ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันพฤหัสบดี, เมษายน 30, 2552

คลิปภาพในการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ที่สั่งการโดย มาร์ค ผู้ดีหน้าด้าน

จากมติชน

http://www.matichon.co.th/mtc-flv-window.php?newsid=1240469716



คลิปรุมกระทืบ : นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายในการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 23 เมษายน นำคลิปวิดีโอเหตุการณ์เมื่อเช้าวันที่ 13 เมษายน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารเข้าสลายการชุมนุมที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง เป็นภาพที่เจ้าหน้าที่รุมทำร้ายและทุบตีผู้ชุมนุมและมัดมือไพล่หลัง นอกจากนี้ ยังระบุว่า ทหารขนศพนับสิบไปที่ลพบุรี

2009-04-23 เวลา 13:33:44

มติชนออนไลน์
เปิดคลิปแฉทหารรุมอัดเสื้อแดง ปูดมีศพนับ10ถูกขนมุ่งหน้าลพบุรี สุเทพ ยัน2การ์ดนปช.ตายหลังสลายม็อบ

ส.ส.พท.เปิดคลิปวิดีโอแฉทหารรุมทำร้ายและทุบตีคนเสื้อแดง สลบ 1 วันรู้สึกตัวในรถทหารมีศพนับสิบ ก่อนโดดหนีรอดหวุดหวิด "เทพเทือก" ยัน 2 การ์ดนปช.ตายหลังสลายการชุมนุม พร้อมตั้งกก.สอบข้อเท็จริงทุกกรณีที่มีข้อสงสัย


ส.ส.พท.เปิดคลิปทหารรุมตีผู้ชุมนุมจับมัดมือไพล่หลัง

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายในการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 23 เมษายน นำคลิปวิดีโอเหตุการณ์เมื่อเช้าวันที่ 13 เมษายน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารเข้าสลายการชุมนุมที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง เป็นภาพที่เจ้าหน้าที่รุมทำร้ายและทุบตีผู้ชุมนุมและมัดมือไพล่หลัง จากนั้นนายวรวัจน์ กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่รัฐบอกว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงแต่ตามภาพจะเห็นว่าชายคนดังกล่าวถูกทุบตีจนสลบไป 1 วันกว่า และไปรู้สึกตัวอีกครั้งที่รถคันหนึ่งซึ่งมีทหารอยู่ 5 คน มุ่งหน้าไปลพบุรี ในรถพบศพอีกนับ 10 กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปหมด เมื่อรถขับไปถึงสะพานจึงตัดสินใจกระโดดลงจากรถหลบหนีมาได้ ในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อเอาตัวรอด

.....................................

http://www.matichon.co.th/mtc-flv-window.php?newsid=1241085155




กระทู้พลทหาร : ในการประชุมสภาผู้แทนราษฏร์ เมื่อวันที่ 30 เมษายน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กระทู้ถามสดเรื่อง การเสียชีวิตของพลทหารในบ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 ต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยนายกฯได้ตอบเพียงเบื้องต้น โดยให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดถึงการสอบสวนของตำรวจ

2009-04-30 เวลา 16:46:27

มติชนออนไลน์
ส.ส.เพื่อไทยถามกระทู้สดนายกฯ ข้องใจพลทหารตายผิดธรรมชาติ

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฏร์ เมื่อวันที่ 30 เมษายน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กระทู้ถามสดเรื่อง การเสียชีวิตของพลทหารในบ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 ต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยนายกฯได้ตอบเพียงเบื้องต้น โดยให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดถึงการสอบสวนของตำรวจ


ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 30 เมษายน มีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดเรื่อง การเสียชีวิตของพลทหารในบ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 ในภาวะบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง ของนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ถามต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี


นพ.ชลน่าน กล่าวว่า รัฐบาลต้องรีบทำให้กระจ่าง โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน ที่รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นวันที่สาม ปรากฏว่า พลทหารอภิณพ เครือสุข เสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ใบมรณบัตรระบุเวลาเสียชีวิต 09.00 น. มีพ.ท.สุกิจ เพ็งเจริญ เป็นผู้นำส่งและแจ้งการตายที่สน.พญาไท มีพล.อ.ต.นพ.วิชาญ เบี้ยวนิ่ม รับรองการเสียชีวิต หลังจากที่เรื่องนี้ออกสู่สาธารณะ มีการพูดกันหลายกระแส เช่น มีบางพรรคหรือนักการเมืองหากินกับศพ หรือเป็นการสร้างสถานการณ์ป้ายสีนายกฯ เรื่องนี้มีข้อสังเกตคือ ความเชื่อมโยงของการประกาศภาวะฉุกเฉิน และการที่พลทาหารคนนี้เป็นทหารรับใช้บ้านแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งเป็นที่ที่นายกฯ พักอยู่ในช่วงเกิดเหตุตอนสงกรานต์ จึงอยากทราบผลการชันสูตร

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในหนังสือรับรองการตาย ระบุว่ากระดูกสันหลังส่วนคอถูกกระทบ มีเลือดออกบนเยื้อหุ้มสมองชั้นบนสุด พฤติกรรมการตายโดนของแข็งกระแทก แต่ใบมรณบัตรบอกกระดูกต้นคอหัก ส่วนพฤติกรรมการตายบอกลื่นล้มในห้องน้ำ ทั้งนี้พลทหารคนนี้โทรศัพท์คุยกับแฟนบอกปวดหัวเวลา 22.30 น.นอกจากนี้ ตอนโดนกระแทก สลบ ก็น่าไปส่งโรงพยาบาล ถ้าโดนสองทุ่ม เลือดออกสองชั่วโมง บาดแผลฉกรรจ์ก็เป็นไปได้ที่จะส่งผลถึงชีวิต

................................

คนชั้นกลาง-รากหญ้ายี้รัฐบาล‘มาร์ค’

จาก นสพ.โลกวันนี้
นักวิชาการม.ธรรมศาสตร์เผยลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชนพบกระแสการไม่ยอมรับรัฐบาล “อภิสิทธิ์” ขยายตัวในวงกว้าง เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับกลุ่มบุคคลที่อยู่ในอำนาจขณะนี้ ทั้งตัวนายกฯ ขบวนการตุลาการภิวัฒน์ ทหาร นักวิชาการ และสื่อที่เอียงข้าง ร่วมกันตั้งฉายาให้เป็น “ผู้ดีหน้าด้าน” ระบุหากไม่อยากถูกต่อต้านมากขึ้นรัฐบาลและผู้สนับสนุนต้องปรับเปลี่ยนท่าที เชื่อแม้คนเสื้อแดงเลิกชู “ทักษิณ” เป็นแกนนำแต่ไม่มีผลกระทบต่อแนวร่วม อดีตรัฐมนตรียุบปฏิวัติยอมรับกระแสเรียกร้องประชาธิปไตยขยายวงกว้างและคนเข้าร่วมหลากหลายมากขึ้น แกนนำเสื้อแดงรุ่น 2 นัดชุมนุม 17 พ.ค. “มาร์ค” โยนประธานรัฐสภาแก้ปมตั้งกรรมการแก้ปัญหาการเมืองที่ฝ่ายค้านอาจไม่เข้าร่วม
รศ.ดร.วรพล พรหมมิกบุตร อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่สอบถามประชาชนหลากหลายอาชีพทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เกี่ยวกับทัศนคติที่มีต่อรัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พบว่ามีประชาชนจำนวนมากตั้งแต่คนรากหญ้าและคนชั้นกลางได้สรุปบุคลิกลักษณะของผู้นำรัฐบาล รวมทั้งพวกตุลาการภิวัฒน์ กองทัพ นักวิชาการ นักสื่อสารมวลชน เอ็นจีโอ และนักธุรกิจระดับสูง ที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายรัฐบาลว่าคนพวกนี้เป็น “ผู้ดีหน้าด้าน”


ประชาชนทั่วไปคิดคล้ายกัน

“การที่ประชาชนจำนวนมากมีความคิดที่คล้ายๆกันสะท้อนให้เห็นรูปธรรมของข้อเท็จจริงบางอย่างที่บิดเบือนไม่ได้ และพูดตรงกันว่าประเทศไทยปกครองโดยผู้ดีหน้าด้าน ผมฟังดูก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ซึ่งคำว่าผู้ดีหน้าด้านเป็นคำที่เข้าถึงสภาพความคิดของคนไทยและไม่ถือเป็นคำหยาบ เพียงแต่คนที่พาดพิงถึงอาจจะไม่ชอบที่ถูกกล่าวถึง” รศ.ดร.วรพลกล่าวและว่า สิ่งที่ประชาชนออกมาปฏิเสธรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลขนาดนี้ อาจจะช่วยทำให้รัฐบาลและกลุ่มผู้สนับสนุนลดราวาศอกลงบ้าง

จะต่อต้านรัฐบาลกันมากขึ้น

รศ.ดร.วรพลกล่าวว่า สิ่งที่จะติดตามมาคือประชาชนที่มีแนวคิดเช่นนี้จะไม่ยอมรับและให้ความร่วมมือกับพวกผู้ดีหน้าด้านทุกรูปแบบ ทั้งนี้ ความไม่ร่วมมือ เช่น ถ้ารัฐบาลสั่งปิดวิทยุชุมชนชาวบ้านก็จะโต้แย้ง หรือถ้าใช้อำนาจจับเขาดำเนินคดีก็จะฟ้องกลับ ขณะนี้กำลังขยายวงกว้างไปทั่วประเทศแล้ว และยืนยันว่าผู้คนจะออกมาต่อต้านและต่อสู้โดยที่ไม่ผิดกฎหมายและมีประสิทธิภาพ ถ้าเทียบกับนักศึกษาปริญญาตรีที่สอนในคณะสังคมศาสตร์จะพบว่านักศึกษาปริญญาตรียังมีความรู้เกี่ยวกับสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ น้อยกว่าคนที่มาร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงหลายกลุ่มทีเดียว

การชุมนุมแสดงถึงการต่อต้าน

รศ.ดร.วรพลยังกล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้าว่า การชุมนุมใหญ่ครั้งนี้เป็นความต้องการของประชาชนที่สนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดงที่ต้องการแสดงเจตนารมณ์ว่าไม่ร่วมมือกับรัฐบาลชุดนี้ในการบริหารประเทศ และสร้างปัญหา สร้างภาระระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการกู้เงินจากต่างประเทศหรือกู้จากสถาบันการเงินในประเทศก็ตาม ตรงนี้เป็นเรื่องของประชาชนที่ไม่ยินยอม ดังนั้น ประชาชนจึงให้การสนับสนุนการชุมนุมตามกรอบรัฐธรรมนูญ

ไม่ชู “ทักษิณ” ไม่ทำให้เสื้อแดงอ่อน

ส่วนกรณีที่การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่ชู พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นแกนนำเคลื่อนไหวนั้น รศ.ดร.วรพลกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการประชาธิปไตย จะชู พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ก็ลบความคิดอันนี้ออกจากใจประชาชนไม่ได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นแนวร่วม ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่ผู้บงการที่มาชี้นิ้วให้กลุ่มคนเสื้อแดงทำอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นแค่แนวร่วมที่สนับสนุนคนเสื้อแดงและประชาธิปไตย รวมทั้งต่อต้านการรัฐประหาร


ติงสื่อกระแสหลักเอียงข้าง

รศ.ดร.วรพลกล่าวสนับสนุนข้อเรียกร้องกลุ่มคนเสื้อแดงที่ให้รัฐบาลคืนอุปกรณ์สถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่นว่า เพราะเห็นว่าจำเป็นต้องมีสื่อและช่องทางสื่อสารที่ถ่วงดุลข้อมูลกัน ที่ผ่านมาวงการสื่อมวลชนระหว่างประเทศมองเห็นชัดเจนแล้วว่าระบบสื่อของไทยที่เป็นสื่อกระแสหลักมันบิดเบี้ยว ลำเอียง โดยที่รัฐบาลไม่ต้องบังคับ แต่สื่อกระแสหลักพวกนี้ได้ร่วมมือปกปิดข่าวของกระบวนการเสื้อแดง และอันไหนที่เป็นข่าวออกมาจะเป็นลักษณะที่ว่ามีการเพิ่มเติมความเห็นในทิศทางที่ตำหนิติเตียนเป็นโทษ

ไม่คืนดีสเตชั่นยิ่งขัดแย้ง

“ผมคิดว่าถ้ารัฐบาลไม่คืนสถานีดีสเตชั่นให้กับกลุ่มคนเสื้อแดง เชื่อว่าจะเกิดปมขัดแย้งและเป็นเชื้อปะทุสำคัญอีกจุดหนึ่งที่ทำให้เกิดความรุนแรงได้” รศ.ดร.วรพลกล่าวพร้อมระบุถึงการเคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลว่า การดำเนินการของรัฐบาลไม่ใช่ทางออกของปัญหาวิกฤตการเมือง เป็นเพียงการยืดเวลาหาทางที่จะครองอำนาจต่อโดยพยายามประคองตัวไปเรื่อยๆ อาจคิดว่าคนจะเหนื่อยและลืม และใช้วิธีตลบหลังแบบเดิมที่เคยทำสมัยแก้วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ที่ได้ผลักดันหนี้สินของเอกชนให้มาเป็นหนี้สินสาธารณะหลายแสนล้านบาท






ที่ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 28 เมษายน นายวีระ มุสิกพงษ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้จัดการแถลงข่าวพบปะสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก ภายหลังที่ได้รับการประกันตัวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

2009-04-28 เวลา 17:12:46

มติชนออนไลน์
"วีระ-ณัฐวุฒิ-จตุพร"นัดชุมนุมใหญ่สัปดาห์หน้า จี้เร่งเปิดดี-สเตชั่น


ที่ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 28 เมษายน นายวีระ มุสิกพงษ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้จัดการแถลงข่าวพบปะสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก ภายหลังที่ได้รับการประกันตัวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ


นายวีระ กล่าวว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจะมีการชำระเหตุการณ์การชุมนุมในช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการหาสถานที่เพื่อชุมนุมกันอย่างสงบและปราศจากอาวุธ เพื่อสรุปสถานการณ์ที่ผ่านมาให้ชัดเจนภายใน 2 - 3 นี้ จากนั้นจะนัดหมายคนเสื้อแดงทั่วประเทศภายในสัปดาห์หน้า ขอยืนยันว่าการชุมนุมครั้งนี้ จะไม่ออกนอกแนวทางที่รัฐธรรมนูญได้ให้สิทธิไว้อย่างแน่นอน


นายวีระ กล่าวถึงการออกอากาศของสถานดีสเตชั่นว่า ดีสเตชั่นไม่ใช่สถานีของพวกตน เพราะพวกตนเป็นแค่นักจัดรายการเท่านั้น ซึ่งขณะนี้เจ้าของสถานีกำลังดำเนินการเรื่องนี้ไปตามกฎหมาย มั่นใจว่าภายในสัปดาห์จะรู้ว่า จะสามารถออกอากาศให้ชมได้อีกเมื่อใด


นายวีระ กล่าวถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นว่า เป็นเหตุวิกฤตของบ้านเมือง นับเป็นประวัติศาสตร์ จึงควรตั้งกรรมการมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนการที่สื่อมวลชนกล่าวหาว่า คนเสื้อแดงเป็นคนก่อจลาจลนั้น ถือเป็นการใช้ศัพท์ที่ไม่เป็นธรรม จำเป็นต้องมีการสะสางเพื่อความเป็นธรรม ส่วนการใช้กำลังทหารสลายการชุมนุมโดยใช้อาวุธนั้น ไม่เป็นไปตามขั้นตอนตามที่ศาลปกครองเคยวินิจฉัยไว้

นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับกรณี ดี-สเตชั่น และการปิดวิทยุชุมชน ที่นายกฯบอกว่า ปิดตามพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งวันนี้รัฐบาลได้ยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.ไปแล้ว คิดว่า สถานีจะเปิดได้ แต่โยนให้นายสาทิตย์และกลับอ้างกฎหมายอื่นปิดสถานีดังกล่าวต่อไป ตนคิดว่า คนเป็นนายกฯไม่ควรมีพฤติกรรมกะล่อนอย่างนี้ หากใช้กฎหมายอื่นๆทุกสถานีดาวเทียมรวมถึงเอเอสทีวีก็ต้องถูกปิดหมด แต่นี่กลับปิดเฉพาะ ดี-สเตชั่น


"ฝ่ายรัฐอย่าใช้กฎหมายไล่ล่าหรือบีบเราจนจนตรอก เพราะหากเราไม่ใส่เสื้อแดงจะยิ่งน่าวิตก เพราะจะแยกไม่ได้เลย รัฐบาลลงพื้นที่เจอแบบนี้แล้วจะทำอย่างไร ขอเตือนว่า ไม่ใส่เสื้อแดงมาต่อต้านน่ากลัวกว่าใส่เสียอีก จะกำหนดมาตรการการต่อไปซึ่งแกนนำรุ่น 2 ก็พร้อมแล้ว"นายจตุพรกล่าวและว่าคุยกับพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.สูงสุดแล้ว ภายในสัปดาห์นี้จะแจ้งความฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหาหมิ่นประมาทกรณีใส่ร้ายว่าสั่งการนำรถแก๊สไปที่หน้าแฟลตดินแดงและบริษัทคิงพาวเวอร์ เพราะเป็นประธานบริษัทสยามแก๊ส

................................




......ผู้ดีหน้าด้าน กับ หมอหน้าไม่อาย เข้าแจ้งส่งข้อมูลในสภา ลองคิดเอาว่า มันเตี้ยมกันเห็นๆ
เมื่อวันที่ 30 เม.ย. คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เดินทางมาเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมให้ข้อมูลผลพิสูจน์การเสียชีวิตของทหารอภินพ เครือสุข ที่ด้านหลังห้องประชุมสภาเพื่อใช้ในตอบการอภิปราย






กระทู้พลทหาร : ในการประชุมสภาผู้แทนราษฏร์ เมื่อวันที่ 30 เมษายน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กระทู้ถามสดเรื่อง การเสียชีวิตของพลทหารในบ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 ต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยนายกฯได้ตอบเพียงเบื้องต้น โดยให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดถึงการสอบสวนของตำรวจ

2009-04-30 เวลา 16:46:27

มติชนออนไลน์ http://www.matichon.co.th/mtc-flv-window.php?newsid=1241085155
ส.ส.เพื่อไทยถามกระทู้สดนายกฯ ข้องใจพลทหารตายผิดธรรมชาติ

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฏร์ เมื่อวันที่ 30 เมษายน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กระทู้ถามสดเรื่อง การเสียชีวิตของพลทหารในบ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 ต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยนายกฯได้ตอบเพียงเบื้องต้น โดยให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดถึงการสอบสวนของตำรวจ


ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 30 เมษายน มีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดเรื่อง การเสียชีวิตของพลทหารในบ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 ในภาวะบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง ของนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ถามต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี


นพ.ชลน่าน กล่าวว่า รัฐบาลต้องรีบทำให้กระจ่าง โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน ที่รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นวันที่สาม ปรากฏว่า พลทหารอภิณพ เครือสุข เสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ใบมรณบัตรระบุเวลาเสียชีวิต 09.00 น. มีพ.ท.สุกิจ เพ็งเจริญ เป็นผู้นำส่งและแจ้งการตายที่สน.พญาไท มีพล.อ.ต.นพ.วิชาญ เบี้ยวนิ่ม รับรองการเสียชีวิต หลังจากที่เรื่องนี้ออกสู่สาธารณะ มีการพูดกันหลายกระแส เช่น มีบางพรรคหรือนักการเมืองหากินกับศพ หรือเป็นการสร้างสถานการณ์ป้ายสีนายกฯ เรื่องนี้มีข้อสังเกตคือ ความเชื่อมโยงของการประกาศภาวะฉุกเฉิน และการที่พลทาหารคนนี้เป็นทหารรับใช้บ้านแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งเป็นที่ที่นายกฯ พักอยู่ในช่วงเกิดเหตุตอนสงกรานต์ จึงอยากทราบผลการชันสูตร

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในหนังสือรับรองการตาย ระบุว่ากระดูกสันหลังส่วนคอถูกกระทบ มีเลือดออกบนเยื้อหุ้มสมองชั้นบนสุด พฤติกรรมการตายโดนของแข็งกระแทก แต่ใบมรณบัตรบอกกระดูกต้นคอหัก ส่วนพฤติกรรมการตายบอกลื่นล้มในห้องน้ำ ทั้งนี้พลทหารคนนี้โทรศัพท์คุยกับแฟนบอกปวดหัวเวลา 22.30 น.นอกจากนี้ ตอนโดนกระแทก สลบ ก็น่าไปส่งโรงพยาบาล ถ้าโดนสองทุ่ม เลือดออกสองชั่วโมง บาดแผลฉกรรจ์ก็เป็นไปได้ที่จะส่งผลถึงชีวิต


ด้านนายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า หลังเกิดเหตุที่กระทรวมหาดไทย ที่ตนประกาศภาวะฉุกเฉินร้ายแรง ก็เข้าไปหน่วยงานทหารเพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์ ประชุมถึงประมาณ ตีสองตีสามทุกคืนในช่วงนั้น ตอนเช้าก็จะเริ่มทำงาน 6-7 โมงเช้า พักที่บ้านแม่ทัพ ซึ่งพลทหารคนนี้ก็ทำงานดูแลบ้านรับรอง ทั้งนี้ตนพักคืนวันที่ 12 และ 13 เมษายน ส่วนเย็นวันที่ 14 เมษายน เหตุสงบลงแล้ว ก็ไม่ได้พักที่นั่น ส่วนการตรวจสอบ ได้รับรายงานมาว่า พลทหารส่งข้อความถึงแฟนเวลา 9 โมงวันที่ 13 จากนั้น วันที่ 14 เมษายน มาเกิดเหตุตอนสองถึงสามทุ่ม ก็มีการรายงานมาว่า ลื่นล้มในห้องน้ำ ได้รับแรงกระแทก คงเป็นที่คอหรือศรีษะ ซึ่งได้รับรายงานว่า ไม่ได้หมดสติไปเลย คงหมดสติไปพักหนึ่ง ผู้ถามเป็นแพทย์ก็คงทราบ และทราบจากรายงานว่า คืนสติขึ้นมา ก็โทรหาแฟนสาวและเพื่อน จากนั้นไปซื้อยาแล้วนอน ต่อมาทุกคนพบความผิดปกติช่วงเช้าวันถัดมา ซึ่งก็ไม่ทันการ ส่วนการตรวจก็ทราบว่า ไปที่โรงพยาบาลพระมงกุฏฯ และรามาฯ สาเหตุมาจากกระดูกต้นคอหักและมีเลือดออกในเยื่อหุ้มสมอง จากการกระแทกบริเวณคอ หลังจากนั้นมีข้อสงสัยว่า ลื่นล้มจริงหรือไม่ จึงต้องการให้หน่วยงานอื่นๆเข้ามา ซี่งสุดท้ายผลการชันศูตรของโรงพยาบาลศิริราชก็เป็นไปตามผลตอนแรก ดังนั้นถ้ามีการกระทำอย่างที่สมาชิกตั้งข้อสังเกต ก็ต้องดำเนินการ ซึ่งต้องมีการพิสูจน์ ส่วนที่อ้างว่า ล้มแล้วก็น่าส่งโรงพยาบาล เรื่องนี้เพื่อนของพลทหารก็จะส่งโรงพยาบาล แต่พลทหารที่เสียชีวิตบอกไม่ต้อง และปวดหัว จึงมีการไปซื้อยาแก้ปวดมาให้ ส่วนการเยียวยาทราบว่าจะได้รับเงิน 2 แสนบาท ซึ่งเป็นการเสียชีวิตจากการทำงานฝ่ายธุรการ โดยให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในฐานกำกับดูแลกระทรวงกลาโหม ดูแลต่อไป

วันพุธ, เมษายน 29, 2552

รายงานพิเศษ: เสียงจากเตียงพยาบาล ชะตากรรม ของคนเสื้อแดง ‘ด่านหน้า’ สามเหลี่ยมดินแดง

ที่มา ประชาไท

เสียงจากผู้ชุมนุม 2 รายที่ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดงในช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 เมษายน 2552 และพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึกจนถึงวันให้สัมภาษณ์คือวันที่ 27 เมษายน พวกเขาเล่าถึงเหตุการณ์ที่พวกเขาประสบ และแรงผลักดันที่ทำให้เขาเข้าร่วมชุมนุมในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนยังไม่ได้รับการติดต่อจากหน่วยงานภาครัฐในเรื่องการจ่ายค่าชดเชยแต่อย่างใด แม้ทางโรงพยาบาลระบุจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด

ขณะเข้าสัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณ์ไม่ได้แสดงตัวเป็นสื่อมวลชนต่อพยาบาล ในภายหลังจึงถูกพยาบาลต่อว่าเนื่องจากพยาบาลระบุว่าต้องส่งรายงานให้กับ ผอ.โรงพยาบาลด้วยหากมีสื่อมวลชนเข้าสัมภาษณ์ อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตพยาบาลให้การดูแลพวกเขาอย่างดี เป็นกันเอง และก่อนหน้านี้มีผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนบ้าง ทั้งนี้ รายชื่อและข้อมูลของพวกเขาก็ได้จากกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อครั้งไปชุมนุมที่ท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 25 เมษายน

สนอง พานทอง

ช่างซ่อมรถ อายุ 34 ปี

พื้นเพสนองเป็นคนบุรีรัมย์ แต่มาเป็นช่างซ่อมรถอยู่ที่ กทม. เป็นสิบปีแล้ว โดยเป็นลูกจ้างอยู่ที่อู่ของญาติแถวถนนวิภาวดีรังสิต ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืน ซึ่งเขาระบุว่าเป็นกระสุนขนาด 9 มม. เข้าที่ลูกสะบ้า (หัวเข่า) ด้านขวา เข้าทำการผ่าตัดแล้ว 4 ครั้งในช่วง 2 สัปดาห์ที่อยู่โรงพยาบาล เนื่องจากบาดแผลติดเชื้อ เพราะการกระโดดลงไปหลบทหารในคูน้ำครำ

“พอทหารเริ่มสลาย ผมอยู่ตึกพีเอ็ม ไปหาเพื่อน ยังไม่ทันดับเครื่องรถ เพื่อนบอกสลายแล้ว ก็เลยพากันบึ่งมา มาถึงแก๊สน้ำตามันเริ่มจางแล้ว เห็นมีรถเมล์จอดขวาง ก็เดินมาเรื่อยผ่านรถเมล์ ปรากฏว่าทหารก็ยิงปืนขึ้นฟ้ารัวๆ พวกเราก็หมอบลงกับพื้น แล้วก็คลาน หมอบ คลาน หมอบ คลาน อย่างนี้ พอเงียบไปซักพัก เหมือนเขายิงหมดแม็กแล้วก็เปลี่ยนกระสุน เงียบไปซักพัก ก็ลุกขึ้นวิ่งใส่เขาเลย บางคนก็วิ่งไปหลบตามต้นไม้ไป วิ่งเข้าใส่เขาด้วยกำปั้นเปล่าๆ นี่แหละ พอชุดที่สองดัง ก็มีเพื่อนเราโดน ที่เห็นๆ คือเลนฝั่งขวาที่มีเกาะกลางกั้น มีร่วงหลายคน ทีนี้มันเลยกลายเป็นความโกรธ เอ๊ะ กูมามือเปล่านะ มึงยังยิงพวกกูอีกเหรอ ที่เราขว้างเราก็มีแค่หินกับไม้ คุณคิดดูว่าไม้ ระยะขว้าง 10 กว่าเมตร มันจะแรงได้แค่ไหน เขาก็มีโล่”

“ตอนที่ผมโดนยิงนี่ วิ่งไปวิ่งมา ไปอยู่ห่างไม่เกิน 20 เมตร คิดดูรถทัวร์คันนึงยาว 12 เมตรนะ ผมเข้าใกล้จนเห็นเลยว่าทหารตั้งอยู่ 3 แถว แถวแรกเป็นไอ้เณรถือโล่ แถวสองนี่ปืน แถวสามตามเก็บ มันจะมีรถยีเอ็มซีวิ่งตามตูดมาห่างๆ ที่ผมโดนยิงก็คือว่า ผมจะเข้าไปดึงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง คุณเห็นกระสุนที่เขายิงขึ้นฟ้าไหม เขาเรียก กระสุนสองวิถี ก็คือกระสุนจริงนั่นแหละ กระสุนนี้มันมีสารอะไรบางอย่าง พอยิงแล้วมันจะมีเป็นแสงด้วย ปกติมันจะยิงขึ้นฟ้า แต่ผมอยู่หลังต้นไม้ เห็นมันมีอยู่ 2 นัดที่วิ่งมาในแนวราบ แล้วเด็กหนุ่มที่เดินหน้าผม เขาถอดเสื้อแล้วก็ก้าวขาจากฟุตบาทลงไปบนถนน ผมก็เป็นห่วงเขาก็เลยจะดึงเขาเข้ามาหลบ พอก้าวไปเขาก็โป้งเข้าขาผมเลย”

“ผมก็ตะโกนว่า เฮ้ย ผมโดนยิง พวกเราก็รีบเข้ามาช่วย เอามอเตอร์ไซด์มา ผมบอก โอ๊ย ขึ้นไม่ได้หรอก ผมโดนยิงขา โดนยิงลูกสะบ้า ขยับขาไม่ได้ ก็พยายามเก็บไม้แถวนั้นจะเอามาดามกัน ระหว่างนั้นทหารก็กรูเข้ามาอีก ทุกคนก็หนีหมด เหลือไอ้รัก (ไม่ทราบสะกดอย่างไร-ประชาไท) อยู่คนหนึ่ง เพื่อนผม มันไม่ได้โดนยิงโดนอะไร มันทิ้งผมไม่ได้ พอกอดคอผมได้มันก็พาผมโดดลงน้ำครำ สัญชาตญาณเอาตัวรอด ทั้งๆ ที่รู้ว่าหนีลงน้ำก็ไม่รอดหรอก ทหารมาก็ยิงตามลงไปอีก 2 นัด แต่ไม่โดน แล้วเขาก็ลากผมขึ้นมา ผมบอก พี่ ผมโดนยิง เขาบอกเดี๋ยวกูเอาส่งโรงบาล เขาก็มาส่งจริงๆ โรงบาลนี้แหละ”

“พอมาถึงปุ๊บ พวกพลเปลเขาก็เตรียมจะเอาผมลง มันก็ออกรถเลย แล้วก็เอาผมไปขังไว้ที่ พล 1 ร.อ. จนถึงแปดโมงเช้า โดยไม่ได้ปฐมพยาบาลอะไรเลย แล้วมันก็ลากผมออกมาสอบ ลากนะ หิ้วปีกสองข้างลากมา ขาก็ถูกับพื้น เลือดก็ไหล แล้วก็วางผมกองไว้กับพื้น (เสียงเริ่มสั่น) เขาก็จะสอบ แต่พอดีเห็นสภาพผมไม่ค่อยไหวแล้ว ไม่มีสุนัขตัวไหนมันพูดอะไรเลย เผอิญทหารเสนารักษ์เขาผ่านมา เขาก็เลยปฐมพยาบาลให้ ห้ามเลือด เขาก็ถามว่าทำไมไม่เอาผมไปส่งโรงบาลก่อน เขาโดนหนักนะ นั่นแหละ มันถึงได้เลิ่กลั่กๆ กัน แล้วก็มีนายทหารคนหนึ่งเข้ามา ในชุดเครื่องแบบสนาม แกก็บอก เออ น้องใจเย็นๆ เดี๋ยวพี่จะดูแลให้เต็มที่ แต่พี่ไม่มีอำนาจสั่งการอะไรนะ แล้วก็โทรหาระดับนาย นาน (เน้นเสียง) กว่ารถพยาบาลจะมารับผม รถพยาบาลก็ไม่ใช่ด้วย เป็นรถทหารนั่นแหละ แล้วก็เอามาส่ง ผมผ่าตัด 4 รอบแล้ว มันติดเชื้อ เพราะน้ำครำน่ะ....”

“ทำไมเราต้องขอพูดว่าสื่อไม่เป็นกลาง ก็สื่อไม่เป็นกลางจริงๆ แล้วผมก็ไม่เข้าใจแกนนำ คุณก็ไปที่ช่องสามเลยสิ เอาผมไปก็ได้ สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา เนี่ยอ่านข่าวที่นักข่าวเขาเสนอตามรัฐปาวๆ อะไรก็แดงผิดๆ นักข่าวเนชั่นมา ผมก็ตะเพิดไปแล้ว จะคุยทำแพะอะไร พวกเดียวกับสนธิ (ลิ้มทองกุล) ทั้งนั้น เด็กที่มาทำข่าวทำข่าวไปดี แต่พอไปถึงกอง บก.มันคนละเรื่องมาตลอด ผมก็ไม่รู้ว่าผู้ใหญ่ แกนนำเขาคิดยังไง ต่อสู้ยังไงแค่ชิงพื้นที่ทางสื่อก็ยังไม่ได้ ทั้งๆ ที่เรามีความจริงทั้งนั้น แต่เรากลับสู้เขาไม่ได้ ไม่เข้าใจ อย่างไทยรัฐ ก็ไปไล่จี้ดิ เอาผู้เสียหายเข้าไปเลย”

“หรือพวกที่เขียนเชียร์ประชาธิปัตย์อย่างนู้นอย่างนี้ แต่ถามว่าคนที่เขารักทักษิณเขาผิดหรือ นายกฯ ประเทศไทยมีมากี่คน มีเคยมีซักครั้งไหมที่ประชาชนเรียกร้องให้กลับมาแบบนี้ ฉะนั้น กรุณาเอาหัวแม่ตีนคิดหน่อยว่าเหตุมันเพราะอะไร แสดงว่าเขาก็ต้องมีส่วนดี และเพราะความไม่เป็นธรรมที่ผ่านมาใช่ไหม ก็ไม่รู้เหมือนกันพวกแกนนำคิดอะไร ไปเรื่อยๆ ไม่ on time, on target เลย ช่องสามเนี่ย (ชี้ไปที่โทรทัศน์ ที่กำลังเปิดรายการข่าวช่อง 3-ประชาไท) ผมมีทั้งลูกกระสุน มีใบรับรองแพทย์ ผมเอาแน่ แกนนำไม่เอา ผมเอาเอง”

“ยังไม่ได้เจอแกนนำใครเลย มีหมอเหวง (โตจิราการ) มา 3 นาทีก่อนผมผ่าตัด กับครูประทีป (อึ้งทรงธรรม) ก็มา พวกแกนนำ พวกเขาเป็นไอดอล มาให้กำลังใจซักหน่อยก็ดี หลายๆ ครั้งการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย นี่พูดไม่ได้อะไรหรอกนะ แต่มันไม่ค่อยมีหรอกที่แกนนำจะมาโดนยิงอย่างเรา เขาเป็นผู้นำทางความคิดก็เข้าใจ แต่ผมก็อยากเจอพวกวีระ (มุสิกพงศ์) ณัฐวุฒิ (ใสยเกื้อ) จตุพร (พรหมพันธุ์) ถามว่าท้อมั้ย ก็นิดหนึ่ง แต่ยังไงก็ต้องสู้ต่อ”

“ถามว่าออกมาสู้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ ตัวหรือใจล่ะ ถ้าใจก็ตั้งแต่บัง (พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน) ออกมาปฏิวัติแล้ว แต่ตัวออกมาสู้ก็ตั้งแต่มีการยิงที่วิภาวดีซอย 3 ตั้งแต่นั้นมาก็สู้เต็มตัวมาตลอด อย่างน้อยได้คุยได้ระบายอะไรกับคุณบ้างมันก็ดีขึ้นนะ”

“ผมยังรอโอกาสเปิดว่าจะมีใครซักคนมาให้เราพูดความจริงว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง เห็นอะไรมาบ้าง ต่อหน้าต่อตาเรา คุณเชื่อไหมว่าผมฝันมา 2 คืนติด สตาร์ทที่เดียวกันและจบลงที่เดียวกันเด๊ะ เหมือนฉายซีดี ทุกคนยืนอยู่ยังไง ใครเดินยังไง ใครล้มยังไง ใครขว้างก้อนหินยังไง เหมือนกันเป๊ะสองคืนมาแล้ว”

“ถ้าผมทำอาชีพนักข่าว ผมจะเก็บภาพพวกนี้ ผมคงรุ่ง แต่บังเอิญผมไม่มีความรู้ตรงนี้ นักข่าวก็พอมีตอนนั้น แต่เขากลัว เข้าไม่ถึงด้านหน้าหรอก”

“ถามว่าผมมาสู้เพื่ออะไร ก็กฎหมายมันสองมาตรฐาน ปากก็พูดปาวๆๆ ไม่สองมาตรฐาน ไม่สองได้ยังไง ก็ยิงซอย 3 เห็นอยู่โต้งๆ จับก็ไม่จับ ตำรวจก็อยู่ ทะเบียนเจ้าของก็มีให้ ยังไม่จับเลย แต่มาแหกปากบอกว่ามาตรฐานเดียวกัน บ้ารึเปล่า วันๆ นึงจบอ๊อกฟอร์ดมา ไม่ทำไร นั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อคิดคำพูดสวยๆ ผมถามว่าอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) มานั่งกับผม แล้วพูดกันภาษาบ้านๆ กับผม ให้ผมถามเลย ผมอยากรู้มันจะมีปัญญาตอบไหม อ๊อกฟอร์ด อ๊อกเหล็กอะไรน่ะ คุณให้สัมภาษณ์ว่ากระสุนกระดาษ กระดาษพ่อกระดาษแม่มึงเหรอเล่นเสียสะบ้ากูทะลุเลย ผมพูดแล้วอารมณ์มันขึ้นทุกที”

“คุณคิดว่ายังไงคุณก็ถูก เอะอะอะไรก็ไม่ได้รับรายงาน แสดงว่าคุณเป็นนายกฯ ที่ไม่ได้ลงพื้นที่เลยนี่หว่า อย่างนี้ลูกน้องสอพลอหน่อย บอกไม่มีอะไร ก็ไม่มีหมด พูดมาได้ว่าเช็คจากโรงพยาบาลทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลแล้วไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืน เอาสมองส่วนไหนให้สัมภาษณ์ คนอย่างนี้เหรอจะเป็นผู้บริหารประเทศ”

“บอกคนเสื้อแดงสู้เพื่อทักษิณคนเดียว สำหรับผม ถ้าผมบอกว่า ใช่ล่ะ นายกฯ ผ่านมากี่สิบคน มันมีคนที่ยิงตรงเป้าไหม ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลมากี่สมัย เป็นนายกฯ เยอะกว่าคนอื่นด้วยซ้ำไป เคยมีความคิดแบบนี้บ้างไหมล่ะ ที่มันเป็นอย่างนี้เพราะมันอิจฉา เขาดีแต่ปั้นคำพูดสวยหรูทุกอย่าง ถนัดแต่เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น เหตุผลเรื่องการขายหุ้นก็อธิบายหมดแล้ว ก็ยัง 'ขายชาติๆ' พอ 'ขายชาติ' ไม่ได้แล้วก็ 'ไม่จงรักภักดี' พูดได้แค่นี้”

“ผมบอกให้ ถ้าผมเกิดและโตในสมัยทักษิณอยู่ สมองระดับผม รับรองไปได้ไกลกว่าเป็นช่างซ่อมรถ เพราะผมเรียนเก่งแต่เด็ก แต่บ้านจนมาก ถ้ามีเงิน มีโอกาส มันไปได้ไกลกว่านี้ สมัยทักษิณผมก็เห็นว่าอนาคตลูกหลานสดใสมากขึ้น อาจจะได้ไปหนึ่งอำเภอหนึ่งนักเรียนนอกบ้างก็ได้ ฝันไว้ แต่ตอนนี้มันสลายทุกอย่าง คุณไม่ต้องการให้คนจนโงหัวได้ คุณไม่ได้รับรู้ความรู้สึกของคนจนชาวรากหญ้าหรอก ที่เขารักทักษิณเพราะมันมีเหตุให้รักให้ชอบ เพราะมันเข้าใจคนจน อภิสิทธิ์มาบริหาร คิดได้ยังไง ผู้ประกันตนเงินเดือนไม่เกิน 15,000 รัฐบาลให้ 2,000 แล้วยายมีขายไก่ ตาใสขายแกง แล้วผมซ่อมรถเนี่ย จะมีสิทธิได้กับเขาไหม แค่นี้คุณยังไม่มีสมอง ไม่เอารากหญ้าเลย คุณจะไปให้ทำเ_ย อะไรเงินเดือนตั้ง 15,000 ผมไม่รู้จะพูดยังไงกับรัฐบาลชุดนี้”

“ผมโกรธ โกรธมาตั้งแต่มันปฏิวัติ ตอนนั้นเศรษฐกิจก็ยังดีๆ ไม่ได้แย่นะ กำลังจะเป็นผู้ให้กู้แล้ว คุณลองถามพวกแม่บ้าน มอเตอร์ไซด์ พวกแท็กซี่ พวกอะไรต่อมิอะไร เขารักเขาชอบทักษิณเพราะอะไร ผมเป็นคนที่โกรธแล้วช้างจะตัวเท่ามดเลย แต่ผมไม่ได้จะโกรธอะไรง่ายๆ ปกติจะเฮฮา แต่มันหลายเรื่องหลายราวเหลือเกินที่ผ่านมา”

ศุภสิทธิ์ คนโทสิมพลี

ช่างเหล็กไซท์งานก่อสร้าง อายุ 46 ปี

พื้นเพเป็นคนปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เป็นช่างเหล็กในไซท์งานก่อสร้างแห่งหนึ่ง เริ่มติดตามการเมืองมาตั้งแต่หลังรัฐประหาร และร่วมชุมนุมตั้งแต่เดือนมกราคม 2552 ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืน โดยไม่ได้เห็นหัวกระสุน แพทย์ระบุว่าเป็นลูกซองสั้น ปัจจุบันแพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่ยังติดต่อญาติมาเซ็นรับรองไม่ได้

“ผมก็มาชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ที่มาชุมนุมสามเหลี่ยมดินแดงเพื่อกดดันรัฐบาลอภิสิทธิ์ให้แก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ ให้ยกเลิก 50 แล้วเอา 40 มาใช้ เพราะปัจจุบันมันยังไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ผมก็เลยเข้ามาชุมนุม”

“มาชุมนุมตั้งแต่เดือนมกรามาแล้ว ผมทำงานที่กรุงเทพฯ แกนนำเขาจะประกาศว่าจะชุมนุมที่ไหนบ้าง ผมติดตามตลอด และไปตลอด ที่เขาออกไปต่างจังหวัดผมไม่ได้ติดตาม เพราะต้องทำงานในกรุงเทพฯ พอเขานัดชุมนุมใหญ่เมื่อวันที่ 26 มีนา ผมก็เลยเข้ามาที่สนามหลวงครั้งหนึ่ง แล้วก็ยกขบวนกันเข้าไปที่รอบทำเนียบฯ ผมมาคนเดียว ไซท์งานนั้นชวนเพื่อนก็ไม่มีใครมา ผมทำงานก่อสร้าง เป็นช่างเหล็ก ผมมาทุกวัน เลิกงานก็มา วันนั้นก็กลัวเขามาสลาย และกลัวมือที่สองที่สามเข้ามาทำร้าย แต่ผมก็ยังทำงานอยู่ เพราะถ้าผมไม่ทำก็จะไม่มีรายได้อะไร ที่ผมไปไม่ได้มีค่าจ้างอะไรเลย ค่ารถเมล์ก็ต้องออกเอง เสื้อแดงไม่มีการจ้างใครทั้งนั้น ใครมีอุดมการณ์ที่จะกอบกู้ประชาธิปไตยก็เข้าร่วมได้หมด”

“ที่สามเหลี่ยมดินแดง ก็คือ แกนนำเขาประกาศรับอาสาสมัคร คืนนั้นจำนวน 50 คนเอง ผมก็มา แต่ปรากฏคนมากันร้อยสองร้อยคน ตอนนั้นผมรู้ว่าทหารจะต้องมาสลายจุดนี้แน่นอน ผมตั้งเป้าหมายในความคิดของผมเองว่าเขาจะโจมตีจุดไหนๆ เพราะที่วิภาวดีมีทหาร ถ้าเขาไม่เข้าเส้นพหลโยธิน ก็จะเข้าทางสามเหลี่ยมดินแดงเข้าไปถนนศรีอยุธยา จุดนี้ ผมก็เลยมาเฝ้าสังเกตการณ์ ก็ไม่ได้หลับเลย อ่อนเพลียมาก ไม่ได้นอนตั้งหลายคืน ผมก็เอนกายตรงสนามหญ้าสามเหลี่ยมดินแดง แต่หูผมฟัง คอยฟังรถถัง รถถังจะมาแบบไหนผมรู้ ถนนนี่เสียงจะดังเหมือนฟ้าผ่า ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม มาเลยแหละถ้าเป็นรถถัง ผมก็หูแนบดินไว้ แต่ก็ไม่มีวี่แวว”

“จนถึงตีสี่ แกนนำก็ประกาศว่าขณะนี้เวลาศูนย์สี่นาฬิกา ผมก็ยังได้ยินอยู่นะ ทีนี้ซักครู่นึง ก็มีม้าเร็วที่เป็นมอเตอร์ไซด์เสื้อแดง เขามาแจ้งว่าทหารเข้ามาแล้ว พวกผมก็เลยพากันลุก ตั้งหน้ากระดาน เพื่อจะไปป้องกันทหาร ไม่ให้มาสลายกลุ่มเสื้อแดงที่สามเหลี่ยม พวกผมก็ตั้งหน้ากระดาน มีคนวิ่งเข้าไป ใกล้จะถึงแล้ว ทหารเขายิงปืนไล่พวกผมเลย ขึ้นฟ้าหรือลงดินก็ไม่รู้แหละ แต่มันเข้าใกล้กันมาก แล้วเขาก็เขวี้ยงแก๊สน้ำตาเข้ากลุ่มเสื้อแดง เป็นคล้ายๆ ถังดับเพลิงอันเล็กๆ สีขาวๆ อะลูมิเนียม เต็มถนนไปหมดเลยทีนี้ ผมก็โดน แสบตาเหมือนกัน ดีที่ผมพกน้ำมา แต่บังเอิญบุญ เทพยดาฟ้าสางอะไรไม่รู้ ลมพัดกลับไปทางกลุ่มทหาร ทหารต้องร่นถอยกำลัง”

“พวกผมก็เคลียร์อยู่ในสนาม ตอนนั้นยังไม่เห็นคนเจ็บ เห็นแต่คนกุมหน้า ถอยกันหมดแล้ว แต่ผมไม่ถอย พอผมล้างหน้าแล้วก็สู้ต่อ ยังมีคนสู้ต่อ ก็ตั้งหน้ากระดานสู้ทหารอีก ไม้คนละท่อนเข้าสู้ทหาร ตอนนั้นคิดว่ายังไงเขาต้องเอาเราแน่ เพราะเสียงปืนลั่นแล้ว ถ้าเขาไม่ยิงปืนวันนั้น ก็คงจะพอเจรจากันได้ ด่านทหารกับด่านพวกผม ผมจะอธิบายว่าเรามาชุมนุมเพื่อกดดันเรียกร้องประชาธิปไตยกับรัฐบาล ไม่ได้มีทิฐิอะไรที่จะมาทะเลาะเบาะแว้งอะไรกับทหารเลย ทหารถือปืนมาแบบนี้ มาถึงเหมือนเตรียมการมาฆ่าประชาชน ตอนนั้นผมบันดาลโทสะแล้ว ถือไม้วิ่งเข้าสู้ทหารเลย ยิงแก๊สน้ำตาก็ยิงแล้ว ยิงก็ยิงแล้ว เราดาหน้าเข้าไปใหม่ มีประมาณ 6-7 คน”

“ที่มากันเป็นร้อยอยู่ด้านหลังหมดแล้ว โดนแก๊สน้ำตา ฟูมฟายกันแล้ว แต่พวกผมไม่สนแล้ว ยังไงเขาก็ต้องฆ่าเรา ตายก็ตาย ต้องสู้ ตอนนั้นทหารก็ยังไม่หยุดยิง ยังยิงอยู่อย่างนั้น ยิงไม่หยุดไม่หย่อน วิ่งเข้าสู้ แต่ตอนหลังผมคิดว่าคงสู้ไม่ไหวแล้ว กำลังคนผมน้อย ผมเริ่มใจอ่อน แล้วจะวิ่งหนีทหาร วิ่งเข้าไปหลบในปั๊มน้ำมันเชลล์ ห่างทหารไม่เท่าไหร่ แล้วเขาก็ยิงตามผมมา ผมก็ล้ม ไปไม่ไหว ก็นำพาชีวิตผมกระเสือกกระสนเข้าไปในปั๊มน้ำมัน ไปหลบที่ต้นดอกไม้ต้นหนึ่ง กระเสือกกระสนด้วยขาเดียว มือกุมขาอีกข้างหนึ่ง กระดูกผมแตก โดนยิงตรงหน้าแข้งขวา กระดูกแตกร้าวมาด้านบน ผมก็ไปซุกอยู่ตรงต้นไม้ ทหารก็รุดหน้าไป หางแถวก็ผ่านมา ตรงหางแถวก็จะมีแพทย์ทหารแล้วก็มีหน่วยคุมด้านหลังอีก เขาเห็นก็เข้ามาทำร้ายผม ตีผม เข้าไปตีจนผมคิดว่าจะตายคาที่อยู่ตรงนั้น แต่ซักพักหนึ่งยังฟื้นสติขึ้นมาได้ ตีปุงปังเลย ใช้กระบอง ตีผมเสร็จก็ลากผมออกมาถนนใหญ่ ถอดรองเท้า เอกสารที่ผมคาดเอวอยู่เอาของผมไปหมด กางเกงก็ตัดของผมทิ้ง ทีนี้ก็จับขึ้นเปลทหารยกขึ้นรถ แต่ก็ยังดี เขายังมีจิตใจไม่พาผมหนีไปลพบุรี แต่พามาโรงพยาบาลนี่”

“ก็มาเจรจากับผอ.อยู่พักหนึ่ง ผอ.ก็รับ ยังไงเขาก็คงจะช่วยชีวิตผม รออยู่ชั่วโมงสองชั่วโมงก็ได้ผ่าตัด เสร็จก็เอาผมพักฟื้นจากยาสลบ ผมก็ยังมึนๆ งงๆ มาอยู่บนตึกเกือบเจ็ดโมงแล้วมั้ง สว่างโล่แล้ว เสียงปืนยังไม่หยุดเลย ผมไม่รู้เลย แต่ประเมินว่าคนตายเยอะแน่ ก็เสียงปืนยิงไม่หยุดตั้งสองสามชั่วโมงขนาดนั้น”

“ของผมผ่าตัดแล้วก็เอ็กซเรย์พบกระดูกหักแล้วก็แตกร้าวขึ้นมาด้านบนเป็นเสี่ยง ท่าน ผอ.ก็มาบอกตอนพักฟื้นว่า ไม่เป็นไร โรงพยาบาลจะรักษาจนหาย ไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ผมก็ชื่นใจ แพทย์ผ่าออกมาชันสูตร แล้วมาบอกว่ากระสุนลูกซองสั้น ผมก็ไปโต้กับนายแพทย์อีกครั้งหนึ่งว่า ทหารจะพกปืนลูกซองสั้นเหมือนเอกชนนี่เป็นไปไม่ได้ ทหารต้องติดอาวุธสงครามเท่านั้น ผมไม่เห็นหัวกระสุน ผอ.ท่านเก็บไว้เลย ไม่ให้ผมดูเลย แต่มาบอกว่าเป็นลูกซองสั้น ผมคิดว่าไม่เป็นอาก้า ก็เอ็ม 16 หรือไม่ก็ 9 มม. ของทหารสัญญาบัตรที่จะพกได้ พวกสัญญาบัตรนี่เขาจะมีกุญแจ วิทยุ ปืนสั้น ปืนยาว”

“ตอนผมมานี่เขาเอาใส่รถมาคนเดียวโดดๆ เลย ตอนนั้นไม่กลัวแล้ว ตายเป็นตายแล้วจิตใจผม ผมโส (ไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่มีพะวง สู้ตาย) ตั้งแต่ตอนเอากระบองมาตีผม ตอนนั้นทำใจแล้ว มันมืดไปเลย แต่มันยังไงไม่รู้ มันยังโงกเงกๆ ขึ้นมาได้ ทหารแพทย์ที่มีกากบาทสีแดงด้านซ้ายเอาผมมาส่ง ผมมารอคิวเข้าห้องผ่าตัด เพราะทหารก็โดนเหมือนกัน เขาเอาทหารเข้าก่อน ผมก็ไม่ทราบว่าเขาโดนอะไร กลุ่มฝ่ายขวาก็บุกสู้กับทหารด้วยไม้เหมือนกัน กลุ่มนี้มี 20 กว่าคน”

“อ้อ ตอนอยู่ในปั๊มก็มีเพื่อนเสื้อแดงยืนหลบกระสุนอยู่เหมือนกัน ยืนกันโหงกเหงกๆ อยู่ ผมก็มองเห็นสองคน เลยกวักมือเรียกให้มาช่วย เขาก็อุ้มผมขึ้นจริงๆ สองมือผมก็กอดขาผมไว้ แล้วทหารก็กรูมา ตีผมด้วย ตีคนอุ้มด้วย บอกให้วาง แล้วเพื่อนผมยังร้องว่า ผมจะเอาเพื่อนผมเข้าโรงบาล “วางเดี๋ยวนี้เลย” ทหารก็ขู่ เขาก็วางผมลง แล้วก็ตีผมอีก สุดท้ายก็มารักษาตัวที่นี่ ตอนตกฟากเข้า 13 แล้ว”

“วันนี้วันที่ 27 แพทย์ให้อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ตั้งแต่วันที่ 24 ทีนี้ต้องรอญาติมาเซ็นออกแล้วก็ไปเข้าเฝือกที่บ้าน ต้องรักษาเป็นปีหมอบอก แต่ญาติไม่รู้เรื่องรู้ราว พ่อแม่แก่ๆ อยู่ที่บ้าน ญาติในกรุงเทพฯ ก็มีหลานที่เขาได้รู้ข่าวจากโทรทัศน์ก็มาเยี่ยมวันก่อน แต่ผมไม่ได้ขอเบอร์โทรศัพท์เขาไว้ ปากกาก็ไม่มี สมุดก็ไม่มี กำลังเจ็บ และคิดว่าจะได้ออกจากโรงบาลเอง ก็เลยติดต่อกันไม่ได้ แต่เขาคงพยายามรายงานพ่อแม่พี่น้องผมที่บ้านนอก แต่ผมติดต่อไม่ได้เพราะว่าไม่มีเบอร์ใครไว้”

...............................................

นายแน่น จิตรนอก อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 761 หมู่ 4 บ้านวังอ่าง ต.บัววัฒนา อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ต.เสถียร ชุมกว้าง พงส. (สบ 2) สภ.หนองไผ่ ว่า บุตรชายชื่อ ส.ต.มานะ จิตรนอก อายุ 37 ปี อดีตทหารเกณฑ์ได้หายตัวไป หลังจากไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยนายแน่นให้การกับพนักงานสอบสวนว่า ลูกชายเข้ารับการคัดเลือกเป็นทหารเกณฑ์ ระหว่างรับราชการทหารได้ศึกษาต่อเพิ่มเติม เมื่อปลดประจำการจึงได้รับยศเป็นสิบตรี ที่ผ่านมาลูกชายมีความสนใจด้านการเมืองมาก และเข้าไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงแทบทุกครั้ง ล่าสุดไปร่วมชุมนุมที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 เม.ย.

นายแน่นให้การต่อว่า ตนและญาติพี่น้องติดต่อกับ ส.ต.มานะครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 14 เม.ย. เวลา 07.00 น. ลูกชายโทรศัพท์มาจากหมายเลข 0-2280-4699 แจ้งให้ ทราบว่า ถูกยิงได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า ขณะที่ร่วมชุมนุมอยู่หน้าทำเนียบรัฐบาล จากนั้นญาติก็ไม่สามารถติดต่อกับ ส.ต.มานะได้อีก หลังทราบว่า ส.ต.มานะหายตัวไป น.ส.รจนา เข้มแข็ง อายุ 40 ปี ภรรยาของ ส.ต.มานะ ไปแจ้งคนหายไว้ที่ สน.ดุสิต เมื่อวันที่ 24 เม.ย. เวลา 14.30 น. กระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่า ส.ต.มานะไป อยู่ที่ไหน และเมื่อวันที่ 26 เม.ย. น.ส.รจนา ภรรยาของ ส.ต.มานะ ได้นำเอกสารแจ้งคนหายจาก สน.ดุสิต มามอบให้ตน เพราะเห็นว่าคดีไม่มีความคืบหน้า ด้วยความเป็น ห่วงลูกชายตนเลยเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ. หนองไผ่ เพื่อให้ช่วยสืบสวนติดตามหา ส.ต.มานะอีกทาง

ชาวเน็ต ตบหน้าสื่อไทย และรัฐบาลจอมลวงโลก อีกครั้ง ชาวบ้านที่เขาว่ามีมือเปล่าที่ ถนนเพชรบุรี

จากคุณ : darkland พันทิป
ภาพทั้งหมดเป็นการถ่ายจากฝีมือ ของผมที่ไม่ใช้มืออาชีพครับต้องขออภัย ที่นำมาลง หาก ผมผิด ขอโทษนะครับ
ก็ผมก็รู้ว่าเขา ปกป้องที่อยู่ตัวเอง แต่ไหนสื่อ บอกว่าชาวบ้านไม่มีอาวุธเลยครับ โดยเฉพาะ ASTV นะ ไม่เคยและก็ไม่เคย
มีสื่อไหนนำออกมาเสนอ ผมจึงสนองตอบครับกระผม โทษทีครับ


ไหนนักข่าวบอกว่า ชาวบ้านไล่อาวุธไงละครับผมถ่ายรูปมาได้แต่ผมไม่กล้าถ่ายหน้ามาคับ เพราะเขาบอกว่า
น้องมาถ่ายภาพทำไมถ่ายไปทำอะไร และก็จับทีคอผม ผมกลัวมาก ผมเลยต้องบอกว่าเอาไปลงเว็บไซค์เฉยๆ
ถ้าบอกเป็นนักข่าว ผมว่าโดนแน่ และชาวบ้านแถวนั้นจะเป็นชาวมุสลิมเยอะครับ เกือบทั้งหมด ตรงแถบรางรถไฟด้วยครับ

นี้ภาพ ที่มีกลุ่มคนร่วมกลุ่มกันใต้ทางด่วน ซึ่งไม่รู้ว่ามาเพื่อจุดประสงค์ใด แต่ที่ทราบเขามา ทำร้ายเสื้อแดง กับ ด่าทหารที่มาห้าม
ไม่ให้ทำร้ายเสื้อแดงครับ

ภาพนี้มี การเอาอาวุธซ่อนไว้ข้างหลังด้วยครับบ คนหน้านะ ไม้ แบสบอล และยังมีไม้กอฟด้วย อุปกรณ์กีฬาพวกนี้คุ้นๆนะ

มีคนบ้างคน พบมีดด้วยคับ

อันนี้เรื่อง จากคุณ : MDcute

การบาดเจ็บจากการล้มฟาดพื้น

(Ground-level Fall)

การเสียชีวิตจากการล้มฟาดพื้นมักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุที่มีอายุเกินกว่า 70 ปีและมีโรคของระบบหัวใจและหลอดเลือดอยู่ สถานที่เกิดเหตุส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัยของผู้สูงอายุนั้นเอง บาดแผลที่พบในผู้ตายจากการล้มฟาดพื้นมักมีเพียงแผลเดียวที่ศีรษะ โดยอาจเป็นบาดแผลฟกช้ำ (contusion) หรือบาดแผลฉีกขาดขอบไม่เรียบ (laceration) ก็ได้ ส่วนใหญ่บาดแผลจะอยู่ในบริเวณขอบของเส้นผ่าศูนย์กลางที่กว้างที่สุดรอบศีรษะ หรือที่เรียกกันว่า brim of hat โดยพบได้บ่อยที่สุดที่ด้านหลังของศีรษะ อย่างไรก็ตาม มีบางการศึกษาพบว่าบาดแผลฟกช้ำที่เกิดจากการล้มฟาดพื้นสามารถเกิดขึ้นกับศีรษะในบริเวณที่อยู่สูงกว่า brim of hat ได้ ทั้งนี้อาจเนื่องจากศีรษะมีการกระแทกเข้ากับวัตถุแข็งๆ ก่อนที่ร่างกายจะร่วงลงไปที่พื้น แต่สำหรับบาดแผลที่อยู่สูงถึงระดับ vertex นั้นเป็นไปได้ยากที่จะเกิดขึ้นได้ในลักษณะเช่นนี้

การบาดเจ็บของอวัยวะภายในที่พบได้บ่อยที่สุดคือการบาดเจ็บของศีรษะ โดยอาจพบกะโหลกศีรษะแตก เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองและการบาดเจ็บของเนื้อสมอง ส่วนการบาดเจ็บของคอและทรวงอกนั้น พบได้บ้าง



การแตกของกะโหลกศีรษะเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าแรงที่กระทบกับศีรษะนั้นมีความรุนแรง หากมีการแตกของกะโหลกศีรษะเกิดขึ้นก็เป็นไปได้ยากที่จะไม่มีการบาดเจ็บเกิดขึ้นภายในศีรษะเลย การแตกของกะโหลกศีรษะอาจเกิดขึ้นได้แม้ความสูงที่ล้มลงมาจะต่ำเพียงแค่ 6 ฟุต (1.8 เมตร) ก็ตาม ลักษณะการแตกของกะโหลกศีรษะมักเป็นแบบเส้น (linear fracture) และมักจะวิ่งลงไปถึง foramen magnum ถ้าท้ายทอยกระแทกพื้นตอนล้มหัวฟาด

การแตกของกะโหลกศีรษะ นอกจากจะเกิดจากการกระแทกกับพื้นโดยตรงแล้ว ยังอาจเกิดขึ้นได้จากการล้มเอาศีรษะด้านหลังกระแทกพื้น ทำให้สมองเคลื่อนที่ไปกระแทกฐานกะโหลกศีรษะด้านหน้าซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นบาง เป็นเหตุให้เกิดการแตกขึ้น เรียกว่า contrecoup fracture

การกระแทกที่ศีรษะจากการล้มฟาดพื้นนี้อาจทำให้เกิดภาวะเลือดออกภายในช่องกะโหลกศีรษะ (intracranial hemorrhage) ที่พบได้บ่อยที่สุดคือ subdural hemorrhage (SDH) การเกิด SDH นี้ไม่สัมพันธ์กับการแตกของกะโหลกศีรษะ เนื่องจากกลไกการเกิดเป็นเรื่องของ shearing force ซึ่งทำให้เส้นเลือดที่เชื่อมระหว่างผิวสมองกับ dura ฉีกขาด และด้วยเหตุนี้ภาวะ SDH จึงพบได้บ่อยในผู้สูงอายุและผู้ที่ดื่มสุรามากๆ เป็นประจำ เนื่องจากช่องว่างระหว่างผิวสมองกับ dura มีมาก เส้นเลือดที่เชื่อมระหว่างช่องดังกล่าวจึงถูกยืดออกและฉีกขาดได้ง่าย

นอกจาก SDH แล้ว epidural hemorrhage ก็เป็น intracranial hemorrhage อีกอย่างหนึ่งที่พบได้บ่อยในผู้ที่ตายจากการล้มฟาดพื้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เอาศีรษะด้านข้างกระแทกพื้น ทำให้กะโหลกศีรษะบริเวณเหนือหูแตก เป็นเหตุให้มีการฉีกขาดของเส้นเลือด middle meningeal ขึ้น อย่างไรก็ตามภาวะนี้พบได้ไม่บ่อยเท่ากับ SDH



สำหรับการบาดเจ็บของเนื้อสมองนั้นมักพบเป็น brain contusion โดยพบอยู่ในบริเวณที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับบริเวณที่มีการกระแทก (contrecoup contusion) เนื่องจากเป็นการบาดเจ็บแบบ deceleration การฟกช้ำของสมองมักพบอยู่ในบริเวณ frontal และ temporal lobes ไม่ค่อยพบที่ occipital lobe แม้จะเป็นการล้มเอาหน้าผากกระแทกพื้นก็ตาม การล้มศีรษะกระแทกพื้นอาจทำให้เกิด coup lesion ได้ แต่จะมีความรุนแรงน้อยกว่า contrecoup lesion

การล้มฟาดพื้นอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของ cervical vertebra ได้ โดยจะเกิดเป็น anterior dislocation หากล้มหงายหลังเอาท้ายทอยฟาดพื้น ส่วนการล้มคว่ำเอาหน้ากระแทกพื้น ถ้ามี dislocation ก็จะเป็นแบบเคลื่อนไปทางด้านหลัง

การบาดเจ็บที่ทรวงอกเนื่องจากการล้มกระแทกพื้นมักพบในกรณีที่เอาลำตัวกระแทกพื้นซึ่งจะทำให้เกิดการหักของกระดูกซี่โครงได้ บริเวณที่หักมักอยู่ที่ anterior หรือ posterior axillary lines

ล้มฟาดพื้นหรือถูกตีที่ศีรษะ?

เนื่องจากการเสียชีวิตจากการล้มฟาดพื้นและการตกลงมาจากที่เตี้ยๆ มักเกิดขึ้นที่บ้านหรือที่พักอาศัย และเสียชีวิตด้วยการบาดเจ็บที่ศีรษะ ในกรณีที่ไม่มีผู้เห็นเหตุการณ์ที่น่าเชื่อถือจำเป็นต้องวินิจฉัยแยกออกจากการเสียชีวิตเนื่องจากการถูกทำร้ายร่างกาย (physical assault) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถูกตีที่ศีรษะด้วยวัตถุแข็ง การบาดเจ็บที่ศีรษะของสองกรณีนี้มีความแตกต่างกันตรงบาดแผล ลักษณะการแตกของกะโหลกศีรษะและการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นภายในศีรษะ

บาดแผลบริเวณศีรษะที่เกิดจากการล้มฟาดพื้นหรือตกจากที่เตี้ยๆ มักจะมีเพียง 1 แผล แตกต่างจากการถูกตีที่ศีรษะซึ่งมักจะมีหลายแผล สำหรับบริเวณที่เกิดบาดแผลนั้นพบว่าบาดแผลที่เกิดจากการล้มศีรษะฟาดพื้นมักจะอยู่ต่ำกว่า brim of hat ส่วนบาดแผลที่เกิดจากการตีที่ศีรษะมักจะอยู่ในบริเวณเหนือต่อ brim of hat อย่างไรก็ตามมีบางการศึกษาที่พบบาดแผลฟกช้ำจากการล้มฟาดพื้นหรือตกจากที่เตี้ยๆ อยู่เหนือ brim of hat และพบบาดแผลที่เกิดจากการถูกตีที่ศีรษะอยู่ในบริเวณหรือต่ำกว่าบริเวณ brim of hat ดังนั้นนอกจากจะพิจารณาจำนวนและบริเวณที่พบบาดแผลแล้ว ยังจำเป็นที่จะต้องตรวจดูสถานที่เกิดเหตุให้ละเอียดด้วยว่ามีวัตถุใดที่สามารถทำให้เกิดบาดแผลดังกล่าวได้บ้างในขณะที่ผู้ตายล้มลง โดยพิจารณาลักษณะของวัตถุนั้นว่าทำให้เกิดบาดแผลดังกล่าวได้หรือไม่ ที่ตั้งของวัตถุทำให้เกิดแผลในบริเวณนั้นของศีรษะได้หรือไม่ และหากบาดแผลเป็น laceration ก็ควรตรวจดูด้วยว่าวัตถุดังกล่าวมีคราบเลือดและ/หรือเส้นผมของผู้เสียชีวิตติดอยู่หรือไม่

นอกจากบาดแผลดังที่กล่าวไปแล้ว การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นภายในศีรษะของทั้งสองกรณีก็ยังมีความแตกต่างกันด้วย การบาดเจ็บภายในศีรษะที่เกิดจากการล้มหรือตกลงมากระแทกพื้นมักเป็น contrecoup lesion ในขณะที่การบาดเจ็บจากการถูกตีที่ศีรษะส่วนใหญ่จะเป็น coup lesion

http://www.mediafire.com/?nmkitnfnnmy

ดู+ฟัง คำอธิบายในสภา + ผลพิสูจน์ 27/04/2552 จากคุณ : mcu51

1. นายก สมัคร ทำกับข้าวออกทีวี โดนปลดจากนายกฯ จนเสียงหัวเราะดังไปทั่วโลก
คุณจรัญ สอนหนังสือเก็บเงิน กลับไม่มีปัญหากับ ตำแหน่ง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

2. นปก บุกบ้าน สี่เสา ตำรวจลุยด้วย แก๊สน้ำตาและกระบอง แกนนำ นปก โดนจับติดคุก นักวิชาการเงียบสนิท
พันธมิตรยึดทำเนียบ ยึดสภาฯ ยึดสนามบิน นักวิชาการบอกว่า ห้ามใช้แก๊สน้ำตา และ อาวุธใดๆ ใช้โล่ห์ได้อย่างเดียว ทุกวันนี้แกนนำมอบตัวเสร็จแล้ว ยังลอยนวล ไม่ได้เข้าคุกแม้แต่คืนเดียว

3. ความผิด พปช เล็กน้อย ดันยุบพรรค
แต่บางพรรค ซื้อเสียงเห็นๆ กลับหลุดใบแดง ... ไร้ความผิด

4. รายการความจริงวันนี้ พูดความจริง มีหลักฐานชัดเจน กลับระงับการออกอากาศ
ที TV บางช่อง โกหกมากมาย ปลุกปั่นประชาชน กลับ ไปให้ความคุ้มครอง ...

(จาก Mr. Google)
5. นปช. หากปิดสภาจะจัดการข้อหากบฎอย่างเต็มที่พธม. ลอยนวลอยู่เลย

6. นปช. ขว้างหิน อิฐ ใส่รถ ตำรวจจับได้อย่างรวดเร็ว (ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี)
พธม. ใช้อาวุธปืน ยิงในที่สาธารณะ ทำร้ายร่างกายจบเกือบตาย ยังลอยนวล

7. คุณนพดล ปกป้องสมบัติชาติจากกัมพูชา บอกขายชาติ
พธม. ยึดทำเนียบ ล้อมสภา ปิดสนามบินเสียหายแสนล้าน ได้เป็นรัฐมนตรีการต่างประเทศ และระบุว่า โอ่มันยอดมาก!

(จาก คุณ KhongLen)
8. นโยบายประชานิยม เอ็งทำข้าด่าว่าเลว แต่ทีข้าเป็นกลับบอกว่าเป็นนโยบายที่ดี

9. ขายหุ้นชิน โดนด่าขายชาติ+ปรับ+คุก ขาย DTAC กลับบอกว่าบริษัทไปไม่ไหว

10. 30 ตายทุกโรค แต่ดันเสนอรักษาฟรีหายทุกโรค

(จาก คุณ ขุนเข่าไร้น้ำใจ)
11. กล่าวหาว่าหวยบนดินผิดหมด(ที่แย่งขุมทรัพย์เจ้ามือหวยเถื่อน) ....แต่รัฐไม่เห็นจะปราบเจ้ามือหวยใต้ดิน..ซะง้าน

12.โครงการลำใยล่องหน กล้ายาง CP และหลายๆโครงการยุครัตะบานท่านนายกทักษิณที่ว่าโกงกิน ๆๆ จัดการพร้อมๆกะ ปรส. ด้วยจิ

13. ที่ว่าหมิ่นสถาบันและถูกขังลืม กับคนที่หมิ่นสถาบันแล้วลอยนวนล่ะ...

(จาก คุณ เทพนิรมิตร)
14. ผบ.ทบ.ชอบทำตาเขียวใส่เสื้อแดง
แต่ทำตาขาวใส่เสื้อเหลือง

(จาก คุณ kriengchai)
15. นายกฯกับที่ดินรัชดา และ นายกฯกับที่ดินเขายายเที่ยง

(จาก คุณ wealthyman)
16.
---พันธมิตรป่วนเมืองประกาศปิดล้อมสภา หรือจะชุมนุมยึดสนามบิน
#สื่อ นักวิชาการ อาจารย์ ออกมารุมประณาม ออกมาปรามตำรวจว่าอย่าใช้ความรุนแรง
#ตำรวจ มีโล่ห์ กระบอง แก๊สน้ำตาอย่างเดียว

---เสื้อแดงรักประชาธิปไตย มาชุมนุม
#สื่อ นักวิชาการ อาจารย์ ออกมาบอกว่า เสื้อแดงอย่าสร้างความรุนแรง
#เอาทหารหมวกแดงอาวุธครบมือ ระเบิดสังหาร ปืนกล พลซุ่มยิง

(จากคุณ Heart Attack)
17. .คดียุบพรรค รอบ1 รอบ2 ศาลรับฟ้อง-พิจารณา-ตัดสินอย่างรวดเร็ว
และตัดสิทธิ์ กก.บริหารพรรค 5 ปี อย่างรีบเร่ง โดยไม่ให้มีทนายแก้ต่าง
แต่คดี ปรส. และคดีอื่นๆ ของ ฝ่าย ปชป. ดองไว้จนหมดอายุความ

18. ทรท.พปช. ได้เสียงข้างมาก จัดตั้งรัฐบาล โดยเสียงมากมายมาจาก
พี่น้องชาวอิสาน ถูกหาว่าเป็น รัฐบาลชั่ว เพราะได้คะแนนจาก
รากหญ้าอิสานที่ขายเสียง ขายสิทธิ์ ได้ สส.ไร้คุณภาพที่ซื้อเสียงมา

พรรค ปชป.ใช้วิชามาร สร้างความปั่นป่วน หายนะให้ประเทศมากมาย
และซื้อ สส.จากพรรคคู่แข่ง สส.ที่เค้าว่าไร้คุณภาพ ซื้อเสียงมา นั่นแหละ มาโหวตให้ตัวเองเป็น นายกฯ
กลับบอกว่า ได้รัฐบาลคุณภาพ

(จาก คุณ envieco1)
19. พปช เป็นรัฐบาล จะทำงาน ปชป 40 สว พธม ไม่เคยให้โอกาส
แต่ พอ มาร์ค มาเป็น นายก ของ โอกาสทำงาน 5555

(Starfish)
20. ทหารใหญ่ขึ้นเวทีพันธมิตรวิจารณ์รัฐบาลอย่างชัดเจน ไม่ผิด แต่หมวดเจี๊ยบโดนดักคอตั้งแต่มีแนวโน้มว่าจะวิจารณ์รัฐบาล บอกผิดกฏกระทรวงกลาโหม

21. ASTV ศาลปกครองคุ้มครอง พอ DTV จะเปิดบ้าง ปชป ขุดกฏหมายมาเตรียมตัวฟ้อง ...


(เพิ่มเติม Starfish)

22. คุณ จักรภพ แกนนำเสื้อแดง ประท้วงแค่หน้าบ้านป๋าเปรม ปชป บอกว่า เป็น รัฐมนตรี ไม่ได ้ แต่ คุณกษิต แกนนำเสื้อเหลือง ลุยปิดสนามบิน เสียหายแสนล้าน แล้วยังให้สัมภาษณ์ อาหารอร่อย ดนตรีไพเราะ ปชป บอกเป็น รัฐมนตรีได้ แถมตั้งเองเสียอีก แล้วยังมีหน้ามาบอกว่า มันเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล ที่ไปปิดสนามบิน ... !!??

23. คดีซานติก้า เกิดหลังปิดสนามบินตั้งนาน แถลงสรุปคดีกันแล้ว คดี พันธมิตรปิดสนามบิน กลับเงียบสนิท คนที่เคยว่าฟ้องแน่ อย่าง การบินไทย สนามบิน ไม่รู้ว่าฟ้องหรือเปล่า เงียบสนิทอีกเหมือนกัน … มันอะไรกันครับนี่ !!!

24. ทำกับข้าวถูกปลด เป็นกบฏถูกปล่อย (วลีดังในห้องราชดำเนิน)

25. เสื้อแดงกำลังจะชุมนุมประท้วงในงาน ASEAN ดักคอว่า “พวกทำลายประเทศ”
ทีตอน เสื้อเหลืองติดอาวุธ ปิดทำเนียบ ปิดสภาฯ ปิดสนามบิน ก่อการร้ายประท้วงรัฐบาล บอกว่า ดันบอกว่าชุมนุมถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ (เฮ้อ!!!)

26. กกต ขู่ บ้านเลขที่ 111 ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง สมัย ตั้งพรรค พลังประชาชน ตั้งรัฐบาลก่อน แต่มาวันนี้ ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล คุณเนวิน ช่วยตั้งรัฐบาลชัดๆ สื่อออกข่าว มีรูปชัดเจนว่ากอดกับคุณอภิสิทธิ์กลม แต่ กกต บอกว่า ไม่ผิดว่ะ !!! ให้ยกคำร้อง (ฮา….)

27. สว เรืองไกร ยื่นถอดถอนสมัครเรื่องทำกับข้าวออกทีวี ท่านว่า ถูกแล้ว ชอบแล้ว แต่ฝรั่งหัวเราะกันทั่วโลก
พอ สว เรืองไกรคนเดิมยื่นยุบพรรค ประชาธิปัตย์ เพราะหลักฐานชัดว่า ร่วมกับ เนวิน ณ 111 ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ท่าน กกต สั่งสอยทันที จะถอนสิทธิ์ สว เรืองไกร อะไรกันนักกันหนา !!!


(จากคุณ Big ben_ckw)
28. ตอนรัฐบาลสมชายจะลงทุนรถไฟฟ้าหลายหมื่นล้าน...บอกว่าอย่าเพิ่งลงทุนตอนนี้เลย เพราะเศรษฐกิจไม่ดี..
ตอนนี้เศรษฐกิจล่มจมทั้งโลก กู้แสนล้านก็ไม่เป็นไร ทำถูกแล้วรัฐบาลนี้

(จากคุณ หุนหวย)
29. ไม้เบสบอล ไม้กอล์ฟ ของพันธมิตร เป็นอุปกรณ์กีฬา
ไข่ ของ เสื้อแดง เป็นอาวุธทำร้ายร่างกาย

(เพิ่มเติม Starfish)
30. เสื้อเหลืองปิดสนามบินเสียหาย แสนล้าน บอกว่าจะปรับ 500 แต่เสื้อแดงปิดถนน แค่รถติดมากขึ้น บอกว่า จะจับติดคุก 7 ปี

31. เสื้อเหลืองปิดทำเนียบ ปิดสภาฯ ปิดสนามบิน ท่านอธิการบดี เงียบไร้แถลงการณ์ แต่พอเสื้อแดงแค่ปิดถนน ท่านอธิการบดีทั้งหลาย ออกแถลงการณ์ ให้หยุดการประท้วง ...

32. เสื้อเหลืองชุมนุม คนน้อยกว่ามาก ทหารใหญ่ทั้งหลาย กดดันผ่านจอทีวี ให้ นายกฯ สมชาย ลาออก เสื้อแดงชุมนุม คนหลักแสนกดดันให้ นายกฯ อภิสิทธิ์ ลาออก ทหารใหญ่ กลับ เงียบสนิท ...

แล้วจะให้ประชาชน เขาคิดอย่างไร ... !!??

จากคุณ : ขยะแห้งReturn

วันจันทร์, เมษายน 27, 2552

รัฐโจร ปชป.เผด็จการทหาร+อำมาตย์ ไม่พอใจการ์ตูน ‘เซีย ไทยรัฐ’ ประชาธิปัตย์เตรียมร้องสภาการหนังสือพิมพ์

.

การต่อสู้ของ เสื้อแดง ถือว่าเก่งมาก ยืนระยะมายาวนา; แม้จะถูกรุมแบบ หมาหมู่


มันยิ่งกว่า 6 รุม 1 มันมากกว่านั้น แต่ก็ยังสู้ และยังมีพลัง อีกมาก

เสื้อแดง เปรียบเหมือนยักษ์หลับ ต้องปลุกให้ตื่น เพื่อมาตอบโต้ ทวงความยุติธรรมทางการเมืองกลับคืนสู่พี่น้องชาวไทยทั้งประเทศ

พลังเสื้อแดง อยู่ในเขตสงบ รอบนอก ไม่ค่อยมีโอกาสมีปากเสียง ได้แต่เก็บความรู้สึกเก็บแค้น จากการกระทำแบบสองมาตรฐานนั้นไว้

สื่อ ก็ไม่ได้ช่วย มิหนำซ้ำ บางค่าย ยังไร้ความเป็นธรรม ใช้ศัพนามแทนกลุ่มเสื้อแดง แบบดูถูก เหยียดหยาม

ทหาร ไร้ความปราณี เอียง เลือกกระทำ

กระบวนการยุติธรรม นั้นหรือ มันครางแคงใจตั้งแต่ ดับเบิ้ลยุบพรรค ปล่อย พธม ยึดสนามบิน ยึดทำเนียบ ลอยนวล และคุ้มครองเอเอสทีวี แต่ยุบ ดีทีวี

กรรมการสิทธิมนุษยธรรม ก็ประมาณ กรณี 7 ตุลาคม ของการปราบ พธม แต่ ชื่นชมการปราบเสื้อแดงด้วย M16 ของเมษายน ทมิฬ

40 สว นักวิชาการมหาลัย เงียบเป่าสาก หากเสื้อแดงถูกกระทำ ตรงข้ามจาก พธม แตะไม่ได้แม้แต่นิด โวยวายลั่น

กลุ่ม อำมาตย์ อันนี้ ไม่ขอกล่าว ละในฐานที่เข้าใจ

โดนขนาดนี้ ยัง ทรงพลังได้ ถือว่า สุดยอด

สู้ๆ จนกว่าความเป็นธรรมทางการเมืองจะเกิดขึ้นแก่สังคมไทย



จากคุณ : otamajakushi บอร์ดพันทิป
........................................................

. สละอำนาจเสียเถิด นายอภิสิทธิ์ !!!

หลังการอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติของรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีคนวิจารณ์กันพอสมควรว่า ไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน

คนที่วิจารณ์เช่นนั้น ไม่เข้าใจคำว่ารัฐสภาดีพอ จึงพูดไปเช่นนั้น เขาลืมไปว่า แท้จริงแล้ว รัฐสภาคือที่สำหรับคนจะได้พูดกัน


ดังนั้น เมื่อมีคนพูดกันแล้ว ไม่ว่าจะพูดตรงกันหรือพูดขัดแย้งกัน ไม่ว่าจะมีข้อสรุปหรือไร้ข้อสรุป มันก็ย่อมเกิดประโยชน์ทั้งสิ้น

ประโยชน์คือ การได้พูดกันแล้ว

ประโยชน์คือ เราได้รู้ว่าใครคิดอะไร อย่างไร


ในที่นี้พวกเราได้เห็นแล้วว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่มีลักษณะผู้นำ เขาเป็นเพียงนักแสดงปาฐกถา ที่สามารถสรุปเรื่องราวที่คนอื่นพูดไว้ และเขาสามารถนั่งฟังคนอื่นพูดได้ แต่ไม่สามารถนำเสนอความคิดของเขาว่า จะนำสังคมไปทางใด โดยวิธีการอย่างไร



click to comment

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย พูดและนำเสนอเรื่องทหารกลุ่มหนึ่ง รุมทำร้ายชายคนหนึ่งอย่างทารุณ ผิดวิสัยชายชาติทหาร และผิดวิสัยคนชาติเดียวกันทำแก่คนชาติของตน นายอภิสิทธิ์ก็ได้แต่นั่งดูด้วยความตกตะลึง และแสดงออกมาภายหลังว่า ไม่เคยรู้ว่า มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น และจะได้ตั้งกรรมการสอบสวนต่อไป


ท่าทีดังกล่าวนี้ เป็นท่าทีแอ๊บแบ๊ว และไม่อาจแก้ปัญหาประเทศในยามวิกฤตได้

ขณะเดียวกัน เมื่อ ส.ส.คนหนึ่ง พูดถึงการเสียชีวิตของพลทหารอภินพ เครือสุข ภายในบ้านพักของแม่ทัพภาคที่ 1 เมื่อคืนวันที่เกิดเหตุวิกฤต โดยที่ทางทหารพยายามชี้แจงว่า พลทหารผู้นั้น ประสบอุบัติเหตุลื่นหกล้มในห้องน้ำ และมีความพยายามกดดันแม่ผู้ตาย ให้รีบเผาศพลูกชายเสียโดยเร็ว ทำให้เกิดปริศนาชวนสงสัย


กระแสข่าวจากฝ่ายค้านบอกว่า พลทหารอภินพได้เพจข้อความไปหาแฟนสาว และบุคคลอื่นอีก บางคนว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้เข้าพักในบ้านพักหลังนั้นในวันเกิดเหตุ


เรื่องนี้ก็ทำให้นายอภิสิทธิ์ ซึ่งนั่งฟังอยู่ในรัฐสภา ทำหน้าเหลอหราคล้ายถูกผีหลอก แบบว่า ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยได้รู้เรื่องเช่นนี้มาก่อน?


แต่ผู้เขียนกลับมองไปในทางที่น่าสงสัยว่า คนขนาดนายกรัฐมนตรี เข้าไปพักนอนในบ้านพักทหาร แล้วมีอุบัติเหตุ พลทหารลื่นหกล้มเสียชีวิตในห้องน้ำทั้งคน มีหรือนายกฯจะไม่ทราบข่าว

หรือถ้าจะต้องปิดบังกัน เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่นายกฯไม่ควรรับทราบ ก็สงสัยต่อไปได้อีกว่า เหตุใดฝ่ายทหาร จึงคิดปิดบังเช่นนั้น?

click to comment
เวลานี้ กำลังมีการดำเนินการให้มีการผ่าศพพิสูจน์กันอยู่ ใครๆ ก็อยากรู้ว่า การเสียชีวิตของพลทหารคนนั้นเป็นอุบัติเหตุ หรือฆาตกรรม


ถ้าเป็นฆาตกรรม ก็นับว่านายกรัฐมนตรีได้เข้าไปใกล้การฆาตกรรมอย่างฉิวเฉียดที่สุด โดยที่ตัวเองแสดงอาการว่า ไม่ได้รับรู้ ไม่ได้กลิ่นอายของฆาตกรรมนั้นเลย

ดังนี้แล้ว ประสาอะไรกับคำอภิปรายของนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ที่กล่าวว่า มีชายคนหนึ่ง กระโดดลงจากรถยีเอ็มซีขนศพ มาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า มีศพอยู่ในรถคันนั้นหลายศพ ซึ่งถ้าเป็นความจริง ย่อมหมายความว่า มีการฆ่ากันตายในการปราบปรามประชาชนในวันสงกรานต์


เรื่องที่ว่าเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องกำหนดอนาคตรัฐบาล ตลอดจนผู้บังคับบัญชาทหารอีกหลายคน จะว่าเป็นอนาคตของการเมืองระบอบประชาธิปไตยก็ยังได้

แต่ทั้งหมดนี้ นายอภิสิทธิ์มองเห็นเป็นเรื่องไม่สำคัญ เป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่เกิดขึ้น เป็นข่าวอาชญากรรมในหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์เช้าทั่วๆไป

นายอภิสิทธิ์จะขออยู่ทำหน้าที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจ (ซึ่งแก้ไม่ได้) แล้วให้คนอื่นจัดการกับปัญหาเหล่านั้นไปตามยถากรรมของมันอย่างนั้นเอง

สละอำนาจเสียเถิดครับ

อัคนี คคนัมพร
ที่มาบทความ เวบไซต์ โลกวันนี้

click to comment


พลทหารอภินพ เครือสุข อายุ 22 ปี ทหารรับใช้ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งเสียชีวิตภายในบ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 ตั้งอยู่ในกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2552






รอง ศาสตราจารย์ นายแพทย์วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ หัวหน้าภาควิชานิติเวช โรงพยาบาลศิริราช แถลงข่าวผลการผ่าพิสูจน์ศพพลทหารอภินพ เครือสุข อายุ 22 ปี ว่า สาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นพบว่า บริเวณลำคอด้านหลังซ้าย ฐานกระโหลกศีรษะด้านซ้ายส่วนหลังมีรอยแตกร้าว ฐานกระโหลกศีรษะซ้ายส่วนหลังใกล้ช่องไขสันหลังมีรอยร้าวต่อเนื่องยาวประมาณ 6-7 เซนติเมตร พบเลือดออกเหนือเยื่อหุ้มไขสันหลังส่วนคอ เนื้อสมองกลีบซ้ายส่วนหลังมีรอยกดยุบเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นหนา หลังจากนี้จะต้ดชิ้นเนื้อเยื่อ บริเวณ คอ แขน ขา กระดูก เพื่อมาหาผลตรวจอย่างละเอียดต่อไป

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์หลังเข้าตรวจสอบศพพลทหารเกณฑ์อภินพ เครือสุข ที่เสียชีวิตในบ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งอยู่ระหว่างการชันสูตรศพของนิติเวช รพ.ศิริราช ว่า เดิมทีพรรคเพื่อไทย และญาติของพลทหารอภินพ ได้รับอนุญาตให้เข้าสังเกตการณ์การชันสูตรศพจากหัวหน้าภาควิชาแพทย์ศาสตร์ รพ.ศิริราช แต่ปรากฎว่ากลับมีคำสั่งจากคณบดีคณะแพทยศาสตร์ไม่อนุญาตให้ร่วมสังเกตการณ์ด้วย ซึ่งถือเป็นความผิดปกติอย่างมาก เพราะเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในรับผิดชอบของคณบดี แต่อยู่ในความรับผิดชอบชองหัวหน้าภาควิชาเท่านั้น

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ พรรคเพื่อไทยได้ตั้งประเด็นข้อสงสัยการตาย 3 ประเด็น คือ 1.ภายหลังเกิดเหตุมีการส่งพลทหารอภินพไปรักษาตัวที่รพ.รามาธิบดี แต่ปรากฎว่าภายหลังเสียชีวิตกลับได้รับในมรณะบัตรจากรพ.พระมงกุฎเกล้า

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า 2.ข้อสงสัยจากกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และแม่ทัพภาคที่ 1 ออกระบุว่าพลทหารอภินพศีรษะฟาดพื้นและเสียชีวิต แต่เมื่อไปดูใบมรณะบัตรได้เขียนว่า คอหัก และเมื่อญาติไปตรวจศพกลับพบมีบาดแผลที่มือ และร่างกาย และ3.การจัดพิธีศพ ที่ทางกองทัพไม่ให้เกียรติจัดพิธีอย่างสมศักดิ์ศรี ทั้งที่พลทหารเสียชีวิตจากการรับใช้ชาติ และเร่งให้มีการจัดการกับศพแบบลุกลี้ลุกลน จนครอบครัวต้องนำศพไปซ่อนไว้ และนำมาฟ้องกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ )ให้มาตรวจสอบทีหลัง อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะพยายามต่อสู้ให้ญาติได้รับความกระจ่างจากข้อสงสัยจากสาเหตุการตายต่อไป

ก่อนหน้านี้ น.พ.วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ ศิริราชพยาบาลแจ้งกับส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่า หลังการหารือกับผู้บริหารของโรงพยาบาล จะไม่อนุญาตให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้าไปสังเกตการณ์การชันสูตรพลิกศพ พลทหารอภินพ เครือสุข ในครั้งนี้ได้ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยอนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือไม่ใช่ญาติเข้าร่วมสังเกตการณ์ และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย สามารถดูภาพการชันสูตรได้จากวิดีโอเทป ขณะที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย แสดงความไม่พอใจ เพราะยังเคลือบแคลงสงสัยผลการชันสูตร





Pic_1868

แม่'พลทหารอภินพ เครือสุข'ที่เสียชีวิตในบ้าน มทภ.1 นำศพลูกชายจาก จ.เลย เข้ามาร้องขอความเป็นธรรมให้ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเตรียมผ่าพิสูจน์ศพพรุ่งนี้ ตั้งคนกลางหาข้อเท็จจริง...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (25 เม.ย.) นางศิริมล มาเพชร พร้อมด้วยนายจักรพัตร เครือสุข มารดาและพี่ชายของ พลทหารอภินพ เครือสุข อายุ 22 ปี ที่เสียชีวิตในบ้านพักของ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็ก รักษาพระองค์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา และกองทัพได้แจ้งว่าผู้ตายลื่นในห้องน้ำ คอหักเสียชีวิต พร้อมมีใบมรณบัตรแจ้งการเสียชีวิตว่ากระดูกส่วนคอหัก เลือดคั่งใต้เยื่อหุ้มสมอง และศพถูกส่งไปยังบ้านของผู้ตายที่ จ.เลย แต่ในวันนี้ ญาติของผู้ตายได้นำศพมาเก็บไว้ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ

นางศิริมล กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าการเสียชีวิตของบุตรชายจะเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ จึงต้องการเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบุคคลที่เป็นกลางเข้ามาชันสูตรศพ เพราะที่ผ่านมาบุตรชายเป็นคนที่นิสัยดี ร่าเริง ไม่เกเร และเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ก่อนเสียชีวิตได้โทรศัพท์มาหาตามปกติ คุยเรื่องทั่วๆ ไป ไม่มีเรื่องการเมืองและเช้าวันที่ 15 เม.ย. ก็มีทหารโทรศัพท์มาแจ้งว่าบุตรชายเสียชีวิตแล้ว จะส่งศพไปยังบ้านเกิดที่ จ.เลย พร้อมกับกำชับว่าให้รีบเผาศพโดยเร็ว และให้เงินช่วยเหลือจำนวน 17,500 บาท

นางศิริมล ยังตั้งข้อสังเกตว่า วันที่ทหารนำศพลูกชายไปส่งที่บ้านเกิด ได้กำชับให้เร่งเผาศพ หลังจากนั้นก็ไม่มีทหารมาดูแลหรือให้การช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงมาสอบถามว่าเผาศพหรือยัง จึงเห็นว่าลูกชายไม่ได้รับความเป็นธรรม ตอนแรกว่าจะไม่เอาเรื่อง แต่เมื่อทำเช่นนี้ก็อยากรู้สาเหตุการตายที่แท้จริง โดยไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น และว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้นำศพไปเก็บไว้ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมเกียรติ และมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยติดต่อเพื่อขอเป็นคนกลางในการหาข้อเท็จจริงการเสียชีวิต และในวันพรุ่งนี้ (26 เม.ย.) ทางโรงพยาบาลจะชันสูตรศพ

ด้านนางบุญตา คำมุงคุณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 บ้านหนองอีเลิง ต.ศรีฐาน อ.ภูกระดึง จ.เลย ซึ่งเดินทางมาด้วย กล่าวว่า เห็นลูกบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส.พรรคพลังประชาชน ว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ซึ่งทางปรีชาให้คำแนะนำว่าควรตั้งคณะกรรมการซึ่งเป็นคนกลางมาตรวจสอบ และแนะนำให้นำศพมาไว้ที่กรุงเทพฯ ก่อน


.....ข่าวก่อนหน้านี้

คลิกที่ภาพดู

แม่พลทหารไม่เชื่อตายอุบัติเหตุ โชว์smsก่อนตาย

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย นำนางศิริมล มาเพชร แม่ของพลทหารอภินพ เครือสุข แถลงข่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของพลหทารอภินพ ที่บ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 ทั้งนี้มีการแสดงภาพถ่ายบาดแผลของผู้ตาย พร้อมกับข้อความบนหน้าจอมือถือข้อความ

“เมื่อคืนนายกมานอนบ้านแม่ทัพด้วย วันนี้ความคิดถึงกำลังก่อตัวเป็นก้อนเมฆเพื่อจะลอยไปหาที่รัก LOVE เหมียวที่สุดในโลกความรักที่ให้ทุกวันมั่นคงเหมือนดวงจันทร์ส่องแสงตลอดทั้งคืน”

ข้อความที่ผู้ตายส่งให้กับแฟนสาวก่อนเสียชีวิตเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 13 เมษายน
-ขอความเป็นธรรมไม่ได้จับผิด

ด้านนางศิริมนต์ มารดาพลทหารอภินพ เปิดเผยว่า ภายหลังพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ ไม่อนุญาตให้แพทย์จากหน่วยงานอื่นเข้าร่วมสังเกตการณ์ชันสูตรศพลูกชายวันนี้ โดยอ้างเรื่องกฎระเบียบ ตนจึงตัดสินใจยกเลิกการชันสูตร ขอนําศพลูกชายไปชันสูตรที่ร.พ.ศิริราชแทนในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากต้องการให้แพทย์จากหน่วยงานอื่นๆร่วมสังเกตการณ์ด้วยเพื่อความโปร่งใส และเพื่อทราบถึงสาเหตุการตายของลูกชายที่แท้จริง ไม่ได้จับผิดใคร หรือเรียกร้องเงินทองอะไร แค่ต้องการพิสูจน์ความจริงให้ปรากฏเท่านั้น หากผลการชันสูตรครั้งนี้ออกมาเป็นอย่างไรยอมรับทั้งสิ้น

นางศิริมนต์กล่าวต่อว่า วันแรกที่ลูกชายเสียชีวิตตนได้รับเพียงใบมรณบัตรใบเดียวเท่านั้น ใบรับรองแพทย์ หรือใบการชันสูตรพลิกศพไม่มีให้ดู และยังส่งคนมาบอกให้รีบเผาศพลูกชายให้เร็วที่สุด ตนเกิดความสงสัยถึงสาเหตุการตายของลูกชายอย่างมาก จึงต้องออกมาขอความเป็นธรรมครั้งนี้ อย่างไรก็ตามช่วงที่ลูกชายถูกส่งตัวไปทํางานบ้านแม่ทัพภาคที่ 1 ไม่นาน ประมาณวันที่ 14 เม.ย.ได้โทรศัพท์มาหาตน เล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับภารกิจในบ้านแม่ทัพให้ฟัง ลูกชายบอกว่างานไม่หนักมาก ล้างรถบ้าง จึงบอกให้ลูกอดทน ถือเป็นบุญของลูกที่ได้ไปอยู่บ้านเจ้านาย

-ศพถึงศิริราชรอชันสูตร27เม.ย.

นางศิริมนต์กล่าวด้วยว่า ตนยังสั่งลูกชายว่าอย่าออกไปไหนเพราะมีการชุมนุมประ ท้วงของเสื้อแดงอยู่จะเป็นอันตราย ลูกชายรับปาก ก่อนวางสายลูกชายบอกว่ากำลังคิดมีบ้านใหม่กับแฟนสาว แล้วจะมารับแม่ไปอยู่ด้วย จนกระทั่งทราบข่าวว่าเสียชีวิตแล้วตอนเช้าวันที่ 15 เม.ย. อย่างไรก็ตามการเสียชีวิตของลูกชายขออย่าได้โยงไปเป็นเรื่องการเมือง ตนแค่ออกมาขอความเป็นธรรมให้ลูกชายเท่านั้น

จากนั้นเวลาประมาณ 13.30 น.เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นําศพพลทหารอภินพออกจากร.พ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติมายังร.พ.ศิริราช เมื่อมาถึงทางร.พ.ศิริราชเก็บศพไว้ที่ห้องเย็นรอการชันสูตรพลิกศพวันที่ 27 เม.ย.นี้ ซึ่งสภาพศพพลทหาร อภินพอยู่ในชุดลายพรางทหาร มีหมวก เบเร่ต์ สีดําวางบนหน้าอก ใบหน้าและแขนมีรอยเขียวช้ำ

-พท.โต้ลั่นหากินกับศพ

นายพร้อมพงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ญาติของพลทหารอภินพมาร้องพรรคเพื่อไทยเพื่อขอให้ร่วมตรวจสอบกรณีดังกล่าว และอยากให้มีคนกลางจากฝ่ายต่างๆเข้าร่วมตรวจสอบ ทางพรรคจึงช่วย เหลืออำนวยความสะดวกประสานสถานที่ผ่าศพเพื่อชันสูตรหาสาเหตุ เบื้องต้นญาติติดต่อไปที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แต่ปรากฏว่าพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ไม่อนุญาตบุคคลภายนอกเข้าร่วมสังเกตการณ์การชันสูตร ญาติผู้เสียชีวิตกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมาพฤติกรรมของกองทัพค่อนข้างลุกลี้ลุกลน และเร่งรัดให้รีบเผาศพ จนญาติต้องเผาหลอกแทนเพื่อเก็บศพไว้ตรวจสอบ ทางพรรคจึงประสานร.พ.ศิริราชเพื่อชันสูตรแทน ซึ่งร.พ.ศิริราชรับดำเนิน การ และอนุญาตบุคลภายนอกเข้าร่วมสังเกต การณ์การผ่าชันสูตรวันที่ 27เม.ย.นี้ อย่างไร ก็ตามวันดังกล่าวจะมีตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย อาทิ น.พ.สุรวิทย์ และน.พ.ทศพรเข้าร่วมด้วย

"ยืนยันว่าเราไม่ได้หากินกับศพ หรือยื่นข้อเสนออะไรกับญาติผู้เสียชีวิตอย่างที่รัฐบาลกล่าวหา แต่รัฐบาลกำลังจะกลบเกลื่อนหลักฐาน เราเพียงต้องการหาความยุติธรรมให้กับญาติ เพราะลูกหลานคนจนที่ไปเป็นทหารรับใช้ชาติ เมื่อเสียชีวิตก็ควรจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติ มีผบ.เหล่าทัพไปร่วมงาน ไม่ใช่แค่เพียงให้ความช่วยเหลือด้วยเงินเพียงหมื่นเดียว ทหารสักคนยังไม่มีไปร่วมงาน" โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว

นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า ถ้าการผ่าศพพิสูจน์แล้วว่าพบว่าสาเหตุการเสียชีวิตเป็นไปตามที่ระบุไว้ในใบมรณบัตรของร.พ.พระมงกุฎเกล้าจริง เรื่องก็จบ ญาติผู้เสียชีวิตระบุว่าจะจัดการเผาศพที่กทม.โดยไม่นำกลับไปจ.เลยบ้านเกิด แต่ถ้ายังมีข้อติดใจทางดีเอสไอที่รับเรื่องนี้ไว้เป็นคดีพิเศษก็คงต้องตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งพรรคจะทำหนังสือไปถึงคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนฯ เพื่อดำเนินการกับหน่วยงานของรัฐเพื่อช่วยเหลือและเยียวยาแก่ญาติต่อไป

.......................................................................

ตร.ชี้2การ์ดนปช.โดนฆ่า
เป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยเครือธนาคารกรุงไทย ชื่อ บริษัท กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด (KGS) ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 106 จากการโทรศัพท์ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ระบุว่าผู้ตายคือ นายชัยพร หรือ “โจ” กันทัง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 287/2 หมู่ 3 ต.บ้านหนุน อ.สอง จ.แพร่
ปัจจุบันเป็นพนักงานของบริษัทดังกล่าว ซึ่งหายหน้าไปกับเพื่อน รปภ.อีกคนชื่อ นายนัฐพงษ์ หรือ “แก๊ป” ปองดี อายุ 23 ปี ชาว จ.อุดรธานี ตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา


ฆ่าถ่วงน้ำ - สภาพศพนายชัยพร กันทัง (ภาพเล็กบน) 1 ใน 2 ศพ รปภ.หนุ่มที่มาร่วมม็อบเสื้อแดง ถูกมัดมือไพล่หลังรุมซ้อมก่อนจับถ่วงแม่น้ำเจ้าพระยา ศพลอยขึ้นมาใต้สะพานพระปิ่นเกล้า พร้อมกับเพื่อนอีกคนคือนายณัฐพงศ์ ปองดี


รายงาน หลังจากเจ้าหน้าที่พบศพ 2 การ์ดนปช.คือนายชัยพร กันทัง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 287/2 บ้านหนุน อ.สอง จ.แพร่ กับนายณัฐพงศ์ ปองดี อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่2 ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ถูกฆ่าทิ้งลงในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าเมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายทั้งสน.บวรมงคล เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกก.สส. น.7 เจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนบช.น. และตำรวจกองปราบปราม เข้าร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจหาหลักฐานต่างๆ รวมทั้งได้ตรวจสอบกับผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับทางน้ำระบุถึงที่มาของผู้ตายทั้ง 2 ว่า ผู้เสียชีวิตถูกกลุ่มคนร้ายฆ่าแล้วโยนทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเชื่อว่าจุดที่โดนฆ่าอยู่ไม่ใกล้จากจุดที่พบศพ เนื่องจากว่าบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงนั้น เป็นช่วงกระแสน้ำวน เมื่อโดนฆ่าแล้วนำศพทิ้ง ศพจะเจออยู่ที่บริเวณนั้น เสมือนกับศพของฝรั่งที่ฆ่าตัวบนสะพานพระราม 8 แล้วพบศพอยู่แถวนั้นไม่มีการลอยไปไกล เนื่องจากสภาพน้ำบริเวณน้ำเป็นสภาพน้ำวน

.........รายงานข่าวแจ้งต่อว่า หลังจากเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ดำเนินการอะไรมากนักเนื่องจากเป็นที่ทราบกันว่า ผู้เสียชีวิตเป็นการ์ดของนปช.และน่าจะถูกฝ่ายตรงข้ามฆ่า ส่วนคดีทางผู้ใหญ่ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก เพราะขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงมุ่งเน้นไปที่คดีของนายสนธิที่ถูกลอบยิงเพียงคดีเดียว....................

นายชัยพร หรือ “โจ” กันทัง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 287/2 หมู่ 3 ต.บ้านหนุน อ.สอง จ.แพร่

นายชัยพร กันทัง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 287/2 บ้านหนุน อ.สอง จ.แพร่ ทราบว่า ทางญาติทำการฌาปนกิจเช่นกันที่วัด ลาดพร้าว วันที่ 18 เมษายน 2552

ผู้สื่อข่าว
นายสมคิด กันทัง อายุ 31 ปี พี่ชายนายชัยพร เปิดเผยว่า น้องชายไปทำงานเป็น รปภ.ในกรุงเทพฯ มากว่า 10 ปีแล้ว และได้ไปสมัครเป็นการ์ดให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนมกันในกรุงเทพฯ โดยส่วนตัวน้องชายชื่นชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ และหายตัวไประหว่างวันที่ 13-14 เมษายน 2552 และการเข้าไปเป็นการ์ดครั้งนี้เป็นการเข้าไปสมัครเป็นครั้งที่สอง

ทั้งนี้ นายชัยพร ขณะเสียชีวิตได้สวมชุดดำ ซึ่งเป็นชุดของการ์ดของคนเสื้อแดง สภาพศพบริเวณใบหน้ายุบ ถูกมัดปากด้วยผ้าสีขาว ถูกมัดมือไพล่หลังด้วยเชือกสีน้ำเงินและมัดเท้า พบศพขึ้นอืดลอยน้ำอยู่ท่าเรือพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม.เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 15 เม.ย.2552 โดยการชันสูตร สาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศจากการจมน้ำ

สำหรับนายชัยพร น้องชายเป็นคนสนใจการเมืองและชอบพ.ต.ท.ทักษิณ และตนก็ชอบแต่ไม่แสดงตัวเอง เพราะชอบนโยบายการปราบปรามยาเสพติด การพัฒนาอาชีพของชาวบ้าน และทำสิ่งดีๆกับประเทศมากมาย ส่วนเรื่องการเสียชีวิตของน้องชาย ก็ยังไม่รู้ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะบ้านมีฐานะยากจน ตนเป็นเพียงช่างอู่เคาะพ่นสีรถ เพียงแต่ห่วงว่าลูกของนายชัยพร ที่อายุได้ 7 และ 6 ขวบ ที่จะต้องทำอย่างไรกับชีวิต

อย่างไรก็ตาม ตนจะเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อติดต่อขอรับเงินชดเชยการเสียชีวิตของนายชัยพรในเหตุการสลายการชุมนุมที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จำนวน 4 แสนบาท เพื่อจะนำเงินมาเป็นทุนการศึกษาของลูกนายชัยพร ส่วนเรื่องอื่นยังคิดอะไรไม่ออกเพราะครอบครัวก็ยังต้องหาเช้ากินค่ำ และหลังจากการจัดงานศพเงินก็แทบไม่เหลืออะไรแล้ว

แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า การมาร่วมงานเผาศพนายชัยพรในวันดังกล่าว เป็นการแสดงให้เห็นว่ากลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้ทอดทิ้งกัน ยังรวมกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่น มาให้กำลังใจกัน และกลุ่มคนเสื้อแดงในภาคเหนือก็จะประสานรวมกันอย่างนี้ตลอดไป และหากจะดำเนินการอะไรต่อไปเราก็จะทำร่วมกันทั้งหมด

.......

นายนัฐพงษ์ หรือ “แก๊ป” ปองดี อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 2 ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี

(18 พ.ย.52) เวลา 13.00 น. ญาติของนายณัฐพงษ์ ปองดี อายุ 29 ปี รปภ.ที่เสียชีวิตกับเพื่อน รวม 2 ศพ อยู่บ้านเลขที่ 119 ม.2 บ้านหนองกุง ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ญาติพี่น้องได้นำศพของนายรัฐพงษ์มาประกอบพิธิทางศาสนาที่บ้านเกิดจ.อุดรธานีแล้ว โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศก เสียใจอย่างมาก มีพวงหรีดจากบริษัท กรุงไทยบริการ และชมรมคนรักอุดร (ทุ่งฝน) มาคาราวะศพผู้ตาย

ขณะที่ภรรยาและแม่ของผู้ตายขอร้องผู้สื่อข่าวไม่ขอเปิดเผยชื่อ โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่าต้องการฌาปนกิจศพของนายรัฐพงศ์ให้เสร็จก่อน ส่วนคดีขอพูดกันทีหลัง โดยเตรียมเผาวันนี้ที่วัดทิพย์ศรีปัญญาในเวลา 17.00 น. ขณะเดียวกันนายทองดี มนิสสาร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 2 จ.อุดรธานี ได้เดินทางมาเคารพศพ และยืนยันกับญาติว่า ผู้ตายไม่ตายฟรีแน่นอน ต้องหาผู้รับผิดชอบให้ได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทางเพื่อนร่วมบริษัทได้ยืนยันมาว่า ผู้ตายทั้ง 2 บอกจะไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงตั้งแต่กลางดึกวันที่ 13 เม.ย.จนหายไร้ร่องรอยและกลายเป็นศพถูกฆ่าอย่างทารุณ โยนทิ้งแม่น้ำ

ในขณะที่บรรดาชาวบ้านที่รู้จักเดินทางมาร่วมงานและต่างวิพากวิจารณ์ไปต่างๆ นานาถึงการตายของนายรัฐพงษ์ แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรมาก เพราะกลัวเป็นอันตราย นอกจากนี้บรรดาญาติและพี่น้องพยายามปิดข่าว เนื่องจากกลัวว่า ผู้สื่อข่าวเป็นเป็นทหารหรือตำรวจ แต่แหล่งข่าวคนขับรถแท็กซี่ที่เป็นคนรู้จักผู้ตายและเดินทางมาร่วมเผาศพครั้งนี้เปิดเผยว่า ยืนยันผู้ตายทั้งสองคนเข้าร่วมชุมนุมกับเสื้อแดงจริง ส่วนสาเหตุจะตายด้วยเหตุใดนั้นไม่ขอพูดเพราะหวั่นอันตรายมาถึงตัวเอง

การ์ด นปช.ทั้ง 2 คนเสียชีวิตอยู่ในสภาพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ มีเครื่องหมาย “RESCUE” สีเหลืองที่หน้าอก นุ่งกางเกงขายาวสีดำ สวมถุงเท้าสีดำ มีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งที่ใบหน้าและตามร่างกายหลายแห่ง นอกจากนี้ยังมีผ้าสีเหลืองและสีขาว 2 ผืน มัดต่อกันผูกปิดไว้ที่ปาก ส่วนที่มือทั้ง 2 ข้างถูกพันธนาการด้วยเชือกไนล่อนสีฟ้าในลักษณะไพล่หลัง

จากการสอบสวน นายประมุข สาครรัตน์ อายุ 23 ปี เพื่อน รปภ.บริษัทเดียวกัน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงค่ำวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา นายชัยพร และ นายนัฐพงษ์ ได้นั่งดื่มสุรากันอยู่ในบริษัท จนกระทั่งถึงเวลาประมาณ 02.00 น.ของวันที่ 14 เม.ย.52 นายชัยพร ซึ่งเป็นคน จ.แพร่ และนิยมชมชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นอย่างมาก จึงชักชวนนายนัฐพงษ์
ขับรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีส้ม ทะเบียน ศฐ 519 กทม.พากันซ้อนท้ายกันออกมาจากบริษัท โดยบอกว่าจะไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.เสื้อแดงที่ทำเนียบรัฐบาลแล้วก็หายไป

“จากนั้นพอถึงช่วงเช้าก็ไม่มีใครติดต่อทั้ง 2 รายได้เลย เพื่อนๆ พนักงานที่บริษัทจึงชักชวนกันไปบอกญาติๆ แล้วพากันไปแจ้งความบุคคลสูญหายไว้กับพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์ติดต่อไปที่บริษัท ว่าพบศพชายนิรนาม ใส่หัวเข็มขัดของ “KGS” จึงรีบรุดมาตรวจสอบ” นายประมุข กล่าว


..........................................................................

ภาพในคลิปที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ เผยแพร่

(23 เม.ย.) เวลาประมาณ 12.40 น. ระหว่างการประชุมรัฐสภา นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ..แพร่ พรรคเพื่อไทย ขออนุญาตนำเทปบันทึกภาพ ที่อ้างว่าเป็นภาพบุคคลที่เป็นพยานรู้เห็นเกี่ยวกับการเสียชีวิตจากเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงมาเปิดในที่ประชุมเพื่อประกอบการอภิปราย แต่นายประสพสุข บุญเดช ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมขณะนั้นไม่อนุญาต เนื่องจากเป็นการทำตามข้อตกลงของสภาที่จะไม่อนุญาตให้มีการนำภาพที่ไม่ผ่านการตรวจสอบมาเปิดเผยในที่ประชุม ทำให้นายวรวัจน์ไม่พอใจและระบุว่า รัฐบาลต้องการปิดกั้นและแทรกแซงการแสดงออกทางความคิดเห็น จนทำให้นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ต้องขึ้นมาทำหน้าที่และชี้แจงด้วยตนเอง โดยยืนยันว่า ไม่สามารถอนุญาตให้เปิดภาพดังกล่าวได้ แม้นายวรวัจน์จะระบุว่า พร้อมรับผิดชอบข้อมูลที่นำมาเปิดเผย ก่อนที่จะเปลี่ยนให้นายประสพสุขทำหน้าที่ต่อไป จนเกิดการประท้วงจากทั้ง ..ฝ่ายค้านและรัฐบาล

คลังบทความของบล็อก