ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันพุธ, พฤศจิกายน 11, 2552

เปิดคำสัมภาษณ์" พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร "ผ่านไทม์ออนไลน์


เปิดคำสัมภาษณ์"ทักษิณ "ผ่านไทม์ออนไลน์ อ้างรัฐบาลพยายามรักษาอำนาจทุกวิถีทางไม่ให้ตนเองกลับประเทศโดยมีแรงหนุนจาก ทหารและประธานองคมนตรี หวั่นเกิดความวุ่นวายและนองเลือด ยอมรับมีเงินอยู่นอกประเทศ200-300ล้านเหรียญหรือเกือบ1หมื่นล้านบาท เผยตั้งแต่หย่าคุณหญิงอ้อยังไม่เคยพบหน้ากันอีกเลย

คำสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเมืองชนิดคำต่อที่"ไทม์ส์ ออนไลน์"เผยแพร่เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2552 มี เนื้อหาที่สำคัญคือ รัฐบาลพยายามรักษาอำนาจของตนเองทุกวิถีทางโดยได้รับการสนับสนุนจากทหารและ ประธานองคมนตรี จึงไม่ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทย ถ้า ตนกลับประเทศในตอนนี้อาจเกิดความวุ่นวายและนองเลือดเพราะผุ้สนับสนุนตนหลาย ล้านคนจะออกมา ซึ่งรัฐบาลจะใช้กำลังทหารและกระสุนจริง นอกจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณยังยอมรับว่า มีเงินอยู่นอกประเทศ 200-300 ล้านเหรียญ(เกือบหมื่นล้านบาท) หลังจากที่ถูกซักถามเรื่องนี้หลายครั้ง

ไทม์ส-คุณเคยได้รับเลือกตั้งมา 3 ครั้ง ในเมืองไทย ไม่เคยแพ้เลือกตั้งแต่มาถูกขับจากอำนาจากการรัฐประหาร ตอนนี้คุณมีสถานะเป็นอย่างไร คุณยังเป็นนายกรัฐมนตรีพลัดถิ่นของเมืองไทยหรือเปล่า
ทักษิณ-ตอน นี้ผมถือว่า ตัวเองเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีเมืองไทย ที่กำลังลี้ภัย ผมถูกร้องขอให้เป็นผู้นำรัฐบาลพลัดถิ่น แต่ผมไม่ได้ทำอย่างนั้น ตอนนี้ผมแค่พยายามจะต่อสู้เพื่อเรียกความยุติธรรมกลับคืนมาไม่ใช่เพื่อตัว เองแต่เพื่อประชาชนคนไทย โดยเฉพาะคนยากจน พวกเขาได้รับโอกาสหลายอย่างและเริ่มจะมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

แต่การรัฐประหารทำลายความหวังของพวกเขา และตอนนี้ประเทศก็แย่กว่าเมื่อ 3 ปีก่อน ดังนั้น เขาสู้เพื่อความยุติธรรมของพวกเขา พวกเขาสมควรจะได้รับโอกาส

ไทม์ส -นายกรัฐมนตรีฮุน เซ็น ของกัมพูชา เปรียบเทียบคุณว่าเป็นเหมือน"อองซาน ซูจี"ของพม่า คุณว่ามันเป็นการเปรียบเทียบที่ดีไหม ทักษิณ-มัน ก็มีความคล้ายกันบางอย่าง แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง ส่วนที่เหมือนคือเราชนะเลือกตั้ง ผมบริหารปกครองประเทศ เรา(พ.ต.ท.ทักษิณ และ ซูจี)ถูกล้มอำนาจจากการรัฐประหาร และเรามาจากประชาชน เราเป็นผู้นำที่ได้รับเลือกตั้งมา และมาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน เป็นเสียงส่วนใหญ่มาก ไม่ใช่แค่เสียงส่วนใหญ่เล็ก ๆ

ซู จีเธอถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านพัก ส่วนผมก็ถูกเขี่ยออกจากประเทศ พวกเขารู้ว่า หากผมยังอยู่ในประเทศ พวกเขาจะแย่ยิ่งกว่ากรณีของนางซูจี

ไทม์ส-คุณกำลังจะไปพบกับนายกฯฮุน เซ็น ของกัมพูชา ในสัปดาห์นี้ คุณกำลังจะไปตั้งรกรากถิ่นฐานในกัมพูชาหรือ
ทักษิณ-เปล่า ผมสามารถทำงานผ่านออนไลน์ สามารถทำงานผ่านอีเมล์ได้ แต่ผมต้องการจะขอบคุณฮุน เซ็น เป็นการส่วนตัว หลังจากที่เขาประกาศแต่งตั้งให้ผมเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ผมโทรศัพท์ไปขอบคุณ และเขาจึงเชิญผมไปกัมพูชา

ไทม์ส-รัฐบาลไทยมีปฎิกิริยาเรื่องนี้อย่างแรงมาก มีการถอนทูตเอกอัครราชทูต ทำไมรัฐบาลไทยจึงมีปฎิกิริยารุนแรงเช่นนี้
ทักษิณ-รัฐบาล ไทยพยายามจะปกป้องอำนาจตัวเองทุกวิถีทาง พวกเขากลัวว่า หากผมยังพักอยู่ที่นี่ มันจะเป็นการอยู่ใกล้เกินไป แต่ผมจะไม่อยู่ แต่ถึงยังไง ผมก็ต้องไปเที่ยวที่นั่น(กัมพูชา)

รัฐบาล ทั้งคณะทำแค่วิตกตื่นกลัวกับผม แต่ไม่ได้ทำอะไรเลยให้ประเทศไทย พวกเขาปกป้องอำนาจตัวเองเกินไป พวกเขาไม่เคยได้อำนาจมาง่าย ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามจะรั้งอำนาจเอาไว้ด้วยความช่วยเหลือจากทหาร และประธานองคมนตรี พวกเขาทำเหมือนงูจงอางหวงไข่

พวก เขาเหมือนเด็กมาก กลัวว่า ถ้าผมอยู่ที่นี่ ผู้สนับสนุนผมจะยิ่งมีกำลังใจมากขึ้น เพราะผมอยู่ใกล้เมืองไทย แต่ผมจะไม่อาศัยที่นี่ ผมรู้ว่ามันใกล้เกินไป แต่ผมจะมากัมพูชาเป็นครั้งเป็นคราว

ไทม์ส -ตอนเดือนมีนาคม (2552)คุณ บอกว่า"ถ้ามีเสียงปืนจากทหารที่ยิงประชาชน คุณจะกลับประเทศทันทีและระดมการชุมนุม แล้วกัมพูชาเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการเดินนำประท้วงกลับประเทศไทยหรือเปล่า
ทักษิณ-ถ้า ผมจะเริ่มการเดินนำประท้วง ผมก็เริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองไทย บนแผ่นดินไทย แต่ผมเข้าเมืองไทยผ่านพรมแดน ผมสามารถเข้าเมืองไทยผ่านลาว กัมพูชา พม่าได้ ผมหาทางได้

ไทม์ส -แล้วภายใต้ภาวการณ์อย่างนี้ คุณจะทำอย่างนั้นไหม
ทักษิณ-ผม พยายามจะไม่ทำ ผมมีขั้นตอนวิธีการ(ที่จะทำเช่นนั้น)คือ ชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไป นั่นเป็นสิ่งสำคัญ แต่มันก็ไม่ได้แก้ปัญหาให้กับเมืองไทยอย่างแท้จริง มันอาจแก้ปัญหาให้ผมได้ แต่ไม่ใช่สำหรับเมืองไทย ปัญหาของเมืองไทยจะต้องแก้ด้วยการนำกลุ่มคนทั้งสองฝ่ายมาหันหน้าเข้าหากัน และสมานฉันท์ร่วมกัน

รัฐบาล ต้องการเขี่ยผมออกนอกประเทศไทย พวกเขาไม่ต้องการให้ผมกลับประเทศไทย พวกเขาต้องการเขี่ยผมออกจากการเมือง มันมีที่มาจากการเมืองจริงๆ

ถ้า ผมกลับไปเดี๋ยวนี้ มันจะเกิดความวุ่นวายกว่านี้ เพราะผู้สนับสนุนผมมีหลายล้านคนที่จะออกมา พวกเขารู้ว่า ผมถูกกระทำทางการเมือง ผมไม่เคยได้รับการไต่สวนอย่างเป็นธรรมและยุติธรรม ถ้าผมกลับไปเดี๋ยวนี้ อาจจะเกิดการนองเลือด เพราะรัฐบาลคงจะใช้กำลังทหารที่ใช้กระสุนจริง ซึ่งมันไม่เป็นประโยชน์กับใคร

ไทม์ส -แล้วมีโอกาสประนีประนอมที่ว่านั่นไหม
ทักษิณ-มี มันขึ้นอยู่กับว่าใครจะเป็นคนนั่งหัวโต๊ะในการเจรจา

ไทม์ส -คุณได้รับการติดต่อจากบุคคลในรัฐบาลบ้างไหม
ทักษิณ-ไม่ พวกเขาไม่เคยติดต่อผม พวกเขาอ้างว่าโทรศัพท์หาผม แต่จริงๆไม่เคย พวกเขาไม่ต้องการจะแก้ปัญหา แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถครองอำนาจไว้ได้ พวกเขาหมกหมุ่นกับอำนาจ หากประเทศไม่ย่อยยับ และไม่มีใครช่วยให้พวกเขาได้ขึ้นสู่อำนาจ พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะมีอำนาจได้

ไทมส์ -มีเงินของคุณจำนวนมากที่ยังอยู่ในเมืองไทย ราว 2,200 ล้านดอลลาร์(ถูกอายัดโดยรัฐบาลซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณถุกกล่าวหาว่า คอรัปชั่น) คุณจะเอากลับคืนมาไหม
ทักษิณ-ผม หวังว่า หากมีความยุติธรรมในสักวันหนึ่ง ผมจะกลับไปเอา เพราะนั่นเป็นเงินของครอบครัวที่มีมาก่อน มันเป็นหุ้นจำนวนเดียวกันที่เราเป็นเจ้าของก่อนเข้าสู่การเมือง และครอบครัวผมทั้งหมดขายหุ้นนั้นทั้งหมดเพื่อให้แหล่งที่มาถุกต้อง แต่ พวกเขาพยายามสร้างเรื่องว่า มีเงินเพิ่มขึ้นมาเพราะอิทธิพลของผม ตอนนี้หุ้นเหล่านี้ทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นตามดัชนีของตลาดหุ้น และบางบริษัทก็มีหุ้นที่มีราคาเพิ่มขึ้นมากกว่าโดยเฉลี่ย แต่มันไม่ใช่บริษัทของครอบครัวผม เป็นบริษัทของคนอื่น

ไทม์ส -แล้วถ้ารัฐบาลบอกคุณว่า "โอเค เอาเงินคุณกลับไป แต่เลิกยุ่งกับการเมือง เป็นแค่นักธุรกิจพอ คุณจะยอมไหม
ทักษิณ-เอ่อ คุณก็รู้ว่า ผมต้องการความยุติธรรม ผมไม่สนว่า จะต้องกลับไปสู่การเมืองหรือไม่ แต่หากคนส่วนใหญ่ต้องการให้ผมกลับไป อย่างนั้นผมก็ต้องกลับ ผมเห็นแก่ตัวเองไม่ได้ แต่ถ้าผมสามารถเลือกได้ ผมจะใช้ชีวิตของผมอย่างสงบ ผมต้องการตั้งพรรคใหม่ชื่อว่า"พรรคใช้ชีวิตอย่างมีสุข"(หัวเราะ)

คุณ รู้ว่า ผมไม่มีเวลาที่จะมีความสุขกับชีวิต ผมต้องทำงานตั้งแต่โตมา หลังจากผมกลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แทนที่ผมจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่ผมอาสาทำงานให้กับประเทศ โดยปกติแล้ว การเมืองไม่ใช่ที่สำหรับคนรวยที่จะเอาไป คนที่เป็นคนรวยต้องการจะเล่นการเมือง แต่ผมรักประชาชน ผมรักประเทศชาติ อยากจะทำสิ่งที่ดีให้แก่พวกเขา

ผมเป็นคนหัวปฏิวัติมาก ๆ ผมต้องการการปฎิรูป ผมได้ปฎิรูปอะไรมาหลายอย่าง ผมปฎิรูปกระทรวงต่างๆ ที่เคยอยู่มากว่า 100 ปี และเคยปฎิรูประบบกฎหมายให้ทันสมัยขึ้น

ไทม์ส - การสนับสนุนต่อตัวคุณในประเทศเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร หลังจากที่คุณออกมาแล้ว
ทักษิณ-ก็ ลดลงบ้าง โดยเฉพาะในพื้นที่เมือง เพราะสำนักข่าวลำเอียงต่อต้านผม เอียงอยู่ข้างเดียวตลอดเวลา แต่ถ้าผมเคลียร์แล้วแรงสนับสนุนคงกลับมาอย่างรวดเร็ว การเลือกตั้งครั้งล่าสุดหลังการรัฐประหารแสดงให้เห็นว่าแม้ว่าผมไม่ได้อยู่ ที่นั่น ผมก็ยังคงได้ที่นั่งมากกว่า นี่ก็จะเป็นจริงอีกครั้งในการเลือกตั้งหนต่อไป ถ้าหากผมอยู่ที่นั่น ก็คงเป็นการกวาดเสียงข้างมากใหญ่กว่าที่เคยเป็น นั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมพรรคประชาธิปัตย์ ฝ่ายตรงข้ามของผมถึงได้กลัวผมมากและพยายามจะป้ายสีผมอยู่ตลอดเวลา พวกนี้จะทำทุกอย่างเพื่อให้ผมอยู่ห่างๆ

ไทม์ส์- คุณให้การสนับสนุนทางการเงินต่อกลุ่มเสื้อแดงอย่างไร
ทักษิณ-ถ้า คุณไปที่นั่นแล้วคุยกับพวกเสื้อแดง คุณจะเข้าใจได้ดีว่าพวกเขามาด้วยเงินของตัวเองกันอย่างไร ช่วยซึ่งกันและกันอย่างไร บริจาคกันคนละเล็กคนละน้อยเมื่อมาถึงกรุงเทพฯ รวบรวมเงิน ช่วยกันเองได้มาก น่าทึ่งทีเดียว ไม่เหมือนกับพวกเสื้อเหลือง ที่มาจากทหารที่เข้ายึดสนามบิน (สุวรรณภูมิ ในปี 2008)

ไทม์ส- คุณต้องให้บ้างสิ คุณเป็นเศรษฐีพันล้านนี่
ทักษิณ-ไม่นะ ทรัพย์สินทั้งหมดนั่นถูกอายัดไว้

ไทม์ส- แต่ไม่ทั้งหมด คุณต้องมีเงินอยู่บ้างนอกประเทศ
ทักษิณ-ก็มีบ้าง ไม่มาก

ไทม์ส-มูลค่าสุทธิเท่าไหร
ทักษิณ- นอกประเทศก็มีสักร้อยล้านดอลลาร์ หรือสองสามรอยล้านดอลลาร์ จริงๆแล้วร้อยล้านนะ

ไทม์ส - ตกลง สองสามร้อยล้าน หรือ ร้อยล้านกันแน่
ทักษิณ -ผมเคยมีอยู่สองสามร้อยล้าน(เกือบหมื่นล้านบาท-ผู้แปล) แต่ผมใช้เงินไปกับบ้าน โน่นนี่ ก็คงเหลืออยู่สักร้อยล้าน

ไทม์ส- แล้วจะหมดเมื่อไหร่
ทักษิณ-ผม ไม่รู้ ตอนนี้ผมทำงานแล้วนะ ผมกำลังทำธุรกิจ ผมไม่สามารถนั่งอยู่นี่เฉยๆแล้วก็ใช้จ่ายไปอย่างเดียว ผมกำลังทำธุรกิจ ลงทุนมีเหมืองทอง 10 เหมืองในอู กันดา มีใบอนุญาตออกล็อตเตอรี่ในอูกันดา ในฟิจิ ในอังโกลา เราคงเริ่มกันในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ แล้วผมก็มีใบอนุญาตทำเหมืองทอง ซึ่งดูมีอนาคตดีมาก แล้วตอนนี้ก็กำลังเซ็นสัญญาสัมปทานเหมืองทองในปาปัวนิวกีนี เหมืองบนบก ผมทำธุรกิจเพชรดิบ เพชรเจียรนัย ด้วย ผมตัดสินใจไม่ทำเหมืองเพราะเสียงเกินไป อยากได้กำไรกลับมาเร็วๆ

ไทม์ส -อะไรคือการสนับสนุนของคุณต่อพรรค"เพื่อไทย"คุณทำอะไรให้พรรคนี้
ทักษิณ-ตัว ผมเองเป็นจุดขายของพรรค บางครั้งผมก็ต้องคุยกับผู้สนับสนุนผมหลายครั้งหลายคราว เช่น ทุกวันอังคาร ผมจะพูดออกอากาศทางวิทยุผ่านอินเตอร์เน็ต

ไทม์ส -คุณหย่าภรรยาเมื่อไม่กี่ปีก่อน บางคนบอกว่านั่นเป็นแผนทางการเมือง แผนทางกฎหมาย เพื่อปกป้องทรัพย์สินของคุณ
ทักษิณ-ภรรยา ผมเข้าใจว่า ผมมีผู้สนับสนุนมาก และผมไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะกลับไปเล่นการเมืองได้เพราะผู้สนับสนุนตั้ง ความหวังกับผม และจริง ๆ แล้ว เธอไม่สนับสนุนผมให้เล่นการเมืองแต่แรกแล้ว เพราะเธอมาจากครอบครัวมีชื่อเสียงมาก ๆ

เธอ ไม่ค่อยออกไปไหนกับผม โดยเฉพาะต่างประเทศ เธอไม่เคยตามผมไป เธอต้องการจะใช้ชีวิตอย่างเรียบ ๆ เธอไม่ชอบการเมืองเลย แต่เธอเข้าใจว่า ผมต้องกลับไปเล่นการเมือง ดังนั้นเธอจึงบอกว่า"ฉัน ไม่สามารถห้ามคุณเรื่องการเมืองได้อีกแล้ว เพราะฉันเห็นใจคนที่สนับสนุนคุณ แต่คุณต้องเห็นใจฉัน ฉันแบกรับไม่ไหวอีกแล้ว มันมากเกินไปสำหรับชีวิตฉัน ดังนั้นเราควรจะหย่ากันดีกว่า "

เธอบอกว่าได้โปรด "ฉันไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว" ตอนนี้เธออยู่เมืองไทยและนับตั้งแต่หย่ากัน เราก็ไม่เคยพบหน้ากันอีกเลย

ที่มา : http://www.wiseknow.com/content/view/2314/

..............................................................................................

Thairath

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2552

Pic_46093

สมเด็จฮุน เซน//พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

"ทักษิณ"ควง"ฮุนเซน" ให้สัมภาษณ์ทีวีเขมรโชว์ไอเดียแก้เศรษฐกิจ ด้านนายกฯเขมรให้เหตุผลไม่ส่งตัวให้ไทย เพราะกษัตริย์กัมพูชาแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา และคดีทักษิณเกิดขึ้นหลังรัฐประหาร..

ผู้สื่อข่าวรายว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 พ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่น) กัมพูชาได้เผยเทปบันทึกการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของประเทศกัมพูชา ผ่านทางสื่อโทรทัศน์ของกัมพูชา ทางช่องทีวีเค (TVK) พร้อมกับสมเด็จฮุน เซน ซึ่งถือเป็นการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังจากเดินทางถึงประเทศกัมพูชา

โดยระหว่างการสัมภาษณ์ สมเด็จฮุน เซน ได้นำเอกสารที่รัฐบาลไทยส่งมาให้กับทางการกัมพูชา ในการขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนยื่นให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ดูพร้อมกับกล่าวว่า ขอให้มั่นใจได้ว่าทางการกัมพูชาจะไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาที่ประเทศไทย ด้วยเหตุผล 3 ข้อ คือ 1. เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของสมเด็จฮุน เซน เป็นตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งโดยกษัตริย์ของกัมพูชา 2. สัญญาการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจะไม่นับรวมในกรณีที่เป็นนักโทษทางการเมือง และ 3. คดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตกเป็นผู้ต้องหานั้น เป็นคดีที่เกิดขึ้นหลังการทำรัฐประหารที่ประเทศไทย ซึ่งไม่มีความเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์แบบ

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า บรรยากาศตลอดการให้สัมภาษณ์นั้น สมเด็จฮุน เซน นั่งเคียงข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ตลอด โดยมีนักข่าวของกัมพูชานั่งอยู่โดยรอบจำนวน 5 คน ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียด และได้อธิบายถึงหลักการที่จะมาดำเนินงานในฐานะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ถามคำถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าตามที่เคยบอกไว้ว่าจะมาพัฒนาเศรษฐกิจที่กัมพูชา จะทำอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า จะยกเรื่องการปฏิรูประบบการเงินของกัมพูชา จะบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ และได้ยกทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นำมาใช้ที่ประเทศกัมพูชา และจะนำการค้าการลงทุนในระดับที่พอเหมาะเข้ามาที่ประเทศกัมพูชาให้ได้มากที่สุด

ขณะที่สมเด็จฮุน เซน ได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพรรคประชาชนกัมพูชา (ซีพีพี) และพรรคเพื่อไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า ทั้งสองพรรคการเมืองมีความสัมพันธ์ที่ดีมายาวนานตั้งแต่สมัยที่พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคไทยรักไทยอยู่ ซึ่งคล้ายๆ กับพรรคประชาธิปัตย์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็มีความสัมพันธ์กับพรรคสมรังสีเช่นกัน ถ้าพรรคประชาธิปัตย์อยากที่จะแต่งตั้งนายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยก็ยินดี ไม่มีปัญหา

ส่วนปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่เกิดขึ้นอยู่นั้น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เห็นว่า หากมองในระดับประชาชนคนไทย และคนกัมพูชาก็ยังรักกันอยู่ และรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีอยู่ เพียงแต่ปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาส่วนตัวระหว่างสมเด็จฮุนเซน และนายอภิสิทธิ์

สำหรับกำหนดการทำงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีการเปิดเผยที่ชัดเจน แต่ในวันที่ 12 พ.ย.นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปพูดคุยกับกระทรวงการเศรษฐกิจและการคลังของกัมพูชา จากนั้นจะเดินทางต่อไปยังเสียมราฐ และคาดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะหาเวลามาพูดคุยกับสื่อมวลชนไทยที่ไปรอทำข่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก