ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันพฤหัสบดี, เมษายน 16, 2552

เล่าด้วยภาพ เสื้อเขียว +เสื้อน้ำเงิน มึงทำงานเพื่อใคร

.คล๊กขยายดูที่ภาพนะครับ


...... ดูสิสันติมากเลย

พวกนี้ก็บอกว่า สันติอหิงสาไร้อาวุธ

กับพระก็ยังขึงขัง
......

ดูท่าการยิง
..........ร่องรอยกระสุนกระดาษ

ทรราชย์อภิสิทธิ์ เริ่มแผนล้อมปราบปราม ใช้พรก.ฉุกเฉินตัดสัญญาณ ดี สเตชั่น บล็อกเวปไซด์ที่รายงานข่าวหน้าทำเนียบรัฐบาลทั้งหมด ใช้สื่อและกระบอกเสียงบิดเบือนข่าวสาร ให้ร้ายป้ายสีคนเสื้อแดง หวังใช้มาตรการรุนแรงปราบปรามคนเสื้อแดง

มีรายงานข่าวเพิ่มเติมอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกระทรวงมหาดไทยนั้น การรายงานข่าวจากสถานีโทรทัศน์ รายงานแต่ข่าวการขว้างปาทุบรถยนต์ของคนเสื้อแดง แต่ไม่ได้รายงานข่าว สาเหตุเกิดขึ้นจาก รปภ.ได้ยิงปืนใส่คนเสื้อแดง และลากศพเข้าไปในมหาดไทย เป็นเหตุให้ ผู้ชุมนุมโกรธแค้นกรูเข้าไปทุบรถยนต์

ส่วนเหตุการณ์ที่สามเหลี่ยมดินแดงนั้น ฝ่ายทหารใช้ยุทธวิธีการรบ เริ่มจากการใช้ระเบิดควัน ยิงแก๊สน้ำตา ยิงปืนขึ้นฟ้า แล้วจึงยิงปืนในระดับหน้าอกและขา การสลายฝูงชนเป็นแบบการทหารในสงคราม ไม่ใช่การสลายฝูงชนตามมาตรฐานสากล

ตั้งแต่ตอนเย็นของวันที่ 12 เมษายน 2552 กำลังทหารกว่า500 คน มาถึงสถานีไทยคม อ้างพรก.ฉุกเฉิน ทำการตัดสัญญานของดีสเตชั่น จนทำให้ไม่สามารถถ่ายทอดสดการชุมนุมที่นหน้าทำเนียบรัฐบาล ในขณะที่สถานีโทรทัศน์หลายแห่ง รายงานซ้ำซากโจมตีว่าคนเสื้อแดงก่อความรุนแรง รัฐบาลจำเป็นต้องเด็ดขาดปราบปราม ส่วนสื่อต่างประเทศหลายแห่งรายงานตรงกันว่า ทหารใช้ความรุนแรง กราดกระสุนใส่คนเสื้อแดง ตั้งแต่ตอนรุ่งเช้าตีห้าของวันที่13เมษายน มีผู้บาดเจ็บหลายคน

รายงานข่าวจากผู้สื่อข่าวสยามปริทัศน์ในทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 13 เมษายน 2552 ยังคงมีผู้ชุมนุมเหนียวแน่นจำนวนกว่า 10000 คน มีกำลังทหารล้อมรอบตามจุดต่างๆเริ่มปิดกั้นไม่ให้ประชาชนเดินทางเข้าไปสมทบการชุมนุมที่หน้าทำเนียบ ปรากฏว่า ด้านราชดำเนินมีเสียงปืนหลายนัด ด้านด่านนางเลิ้งมีรถดับเพลิงจอดขวางอยู่ บนสะพานมีกลุ่มอันธพาลยืนอยู่กลุ่มใหญ่ โดยมีทหารยืนอยู่ด้านหลัง หลายคนมีอาการมึนเมา คนสองกลุ่มนี้ดูเหมือนเป็นพวกเดียวกัน ด่านมัฆวาน มีเสื้อแดงอยู่ด้านหน้าคุมอยู่ มีรถเมล์ 1 คันถูกเผา กระทรวงศึกษาถูกเผา แต่ไม่ใช่ฝีมือเสื้อแดง คาดมือที่3 กลุ่มอันธพาล การ์ดเสื้อแดง ต่างอยู่ในอารมณ์เคียดแค้น โมโหและเครียด เพราะไม่มีอาวุธ บางคนเริ่มประดิษฐ์อาวุธเอง ตามมีตามเกิด ส่วนคนหน้าเวทียังมีกำลังใจดี มีผู้หญิงและเด็กเยอะมาก นักข่าวต่างชาติ ยังอยู่หลายคน อาหารและน้ำยังมีพอ ตอนบ่ายมีการจัดผู้หญิงตั้งแถวเอาดอกไม้ไปให้ทหาร แต่ถูกอันธพาลทำร้ายไป 2 คน

เวลา 21.00 น. ที่ด่านวัดเบญ มีทหารกั้นอยู่ประมาณ 1 กองร้อย ห้ามเข้าออก ทั้งคน ทั้งรถ เมื่อสักครู่มีกลุ่มหญิงไปมอบดอกไม้ให้ทหาร ด้านในสงบขึ้นด้านนางเลิ้งมีเสียงปืนเป็นระยะๆ มีการปะทะกัน มีรถพยาบาลลำเลียงคนเจ็บออกไปทางประตูวัดเบญ แต่ให้เฉพาะรถพยาบาลออกเท่านั้น รถชาวบ้าน และคนห้ามออก ที่สงบเพราะแกนนำบอกให้รวมกันข้างในไม่ต้องออกไปข้างนอก แกนนำยังอยู่ครบกันทุกคน กำลังใจการต่อสู้ยังดีอยู่ ประกาศสู้ไม่ถอย แม้ว่าจะถูกปิดล้อม ถูกข่มขู่ คุกคาม ในขณะที่เกิดกระแสข่าวหนาหูว่าในคืนวันที่ 13 เมษายนหรือรุ่งเช้าของวันที่ 14 เมษายน 52 จะมีการสลายการชุมนุมก็ตาม

ก่อนถึงสะพานขาว ประมาณ 2 กม.มีกลุ่มอันธพาลที่เมามายได้ตั้งด่านตรวจค้นล่าคนเสื้อแดง20.30 น. มีรถตุ๊กตุ๊ก มีหญิงนั่ง 2 คน ชายหนึ่งคน หญิงคนหนึ่งเสื้อแดง กลุ่มอันธพาลที่เมามายต่างดึงคนในรถลงมารุมทำร้ายแม้คนในรถจะบอกว่าพึ่งไปเล่นสงกรานต์มาก็ไม่ฟัง ตอนหลังมีตำรวจมาห้ามแต่ไม่จับคนเมาเลย บอกไม่อยากมีเรื่องคนกลุ่มนี้มีอาวุธครบมือทั้งไม้และท่อนเหล็กเพราะฉะนั้นใครใส่เสื้อแดงออกมาให้ระวังเพราะจะถูกดักรุมทำร้าย บางคนบอกเหมือนเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ฝ่ายทหาร ตำรวจ ปิดล้อมธรรมศาสตร์ ใช้วิธีการปิดประตูตีแมว จนมีผู้เสียชีวิตตายเป็นเบือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก