ภาพทหาร ไล่ยิง ฆ่าประชาชน 13 เมษายน 2552 โดยรัฐบาลโจรไอ้มาร์ค

มันคือฆาตกร ฆ่าประชาชน ไอ้ มาร์ค ทรราช อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ



สั่งฆ่าประชาชน












ดูสิคนที่มึงฆ่าเขา มึงฆ่าเขาเพราะฟังคำสั่งคนที่ สนับสนุนโจรกบฏก่อการร้ายพันธมิตร









หลักฐานปลอกกระสุนที่ยิงใส่ประชาชน

ข้อมูลเพิ่มเติม

ไขข้อข้องใจ กระสุนจริง กระสุนปลอม‏


กระสุน M-16 จะมีขนาด 5.56 mm ครับ
คิดง่ายๆ คือครึ่งเซนติเมตร (ใหญ่ไหม ผมว่าเล็กนะ)
ระยะยิงไกลสุด 3.4 กิโลเมตร กว่าๆ ระยะยิงหวังผล 400 เมตรลงมา

การที่ M-16 เป็นอาวุธสังหารที่มีประสิทธิภาพ เกิดจากองค์ประกอบหลัก 2 ส่วน นั่นคือ

1. มีลำกล้องที่ยาว ทำให้การควงของกระสุนเกิดขึ้นได้น้อย มันจะพุ่งเข้าเป้าหมายได้แม่นยำ
ทั้งนี้คนยิงต้องมีกล้ามแขนและหัวไหล่ที่ดี และต้องจับปืนแน่นๆ

2. กระสุนซ้อม จะเป็นพลาสติกสีฟ้าเข้มทั้งดุ้น เวลายิงเกิดแค่เสียง ต้องดึงคันรั้งเพื่อคัดปลอกเอง
ยิงได้ทีละนัด คือตั้ง mode การยิงได้แค่แบบ semi เท่านั้น

กระสุนจริง จะเป็นปลอกอลูมิเนียม ถ้าเป็นการยิงแบบ semi มันจะออกทีะนัด ถ้าตั้ง auto มันจะออกพรืดเลยครับ
ยิงออกจนกว่าจะปล่อยนิ้วชี้ที่ง้างไกปืน หรือกระสุนหมด magazine

ปกติยิงซ้อม ทหารจะต้องเก็บปลอกกระสุนทุกครั้ง เพราะต้องมีการจำหน่ายยอดกระสุนครับ (นับให้ครบจำนวน)
ถ้าที่ฐานของลูกกระสุนมีสีแดง นั่นแสดงว่าเป็นกระสุนส่องวิถี คือกระสุนจริงที่เอาไว้ยิงกลางคืน
ทหารจะเห็นว่ากระสุนพุ่งไปทางไหนเมื่ออยู่ในความมืด พูดง่ายๆ มันก็คือกระสุนจริงสำหรับยิงกลางคืนนั่นแหละครับ

ลำกล้องของ M-16 ถูกออกแบบให้มีเกลียวเวียนขวา 6 รอบ ดังนั้น หัวกระสุนจะถูกรีดและมีการควงสว่านทางขวา 6 รอบ ก่อนออกจากปากลำกล้อง

ความมุ่งหมายของการเวียนขวา คือการ "คว้าน" เป้าหมายครับ ตอนกระสุนมันเข้า รูมันจะมีขนาดเพียง 5.56 มิลลิเมตร
แล้วมันจะไปหมุนเวียนขวา คว้านเป้าหมาย ตอนออก รูเบ้อเร่อครับ


แล้วในที่เกิดเหตุ เก็บได้ปลอกพลาสติกสีฟ้า หรือปลอกโลหะสีทองอ่ะครับ มีใครเก็บปลอกสีฟ้าได้บ้าง?

ถ้าสงสัยว่าข้อความนี้ถูกต้องหรือไม่ ให้ copy ข้อความนี้ไป post ถามเสธฯ แดงได้นะครับ ข้อมูลตรงกันแน่นอน

เพราะคนเคยใช้ จะรู้จักมันดีครับ









ดูสิน้องเอ้ย ตรงหน้าเอ็ง นั่นศัตรู ของเอ็งใช่ไหม เอ็งถึงต้องฆ่าเขา











ผู้ชุมนุม เรียกร้องประชาธิปไตย กับทหารไทย ที่หันมาปืนมาฆ่าคนในชาติตัวเอง

สรุปมุมมองการเมืองของคน ๆ หนึ่ง จากเว็บพันทิพ

พอดีได้ตอบกระทู้หนึ่ง พิมพ์ไปพิมพ์มาอรัมภบท เสียยืดยาวจนแทบจะได้ข้อสรุปมุมมอง ทางการเมืองที่ผ่านมา เลยคิดว่าเอามาตั้งกระทู้ดีกว่า เผื่อมีคนมาต่อมุมมองให้กว้างกว่านี้ เลยนำมาเสนอครับ

( ไม่ได้เป็นนักเขียนบทความ ส่วนมากจะตอบกระทู้ครับ อาจจะวกวนไปบ้างเพราะด้อยประสบการณ์ ยังไงก็ขออภัย แต่ก็มาด้วยใจนะครับ


ถ้าคุณตามการเมืองจริง คุณต้องรู้ว่าประเทศไทยที่มันแตกแยกอย่างทุกวันนี้ มันเกิดจาการ กล่าวหาผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง ที่ประชาชนยังรักยังให้การสนับสนุนอยู่ โดยมีการสร้างข้อกล่าวหาต่าง ๆ และ ปลุกมาตราฐานการเมืองข้างถนนขึ้นมาอีกครั้ง ( หลังจากไม่ได้เกิดมา 10 กว่าปี )

หลังจากมีการกล่าวหารัฐบาลทักษิณ จากกลุ่มการเมืองข้างถนน ( เมืองไทยรายสับดาห์ สัญจร ที่สวนลุม ) ด้วยข้อหาล้านแปดข้อหา ชุมนุมกันอยู่นาน จึงมีมวลชนที่เชื่อว่าทักษิณ ชินวัตร เป็นอย่างข้อกล่าวหา ( ตอนนั้นมีการเชื่ออย่างหัวปำ กรณีวัดพระแก้วหรือแม้แต่ทุบพระพมหมณ์ นะครับ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีหลักฐานที่ใช้กำเนินการฟ้องเอาผิดทักษิณได้ จึงมีการใช้การเมืองข้างถนนเดินเกมส์สร้างความวุ่นวาย และรุนแรง ต่าง ๆ จนทำให้ต้องเกิดเงื่อนไขในการการรัฐประหารขึ้นในวันที่ 19 กันยาคม 49 ขณะ ที่นายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ไปต่างประเทศในฐานะตัวแทน การประชุมสมัชชาสหประชาชาติสามัญครั้งที่ 61 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ ทหารได้ทำการลากรถถังออกมา ในวันที่ 19 กันยา 2549 ช่วงค่ำ

การเข้ามาของคณะรัฐประหาร ส่งผลกระทบมาก เนื่องจากคณะรัฐประหารได้แทรกแซงองค์กรของรัฐเพื่อ
ความมั่นคงของคณะรัฐประหารเอง อย่างที่เราเห็น ๆ กันอยู่ก็คือ การฉีกรัฐธรรมนูญ 40 ทิ้ง เปลี่ยนกกต แต่งตั้งคตส ปปช รวมทั้งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ฯลฯ รวมทั้งร่างรัฐธรรมนูญ 50 ขึ้นมาโดยการร้องขอคัดเลือกแต่งตั้ง คณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่ง คือ สสร2 แต่ สสร2 ชุดนั้นดูหน้าแต่ละคนแล้ว พิจารณาวิธีสรรหาก็แล้ว ก็เชื่อได้ว่าเป็นการแต่งตั้งอย่างไม่เป็นธรรมเป็นแน่แท้
( มีบางคนบอกว่า “คณะรัฐประหารเขาก็ต้องเอาคนที่เห็นด้วยกับเขาขึ้นมาเด้ พวกก้างขวางคอเค้าจะเอามาทำซากทำไมล่ะ ??? “ นั่นก็จริงของมันนะ )

หลังจากมีการรัฐประหารครั้งนั้น ประชาชนบางส่วนสนับสนุนทักษิณ ที่ตามข่าว ก็ได้รู้เห็น เหตุการณ์ที่เป็นไปต่าง ๆ โดยตลอด รวมทั้งติดตามการดำเนินการของฝ่ายตรวจสอบ (ที่ตั้งกันขึ้นมาใหม่) การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ(ตั้งขึ้นมาใหม่) โดยตลอด มันแสดงให้เห็นชัดเจนว่ามีความเอนเอียง 2 มาตราฐานอย่างชัดเจน และต่อจากนั้น คดีต่าง ๆ และการเร่งรัดของคดี ก็แต่งต่างกันอย่างสิ้นเชิง หลังจากนั้นก็เริ่มมีการรวมตัวของคนกลุ่มต่าง ๆ ออกมาวิพากวิจารณ์ เรื่องนี้อย่างกว้างขวาง ซึ่งก็เห็นกันอยู่

หลังจากที่คณะรัฐประหารแต่งตั้งรัฐบาลสุรยุทธ์ ในวันที่ วันที่ 1 ตุลาคม 2549 เข้ามาบริหารประเทศเป็นรัฐบาลชั่วคราวเพื่อทำการร่างรัฐธรรมนุญ 50 เพื่อจะได้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ ซึ่งก็ต้องยอมรับในตอนนั้นว่าประเทศไทยอยู่ในภาวะก้ำกึ่ง ระหว่างรัฐบาลทหาร ฉาบหน้าด้วยรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย




แต่แล้วเมื่อรัฐบาล นายสุรยุทธ์ ยุบสภาเพื่อให้ประชาชนเลือกตั้งด้วยรัฐะรรมนูญ 50 เป็นครั้งแรก
ประชาชนกลับก็ยังให้การสนับสนุน พรรการเมืองขั้ว ไทยรักไทย ในนามใหม่ "พลังประชาชน" เข้ามาเป็นเสียงข้างมากในสภาเหมือนเดิม

ต่อมาด้วยอำนาจแฝงที่ คณะรัฐประหารนั้นตั้งขึ้น ส่งผลเป็น ความ 2 มาตราฐาน ทำให้ข้าราชการแต่ละฝ่าย พุ่งเป้าโจมตีมาที่พรรคพลังประชาชน พร้อมกับวงจรอุบาทย์การเมืองข้างถนนก็เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ซึ่งก็มีความพยายามกันอยู่นานก็ไม่สามารถหาช่องโหว่เล่นงานของรัฐบาลสมัครได้

สุดท้ายจึงต้องมาเล่นงานรัฐบาลสมัครด้วยข้อหา "ทำกับข่าวออก TV " ซึ่งไม่ว่าประชาชนคนไหนก็รู้ว่านายสมัครเค้าทำรายการนี้ เป็นงานอดิเรกเพราะเป็นสิ่งที่ชอบ ซึ่งไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยส่งผลกระทบกับหน้าที่ ในการเป็นนายกรัฐมนตรีแม้แต่น้อย ในเรื่องนี้จึดเกิดกระแสวิพากวิจารณ์ จากสังคมกันอย่างกว้างขวาง ถึงคณะตุลาการเองโดยเฉพาะ นายจรัญ ภักดีธนากุล ซึ่งพฤติกรรมก็ไม่ได้แตกต่างกับนายสมัครเลย คือไปรับงานให้โอวาท หรือ
เป็นวิทยากร ที่ปรึกษา ตามสถานที่ หรือบริษัทเอกชน ต่าง ๆ เช่นเดียวกัน แต่แล้วเรื่องนี้ก็เงียบหายไปจนถึงปัจจุบัน

หลังจากนายสมัครออกไป.....ก็ยกมือสนับสนุน นายสมชายวงสวัสดิ์ขึ้นเป็นรัฐมนตรี ยังไม่ทันที่จะมีการทำงาน แถลงนโยบาย ก็มีต้นแบบของการเมืองข้างถนน ออกมาเคลื่อนไหว สร้างความเดือดร้อนมาตลอด ทั้งยึดสนามบิน ยึดทำเนียบรัฐบาล บุก NBT แต่ที่อื่น ๆ อีกหลายที่

( ถ้าคุณตามการเมืองคุณสังเกตุเห็นทันทีว่า นักวิชากากรต่าง ๆ รวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ ต่างช่วยกันประสานเสียง ช่วยฝ่ายพันธมิตร โจมตีฝ่ายรัฐบาลนายสมชาย มาโดยตลอด )

นายสมชายแก้ใขสถานการณ์ โดยตลอด ทั้งการสั่งการไปยัง ผบเหล่าทัพ ผบตร แต่ก็เกียร์ว่างหมด ไม่มีใครกล้าทำอะไรกับม๊อปเสื้อเหลือง ทั้ง ๆ ที่ม๊อปเสื้อเหลือง ทำผิดกฏหมายทุกชนิด พกพาอาวุธ บุกไปบุกทำลายที่ต่าง ๆ มากมาย จนในที่สุด รัฐบาลนายสมชายก็ต้องมีอันเป็นไปด้วการยุบพรรครอบ 2 เพราะคดีของนายยงยุทธ

ในขนะเดียวกันมี สสประชาธิปัตย์แจกเงิน กันเห็น ๆ กกต (แต่งตั้งหลังจากการรัฐประหาร) กลับไม่เล่นงานพลพรรคประชาธิปัตย์ นี่ก็เป็นอีก 1 ของความ 2 มาตราฐาน ที่คนเสื้อแดงต้องทน ในขณะนั้นสังคมก็มีการวิพากวิจารณ์ เกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง แต่เรื่องก็เงียบหายไป เช่นเดียวกับเรื่องอื่น ๆ


หลังจากพ้นรัฐบาลนายสมชายแล้ว....... พรรคพลังประชาชนถูกยุบ ก็มาตั้งเป็นพรรคเพื่อไทย มีการล๊อบบี้ สส ( ที่กรอบน่วมมาจากการยุบพรรคพลังประชาชนแล้ว ) ผลปรากฏก็ว่า มี สส กลุ่มหนึ่งก็คือกลุ่มเนวิน ที่เป็นงูเห่า พลิกขั้วหลังจากเลือกตั้ง ยกมือให้นายอภิสิทธืเป็นรัฐมนตรีจนถึงปัจจุบันนี้ พันธมิตรที่ยึดสนามบินอยู่จึงสลายตัวไป


( ปล ช่วยทำการเข้าใจระหว่าง การล๊อบบี้ สส ก่อน กับ หลัง การเลือกตั้งด้วยนะครับ เพราะไม่เหมือนกัน )

การเข้ามาของรํฐบาลนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ ได้อ่วงตลอดว่ามาจากประชาชน ทั้งที่ความจริง นายอภิสิทธ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ใช้วิธีในการล๊อบบี้ สส ขั้วตรงข้ามหลังการเลือกตั้งจากประชาชนเรียบร้อยแล้ว ต่อมารัฐบาลนายอภิสิทธ์ ได้ทำการ ปลดรายการความจริงวันนี้ พร้อมกับทำการเปลี่ยนแปลงชอง NBT ที่นายจักรภพทำใว้ ทั้งหมด

แต่สิ่งที่ยังคาใจคนไทยอีกไม่น้อยก็คือ การดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตร ที่ล่าช้าอย่างมาก ทั้ง ๆ ที่กลุ่มพันธมิตร
ทำความผิดชัดแจ้งอย่างมาก มีหลักฐานพร้อมมูล ทั้งภาพ และเสียง แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ รวมทั้งการแต่งตั้งนายกษิต ภิรมณ์ ขึ้นดำรงค์ตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ทั้ง ๆ ที่นายกษิต ภิรมณ์ ก็เป็น 1 ในแกนนำพันธมิตร ในการบุกไปยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ทำประเทศชาติเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท จึงมีการวิพากวิจารณ์กันมากว่า ความล่าช้าที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ประชาธิปัตย์ ต่างตอบแทนพันธมิตรหรือไม่


หันกลับมาทางคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ที่รวบรวมตัวกัน ก็คือส่วนสมาชิกขั้วทักษิณ ที่ได้รับผลกระทบจากกรณียุบพรรคเนื่องจากรัฐธรรมนูญ 50 จากการใช้ความอดทนมาโดยตลอด ก็ได้รับข่าวสาร รวมตัวกันติดมากขึ้นเนื่องจากได้รับความกดดันจากความ 2 มาตราฐาน ความอยุติธรรมมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง จึงมีการรวมตัวของกลุ่มต่าง ๆ ขึ้นเป็นคนกลุ่ม นปก

หลังจากนั้น นปก ก็ได้ทำ tv ขึ้นมาช่องหนึ่งเพื่อเสนอความจริงในซึกของฝ่ายไทยรักไทย ชื่อว่า Dstation โดยมีการนำ รายการความจริงวันนี้ ที่เคยโด่งดังอยู่กับ NBT รายการนี้ก็เหมือนเดิมคือ ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนที่รู้ความจริงอีกด้านหนึ่งอย่างกว้างขวาง จากสื่อต่าง ๆ ฝั่งเสื้อแดงที่มีเหลืออยู่น้อยมาก ๆ ( มีการพยายามจากรัฐบาลปิดสื่อพวกนี้มาตลอด ) ต่อมาเมื่อมวลชนมีความรู้มากขึ้น จึงได้รวมตัวกันเพื่อ แสดงความคิดเห็น และ เรียกร้องความเป็นธรรม หลายครั้ง โดยครั้งที่คนเยอะมากที่สุดน่าจะเป็นที่ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งมีผู้ชุมนุมระดับ แสนคน

จากนั้นก็มีการชุมนุมคนเสื้อแดงเรื่อยมา จำนวนคนก็มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยครั้งล่าสุดมีการรวมตัว เพื่อล้อมรัฐสภาโดยยื่นข้อเสนอให้รัฐบาล คือ

1. ต้อง1.พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ต้องพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี เพื่อความบริสุทธิ์ ผ่องแผ้วของสถาบันองคมนตรี รวมทั้งให้คณะทำงานที่ดำรงค์ตำแหน่ง ต่าง ๆ จาการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร 19 กย 52 ได้ทำการแทรกแซงออกไปทั้งหมด

2. รัฐบาลนายอภิสิทธ์ จะต้องลาออก หรือยุบสภา เพื่อสร้างช่องว่างให้รัฐบาลกลาง (จะเป็นใครก็แล้วแต่ ) ทำการแก้ใขรัฐธรรมนูญ ให้ยุติธรรม


3.การบริหารราชการแผ่นดินดำเนินไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข การปรับปรุงใดๆ ให้ดีขึ้นตามหลักสากล ต้องมีการปรึกษาหารือกันระหว่างนักประชาธิปไตยผู้มีประวัติและพฤติกรรมเชิดชูระบอบประชาธิปไตยเป็นที่ประจักษ์.


ตอนนี้ประชาชนคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวแล้ว และพร้อมจะเคลื่อนไหวต่อไป เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ของตนเอง หลังจากอดทนมานาน