ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันศุกร์, ตุลาคม 24, 2551

จาก "บักตั๊ว ศรัญญู ก็มา บักตู้ จรัสพงษ์" ดาราที่หมิ่นคนรากหญ้า


ก่อนหน้านี้ มีราดานักร้องใฝ่ชั่วหลายคนที่ขึ้นเวทีพันธมิตรและใช้ถ้อยคำหยาบคาย ด่า อดีต นายกฯทักษิณ และ อดีตนายกฯสมัคร ซึ่งการกรทำดังกล่าวแสดงออกถึงความเป็นคนที่มีจิตใจหยาบช้ามาก สำหรับในความคิดของผม พอมาถึงคราวนายกฯสมชาย ก็มี ดาราตกอับที่โอ่ว่าตนนั้นเป็นพวกชั้นสูง ออกมาพูดจาดูกถูกคนจน และ สนับสนุนกบฏพันธมิตร ว่าเป็นฮีโร่ นั่นคือ ซูโม่ตู้ หรือนายจรัสพงษ์ สุรัสวดี

ซูโม่ตู้ หรือ นายจรัสพงษ์ สุรัสวดี


24 ต.ค. 200 จากข่าวประชาทรรศน์

นักวิชาการ ไล่‘ซูโม่ตู้’เช็กประสาท สวนทางปชต.

ไล่ “จรัสพงษ์ สุรัสวดี” ไปเช็กประสาทเพราะทำท่าจะเพี้ยนไปกันใหญ่ เสนอความคิดแบ่งแยกคนไทย ไม่ให้คนจบต่ำกว่าปริญญาตรีมีสิทธิเลือกตั้ง แถมยังด่าคนรากหญ้าเสียหาย ราวกับพวกศักดินาเป็นเจ้าของประเทศไทย กล่าวหาคนจนถ่วงความเจริญบ้านเมือง พร้อมประกาศออกหน้าออกตาหนุน “พันธมิตร-ประชาธิปัตย์” นักวิชาการดาหน้าถล่ม คนจบปริญญาตรีไถนาเป็นหรือเปล่า แถมที่ออกมาพูดยังไม่มีภูมิรู้เรื่องประชาธิปไตย ที่อำนาจเป็นของปวงชนชาวไทยเท่าเทียมกัน ขณะเดียวกันข่าวลือปฏิวัติหึ่ง ห่วงทหารฉวยโอกาส “สมชาย” ไปนอกย้อนรอยยึดอำนาจอีกครั้ง

ฉะ“จรัสพงษ์ สุรัสวดี”หมิ่นศักดิ์ศรีคนจน

จากกรณี นายจรัสพงษ์ สุรัสวดี หรือที่รู้จักกันในนาม “ซูโม่ตู้” ได้อ้างตัวใกล้ชิดสถาบัน และอ้างความเป็นบุคคลชั้นสูง อยู่ในตระกูลที่มีนามสกุลพระราชทาน มีพ่อเป็นอดีตนายทหารใหญ่ และยังบอกเล่าความใหญ่โตด้วยการบอกว่าตัวเองพกปืนตลอดเวลา

รวมทั้งออกหน้าหนุนพันธมิตรฯ และประกาศเชียร์พรรคประชาธิปัตย์ชัดเจน ได้ออกมาดูหมิ่นเหยียดหยามประชาชนคนรากหญ้าและกำลังจะเดินสายเปิดทอล์กโชว์ แบ่งแยกว่าเป็นคนอีกวรรณะหนึ่ง เป็นคนถ่วงความเจริญของประเทศชาติ แบบเดียวกับท่าทีของม็อบและพรรคการเมืองเก่าแก่ พร้อมทั้งเสนอให้คนที่เรียนหนังสือไม่ถึงระดับปริญญาตรี ไม่ให้มีสิทธิเลือกตั้งนั้น

ประเด็นดังกล่าวได้กลายเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงให้เห็นว่าขาดภูมิความรู้ในเรื่องระบอบประชาธิปไตย เป็นแนวคิดย้อนยุคแล้ว ยังเป็นแนวคิดศักดินาที่มุ่งแบ่งคนในชาติออกเป็นชนชั้น เป็นการดูถูกความเป็นคนของเพื่อนร่วมชาติ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสังคมไทย

ไล่ “ซูโม่ตู้” ไปเช็กประสาท

รศ.ดร.ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่าแนวความคิดดังกล่าวขัดกับหลักการของประชาธิปไตย การเป็นประชาธิปไตยจะต้องมีความทั่วถึง การเลือกตั้งคือความเสมอภาคของประชาชนในประเทศ และความเสมอภาคถือว่าเป็นแก่นของประชาธิปไตย จะรวย จะจน จะโง่ จะฉลาด ทุกคนมีสิทธิเท่ากัน ไม่ทราบว่า นายจรัสพงษ์ไม่เข้าใจเรื่องนี้หรืออย่างไร

อย่างในสมัยก่อนก็มีการเรียกร้องถึงสิทธิสตรีให้มีสิทธิเลือกตั้ง จนในปัจจุบันก็เป็นที่ยอมรับเรื่องความเสมอภาค

“ผมว่าให้เขาเป็นเช็กประสาทดีกว่า รู้ได้ไงว่าคนรากหญ้าคิดไม่เป็น เขามีเรื่องประสบการณ์ชีวิต ถ้าเอาถึงที่สุดว่าเขาโง่ แต่คุณก็ไม่มีสิทธิไปตัดสินเขาว่าเขาไม่ดี คุณพูดอย่างนี้ แสดงว่าคุณไม่รู้หลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย อย่าไปให้ราคาเรื่องที่เขาพูดเลย”

รศ.ดร.ประสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติม ว่าในประเทศแถบยุโรป ที่มีการเลือกตั้งแรกๆ ก็จำกัดให้ชนชั้นสูงมีสิทธิเท่านั้น แต่สุดท้ายก็มีการเรียกร้องให้คนทุกชนชั้นได้มีสิทธิเท่าเทียมกัน ดังนั้นประเทศต้องมีวิวัฒนาการ ทำไมนายจรัสพงษ์ถึงคิดจะย้อนยุคไปอีก ไม่ทราบหลักสิทธิมนุษยชนหรืออย่างไร จึงแสดงท่าทีเป็นคนทวนโลก

รู้หรือเปล่าปชต.เป็นของทุกคน

ด้าน รศ.ตระกูล มีชัย อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าการเสนอแนวคิดเช่นนี้ ประชาธิปไตยก็จะเป็นเรื่องของผู้ที่จบปริญญาตรีเท่านั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ประชาธิปไตยเป็นของปวงชน นายจรัสพงษ์จะไปจำกัดได้อย่างไร

เรื่องการเรียกร้องการจำกัดสิทธิของประชาชนมีมาโดยตลอด ตั้งแต่ไม่ให้ผู้หญิงเลือกตั้ง จนเรียกร้องสิทธิสตรี สามารถเลือกตั้งได้ ต่อมาก็จำกัดให้บุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปเลือกตั้ง จากที่เคยตั้งไว้อายุ 20 ปี

“เพี้ยน เป็นความคิดที่เพี้ยน แล้วปริญญาตรีของเขาก็ทำให้เขาเพี้ยน ปริญญาตรีโง่ก็มี ถามหน่อยว่าปริญญาตรีไถนาเป็นไหมล่ะ เขาไม่รู้จักสิทธิทางการเมือง สิทธิการปกครองหรืออย่างไร คนที่จบปริญญาตรีบางคนยังไม่รู้เรื่องการเมืองเท่ากับคนที่ไม่จบเลย แล้วอย่างนี้มันวัดกันได้หรือเปล่า”

นายตั๊ว ศรัญญู วงศ์กระจ่าง ขณะออกไปร่วมปลุกระดมกลุ่มพันธมิตร ที่สีลม
คิดย้อนยุค-ดูถูกประชาชน

ผศ.จรัล ดิษฐาอภิชัย ประธานคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) กล่าวว่า คนที่มีความคิดลักษณะนี้เป็นการดูถูกประชาชน มีความคิดเหมือนคน 100 ปีก่อนอย่างพวกอังกฤษ ที่มีการยอมรับคนชั้นสูง คนที่เสียภาษีมีสิทธิเลือกตั้ง

“มันไม่มีข้อพิสูจน์อะไรที่ชัดเจนว่าคนที่มีการศึกษาสูงกว่า หรือมีการศึกษาต่ำ จะตัดสินใจเลือกส.ส.ได้ดีกว่ากัน คนภาคใต้จะเรียนสูงเรียนต่ำก็เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคที่ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย ไม่มีหลักไม่มีนโยบายที่ชัดเจนเพราะว่าไปสนับสนุนพวกเผด็จการ”

ผศ.จรัล กล่าวต่อไปว่า การนำเสนอแนวคิดแบบนี้มันเข้าข่ายผิดหลักของระบอบประชาธิปไตยคือ 1.อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ไม่ควรมีการมาเสนอข้อจำกัดในการแบ่งแยกสิทธิดังกล่าว 2.การนำเสนอแนวคิดแบบนั้นเป็นการผิดหลักการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ที่ทุกคนต้องมีเสรี มีสิทธิเท่าเทียมกัน 3.ตอนนี้สภาพของประเทศไทยคนชั้นสูงที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปอาจจะเลือกผิดก็ได้

“คนที่มีความคิดลักษณะนี้เป็นอันตรายมาก เพราะว่าไม่เชื่อในอำนาจของประชาธิปไตย ถูกแล้วที่ยอมรับว่าตนเองเป็นอำมาตยาธิปไตย” ผศ.จรัล กล่าว

ไม่ควรแยกคนด้วยการศึกษา

ทางด้านนพ.เหวง โตจิราการ คณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) กล่าวในประเด็นเดียวกันว่า ทุกวันนี้เป็นที่ยอมรับกันในหลักสากลแล้วว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะยากดีมีจน หรือมีการศึกษาสูงต่ำก็มีสิทธิเท่าเทียมกัน

“ในบ้านเราจะเห็นว่าคนที่จบการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีมีมากที่สุดและถือได้ว่าเป็นกำลังที่ไปประกอบในระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรมาดูถูกและมาทำการแบ่งแยกด้วยบรรทัดฐานเรื่องการศึกษา”

นพ.เหวง กล่าวต่อไปว่า ไม่มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าบุคคลที่มีการศึกษา จะมีความคิดเห็นดีกว่าคนที่มีการศึกษาน้อยกว่าเสมอไป คนที่มีความคิดแบบนี้เป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างรุนแรง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ท่าทีของนายจรัสพงษ์ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ และด่าทออย่างกว้างขวางโดยเฉพาะทางสื่อวิทยุหลายรายการ โดยต่างก็มองกันว่านายจรัสพงษ์ดูถูกเหยียดหยามคนจน คนรากหญ้าที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ และเห็นว่าการเลือกตั้งเป็นสิทธิในฐานะคนไทย การศึกษาไม่สามารถแบ่งแยกหรือกีดกันความเป็นคนไทยได้

นอกจากนี้ รศ.ดร.สมชาย ปรีชาศิลปกุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีเดียวกันนี้ว่า ขอให้นายจรัสพงษ์เดินสายทอล์กโชว์อย่างที่พูด เพราะจะได้ทราบว่ามีประชาชนที่คิดอย่างนี้จำนวนมากแค่ไหน จะได้ทราบว่าใครเป็นใคร ใครที่สนับสนุนการเมืองแนวคิดนี้ สังคมจะได้เห็นคนเหล่านี้แสดงตัวกันชัดๆ

ทั้งนี้ ต้องการทราบเช่นเดียวกันว่านายจรัสพงษ์มีแนวความคิดนี้ได้อย่างไร เกิดจากตรรกะ หรือมีเหตุผลอื่นสนับสนุน นักวิชาการเองก็จะได้ถกเกียงกันได้อย่างชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับแนวคิดดังกล่าว

..............

ปล.บักตู้ เป็นภาษาอีสานที่มักใช้เรียก ควาย แปลเป็นไทย ว่า ไอ้ควาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก