ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันพุธ, ตุลาคม 08, 2551

ขยายข่าวเบื้องหลังการตาย น้องโบว์เหยื่อจากการบุกระดมของแกนนำกบฏพันธมิตร

ชันสูตร"น้องโบว์"ถูกของแข็งร้อนพุ่งอัดกระแทก"หัวใจ-ปอด"ทะลุ เผยศพบึ้มรถจิ๊ปเป็น พ.ต.ต.น้องเขย"การุณ"

สวดศพ"สาวเอแบค"ที่วัดศรีประวัติ7วัน เมินรดน้ำศพในทำเนียบฯ พ่อชี้มีโทรศัพท์ขู่ฆ่า เผยศพข้างรถจิ๊ปเป็นอดีต "พ.ต.ท."น้องชาย"การุณ" สรุปยอดผู้บาดเจ็บ443ราย นอนรพ.82ราย ตัดแขน-ขา4ราย ตัดนิ้วมือ-นิ้วเท้า4ราย อีกรายเป็นชายตายคารถจี๊ประเบิด ดร.อาจารย์ ลูก ผอ.ศูนย์กาชาดไทยนิ้วเท้าขาด (ตรวจรายชื่อผู้บาดเจ็บทั้งหมด)

ชันสูตร"น้องโบว์"ถูกแรงอัดจน"หัวใจ-ปอด"ทะลุ

ผศ.พล.อ.ต.นพ.วิชาญ เปรี้ยวนิ่ม หัวหน้าหน่วยนิติเวช ภาควิชาพยาธิวิทยา กล่าวว่า ผลการชันสูตรศพของน.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ อายุประมาณ 27 ปี พบว่ามีบาดแผลขนาดใหญ่บริเวณหน้าอกซ้ายต่อเนื่องถึงแขนซ้าย เนื้อบริเวณหน้าอกฉีกขาดหลุดออกมาเป็นชิ้น จนเห็นซี่โครง และทำให้กระดูกแขนข้างซ้ายหัก ภายในพบเลือดออกในช่องเยื่อหุ้มปอดซ้าย ปอดฟกช้ำจนทะลุ และหัวใจได้รับแรงกระแทกจนทะลุเช่นกัน สาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากหัวใจทะลุและเลือดออกในช่องปอด ลักษณะของบาดแผลเกิดจากถูกของแข็งที่มีความร้อน เข้าปะทะด้วยความเร็วสูง



"ความเร็วและความแรงเปรียบเทียบได้เท่ากับแรงกระแทกของการตกตึก 3 ชั้น และยังพบคราบเขม่า รวมทั้งรอยไหม้ ทั่วบริเวณร่างกาย โดยได้ส่งคราบเขม่าบนชุดชั้นในให้กับพนักงานสอบสวนแล้ว เพื่อส่งตรวจที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อระบุชนิดของวัตถุระเบิดต่อไป เชื่อว่า แผลฉีดขาดในระดับนี้ รุนแรงเกินไปที่จะเกิดจากแก็สน้ำตา นอกจากแก๊สน้ำตาถูกยิงมาใส่อกและระเบิดที่บริเวณหน้าอกของผู้ตายพอดี" ผศ.พล.อ.ต.นพ.วิชาญ กล่าว



เมื่อถามว่า แรงกระแทกดังกล่าวสามารถเกิดจากอาวุธชนิดอื่น ที่ไม่ใช่แก๊สน้ำตา เช่น ระเบิดปิงปอง ได้หรือไม่ ผศ.พล.อ.ต.นพ.วิชาญ กล่าวว่า สามารถเป็นไปได้





สวดศพ"น้องโบว์"ที่วัดศรีประวัติ7วัน พ่อเผยมีโทรศัพท์ขู่ฆ่า


นายจินดา ระดับปัญญาวุฒิ บิดาน.ส.อังขณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือ "โบว์" ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวเมื่อที่ 8 ต.ค. ว่า ขณะนี้ยังไม่มีรัฐบาลและตำรวจออกมาแสดงความช่วยเหลือรับผิดชอบแต่อย่างใด มีแต่เพียงกลุ่มพันธมิตรฯ ที่แสดงตนออกมารับผิดชอบ แต่ก็ได้ปฎิเสธกลับ เพราะเห็นว่าดูแลจัดการเองได้และไม่อยากรบกวน อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุดังกล่าวมีโทรศัพท์ลึกลับโทรมาข่มขู่ตน โดยกล่าวว่าถ้าไม่ตายก็จะเอาให้ถึงตาย


นายจินดา กล่าวเพิ่มเติมว่า จะตั้งศพน.ส.อังขณา บำเพ็ญกุศลที่วัดศรีประวัติ ตรงถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ศาลาสิงหเสนีเป็นเวลา 7 วัน



ตร.เผยศพข้างรถจิ๊ปเป็นอดีต "พ.ต.ท."น้องชาย"การุณ"

พ.ต.อ.สมชาย เชยกลิ่น ผกก.สน.ดุสิต เปิดเผยความคืบหน้า กรณีพบศพนรินาม ข้างรถจิ๊ป เชโรกี สีขาว ทะเบียน พต 4755 กทม. ระเบิดปริศนา บริเวณหน้าพรรคชาติไทย วานนี้ (7 ต.ค.) ว่า จาการตรวจสอบผลการชันสูตรศพ พบว่า ผู้ตาย คือ พ.ต.ต.เมธี ชาติมนตรี ซึ่งเคยเป็น อดีตสารวัตรปราบปราม ใน จ.บุรีรัมย์ โดยภรรยาของผู้ตายได้เดินทางมารับศพ และให้การว่า ผู้ตายเดินทางมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มเพื่อน จากนั้น เพื่อนได้สงสัยว่าสามีจะเสียชีวิตจากเหตุระเบิดรถยนต์ แล้วจึงแจ้งตนให้มาตรวจสอบและยืนยันว่า ศพดังกล่าวเป็นสามีจริง


ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ พบว่า ผู้ตายลาออกจากราชการเป็นเวลานานแล้ว และผันตัวมาเป็นแกนนำพันธมิตร ที่ จ.ศรีสะเกษ ก่อนจะเดินทางเข้ามาร่วมชุมนุม กับ กลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งขณะนี้ ญาติผู้ตายได้เตรียมตั้งศพบำเพ็ญกุศล ที่ วัดกลาง จ.ศรีสะเกษ



อย่างไรก็ตาม บรรยากาศบริเวณโดยรอบรัฐสภา หลังจาก เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดเสร็จสิ้น ก็พบว่า มีวัตถุคล้ายระเบิดที่ผลิตขึ้นเองจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่สรรพาวุธ จึงนำไปตรวจสอบ ขณะที่ รถของเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้สื่อข่าว ถูกทุบทำลายและปล่อยลมยางได้รับความเสียหายด้วย



รองปลัดสธ.เผยยอดผู้บาดเจ็บเหตุสลายม็อบ 443ราย

นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อม นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รักษาการผู้อำนวยการศูนย์นเรนทร ได้เดินทางเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจผู้บาดเจ็บ ทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจจากเหตุสลายการชุมนุม เมื่อวานนี้ (7 ต.ค.) โดยอาการล่าสุดทุกรายปลอดภัยแล้ว แต่ยังน่าเป็นห่วงอาการติดเชื้อ ทั้งนี้ สรุปยอดผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 443 ราย โดยรักษาตัวที่โรงพยาบาล 82 ราย ในจำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 20 นาย นอนพักรักษาตัว 9 นาย และมีผู้สูญเสียอวัยวะต้องตัดแขนและขา 4 ราย ตัดนิ้วมือและนิ้วเท้า 4 ราย นอกจากนี้ ยืนยันว่า รัฐบาลมีความเป็นห่วงผู้บาดเจ็บทุกรายไม่แบ่งแยกฝ่าย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ประสานทีมแพทย์ฉุกเฉินประจำพื้นที่อีก 10 ทีม เพื่อให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บหากมีสถานการณ์ฉุกเฉิน



รพ.วชิระเผยผู้บาดเจ็บขาซ้ายขาด อาการดีขึ้นแล้ว

นพ.ชัยวัน เจริญโชคทวี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระ กล่าวว่า ผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล 164 คน ส่วนใหญ่สามารถกลับบ้านได้ คงเหลืออยู่ที่โรงพยาบาล 35 คนในจำนวนนี้ 13 คนต้องผ่าตัดด่วน และเป็นตำรวจ 2 นาย ส่วนนายธัญญา กุลแก้ว ที่ขาซ้ายขาดมีอาการดีขึ้น แต่ยังคงต้องอยู่ห้องไอซียู ซึ่งโรงพยาบาลจะส่งจิตแพทย์ไปพูดคุยกับผู้ป่วยทุกคนเพื่อผ่อนคลาย เพราะหลายคนยังอยู่ในภาวะสูญเสีย



ขณะที่ศูนย์เอราวัณสรุปยอดผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวโรงพยาบาล 10 แห่ง ในกรุงเทพมหานคร มี 433 คน ต้องพักรักษาตัว 75 คนมีผู้เสียชีวิต 1 คน




พ่อ"สาวเอแบค"ไม่จัดพิธีรดน้ำศพภายในทำเนียบแล้ว


นายจินดา ระดับปัญญาวุฒิ บิดาน.ส.อังขณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือ "โบว์" ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวเมื่อที่ 8 ต.ค. ว่า จะไม่นำศพบุตรสาวทำพิธีรดน้ำศพภายในทำเนียบรัฐบาลตามที่พันธมิตรฯ แจ้งความประสงค์มา เนื่องจากไม่ต้องการรบกวน แม้ว่าที่ผ่านมาจะได้รับการให้ความช่วยเหลืออย่างดี โดยระหว่างนี้กำลังตัดสินใจว่าจะนำศพบุตรสาวไปบำเพ็ญกุศลที่วัดใด



สธ.แจงยอดเจ็บ381รายตาย2 ขาขาด 4



เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม กระทรวงสาธารณสุขเผยยอดผู้บาดเจ็บจากเหตุสลายการชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภา ลานพระบรมรูปทรงม้า บริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล แยกการเรือน แยกขัตติยานี ทางเข้าพระที่นั่งวิมานเมฆ ถนนราชวิถี ตั้งแต่เช้าจนถึงเวลา 20.45 น. ของวันที่ 7 ตุลาคม มีจำนวน 381 ราย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นชายเสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้รถจี๊ปสีขาวบริเวณใกล้แยกพิชัย และหญิงจากเหตุสลายม็อบที่หน้ารัฐสภาในช่วงบ่าย



ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมว่า ศูนย์นเรนทรได้รายงานล่าสุดเวลา 18.00 น. มีผู้ได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาล (รพ.ต่างๆ ทั้งหมด 208 ราย เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายติดอยู่ในรถจี๊ปใกล้แยกพิชัย นำส่งผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 8 แห่ง ดังนี้ รพ.วชิรพยาบาล 95 ราย รพ.กลาง 8 ราย รพ.จุฬาฯ 9 ราย รพ.ศิริราช 22 ราย รพ.ราชวิถี 5 ราย รพ.พระมงกุฎเกล้า 9 ราย รพ.รามาธิบดี 47 ราย รพ.ตำรวจ 10 ราย และปฐมพยาบาลในที่เกิดเหตุ 3 ราย ไม่ต้องนำส่งโรงพยาบาล มี 26 ราย ที่ต้องพักรักษาอาการต่อในโรงพยาบาล ได้แก่ วชิรพยาบาล 9 ราย รพ.กลาง 3 ราย รพ.จุฬาฯ 2 ราย รพ.พระมงกุฎเกล้า 2 ราย รพ.รามาธิบดี 9 ราย รพ.ตำรวจ 1 ราย



เวลา 20.45 น.นพ.เพชรพงษ์ กำจรกิจการ ผู้อำนวยการศูนย์เอราวัณ กล่าวถึงตัวเลขล่าสุดมียอดรวมผู้บาดเจ็บทั้งหมดตลอดทั้งวันจำนวน 381 ราย ขาขาด 4 ราย



แพทย์เผยคิวผ่าตัดรามาฯล้น



เวลา 19.50 น. รศ.นพ.ธันย์ สุภัทรพันธ์ ผู้อำนวยการ รพ.รามาฯ กล่าวว่า ขณะนี้ รพ.รามาฯ รับผู้บาดเจ็บเข้ามารักษาแล้ว 4 รอบ ช่วงเวลา 19.00 น.ผู้ป่วยเกือบทั้งหมดได้รับบาดเจ็บจากเหตุสลายที่ บช.น.รุนแรงมาก มีผู้หญิงเสียชีวิตแล้ว 1 ราย ถือเป็นรายแรกจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ขณะนี้คิวผ่าตัดเริ่มล้นแล้ว



บัณฑิตสาวเอแบคสังเวย 1 ศพ-ชูเป็นวีรสตรี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้เสียชีวิตหญิงชื่อ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ เรียนจบมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ คณะบริหารธุรกิจ อายุประมาณ 25 ปี มีบาดแผลที่หน้าอก ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตขณะถึง รพ. แพทย์อยู่ระหว่างชันสูตรพลิกศพ



นายจินดา ระดับปัญญาวุฒิ บิดา น.ส.อังคณาผู้เสียชีวิตกล่าวว่า ได้ขับรถไปส่งภรรยาคือนางวิชุดา และบุตรสาว 2 คนเพื่อไปชุมนุมที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล บริเวณประตูคลองผดุงกรุงเกษม ช่วง 6 โมงเย็นวันเดียวกันนี้และทราบข่าวว่าลูกสาวทั้ง 2 คนได้รับบาดเจ็บเวลาประมาณ 18.00 น.เศษ โดยโทรศัพท์มาบอกว่าลูกสาวถูกยิงที่บริเวณหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า พอรู้ข่าวไม่ทราบว่าลูกสาวเสียชีวิต คิดว่าได้รับบาดเจ็บเท่านั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อกับภรรยาได้ สิ่งที่เกิดขึ้นอยากถามว่าใครจะมารับผิดชอบ รัฐบาลยิงประชาชนมือเปล่าได้อย่างไร คงไม่เรียกร้องอะไรกับรัฐบาลที่ทำอย่างนี้ ขอเพียงให้ภรรยากลับบ้านหรือติดต่อกลับมาเท่านั้น


นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศบนเวทีว่า มารดาของ น.ส.อังคณา ได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช



ทั้งนี้บนเวทีแกนนำพันธมิตรฯตั้งแต่นายสนธิได้ประกาศยกย่องน.ส.อังคณาและครอบครัวเป็นผู้เสียสละอย่างมาก



นายสุริยะใส กตะศิลา กล่าวบนเวทีว่า ได้รับอนุญาตครอบครัวน.ส.อังคณาให้นำศพของ น.ส.มารดน้ำศพที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 8 ตุลาคม



อาจารย์จุฬาฯลูกสาวผอ.ศูนย์สภากาชาดนิ้วเท้าขาด



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนึ่งในจำนวนผู้บาดเจ็บคือ ดร. ศิรากานต์ ฐิตวัฒน์ อาจารย์คณะสัตวแพทย์ศาสตร์จุฬาฯ บุตรสาวของนายแพทย์วิศิษฏ์ ฐิตวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ที่สูญเสียนิ้วเท้าด้วย ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงขั้นสูญเสียอวัยวะนิ้วเท้าหายไป 3 นิ้ว



นายแพทย์วิศิษฏ์ กล่าวว่า บุตรต้องสูญเสีย นิ้วนาง และนิ้วก้อยเท้าขาว แม้ว่ามีผู้หานิ้วจนพบแต่ก็ไม่สามารถนำมาต่อได้ โดยนิ้วเท้าและแผลที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากการแรงระเบิด ซึ่งหลังการผ่าตัดบุตรคงเสียการทรงตัวไปบ้าง ซึ่งในเรื่องนี้ผมคิดว่า ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะเป็นสิทธิเบื้องต้นในการแสดงออกการกระทำครั้งนี้ จึงถือว่าป่าเถื่อนมาก



รายชื่อผู้ชุมนุมบาดเจ็บช่วงบ่าย-ค่ำ



รพ.รามาธิบดี


นายสุชาติ พูนจตุรัส 52 ปี ,น.ส.จุฬาลักษณ์ โลหะนวกุล 23 ปี ,นายวิโรจน์ บุญกระเตื้อง 58 ปี ,น.ส.พัชรนันท์ เมธัสพงศ์นุกูล 46 ปี ร.ต.ประวิทย์ ราชกลิ่น 53 ปี ,น.ส.วิชชุนี พิตรากูล 43 ปี ,นายปรีชา สมประสงค์ 49 ปี ,นายกิติ ฤชาสุริยะอำไพ ,นายอดุมสุข บริสุทธิ์ ,นางเยี่ยม แซ่ตั้ง ,นายสมยศ ลิ้มทองคำ ,นายอดิศักดิ์ ร้อยพรเกษมสุข ,นายศุภกร ศุรมงคลทวีสุข ,นายสุวรรณ ผิวเผือก ,นายเผด็จ แซ่เรือง ,



น.ส.มนปริยา นภาวิจิตร ,นายสมชาย วรินทรนุวัตร ,นายเอก อุไรไพรวัน ,นายสมพร วรรณประกอบ ,นายสุรัช รุ่งอัญมณี ,นางวรรณา เลี่ยมศักดิ์ ,นายธรานิช รักษาแก้ว ,นายปรีชา ตรีจรูญ ,นายสุรพล บุญดวง ,นายอานนท์ ไอศนาวิน ,ส.ต.ท.เชษฐา ลาดี ,นายสมพงษ์ สิทธิหัตถการ ,นายสมนึก เหมือนแม้นสกุล ,นายชนินทร์ กลิ่นสุคนธ์ ,นายทศกรณ์ เยี่ยมกาญจน์ ,นายธีราเชษฐ์ ธราปัญจทรัพย์ ,นายไพโรจน์ วัฒนากิจรุ่งเรือง



รพ.วชิระ


จ.ส.ต.จักรา ขันธชัย ,จ.ส.ต.มนตรี มุกสาน ,ด.ต.เสก ตราเงิน ,นายสุธี บุญประเสริฐ 33 ปี ,นายวิรัช ฉั่งหลี 30 ปี ,นายดีม หงวิชัย 30 ปี ,นายจิรธานินท์ โชควิวัฒน์นำชัย 45 ปี ,นายทศพร วิโรจนะ 30 ปี ,นายพัชรพล สุขทองหล่อ 24 ปี ,นายเฉลิมชัย มงคลเกิดกิจ 30 ปี ,น.ส.จีริน พิภัทร์เสรีกุล 26 ปี ,นายวิสุทธิ์ นัมทณิสรณ์ 47 ปี ,นายสันติชัย ขันต้นธง 60 ปี ,นายวิเชียร อินทไทร 53 ปี ,นายวิษณุ ทองโสม 34 ปี ,



นายมนตรี ศรีโชค 30 ปี ,น.ส.ไปรพร แสงจันทร์ 28 ปี ,น.ส.สุพัตรา ภู่นานสรณ์ 55 ปี ,นายสมเกียรติ กันทรวรากร 41 ปี ,นายอดิศร เดียวตระกูล 50 ปี นางจิรภา ริทธิกลับ 36 ปี ,นายสิทธิพร ปานประเสริฐ 21 ปี ,นางสิริลักษณ์ พิจิตรกำเนิด 33 ปี ,นางปรัศนีย์ ปริสุทธิกุล 39 ปี ,นายศุภชัย วัชชะกิตติกรณ์ 62 ปี ,นายชนแดง ใจตรง 25 ปี ,ด.ญ.พานีพร เจตนากุล 1 ขวบ


นางบัวเพ็ชร จงจามรีสีทอง ,ด.ญ.ธัชนก มุดธนาเวช 1 ขวบ ,นายสมจิตร พงษ์นาค 43 ปี ,น.ส.จุฑามณี ชาตะนาวิน 24 ปี ,น.ส.อรนุช ฟักสุขจิตต์ 26 ปี ,น.ส.จุฑามาศ แก้วนก 35 ปี ,ด.ต.จรินทร์ ทองหล่อ 43 ปี ,น.ส.กิ่งแก้ว แซ่เตีย 44 ปี ,นายวีรยุทธ พรหมทอง 47 ปี ,นายนันทพัฒน์ อุ้มชู 50 ปี ,ด.ญ.แตงกวา สิทธิบุญ 1 ขวบ ,ด.ญ.สโรชา ณ ป้อมเพชร 7 ขวบ ,ด.ญ.สโรยา สิทธิบุญ 4 ขวบ ,ด.ญ.จิม ไม่ทราบนามสกุล ,น.ส.อนัญญา รุ่งทรัพย์ 24 ปี ,นายประสิทธิ์ โพธสุธน 64 ปี ,น.ส.สโรชา โพธิวัฒน์ 50 ปี ,น.ส.จิตตานันท์ เลิศวิมลชัยศรี 29 ปี ,นายวนิดา สุขสุด 39 ปี ,นายประพัฒน์ โพธสุธน 64 ปี ,น.ส.ลักขณา อนุธน 28 ปี ,น.ส.รุ่งรัตน์ บาลี 31 ปี


น.ส.สิริลักษณ์ สุวัตถี 30 ปี ,นายวัฒนี อุดมภักดี 50 ปี ,น.ส.สาวิศา สิงหเมธา 34 ปี ,นายศุกฤษ มากผล 42 ปี ,นายพงษ์ไท เชื้อชมสุข 30 ปี ,ส.ต.ท.สนทธยา ใจกว้าง 36 ปี ,ร.ต.อ.เกรียงไกร กิ่งสาปี 30 ปี ,นายวิศษฏ์ เข็มทองเจริญ 39 ปี ,นายรุชรินทร์ ทาสี 33 ปี ,นายเศรษฐวุฒิ บัวทุม 33 ปี ,นายวุฒิชัย คำปงศักดิ์ 40 ปี ,ด.ช.ภัควัฒน์ สุนทรวิภาค 6 ขวบ ,นายพิเชษฐ์ มีภู่เพ็ฐ 32 ปี ,ส.ต.ต.ปฐม ชัยบุญเรือง 34 ปี ,นายสุทธิคุณ กำแพงทอง 17 ปี ,น.ส.วิมลวัลย์ พันธ์รัศมี 41 ปี ,ส.ต.ท.ชาญชัย ชมจันทร์ 34 ปี ,ส.ต.ต.พิษณุ เหลาบัว 32 ปี


ด.ญ.วรินทร หงษ์วิจิตร 4 ขวบ ,นางกนกพร จันทร์ขำศรี 43 ปี ,ส.ต.อ.เอนก เอกสนธิ์ 37 ปี ,น.ส.นนท์สมร วงศ์สกุล 29 ปี ,นายไชยยันต์ ชูสกุล 25 ปี ,จ.ส.ต.ธวัชชัย จันทะแสง 34 ปี ,จ.ส.ต.วิชัย เขียวด้วน 38 ปี ,ดต.อุดม ทองคำ 34 ปี ,ส.ต.อ.จักรา ขันธชัย 34 ปี ,ส.ต.ต.มนตรี มกสาร 29 ปี ,จ.ส.ต.สมนึก บุญเทส 34 ปี ,นายศรุต สกุลมาลัยทอง 52 ปี ,ร.ต.อ.วัลลภ รื่นเจริญ 44 ปี ,ด.ช.หฤทธิ์ จะริยะเกษม 6 ขวบ ,ด.ญ.นัทกร วงศ์จริยะเกษม 4 ขวบ ด.ญ.พิชชานุช วงศ์จริยะเกษม 5 ขวบ


ขาขาด1-หมอชี้เหตุจากระเบิด


นพ.ชัยวัน เจริญโชคทวี ผู้อำนวยการ รพ.วชิระ กล่าวว่า นายบัญชา บุญแก้ว อายุ 50 ปี ได้รับบาดเจ็บกระดูกเข่าขวาแหลกละเอียด เส้นเลือดดำและแดงขาด กล้ามเนื้อฉีกขาด เบื้องต้นแพทย์พยายามที่ให้การรักษาเพื่อคงขาเอาไว้ให้ถึงที่สุด


"ตั้งข้อสังเกตว่าลักษณะของบาดแผลของนายบัญชา เป็นบาดแผลที่ได้รับจากวัตถุระเบิด ที่บริเวณหลัง, ลูกตา, ช่องท้อง และเข่า ซึ่งถือว่ามีความรุนแรงมาก อำนาจการทำลายล้างรุนแรง บดขยี้สูงทำให้บาดแผลเละ และเป็นชิ้นเล็กๆ ซึ่งไม่น่าจะเกิดจากแก๊สน้ำตา เพราะแผลจะไม่เละขนาดนี้ นอกจากนี้ มีผู้บาดเจ็บอีก 2 รายที่บริเวณช่องท้อง ซึ่งอยู่ในห้องผ่าตัดเล็ก" นพ.ชัยวันกล่าว


ขณะที่ นพ.ธันย์ สุภัทรพันธ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี ขอสงวนความเห็นถึงสาเหตุและชนิดของอาวุธที่ทำให้ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ



ปัดแก๊สน้ำตาทำคนขาขาด


พล.ต.ต.อำนวย กล่าวถึงการที่ตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม เนื่องจากมีความจำเป็นต้องเปิดเส้นทางให้สมาชิกสภาผุ้แทนราษฎรเข้าไปประชุมในรัฐสภาให้ได้ จะทำเท่าที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น อาจมีผู้ได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่แก๊สน้ำตาก็เป็นเครื่องมือควบคุมฝูงชนที่เป็นมาตรฐานสากลในการควบคุมฝูงชนที่ใช้กันทั่วโลก ไม่ใช่อาวุธที่จะใช้ทำลายประหัตประหาร จะได้รับบาดเจ็บบ้างนั้น อำนาจของมันก็มีแค่ระคายเคือง หรืออาจหกล้ม เบียดทับระหว่างวิ่งบ้างเท่านั้น พื้นถนนลื่นอาจล้มถลอกบ้างเท่านั้น


เมื่อถามว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมอ้างว่ามีการใช้กระสุนยาง กับระเบิด และเศษแก้วต่างๆ พล.ต.ต.อำนวยกล่าวว่า ไม่มี ใช้แค่แก๊สน้ำตา ส่วนที่บอกว่ามีคนขาขาด ไม่ชัดเจน เพราะแก๊สน้ำตาไม่รุนแรงขนาดนั้น มีแค่การระคายเคืองใช้น้ำล้างหน้าก็หาย อาจจะหกล้มหรือวิ่งไล่ทับ ล้มทับกัน เพราะมีการเอาน้ำมันราด เมื่อฝูงชนแตกตื่นก็อาจวิ่งทับกันเอง


พล.ต.ต.อำนวยกล่าวว่า ในทางลับมีการเจรจากันกับกลุ่มพันธมิตรทั้งเปิดเผยและไม่เปิดเผย พยายามแก้ปัญหาอยู่ แต่จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาก่อนที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง จะเดินมาให้จับ ต้องใช้คำว่าเดินมาให้จับ ส่วนวัตถุประสงค์ของการเดินมาให้จับมีวัตถุประสงค์อะไรนั้น ตนคงไม่ตอบแทน ไปคิดเอาเอง เพราะหลังจากเดินมาให้จับก็มีม็อบขึ้นมา จริงๆ ถ้าไม่มีการเดินมาให้จับกุม กลุ่มพันธมิตรก็เริ่มเข้าใจ และเริ่มน้อยลงตามลำดับ



ล้อมกรอบ บช.น. พันธมิตรตาย1


เวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มชายแต่งกายในชุดทหาร สวมเสื้อแจ๊คเก็ตสีชมพูคลุม ขับรถจักรยานยนต์ ตระเวนไปรอบ บช.น. และจุดใกล้เคียง ก่อนใช้ประแจตัวใหญ่หมุนและดึงวาวล์น้ำประปาบริเวณโดยรอบ ทำให้น้ำประปาใน บช.น.หยุดไหลทันที โดยตำรวจไม่สามารถจับกุมได้ทัน นอกจากนี้ พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น.ได้สั่งการให้ตำรวจ เตรียมขดลวดหนามจำนวนหลายวง มาวางไว้ที่ประตูด้านหน้าและด้านหลัง บช.น. เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ ภายหลังมีข่าวว่ากลุ่มพันธมิตร อาจจะบุกเข้ามาปิดล้อม บช.น. ทำให้สถานการณ์ใน บช.น. ทั้งตำรวจและผู้สื่อข่าวค่อนข้างตึงเครียด


เวลาประมาณ 18.00 น. ที่สี่แยกหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า ได้มีการระดมผู้ชุมนุมจำนวนมากมาตรึงกำลัง และมีทีท่าว่าจะบุกเข้าไปยึด บช.น. ทำให้มีการนำแผงลวดหนามมากั้นหน้า บช.น. และเกิดการประจันหน้ากันระหว่างผู้ชุมนุมกับกำลังตำรวจนครบาล และ ตชด.ที่ประจำการรักษาความปลอดภัยหน้า บช.น. จากนั้นมีกลุ่มพันธมิตรที่สลายตัวจากบริเวณหน้ารัฐสภา ส่วนหนึ่งมาสมทบกับผู้ชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้าและหน้า บช.น. รวมแล้วกว่า 5,000 คน และเกิดปะทะกันจนมีหญิงอายุประมาณ 25 ปี ในกลุ่มผู้ชุมนุมตาย 1 ราย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก