเป็นสิ่งที่ผู้นำรัฐบาลไม่ควรปฏิบัติต่อ มิตรประเทศ รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้เข้ารับตำแหน่งตามกระบวนการทางรัฐสภาของไทย ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ และกระบวนการยุติธรรมของไทยก็มีมาตรฐาน ฝ่ายตุลาการได้ดำเนินการพิจารณาอรรถคดีไปตามตัวบทกฎหมายและโดยมีอิสระและมี ความเป็นวิชาชีพ เป็นกระบวนการที่แม้แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเองก็เคยให้ความเชื่อถือและเข้าร่วมกระบวนการมาก่อน จนกระทั่งเมื่อเห็นว่าตนจะแพ้คดีจึงได้หนีไปต่างประเทศ ในแง่อุดมคติประชาธิปไตย สังคมไทยกำลังอยู่ในช่วงระยะเวลาการเรียนรู้เพื่อผ่านไปสู่ความเป็น ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบและมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น ในระหว่างกระบวนการพัฒนาทางการเมืองนี้ อาจมีปัญหาเกิดขึ้นได้บ้าง ซึ่งเป็นเรื่องภายในของไทยเองที่ประชาชนไทยเองจะต้องเป็นผู้ร่วมกันแก้ไข ปัญหา มิใช่เรื่องที่ผู้นำรัฐบาลต่างประเทศจะเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ นักวิชาการหรือผู้ศึกษาทางรัฐศาสตร์อาจจะสนใจศึกษาหรืออภิปรายในเชิงวิชาการ ได้ว่า ระบบการเมืองของกัมพูชามีเสรีภาพหรือประชาธิปไตยเพียงใด ซึ่งรัฐบาลไทยไม่ขอวิจารณ์ในเรื่องนี้


2. ความชอบธรรมในการแต่งตั้ง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ

แม้ว่านายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะอ้างว่าฝ่ายกัมพูชามีความชอบธรรมในการตัดสินใจแต่ง ตั้งดังกล่าว แต่ฝ่ายไทยก็ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า การที่ฝ่ายกัมพูชาได้แต่งตั้ง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา และที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา นั้น เป็นการกระทำที่กระทบความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ เนื่องจาก พ.ต.ท. ทักษิณฯ เป็นนักโทษคดีอาญาตามคำพิพากษาของศาลไทยที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดี ในขณะเดียวกันก็ยังมีบทบาททางการเมืองและเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายและ เหตุการณ์รุนแรงในประเทศไทยช่วงที่ผ่านมา การกระทำดังกล่าวจึงถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทยอย่างชัดเจน และเป็นการนำผลประโยชน์ส่วนบุคคลขึ้นมาอยู่เหนือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาน่าจะเข้าใจได้ดีเพราะฝ่ายไทยได้ อธิบายและสื่อสารไปหลายครั้งแล้ว แต่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาก็ยังยืนยันที่จะไม่ยอมเข้าใจ


3. ข้ออ้างเรื่องการ “ปิดพรมแดนไทย-กัมพูชา” และผลกระทบทางเศรษฐกิจ

นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา ประเทศไทยและรัฐบาลไทยมิได้เป็นผู้เริ่มต้นก่อน แต่การกระทำของฝ่ายกัมพูชาได้กระทบต่อความรู้สึกของคนไทยอย่างรุนแรง รัฐบาลจึงจำเป็นต้องแสดงท่าทีเพื่อให้ฝ่ายกัมพูชารับทราบความไม่พอใจของฝ่าย ไทย รวมทั้งเป็นการรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของไทย ของกระบวนการยุติธรรมของไทย และรักษาผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนไทยด้วย อนึ่ง นายกรัฐมนตรีได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า การดำเนินการทุกอย่างเป็นการดำเนินการระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล โดยจะหลีกเลี่ยงการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนของทั้งสองประเทศ

สำหรับข่าวลือเรื่อง “ไทยจะปิดพรมแดน” ก็เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน นายกรัฐมนตรีได้กล่าวยืนยันแล้วว่า ในชั้นนี้จะยังไม่มีการพิจารณาปิดพรมแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ดังนั้นประชาชนของทั้งสองฝ่ายจึงไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลต่อผลกระทบทาง เศรษฐกิจ แม้เหตุการณ์จะพัฒนาไปอย่างไร รัฐบาลไทยก็จะกระทำทุกวิถีทางที่จะบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งแม้แต่ในคำให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเอง ก็ได้แสดงความเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าวว่า ไม่ควรให้กระทบประชาชนทั้งสองฝ่าย ดังนั้นหากต่อไปในอนาคต ฝ่ายรัฐบาลกัมพูชาจะดำเนินมาตรการใดที่จะส่งผลกระทบหรือก่อความเดือดร้อนต่อ พี่น้องประชาชนกัมพูชา รวมถึงผู้บริโภคและนักธุรกิจในกัมพูชาเอง โดยเฉพาะบริเวณชายแดน ก็ควรมีการใคร่ครวญอย่างรอบคอบเองด้วย

ส่วนผลกระทบด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างกัน จากการที่สภาพความสัมพันธ์ทวิภาคีเสื่อมลงนั้น แน่นอนว่าไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย แต่ก็อาจจะเป็นการด่วนสรุปของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเกินไปว่า ในที่สุดแล้วฝ่ายไทยจะสูญเสียมากกว่า เมื่อประเมินจากขนาดทางเศรษฐกิจ ศักยภาพทางธุรกิจ และตลาดการค้าและธุรกรรมระหว่างประเทศที่ไทยมีอยู่ในขณะนี้ รัฐบาลเชื่อว่าประเทศไทยยังมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดีอยู่มาก การสูญเสียทางเศรษฐกิจหากจะเกิดขึ้นกับฝ่ายใดก็ตาม ไม่ได้เป็นความประสงค์ของรัฐบาลไทย ก็ต้องกลับไปดูว่า ปัญหาในขณะนี้มาจากฝ่ายใด เมื่อนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเริ่มต้นสร้างปัญหาเอง ก็ควรพิจารณาแก้ปัญหาเอง หรือมิฉะนั้นก็รับผลที่ติดตามมาจากการกระทำของตนเอง


4. การยกเลิกบันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน

ขอ ย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า เมื่อพิจารณาถึงที่มาของบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีป ทับซ้อนกัน ฉบับวันที่ 18 มิถุนายน 2544 ซึ่งจัดทำในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณฯ ดังนั้น การที่รัฐบาลกัมพูชาแต่งตั้ง พ.ต.ท. ทักษิณฯ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเจรจาระหว่างทั้งสองประเทศภายใต้บันทึกความเข้าใจ ฉบับนี้ เนื่องจาก พ.ต.ท. ทักษิณฯ เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการผลักดันให้รัฐบาลไทยในขณะนั้นจัดทำ บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ และรับรู้ท่าทีในการเจรจาตลอดจนข้อมูลของทรัพยากรและผลประโยชน์ที่จะได้รับ ของฝ่ายไทย ด้วยเหตุข้างต้นรัฐบาลไทยจึงไม่อาจดำเนินการเจรจากับฝ่ายกัมพูชาบนพื้นฐาน ของบันทึกความเข้าใจฉบับดังกล่าวต่อไปได้


5. ความผิดของ พ.ต.ท. ทักษิณฯ กับการปฏิบัติตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน

การระบุว่าเหตุการณ์ปฏิวัติเมื่อปี 2549 นำมาซึ่งการดำเนินคดีต่างๆ ต่อ พ.ต.ท. ทักษิณฯ แล้วนำมาเป็นข้ออ้างว่าคดีที่ พ.ต.ท. ทักษิณฯ ถูกตัดสินให้มีความผิดเป็นคดีที่มีที่มาจากเหตุผลทางการเมือง เป็นการกล่าวอ้างที่ผิดพลาดโดยสิ้นเชิง คดีที่ดินรัชดาฯ และคดีอาญาอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างกระบวนการทางกฎหมาย แม้จะเกิดขึ้นภายหลังเหตุการณ์ปฏิวัติแต่มิได้เกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นกับการปฏิวัติ หรือองค์กรที่เกิดขึ้นภายหลังการปฏิวัติตามกล่าวอ้าง อาทิ คดีที่ดินรัชดาฯ ที่ได้มีการตัดสินไปแล้ว มีอัยการสูงสุดเป็นผู้ฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการ เมือง ซึ่งทั้งอัยการและศาลต่างก็เป็นองค์กรอิสระที่ไม่มีความเกี่ยวพันใดๆ กับการปฏิวัติ ดังจะเห็นได้จากการที่ศาลได้พิจารณาคดีและมีคำพิพากษาตัดสินในช่วงรัฐบาล ของอดีตนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช และอดีตนายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นผู้มีความใกล้ชิดและสนับสนุน พ.ต.ท. ทักษิณฯ

นอกจากที่มาและการดำเนินการต่างๆ ของคดีดังกล่าวจะไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติหรือเหตุผลทางการเมืองใดๆ แล้ว ในตัวคดีเองก็เป็นคดีทุจริตซึ่งเป็นคดีอาญา โดยเป็นการกระทำผิดมาตรา 100 (1) วรรค 3 และมาตรา 122 วรรค 1 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ที่ห้ามเจ้าหน้าที่ของรัฐและคู่สมรส มีส่วนได้รับผลประโยชน์ในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่อยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ผู้นั้น

6. การแก้ไขปัญหาปราสาทพระวิหารและข้อพิพาทเขตแดนทางบก

แนวนโยบายของรัฐบาลไทยเพื่อการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเขตแดนทางบกไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไทยยึดหลักการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีและการเจรจาตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ มาโดยตลอด และการดำเนินการใดๆ ของไทยก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการตามรัฐธรรมนูญของไทย สำหรับกรณีความเห็นของประธานรัฐสภาตามที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาอ้าง เกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของบันทึกการประชุม JBC และกรอบการเจรจาที่เกี่ยวข้องนั้น ฝ่ายไทยได้ชี้แจงในที่ประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (JC) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 ที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนสิงหาคม 2552 แล้วว่า เป็นความเข้าใจผิดในสาระข้อเท็จจริง โดยปัจจุบันบันทึกผลการประชุม JBC ยัง ไม่ได้ผ่านการให้ความเห็นชอบของรัฐสภา และรัฐบาลต้องเสนอเรื่องให้รัฐสภาพิจารณาก่อนจะดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามข้อบังคับของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550

วันจันทร์, พฤศจิกายน 09, 2552

โครงการชุมชนพอเพียง ยุค ประชาธิปัตย์ ขออะไรก็ได้แค่เครื่องกรองน้ำ

อ่านทั้งหมดที่นี่เลยครับ http://www.prachataiwebboard.com/webboard/id/1344

โกงพอเพียงอีก โผล่ชัยนาท ขออะไรก็ได้กรองน้ำ

โฆษก พท. แปลกใจโครงการชุมชนพอเพียง หลังลงพื้นที่ชัยนาท พบทุจริตกว่า 40 ชุมชน ขออะไรก็ได้เครื่องกรองน้ำ 2.5แสน หมด จี้ดีเอสไอ ลงดาบ ชี้หลังเปลี่ยนอธิบดีเกียร์ว่าง อ้างเพราะรองนายกฯ-รมต.-นายกฯคนปชป.

เมื่อ วันที่ 11 ต.ค. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยังติดตามการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดชาวจ.ชัยนาท ร้องเรียนว่าไม่ได้รับอนุมัติโครงการตามที่ขอ คณะทำงานของพรรคเพื่อไทยจึงได้ลงพื้นที่พบว่าโครงการชุมชนพอเพียงที่จ .ชัยนาทมีการ ทุจริตถึง 40 ชุมชน รวมวงเงิน 8.9 ล้านบาท เช่น ชุมชนบ้านเทพรัตน์ ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี ได้งบ 3 แสนบาท ขอโรงสีข้าวเปลือก แต่ได้เครื่องกรองน้ำดื่มราคา 2.5 แสนบาท ชุมชนบ้านดงเทพรัตน์ ได้งบ 3.5 แสนบาท ขอเลี้ยงปลาราคา 2.8 แสนบาท และโรงงานผลิตน้ำพริกราคา 7 หมื่นบาท แต่กลับอนุมัติเครื่องกรองน้ำดื่มราคา 2.5 แสนบาท สร้างความเสียหายให้กับประชาชนและประเทศชาติ เหมือนเชื้อโรคทุจริตร้ายที่ไม่มีวันตราย โครงการชุมชนพอเพียงมีการทุจริตกระจายทั่วประเทศ และได้ยื่นให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบ แต่หลังจากเปลี่ยนอธิบดีกรมดีเอสไอ จากพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็น นายธาริต เพ็งดิษฐ์ คดีไม่คืบหน้า

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่าทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง ไม่คืบหน้า เพราะนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ รับผิดชอบโครงการนี้ เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จึงขอให้นายกรัฐมนตรี และดีเอสไอเร่งดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้

..........................................................................

โกงข้าวโพดฉาว
แฉ โครงการรับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของรัฐบาลส่อทุจริต อีกแล้ว หลังประธานคณะกรรมการกลางกลุ่มเกษตรแห่งประเทศไทย รับมอบอำนาจจากองค์การคลังสินค้า เข้าตรวจสอบโกดัง 5 แห่งในจังหวัดตาก พบข้าวโพดที่รับจำนำไว้สูญหายไปอื้อ บางโกดังมีทั้งสต๊อกลม ยัดไส้กระสอบด้วยซังข้าวโพด ดิน และทราย เพื่อเพิ่มน้ำหนัก แถมบางแห่งยังสมรู้ร่วมคิดกับธนาคาร ทำเครดิตเอาเงินออกมาใช้อย่างฟุ่มเฟือย ทำเป็นขบวนการใหญ่ฉ้อโกงกันมโหฬาร เตรียมแจ้งความดำเนินคดีเจ้าของโกดังขี้โกงแล้ว

พบโครงการรับจำนำ ข้าวโพดของรัฐบาลฉาวโฉ่ ส่อมีการทุจริตกันอย่างมโหฬารครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 4 ต.ค. นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ประธานคณะกรรมการกลาง กลุ่มเกษตรแห่งประเทศไทย ทำหน้าที่ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบวิธีปฏิบัติงานตามโครงการ แทรกแซงราคาสินค้าเกษตรในการรับจำนำสินค้าเกษตร ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) กระทรวงพาณิชย์ และคณะได้เดินทางมายังพื้นที่ อ.แม่สอด อ.พบพระ และ อ.แม่ระมาด จ.ตาก เพื่อตรวจสอบโกดังเก็บข้าวโพดตามโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/2552 จำนวน 17 แห่ง ที่ทำสัญญารับฝากข้าวโพด เพื่อตรวจดูว่ามีข้าวโพดในโกดังเก็บสินค้าตามสัญญาหรือไม่

ภายหลัง การตรวจสอบ นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากบุคคลหลายฝ่ายเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวโพดเลี้ยง สัตว์ ปี 2551/2552 ว่า มีการจำนำสต๊อกลมบ้าง ไม่มีสินค้าบ้าง มีการแอบนำข้าวโพดไปขายก่อนบ้าง จำนวนหลายแสนตัน โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.ตาก จึงนำคณะเดินทางเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบโกดังเก็บข้าวโพด 5 แห่ง ในจำนวน 17 แห่ง ปรากฏว่าพบมีการส่อทุจริตทั้ง 5 แห่ง คือที่โกดัง หจก.ชัยสมบูรณ์ธุรกิจ เลขที่ 498 หมู่ 1 ต.พบพระ อ.พบพระ ซึ่งโครงการรับจำนำได้ฝากข้าวโพดไว้จำนวน 10,034 ตัน ผลการตรวจสอบพบว่ามีการปลอมปนนำซังข้าวโพด ทราย และดิน ยัดใส่ไว้ในกระสอบข้าวโพดจำนวนมาก และจากการประเมินเบื้องต้นคาดว่า มีข้าวโพดหายจากสต๊อกราว 2,500 ตัน จึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.พบพระ และสั่งอายัดข้าวโพดทั้งหมดไว้ตรวจสอบ เพื่อประเมินความเสียหายแล้วแจ้งความเพิ่มเติม

นายอุบลศักดิ์เปิด เผยต่อไปว่า ส่วนโกดังอีก 4 แห่ง พบว่าไม่มีข้าวโพดครบตามจำนวนที่รับจำนำไว้ ขาด 3 พันตันบ้าง 4 พันตันบ้าง บางแห่งขาดไปถึง 7 พันตัน แสดงให้เห็นว่ามีการฉ้อโกงกันเป็นขบวนการ เพราะในหลักการรับจำนำ โกดังที่รับฝากจะต้องดูแลข้าวโพดให้สมบูรณ์ จำนวนสินค้าต้องอยู่ครบถ้วน การตรวจสอบครั้งนี้ยังพบว่า นอกจากข้าวโพดที่ฝากไว้ในโกดังจะปลอมปน หรือหายไปส่วนหนึ่งแล้ว ยังพบว่าเจ้าของโกดังยังนำข้าวโพดที่รับฝากไปทำเครดิตกับธนาคารเพื่อนำเงิน ออกมาใช้กันอย่างฟุ่มเฟือย สิ่งเหล่านี้ทำกันเป็นขบวนการ ธนาคารจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ แสดงว่าธนาคารมีส่วนร่วมทุจริตด้วย ทรัพย์สินที่อยู่ในโกดังเป็นสิทธิ์ขององค์การคลังสินค้าอยู่ก่อนแล้ว รายอื่นจะมาเป็นเจ้าของไม่ได้

"การตรวจสอบในพื้นที่ จ.ตาก ครั้งนี้ จะต้องตรวจสอบโกดังในโครงการทั้ง 17 แห่ง โดยจะใช้วิธีรื้อกองข้าวโพดเพื่อค้นหาสิ่งปลอมปน และชั่งน้ำหนักตรวจสอบ จึงจะประเมินความเสียหาย ก่อนจะแจ้งความเพิ่มเติมตามกรณีไป หากข้าวโพดไม่ครบก็แจ้งข้อหาฉ้อโกง ถ้าเสียหายก็ดำเนินการฟ้องแพ่ง ซึ่งในวันที่ 5 ต.ค.นี้ ตนจะแจ้งให้ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ร่วมตรวจสอบโกดังที่รับฝากข้าวโพดทุกแห่งเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และจะดำเนินการตรวจสอบลักษณะนี้ทั่วประเทศ เพื่อขจัดขบวนการโกงชาติบ้านเมือง" ประธานคณะกรรมการกลางฯ กล่าว

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ จ.ตาก มีโกดังที่ร่วมรับฝากข้าวโพด คือ อ.แม่สอด หจก.พืชผลสุวรรณ, หจก.อเนกธัญกิจ, หจก.ชัยอนันต์การเกษตร, หจก.สิงห์รุ่งเรืองพืชผลการเกษตร, หจก.แพสีห์แดง, หจก.เลิศรุ่งเรืองการเกษตร, สหกรณ์นิคมแม่สอด จำกัด, ร้านพะวอพืชผลและไซโล ที่ อ.แม่ระมาด สหกรณ์นิคมแม่ระมาด จำกัด, หจก.ปฎิพงษ์การเกษตร, บริษัทเพชรจินดาการเกษตร (พืชผล) จำกัด ที่ อ.วังเจ้า หจก.พรเทพอะโกร, หจก.จินดาการเกษตรและไซโล ที่ อ.พบพระ ร้าน พี.พี.ธุรกิจการเกษตร, หจก.ชัยสมบูรณ์ธุรกิจ และ หจก.ชัยอนันต์การเกษตร รวมทุกโกดังมีข้าวโพดของโครงการรับฝากอยู่จำนวนนับแสนตัน

http://www.thairath.co.th/today/view/37381

..........................................................................................

ปูดอีกพิรุธซื้อรถจักร-อะไหล่รถไฟ1.2พันล้าน
พท.ตี กินรายวัน ปูดอีกประมูลซื้อรถจักร-อะไหล่รถไฟ 1.2 พันล้าน พิรุธอื้อ ส่อทำผิดระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง สงสัยสมรู้ร่วมคิด โยงใยเครือญาติบุคคลในรัฐบาล ปชป.อุ้ม"วิทยา"ชี้จี้ออกไม่เป็นธรรม ควรให้พิสูจน์ความจริงก่อน อ้าง 5 ชื่อที่แพทย์ชนบทแจ้งนายกฯไม่มี รมว.สธ. ขณะที่ รมช.ศธ.สั่ง สอศ.แจงปมยัดครุภัณฑ์วิทยาลัยอาชีวะ

@ พท.ปูดพิรุธประมูลร.ฟ.ท."1.2พันล."

น.อ.อนุ ดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. คณะทำงานสำนักงานปราบโกง (สปก.401) พรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ณ ที่ทำการ พท.ว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ออกประกาศ ร.ฟ.ท. งานการจัดซื้อรถจักรดีเซลไฟฟ้าจำนวน 7 คัน พร้อมเครื่องอะไหล่มูลค่า 1,200 ล้านบาท ซึ่ง พท.เห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวมีข้อพิรุธความน่าสงสัยในกระบวนการและขั้น ตอนการออกร่างประกาศเชิญชวนเสนอราคา (ทีโออาร์) หลายประการดังนี้ 1.ทีโออาร์ที่ออกในประกาศเว็บไซต์ของ ร.ฟ.ท.ระหว่างวันที่ 2-12 ตุลาคม ความยาว 98 หน้า เพื่อให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นนั้น ในข้อ 4.9 ได้ระบุให้บริษัทที่สนใจเข้าร่วมประกวดราคา ยื่นเอกสารการประกวดราคาในวันที่ 13 ตุลาคม เวลา 10.00-11.00 น. ซึ่งในทางปฏิบัติเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีบริษัทใดมายื่นเอกสารประกวดราคาได้ ทัน เพราะหลังจากสิ้นสุดการแสดง ความคิดเห็นในวันที่ 12 ตุลาคมแล้ว ร.ฟ.ท.จะต้องนำข้อมูลทั้งหมด ในคณะกรรมการร่างประกวดราคาพิจารณาทบทวนแล้วสรุปผลเพื่อประกาศเป็นทีโออาร์ อย่างเป็นทางการ โดยมีลายเซ็นของผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. หรือประธานคณะกรรมการประกวดราคาลงนามกำกับ จึงจะถือได้ว่าทีโออาร์ฉบับนั้นสมบูรณ์ หมายความว่าถ้าวันที่ 13 ตุลาคม เวลา 10.00-11.00 น. เป็นเวลาที่กำหนดให้มีการยื่นซองประกวดราคา คณะทำงานพิจารณาร่างทีโออาร์ จะมีเวลาพิจารณาร่างดังกล่าวเพียงแค่ไม่ถึงครึ่งวัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ

@ ส่อทำขัดระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง

2.ร่าง เอกสารประกวดราคาได้อ้างอิงประกาศฝ่ายการพัสดุ ร.ฟ.ท. ซึ่งในช่วงที่จะลงวันที่กลับเว้นไว้ ไม่ลงวันที่กำกับ แสดงให้เห็นว่าเอกสารฉบับนี้ยังไม่สมบูรณ์ รวมถึงหลักประกันตามข้อ 7 ในทีโออาร์ ก็ยังไม่ได้กำหนดระยะเวลาของการค้ำประกันซอง เพียงแต่ให้คำจำกัดความว่า ต้องค้ำประกันในระยะเวลา 180 วันเท่านั้น แต่ร่างทีโออาร์ฉบับนี้กลับไม่ได้กำหนดวันยื่นซองทางเทคนิคว่าเป็นวันที่ เท่าไหร่ ดังนั้น บริษัทที่จะเข้ามาร่วม จะไม่มีทางที่จะวางแผนในการยื่นทีโออาร์ได้เลย ซึ่งเป็นเรื่องตลกมาก 3.ระเบียบว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างของ ร.ฟ.ท. กำหนดให้การประกาศทีโออาร์ จะต้องประกาศอย่างเป็นทางการไม่น้อยกว่า 7 วันทำการ ดังนั้น การกำหนดให้ยื่นซองประกวดราคาในวันที่ 13 ตุลาคม จึงน่าจะเป็นการขัดต่อระเบียบว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างของ ร.ฟ.ท. และ 4.การยื่นซองประกวดราคา การเตรียมเอกสารในการยื่นซอง ตลอดจนการหาหลักประกันเพื่อให้ธนาคารออกหนังสือรับรองการค้ำประกัน จำนวน 50.2 ล้านบาท ไม่น่าเชื่อว่าจะมีบริษัทใดที่จะเตรียมเอกสารได้ทัน นอกจากมีหูทิพย์ ตาทิพย์ มีญาณวิเศษ ที่จะทราบล่วงหน้าว่าคณะกรรมการประกวดราคาและผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. จะพิจารณาหรือกำหนดให้ทีโออาร์ออกมาในลักษณะใด หรือมีการเปลี่ยนแปลงจากที่ร่างไว้เดิมหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องคุณสมบัติผู้ร่วมประกวดราคา

@ สงสัยโยงใยญาติคนในรัฐบาล

"พรรค เพื่อไทยจึงตั้งข้อสังเกตว่า การดำเนินการในครั้งนี้ อาจมีการส่อไปในทางสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มบริษัทใดบริษัทหนึ่งหรือไม่ เป็นไปได้หรือไม่ว่าบริษัทดังกล่าวจะมีความสัมพันธ์กับบุคคลในรัฐบาลในทาง เครือญาติ เพราะเห็นได้ชัดว่ามีการเร่งรัด ลุกลี้ลุกลนส่อไปในทางฮั้วประมูลหรือไม่ จึงขอเรียกร้องให้นายกฯตรวจสอบการดำเนินการของกระทรวงคมนาคม เพราะเป็นกระทรวงที่ต้องบริหารงบฯจากไทยเข้มแข็งซึ่งมาจากภาษีประชาชนจำนวน มาก หากใช้งบฯไม่เป็นไปตามวัตถุ ประสงค์ งบฯนี้อาจทำให้ภูมิใจไม่ไหว เพราะไทยไม่เข้มแข็งอย่างแน่นอน" น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว

http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01p0108111052&se...

..........................................................................................

วุฒิชัย จันทเสวต
รองประธานสมาพันธ์ปัญญาชนเพื่อประชาธิปไตย (DEC.)
ฝ่ายข้อมูลข่าวสาร

ไปต่างจังหวัด5วัน มีประเด็นร้อนเกิดขึ้นมากมายเลยนะครับ วันนี้เลยจะมาวิเคราะห์ให้ท่านได้ทราบกันครับ
กรณีกัมพูชาแต่งตั้ง คุณทักษิณเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ประเด็นที่น่าสนใจคือเราต้องดูว่าการแต่งตั้งของกัมพูชานั้น ประเทศไทยเสียหายอะไรบ้าง ซึ่งผมว่าไม่มี ประเทศไทยน่าภาคภูมิใจด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้ รัฐบาลลาวแต่งตั้ง นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีต รมว.คลัง เป็นที่ปรึกษารัฐบาลลาวมาแล้ว กรณีคุณทักษิณก็ได้รับการแต่งตั้งในอีกหลายประเทศให้เป็นที่ปรึกษา เช่น นิการากัว ฮอนดูรัส ที่มาเป็นปัญหากับประเทศกัมพูชานั้นอาจเป็นเพราะว่าเรามีปัญหากันอยู่ก่อน พอมีการแต่งตั้ง คุณทักษิณเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ก็นำมาเป็นชนวนในการหาเรื่อง ความจริงต้องแยกแยะ เพราะการไปเป็นที่ปรึกษา ไม่ได้ ทำลายประเทศหรือสร้างปัญหาให้ประเทศไทยแน่นอน อยากให้มองด้วยความเป็นธรรม มันไม่มีอะไรเสียหาย ในทางกลับกันจะเกิดการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สร้างผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างทั้ง2ประเทศ
ข้อกล่าวหาที่ว่ากัมพูชาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทย คงเป็นไปไม่ได้ ต่างชาติไม่สามารถเข้ามาได้อยู่แล้ว คดี ของคุณทักษิณก็ตัดสินสิ้นสุดไปแล้ว จะเอาความสัมพันธ์มาผูกติดกับการเมืองก็อันตราย สำหรับกรณีรัฐบาลจะยกเลิกเอ็มโอยูในพื้นที่ทับซ้อน อยากให้ดูดีๆว่าจะเกิดความเสียหายหรือเปล่า อย่าเอาความรู้สึกมาทำให้ประเทศเสียหายกระทบผลประโยชน์ประชาชน หากใช้วิธีเจรจารัฐบาลไม่มีทางเสียเปรียบอยู่แล้ว ผมเห็นว่าตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ มันเล็กนิดเดียวแต่ก็เป็นเกียรติ และไม่ได้สร้างความเสียหายแก่ประเทศไทยเลย
และกัมพูชาแต่งตั้ง คุณทักษิณเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจนั้น ได้มีการออกเป็นพระราชกฏษฎีกา โดยพระเจ้าสีหนุ กษัตริย์แห่งกัมพูชาทรงลงพระปรมาภิไทย ซึ่งเป็นความชัดเจนว่าตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้กับกัมพูชาของคุณทักษิณนั้น ถูกรับรองโดยกฎหมายของกัมพูชาแล้ว
เกี่ยวกับสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น คนที่จะตัดสินว่าจะส่งหรือไม่นั้น ไม่ใช่ประเทศผู้ขอ แต่เป็นศาลฎีกาของประเทศผู้ถูกขอ จะเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งชัดเจนว่าตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้กับกัมพูชาของคุณทักษิณนั้น ถูกรับรองโดยกฎหมายของกัมพูชา เช่นนั้นแล้วศาลฎีกากัมพูชาจะตัดสินส่งตัวคุณทักษิณให้ประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือ
ความละเอียดอ่อนของปัญหาไม่ธรรมดา เช่นเดียวกับปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างความเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองที่จะเกิดขึ้นบนสถานะของความเป็นจริงและนำไปสู่การเจรจาอย่างสันติ กับการที่คนไทยต้องมาฆ่ากันเองรายวัน กับอธิปไตยของประเทศ รัฐบาลจะเลือกเอาทางไหน จะแก้ไขหรือจะปล่อยทิ้งไว้ ถ้าผู้นำหนีปัญหาก็ไม่ใช่ผู้นำที่ดี ถ้าผู้นำรับรู้ปัญหาแล้วไม่กล้าแก้ไขก็ยิ่งจะเป็นการทำร้ายประเทศ
วันที่นายอภิสิทธิ์ เดินทางไปเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ ได้นำปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาเจรจา นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ของมาเลเซียได้เชิญหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายมาพบนายอภิสิทธิ์โดยตรง ได้มีการพูดถึงเงื่อนไขบางอย่างที่นายอภิสิทธิ์ก็ตอบไม่ได้ และยังไม่มีคำตอบมาจนถึงวันนี้ ยังมีคำแนะนำในการแก้ปัญหาภาคใต้ จากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งแนวทางคล้ายๆกับที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นำเสนอซะด้วย
เรื่องระหว่างหวยบนดินกับเจ้ามือหวยใต้ดิน ระหว่างการแก้รัฐธรรมนูญกับอำนาจในกองทัพ ระหว่างการดำเนินคดีกลุ่มพันธมิตรฯกับบุญคุณของกลุ่มพันธมิตรฯที่ต้องตอบแทน ระบบรัฐสภาที่ล่มแล้วล่มอีก รัฐบาลทำงานไม่เต็มที่ เป็นเพราะรัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา สนใจแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ตนเป็นรัฐบาลต่อไปได้
สัปดาห์ที่แล้วก็เกิดปัญหาสภาล่ม สัปดาห์ นี้สภาก็ล่มซ้ำอีกเพราะ ส.ส.รัฐบาลเป็นโรคสันหลังยาวจนไม่ครบองค์ประชุม ทั้งๆที่การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีแค่สัปดาห์ ละ 2 วันเท่านั้น ส.ส.ยังไม่มาเข้าประชุม ผลกระทบจากสภาล่มทำให้ร่าง ก.ม. ของรัฐบาลต้องตกค้าง
ประธานวิปรัฐบาล ชินวรณ์ บุณยเกียรติ บอกว่า ปัญหาสภาล่มซ้ำซาก เป็นเพราะ ส.ส.ฝ่ายค้านตีรวนขอนับองค์ประชุม แต่ผมกลับมองว่าก่อนจะโทษฝ่ายค้าน รัฐบาลต้องโทษตัวเอง เพราะเป็นหน้าที่ของ ส.ส.รัฐบาลที่ต้องเข้าประชุมให้พร้อมเพรียงกันในฐานะเป็นเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร ในสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านก็ตีรวนขอนับองค์ประชุมแบบเดียวกันนี่แหละ
วอร์รูมพรรคประชาธิปัตย์วิเคราะห์ ว่าสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้จะอยู่ไปได้อีก 6 เดือน ส่วนวอร์รูมเพื่อไทยมั่นใจว่าสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้จะอยู่ต่อไปไม่เกิน 4 เดือน ใครที่คิดว่าสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้จะอยู่ครบ 4 ปี ก็เลิกหวังได้เลย
ถ้าวันนี้เรายังไม่รู้จักเริ่มต้นในการเคลื่อนไหวเรียกร้องเพื่อประเทศไทย ประเทศไทยของเราก็จะเริ่มจะถอยหลังลงคลองเพราะบ้านเมืองไม่มีกฎเกณฑ์กติกาและกฎหมายที่เป็นมาตรฐาน ประชาธิปไตยของไทยอ่อนแอตกอยู่ภายใต้เผด็จการซ่อนรูป
ฉะนั้นพฤศจิกายนนี้ เราจะต้องพร้อมเพรียงกันตามที่แกนนำได้นัดหมายไว้ เพื่อประเทศของเรา เพื่อสังคมของเรา เพื่อญาติพี่น้องของเรา เพื่อครอบครัวของเรา และสุดท้ายเพื่อตัวของเราเองครับ

สำนักข่าวกรอง DEC.
9-11-52

คลังบทความของบล็อก