ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันเสาร์, ตุลาคม 25, 2551

ฝ่ายความมั่นคงยืนยัน เสื้อแดง “แรง” กว่าเสื้อเหลือง

ข่าวโดย: Bugbunny
(ไทยฟรีนิวส์เสาร์ ที่ 25 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2551 )


มีข่าวมาว่าในที่ประชุมสภานายทหารใหญ่ของกระทรวงกลาโหมเมื่อไม่นานมานี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจากทั้งทหารและพลเรือนได้ทำการประเมินกำลังของฝ่ายที่ขัดแย้งกันอยู่ในขณะนี้ว่าฝ่ายใดจะเกิดการต่อต้าน “แรง” กว่า ถ้าหากมีปฏิบัติการใด ๆ รวมทั้งการยึดอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเกิดขึ้น คำว่า“แรง”ในที่นี้ไม่ได้หมายความถึงแนวความคิด การเคลื่อนไหวต่อต้าน หรือแม้แต่กำลังไฟของแต่ละฝ่าย ในระหว่างการปะทะต่อสู้ ฯลฯ แต่หมายรวมไปถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นภายหลังการยึดอำนาจและผ่านการต่อสู้ขั้นต้น อันจะมีโอกาสให้เกิดสภาพอนาธิปไตยสัมบูรณ์ และการไร้ขื่อแปหรือที่เรียกกันว่า Chaos ของบ้านเมืองด้วย

คนที่ออกมาพูดเองและยืนยันว่า “เสื้อแดง” แรงกว่านั้นคือนายทหารใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในกองทัพที่กังวลกับการต้านจากฝ่ายนี้ว่าจะมีทั้งประสิทธิภาพ ความยืดเยื้อ การพลิกแพลงทางยุทธวิธี รวมทั้งการกระจายออกไปทั่วทุกเขตจังหวัดอย่างกว้างขวางจนเอาไม่อยู่ หรือกว่าจะอยู่ก็จะต้องใช้เวลานานมาก ที่สำคัญก็คือ พวกเสื้อแดงส่วนใหญ่ไม่ใช่กลุ่มจัดตั้งที่มีหัวหน้าสายดูแล ยกเว้นบางกลุ่ม แต่มันเป็นมวลชนที่ต่อสู้ด้วยอุดมคติความคิดความแค้นที่สั่งสมกันมาในช่วงสองสามปีนี้


การปฏิบัติการต่าง ๆ จึงไม่มีแผนที่เป็น Master Plan และการฝึกฝนแบบหน่วยทหาร ไม่ได้ไร้วินัย แต่น่าจะดำเนินการตอบโต้กับสัญลักษณ์ทุกชนิด ทุกองค์กร ที่ประกาศจุดยืนอยู่ข้างฝ่ายเสื้อเหลือง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกแบบใดเช่นงานศพที่ไปร่วม รวมทั้งหน่วยทหารที่ตอนนี้ถือว่าเป็นพวกเสื้อเหลืองชัดเจนจากการออกมาขู่นายกให้ลาออก การต่อต้านจะเป็นแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน อย่างแน่นอน

พึงเข้าใจว่า กระบวนการปฏิบัติการของทหารนั้น เน้นที่ Mission Accomplishment คือการเข้ายึดครองแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ควบคุมสถานการณ์ได้สงบราบคาบ แต่ไม่หมายรวมถึงการดำเนินการภายหลังที่จะให้พื้นที่ยึดครองสามารถดำเนินตัวเองต่อไปอย่างไร เพราะไม่ใช่ภารกิจของทหาร ฝ่ายสาย คมช.เดิมนั้นเห็นว่าว่าถ้ามีการยึดอำนาจเกิดขึ้น ก็จะปราบปรามจับกุมแบบเด็ดขาด กวาดทุกคนที่มีข้อมูลว่าอยู่ตรงข้าม แต่ปัญหาก็คือมันมากเกินไป แม้บางคนจะเสนอความเห็นว่าในช่วงซูฮาร์โตเคยมีการเหวี่ยงแหสังหารสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์อินโดเนเซียไปเป็นล้านคนมาแล้วน่าจะทำได้ แต่มีผู้แย้งว่าปัญหาก็คือคราวนี้ไม่ใช่คอมมิวนิสต์และสถานการณ์สากลอยู่ข้างคนเสื้อแดง จัดการได้แล้วจะปกครองได้หรือไม่ มีผู้ออกความเห็นด้วยว่าภาคการเมืองหลายคนท้าทายให้ทหารรีบยึดอำนาจเสีย จะได้รู้ว่านรกเป็นอย่างไร หลังจากตกลงไปแค่ต้น ๆ ขุมนรกมาแล้วในช่วงหลัง 19 กันยา 49 คำถามก็คือพร้อมตกนรกกันหรือเปล่า

วิเคราะห์ได้ชัดเจนว่า นี่คือสาเหตุสำคัญสาเหตุหนึ่งที่ยุทธการยึดเมืองครั้งนี้ยังต้องรี ๆ รอ ๆ แม้จะมี “คำสั่งยุทธการ” ที่เด็ดขาดชัดเจนมาแล้วหลายครั้ง รวมทั้งยังมีการเร่งรัดอยู่ตลอดเวลาจากคุณน้าผู้เอาแต่ใจตัวเองและไม่มีใครกล้าขัดใจ การรั้งรอนี้ไม่ใช่จะไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง เพียงแต่กังวลว่าเมื่อยุทธการยึดเมืองสำเร็จได้แล้ว จะต้องผจญกับอะไร ยาวนานแค่ไหน เพราะตอนนี้ฝ่ายเสื้อแดง “ชัดเจน” แล้วว่าจะตอบโต้ศัตรูกลุ่มไหนบ้าง

จำนวนก็มากพอที่เล่นเกมยาว ไม่ใช่จะต้องจบกันในไม่กี่วัน มีสิทธิเกิดสงครามกลางเมืองสูง ตามมาด้วยการจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น จนถึงขั้นสหประชาชาติมาแทรกแซงด้วยกองกำลังรักษาสันติภาพ หรืออาจมีการแยกประเทศเกิดขึ้น ฯลฯ หน่วยทหารจึงต้องคิดมากไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามจนทำให้คนเอาแต่ใจตัวเองหงุดหงิดอย่างมาก แต่มันก็ชี้ชัดได้อย่างหนึ่งว่า สายการบัญชาที่เคยเข้มแข็งนั้นมันอ่อนล้าลง เพราะมีผู้กล้าขัดใจเกิดขึ้นแล้ว จากที่เคยต้องยอม ๆ กันเมื่อสมัย 19 กันยายน 2549

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก