ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันศุกร์, ตุลาคม 17, 2551

จีนยันแก๊สน้ำตาไม่ทำให้เจ็บ-ตาย

การสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการสลายการชุมนุมที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตซึ่งเป็นแนวร่วมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เคลื่อนพลไปปิดล้อมอาคารรัฐสภา ที่มีการตั้งกันขึ้นมามากมายหลายคณะ ทั้งคณะกรรมการสอบสวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมการสอบสวนของรัฐบาล คณะกรรมการสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) คณะอนุกรรมการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งบางคณะเพิ่งได้รับการแต่งตั้ง และบางคณะเดินหน้าทำงานแล้ว
โทษแก๊สน้ำตาจีนทำคนเจ็บ-ตาย
แม้การทำงานยังไม่ได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการ แต่มีกรรมการบางคนในคณะกรรมการสอบสวนบางคณะออกมาระบุชี้ชัดฟันธงโดยไม่ต้องรอมติของคณะกรรมการว่าสาเหตุการเจ็บและการตายของผู้ชุมนุมเกิดจากแก๊สน้ำตาที่ตำรวจใช้ โดยเฉพาะแก๊สน้ำตาที่นำเข้าจากประเทศจีนที่ตรวจพบว่ามีคุณภาพต่ำ และมีสารระเบิด “อาร์ดีเอกซ์”
ข่าวคราวที่เกิดขึ้นในเมืองไทยกระทบไปไกลถึงประเทศจีนซึ่งเป็นแหล่งที่มาของแก๊สน้ำตาที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ร้ายทำลายผู้ชุมนุม วันที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ “หวนฉิวสือเป้า” จึงทำหน้าที่สื่อสืบหาความจริงมาตีแผ่ว่าแก๊สน้ำตาที่ผลิตในประเทศจีนนั้นเป็นต้นตอขอการบาดเจ็บล้มตายในประเทศไทยหรือไม่
ผู้เชี่ยวชาญจีนยันไม่ร้ายแรง
หนังสือพิมพ์หวนฉิวสือเป้ารายงานโดยกล่าวอ้างว่าได้สอบถามข้อมูลกับผู้เชี่ยวชาญด้านสรรพาวุธของทางการจีน สิ่งแรกที่ได้ยินจากปากของผู้เชี่ยวชาญคนนี้คือ “รู้สึกแปลกใจอย่างมาก”
ผู้เชี่ยวชาญด้านสรรพาวุธอธิบายว่า ตามหลักแล้วแก๊สน้ำตาไม่ได้เป็นอาวุธที่มุ่งทำลายชีวิต จึงไม่มีสารระเบิดร้ายแรงเป็นส่วนประกอบหลัก จะมีก็เพียงเล็กน้อยเพื่อใช้เป็นตัวจุดชนวนระเบิดและเป็นสารเผาไหม้เท่านั้น การใช้เป็นสารจุดระเบิดเพื่อทำให้เกิดกลุ่มควันขึ้น จึงมีสารระเบิดเป็นองค์ประกอบที่น้อยมาก แม้จะยิงแก๊สน้ำตาไปตกในระยะใกล้กับผู้ชุมนุก็ไม่สามารถทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นบาดเจ็บหนักได้ ส่วนสารเผาไหม้แม้จะมีส่วนผสมของดินปืนก็เป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ในประทัดทั่วไป ไม่ได้ทำให้เกิดระเบิดร้ายแรง เป็นการใช้เพื่อให้แก๊สแตกตัวเมื่อตกกระทบกับพื้นเท่านั้น
ควบคุมคุณภาพอย่างดีมีมาตรฐาน
ผู้เชี่ยวชาญด้านสรรพาวุธอธิบายด้วยว่า การผลิตแก๊สน้ำตาในประเทศจีนทำโดยสำนักงานวิทยาศาสตร์ตำรวจ มีการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดมาก และต้องผ่านการตรวจพิสูจน์ซ้ำหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่สามารถสร้างความบาดเจ็บกับสิ่งมีชีวิตได้จึงผ่านการอนุมัติให้นำออกมาใช้ ซึ่งตำรวจจีนทั่วประเทศใช้แก๊สน้ำตาที่ผลิตขึ้นในประเทศจีนทั้งหมด และไม่เคยปรากฏมาก่อนเลยว่ามีคนแขนขาขาดจากการใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม หรือได้รับบาดเจ็บหนัก
ไม่ถึงขั้นทำให้แขน-ขาขาด
“ผมไม่ได้บอกว่าแก๊สน้ำตาไม่มีอันตรายเลย แก๊สน้ำตาจะมีอันตรายต่อผู้ชุมนุมหรือไม่ขึ้นอยู่กับระยะการยิงและปืนที่ใช้ยิง แต่อันตรายอย่างมากก็แค่ทำให้เกิดแผลไหม้เท่านั้น ส่วนเรื่องทำให้ถึงกับแขนขาขาดคงเป็นไปไม่ได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากการใช้แก๊สน้ำตาหมดอายุ เพราะเท่าที่ทราบไทยนำเข้าแก๊สน้ำตาจากจีนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1993 ในขณะที่แก๊สน้ำตาที่ผลิตในจีนมีอายุการใช้งานแค่ 5 ปีเท่านั้น” ผู้เชี่ยวชาญด้านสรรพาวุธของจีนระบุ
ไม่มีชาติใดห้ามใช้แก๊สน้ำตา
ขณะเดียวกันมีผู้สื่อข่าวของจีนนำข้อสงสัยเรื่องนี้ไปสอบถามกับนายฉิน กัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ในงานแถลงข่าวประจำสัปดาห์ เพื่อขอความชัดเจนว่าจีนเคยส่งออกแก๊สน้ำตาไปประเทศไทยหรือไม่ แต่ได้รับคำตอบว่า “หนึ่ง ผมไม่สามารถยืนยันได้ว่าข่าวนี้เป็นจริงเพียงใด สอง ผมไม่เคยพบว่ามีประกาศจากนานาชาติว่าห้ามใช้แก๊สน้ำตา และสาม หลายประเทศก็ผลิตแก๊สน้ำตา”
ไทยนำเข้าตั้งแต่ปี 2536
จากคำให้สัมภาษณ์ของผู้เชี่ยวชาญด้านสรรพาวุธของจีนสอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ต.ภูวดล วุฒฑกนก ผู้บังคับการกองพลาธิการและสรรพาวุธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่ระบุว่า แก๊สน้ำตาที่ใช้สลายชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา ได้สั่งซื้อมาตั้งแต่ปี 2536 หลังเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬในปี 2535 ซึ่งตอนนั้นตำรวจไม่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ในการควบคุมและสลายฝูงชน เมื่อมีการสั่งซื้อมาแล้วก็ไม่มีเหตุการณ์ชุมนุมใหญ่เกิดขึ้น ทำให้ตำรวจไม่มีโอกาสได้ใช้อุปกรณ์ควบคุมและสลายฝูงชนที่ได้จัดซื้อมา จึงยังไม่มีประสบการณ์ในการใช้มากนัก โดยเฉพาะแก๊สน้ำตา
เคยใช้ที่สงขลาไม่มีคนเจ็บ-ตาย
“ก่อนหน้านี้เคยใช้แก๊สน้ำตาชนิดเดียวกันนี้สลายผู้ชุมนุมคัดค้านท่อก๊าซที่จังหวัดสงขลา แต่ไม่ได้ทำให้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต หลังการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา ได้เรียกเก็บแก๊สน้ำตารุ่นดังกล่าวแล้ว และจะไม่นำมาใช้อีก รวมทั้งเรียกเก็บรุ่นที่ผลิตจากอเมริกาด้วย” พล.ต.ต.ภูวดลกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสลายการชุมนุมกลุ่มคัดค้านการก่อสร้างท่อก๊าซและโรงแยกก๊าซที่จังหวัดสงขลาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2545 ที่หน้าโรงแรมเจบี อำเภอหาดใหญ่



จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก