ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันจันทร์, พฤศจิกายน 09, 2552

โครงการชุมชนพอเพียง ยุค ประชาธิปัตย์ ขออะไรก็ได้แค่เครื่องกรองน้ำ

อ่านทั้งหมดที่นี่เลยครับ http://www.prachataiwebboard.com/webboard/id/1344

โกงพอเพียงอีก โผล่ชัยนาท ขออะไรก็ได้กรองน้ำ

โฆษก พท. แปลกใจโครงการชุมชนพอเพียง หลังลงพื้นที่ชัยนาท พบทุจริตกว่า 40 ชุมชน ขออะไรก็ได้เครื่องกรองน้ำ 2.5แสน หมด จี้ดีเอสไอ ลงดาบ ชี้หลังเปลี่ยนอธิบดีเกียร์ว่าง อ้างเพราะรองนายกฯ-รมต.-นายกฯคนปชป.

เมื่อ วันที่ 11 ต.ค. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยังติดตามการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดชาวจ.ชัยนาท ร้องเรียนว่าไม่ได้รับอนุมัติโครงการตามที่ขอ คณะทำงานของพรรคเพื่อไทยจึงได้ลงพื้นที่พบว่าโครงการชุมชนพอเพียงที่จ .ชัยนาทมีการ ทุจริตถึง 40 ชุมชน รวมวงเงิน 8.9 ล้านบาท เช่น ชุมชนบ้านเทพรัตน์ ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี ได้งบ 3 แสนบาท ขอโรงสีข้าวเปลือก แต่ได้เครื่องกรองน้ำดื่มราคา 2.5 แสนบาท ชุมชนบ้านดงเทพรัตน์ ได้งบ 3.5 แสนบาท ขอเลี้ยงปลาราคา 2.8 แสนบาท และโรงงานผลิตน้ำพริกราคา 7 หมื่นบาท แต่กลับอนุมัติเครื่องกรองน้ำดื่มราคา 2.5 แสนบาท สร้างความเสียหายให้กับประชาชนและประเทศชาติ เหมือนเชื้อโรคทุจริตร้ายที่ไม่มีวันตราย โครงการชุมชนพอเพียงมีการทุจริตกระจายทั่วประเทศ และได้ยื่นให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบ แต่หลังจากเปลี่ยนอธิบดีกรมดีเอสไอ จากพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็น นายธาริต เพ็งดิษฐ์ คดีไม่คืบหน้า

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่าทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง ไม่คืบหน้า เพราะนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ รับผิดชอบโครงการนี้ เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จึงขอให้นายกรัฐมนตรี และดีเอสไอเร่งดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้

..........................................................................

โกงข้าวโพดฉาว
แฉ โครงการรับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของรัฐบาลส่อทุจริต อีกแล้ว หลังประธานคณะกรรมการกลางกลุ่มเกษตรแห่งประเทศไทย รับมอบอำนาจจากองค์การคลังสินค้า เข้าตรวจสอบโกดัง 5 แห่งในจังหวัดตาก พบข้าวโพดที่รับจำนำไว้สูญหายไปอื้อ บางโกดังมีทั้งสต๊อกลม ยัดไส้กระสอบด้วยซังข้าวโพด ดิน และทราย เพื่อเพิ่มน้ำหนัก แถมบางแห่งยังสมรู้ร่วมคิดกับธนาคาร ทำเครดิตเอาเงินออกมาใช้อย่างฟุ่มเฟือย ทำเป็นขบวนการใหญ่ฉ้อโกงกันมโหฬาร เตรียมแจ้งความดำเนินคดีเจ้าของโกดังขี้โกงแล้ว

พบโครงการรับจำนำ ข้าวโพดของรัฐบาลฉาวโฉ่ ส่อมีการทุจริตกันอย่างมโหฬารครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 4 ต.ค. นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ประธานคณะกรรมการกลาง กลุ่มเกษตรแห่งประเทศไทย ทำหน้าที่ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบวิธีปฏิบัติงานตามโครงการ แทรกแซงราคาสินค้าเกษตรในการรับจำนำสินค้าเกษตร ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) กระทรวงพาณิชย์ และคณะได้เดินทางมายังพื้นที่ อ.แม่สอด อ.พบพระ และ อ.แม่ระมาด จ.ตาก เพื่อตรวจสอบโกดังเก็บข้าวโพดตามโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/2552 จำนวน 17 แห่ง ที่ทำสัญญารับฝากข้าวโพด เพื่อตรวจดูว่ามีข้าวโพดในโกดังเก็บสินค้าตามสัญญาหรือไม่

ภายหลัง การตรวจสอบ นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากบุคคลหลายฝ่ายเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวโพดเลี้ยง สัตว์ ปี 2551/2552 ว่า มีการจำนำสต๊อกลมบ้าง ไม่มีสินค้าบ้าง มีการแอบนำข้าวโพดไปขายก่อนบ้าง จำนวนหลายแสนตัน โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.ตาก จึงนำคณะเดินทางเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบโกดังเก็บข้าวโพด 5 แห่ง ในจำนวน 17 แห่ง ปรากฏว่าพบมีการส่อทุจริตทั้ง 5 แห่ง คือที่โกดัง หจก.ชัยสมบูรณ์ธุรกิจ เลขที่ 498 หมู่ 1 ต.พบพระ อ.พบพระ ซึ่งโครงการรับจำนำได้ฝากข้าวโพดไว้จำนวน 10,034 ตัน ผลการตรวจสอบพบว่ามีการปลอมปนนำซังข้าวโพด ทราย และดิน ยัดใส่ไว้ในกระสอบข้าวโพดจำนวนมาก และจากการประเมินเบื้องต้นคาดว่า มีข้าวโพดหายจากสต๊อกราว 2,500 ตัน จึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.พบพระ และสั่งอายัดข้าวโพดทั้งหมดไว้ตรวจสอบ เพื่อประเมินความเสียหายแล้วแจ้งความเพิ่มเติม

นายอุบลศักดิ์เปิด เผยต่อไปว่า ส่วนโกดังอีก 4 แห่ง พบว่าไม่มีข้าวโพดครบตามจำนวนที่รับจำนำไว้ ขาด 3 พันตันบ้าง 4 พันตันบ้าง บางแห่งขาดไปถึง 7 พันตัน แสดงให้เห็นว่ามีการฉ้อโกงกันเป็นขบวนการ เพราะในหลักการรับจำนำ โกดังที่รับฝากจะต้องดูแลข้าวโพดให้สมบูรณ์ จำนวนสินค้าต้องอยู่ครบถ้วน การตรวจสอบครั้งนี้ยังพบว่า นอกจากข้าวโพดที่ฝากไว้ในโกดังจะปลอมปน หรือหายไปส่วนหนึ่งแล้ว ยังพบว่าเจ้าของโกดังยังนำข้าวโพดที่รับฝากไปทำเครดิตกับธนาคารเพื่อนำเงิน ออกมาใช้กันอย่างฟุ่มเฟือย สิ่งเหล่านี้ทำกันเป็นขบวนการ ธนาคารจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ แสดงว่าธนาคารมีส่วนร่วมทุจริตด้วย ทรัพย์สินที่อยู่ในโกดังเป็นสิทธิ์ขององค์การคลังสินค้าอยู่ก่อนแล้ว รายอื่นจะมาเป็นเจ้าของไม่ได้

"การตรวจสอบในพื้นที่ จ.ตาก ครั้งนี้ จะต้องตรวจสอบโกดังในโครงการทั้ง 17 แห่ง โดยจะใช้วิธีรื้อกองข้าวโพดเพื่อค้นหาสิ่งปลอมปน และชั่งน้ำหนักตรวจสอบ จึงจะประเมินความเสียหาย ก่อนจะแจ้งความเพิ่มเติมตามกรณีไป หากข้าวโพดไม่ครบก็แจ้งข้อหาฉ้อโกง ถ้าเสียหายก็ดำเนินการฟ้องแพ่ง ซึ่งในวันที่ 5 ต.ค.นี้ ตนจะแจ้งให้ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ร่วมตรวจสอบโกดังที่รับฝากข้าวโพดทุกแห่งเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และจะดำเนินการตรวจสอบลักษณะนี้ทั่วประเทศ เพื่อขจัดขบวนการโกงชาติบ้านเมือง" ประธานคณะกรรมการกลางฯ กล่าว

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ จ.ตาก มีโกดังที่ร่วมรับฝากข้าวโพด คือ อ.แม่สอด หจก.พืชผลสุวรรณ, หจก.อเนกธัญกิจ, หจก.ชัยอนันต์การเกษตร, หจก.สิงห์รุ่งเรืองพืชผลการเกษตร, หจก.แพสีห์แดง, หจก.เลิศรุ่งเรืองการเกษตร, สหกรณ์นิคมแม่สอด จำกัด, ร้านพะวอพืชผลและไซโล ที่ อ.แม่ระมาด สหกรณ์นิคมแม่ระมาด จำกัด, หจก.ปฎิพงษ์การเกษตร, บริษัทเพชรจินดาการเกษตร (พืชผล) จำกัด ที่ อ.วังเจ้า หจก.พรเทพอะโกร, หจก.จินดาการเกษตรและไซโล ที่ อ.พบพระ ร้าน พี.พี.ธุรกิจการเกษตร, หจก.ชัยสมบูรณ์ธุรกิจ และ หจก.ชัยอนันต์การเกษตร รวมทุกโกดังมีข้าวโพดของโครงการรับฝากอยู่จำนวนนับแสนตัน

http://www.thairath.co.th/today/view/37381

..........................................................................................

ปูดอีกพิรุธซื้อรถจักร-อะไหล่รถไฟ1.2พันล้าน
พท.ตี กินรายวัน ปูดอีกประมูลซื้อรถจักร-อะไหล่รถไฟ 1.2 พันล้าน พิรุธอื้อ ส่อทำผิดระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง สงสัยสมรู้ร่วมคิด โยงใยเครือญาติบุคคลในรัฐบาล ปชป.อุ้ม"วิทยา"ชี้จี้ออกไม่เป็นธรรม ควรให้พิสูจน์ความจริงก่อน อ้าง 5 ชื่อที่แพทย์ชนบทแจ้งนายกฯไม่มี รมว.สธ. ขณะที่ รมช.ศธ.สั่ง สอศ.แจงปมยัดครุภัณฑ์วิทยาลัยอาชีวะ

@ พท.ปูดพิรุธประมูลร.ฟ.ท."1.2พันล."

น.อ.อนุ ดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. คณะทำงานสำนักงานปราบโกง (สปก.401) พรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ณ ที่ทำการ พท.ว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ออกประกาศ ร.ฟ.ท. งานการจัดซื้อรถจักรดีเซลไฟฟ้าจำนวน 7 คัน พร้อมเครื่องอะไหล่มูลค่า 1,200 ล้านบาท ซึ่ง พท.เห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวมีข้อพิรุธความน่าสงสัยในกระบวนการและขั้น ตอนการออกร่างประกาศเชิญชวนเสนอราคา (ทีโออาร์) หลายประการดังนี้ 1.ทีโออาร์ที่ออกในประกาศเว็บไซต์ของ ร.ฟ.ท.ระหว่างวันที่ 2-12 ตุลาคม ความยาว 98 หน้า เพื่อให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นนั้น ในข้อ 4.9 ได้ระบุให้บริษัทที่สนใจเข้าร่วมประกวดราคา ยื่นเอกสารการประกวดราคาในวันที่ 13 ตุลาคม เวลา 10.00-11.00 น. ซึ่งในทางปฏิบัติเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีบริษัทใดมายื่นเอกสารประกวดราคาได้ ทัน เพราะหลังจากสิ้นสุดการแสดง ความคิดเห็นในวันที่ 12 ตุลาคมแล้ว ร.ฟ.ท.จะต้องนำข้อมูลทั้งหมด ในคณะกรรมการร่างประกวดราคาพิจารณาทบทวนแล้วสรุปผลเพื่อประกาศเป็นทีโออาร์ อย่างเป็นทางการ โดยมีลายเซ็นของผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. หรือประธานคณะกรรมการประกวดราคาลงนามกำกับ จึงจะถือได้ว่าทีโออาร์ฉบับนั้นสมบูรณ์ หมายความว่าถ้าวันที่ 13 ตุลาคม เวลา 10.00-11.00 น. เป็นเวลาที่กำหนดให้มีการยื่นซองประกวดราคา คณะทำงานพิจารณาร่างทีโออาร์ จะมีเวลาพิจารณาร่างดังกล่าวเพียงแค่ไม่ถึงครึ่งวัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ

@ ส่อทำขัดระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง

2.ร่าง เอกสารประกวดราคาได้อ้างอิงประกาศฝ่ายการพัสดุ ร.ฟ.ท. ซึ่งในช่วงที่จะลงวันที่กลับเว้นไว้ ไม่ลงวันที่กำกับ แสดงให้เห็นว่าเอกสารฉบับนี้ยังไม่สมบูรณ์ รวมถึงหลักประกันตามข้อ 7 ในทีโออาร์ ก็ยังไม่ได้กำหนดระยะเวลาของการค้ำประกันซอง เพียงแต่ให้คำจำกัดความว่า ต้องค้ำประกันในระยะเวลา 180 วันเท่านั้น แต่ร่างทีโออาร์ฉบับนี้กลับไม่ได้กำหนดวันยื่นซองทางเทคนิคว่าเป็นวันที่ เท่าไหร่ ดังนั้น บริษัทที่จะเข้ามาร่วม จะไม่มีทางที่จะวางแผนในการยื่นทีโออาร์ได้เลย ซึ่งเป็นเรื่องตลกมาก 3.ระเบียบว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างของ ร.ฟ.ท. กำหนดให้การประกาศทีโออาร์ จะต้องประกาศอย่างเป็นทางการไม่น้อยกว่า 7 วันทำการ ดังนั้น การกำหนดให้ยื่นซองประกวดราคาในวันที่ 13 ตุลาคม จึงน่าจะเป็นการขัดต่อระเบียบว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างของ ร.ฟ.ท. และ 4.การยื่นซองประกวดราคา การเตรียมเอกสารในการยื่นซอง ตลอดจนการหาหลักประกันเพื่อให้ธนาคารออกหนังสือรับรองการค้ำประกัน จำนวน 50.2 ล้านบาท ไม่น่าเชื่อว่าจะมีบริษัทใดที่จะเตรียมเอกสารได้ทัน นอกจากมีหูทิพย์ ตาทิพย์ มีญาณวิเศษ ที่จะทราบล่วงหน้าว่าคณะกรรมการประกวดราคาและผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. จะพิจารณาหรือกำหนดให้ทีโออาร์ออกมาในลักษณะใด หรือมีการเปลี่ยนแปลงจากที่ร่างไว้เดิมหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องคุณสมบัติผู้ร่วมประกวดราคา

@ สงสัยโยงใยญาติคนในรัฐบาล

"พรรค เพื่อไทยจึงตั้งข้อสังเกตว่า การดำเนินการในครั้งนี้ อาจมีการส่อไปในทางสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มบริษัทใดบริษัทหนึ่งหรือไม่ เป็นไปได้หรือไม่ว่าบริษัทดังกล่าวจะมีความสัมพันธ์กับบุคคลในรัฐบาลในทาง เครือญาติ เพราะเห็นได้ชัดว่ามีการเร่งรัด ลุกลี้ลุกลนส่อไปในทางฮั้วประมูลหรือไม่ จึงขอเรียกร้องให้นายกฯตรวจสอบการดำเนินการของกระทรวงคมนาคม เพราะเป็นกระทรวงที่ต้องบริหารงบฯจากไทยเข้มแข็งซึ่งมาจากภาษีประชาชนจำนวน มาก หากใช้งบฯไม่เป็นไปตามวัตถุ ประสงค์ งบฯนี้อาจทำให้ภูมิใจไม่ไหว เพราะไทยไม่เข้มแข็งอย่างแน่นอน" น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว

http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01p0108111052&se...

..........................................................................................

วุฒิชัย จันทเสวต
รองประธานสมาพันธ์ปัญญาชนเพื่อประชาธิปไตย (DEC.)
ฝ่ายข้อมูลข่าวสาร

ไปต่างจังหวัด5วัน มีประเด็นร้อนเกิดขึ้นมากมายเลยนะครับ วันนี้เลยจะมาวิเคราะห์ให้ท่านได้ทราบกันครับ
กรณีกัมพูชาแต่งตั้ง คุณทักษิณเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ประเด็นที่น่าสนใจคือเราต้องดูว่าการแต่งตั้งของกัมพูชานั้น ประเทศไทยเสียหายอะไรบ้าง ซึ่งผมว่าไม่มี ประเทศไทยน่าภาคภูมิใจด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้ รัฐบาลลาวแต่งตั้ง นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีต รมว.คลัง เป็นที่ปรึกษารัฐบาลลาวมาแล้ว กรณีคุณทักษิณก็ได้รับการแต่งตั้งในอีกหลายประเทศให้เป็นที่ปรึกษา เช่น นิการากัว ฮอนดูรัส ที่มาเป็นปัญหากับประเทศกัมพูชานั้นอาจเป็นเพราะว่าเรามีปัญหากันอยู่ก่อน พอมีการแต่งตั้ง คุณทักษิณเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ก็นำมาเป็นชนวนในการหาเรื่อง ความจริงต้องแยกแยะ เพราะการไปเป็นที่ปรึกษา ไม่ได้ ทำลายประเทศหรือสร้างปัญหาให้ประเทศไทยแน่นอน อยากให้มองด้วยความเป็นธรรม มันไม่มีอะไรเสียหาย ในทางกลับกันจะเกิดการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สร้างผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างทั้ง2ประเทศ
ข้อกล่าวหาที่ว่ากัมพูชาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทย คงเป็นไปไม่ได้ ต่างชาติไม่สามารถเข้ามาได้อยู่แล้ว คดี ของคุณทักษิณก็ตัดสินสิ้นสุดไปแล้ว จะเอาความสัมพันธ์มาผูกติดกับการเมืองก็อันตราย สำหรับกรณีรัฐบาลจะยกเลิกเอ็มโอยูในพื้นที่ทับซ้อน อยากให้ดูดีๆว่าจะเกิดความเสียหายหรือเปล่า อย่าเอาความรู้สึกมาทำให้ประเทศเสียหายกระทบผลประโยชน์ประชาชน หากใช้วิธีเจรจารัฐบาลไม่มีทางเสียเปรียบอยู่แล้ว ผมเห็นว่าตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ มันเล็กนิดเดียวแต่ก็เป็นเกียรติ และไม่ได้สร้างความเสียหายแก่ประเทศไทยเลย
และกัมพูชาแต่งตั้ง คุณทักษิณเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจนั้น ได้มีการออกเป็นพระราชกฏษฎีกา โดยพระเจ้าสีหนุ กษัตริย์แห่งกัมพูชาทรงลงพระปรมาภิไทย ซึ่งเป็นความชัดเจนว่าตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้กับกัมพูชาของคุณทักษิณนั้น ถูกรับรองโดยกฎหมายของกัมพูชาแล้ว
เกี่ยวกับสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น คนที่จะตัดสินว่าจะส่งหรือไม่นั้น ไม่ใช่ประเทศผู้ขอ แต่เป็นศาลฎีกาของประเทศผู้ถูกขอ จะเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งชัดเจนว่าตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้กับกัมพูชาของคุณทักษิณนั้น ถูกรับรองโดยกฎหมายของกัมพูชา เช่นนั้นแล้วศาลฎีกากัมพูชาจะตัดสินส่งตัวคุณทักษิณให้ประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือ
ความละเอียดอ่อนของปัญหาไม่ธรรมดา เช่นเดียวกับปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างความเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองที่จะเกิดขึ้นบนสถานะของความเป็นจริงและนำไปสู่การเจรจาอย่างสันติ กับการที่คนไทยต้องมาฆ่ากันเองรายวัน กับอธิปไตยของประเทศ รัฐบาลจะเลือกเอาทางไหน จะแก้ไขหรือจะปล่อยทิ้งไว้ ถ้าผู้นำหนีปัญหาก็ไม่ใช่ผู้นำที่ดี ถ้าผู้นำรับรู้ปัญหาแล้วไม่กล้าแก้ไขก็ยิ่งจะเป็นการทำร้ายประเทศ
วันที่นายอภิสิทธิ์ เดินทางไปเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ ได้นำปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาเจรจา นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ของมาเลเซียได้เชิญหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายมาพบนายอภิสิทธิ์โดยตรง ได้มีการพูดถึงเงื่อนไขบางอย่างที่นายอภิสิทธิ์ก็ตอบไม่ได้ และยังไม่มีคำตอบมาจนถึงวันนี้ ยังมีคำแนะนำในการแก้ปัญหาภาคใต้ จากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งแนวทางคล้ายๆกับที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นำเสนอซะด้วย
เรื่องระหว่างหวยบนดินกับเจ้ามือหวยใต้ดิน ระหว่างการแก้รัฐธรรมนูญกับอำนาจในกองทัพ ระหว่างการดำเนินคดีกลุ่มพันธมิตรฯกับบุญคุณของกลุ่มพันธมิตรฯที่ต้องตอบแทน ระบบรัฐสภาที่ล่มแล้วล่มอีก รัฐบาลทำงานไม่เต็มที่ เป็นเพราะรัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา สนใจแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ตนเป็นรัฐบาลต่อไปได้
สัปดาห์ที่แล้วก็เกิดปัญหาสภาล่ม สัปดาห์ นี้สภาก็ล่มซ้ำอีกเพราะ ส.ส.รัฐบาลเป็นโรคสันหลังยาวจนไม่ครบองค์ประชุม ทั้งๆที่การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีแค่สัปดาห์ ละ 2 วันเท่านั้น ส.ส.ยังไม่มาเข้าประชุม ผลกระทบจากสภาล่มทำให้ร่าง ก.ม. ของรัฐบาลต้องตกค้าง
ประธานวิปรัฐบาล ชินวรณ์ บุณยเกียรติ บอกว่า ปัญหาสภาล่มซ้ำซาก เป็นเพราะ ส.ส.ฝ่ายค้านตีรวนขอนับองค์ประชุม แต่ผมกลับมองว่าก่อนจะโทษฝ่ายค้าน รัฐบาลต้องโทษตัวเอง เพราะเป็นหน้าที่ของ ส.ส.รัฐบาลที่ต้องเข้าประชุมให้พร้อมเพรียงกันในฐานะเป็นเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร ในสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านก็ตีรวนขอนับองค์ประชุมแบบเดียวกันนี่แหละ
วอร์รูมพรรคประชาธิปัตย์วิเคราะห์ ว่าสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้จะอยู่ไปได้อีก 6 เดือน ส่วนวอร์รูมเพื่อไทยมั่นใจว่าสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้จะอยู่ต่อไปไม่เกิน 4 เดือน ใครที่คิดว่าสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้จะอยู่ครบ 4 ปี ก็เลิกหวังได้เลย
ถ้าวันนี้เรายังไม่รู้จักเริ่มต้นในการเคลื่อนไหวเรียกร้องเพื่อประเทศไทย ประเทศไทยของเราก็จะเริ่มจะถอยหลังลงคลองเพราะบ้านเมืองไม่มีกฎเกณฑ์กติกาและกฎหมายที่เป็นมาตรฐาน ประชาธิปไตยของไทยอ่อนแอตกอยู่ภายใต้เผด็จการซ่อนรูป
ฉะนั้นพฤศจิกายนนี้ เราจะต้องพร้อมเพรียงกันตามที่แกนนำได้นัดหมายไว้ เพื่อประเทศของเรา เพื่อสังคมของเรา เพื่อญาติพี่น้องของเรา เพื่อครอบครัวของเรา และสุดท้ายเพื่อตัวของเราเองครับ

สำนักข่าวกรอง DEC.
9-11-52

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก