ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 25, 2551

สังคมไทยกำลังก้าวไปสู่การปฏิวัติ ประชาธิปไตยทุนนิยม

โดย สุรชัย แซ่ด่าน

สังคมไทยกำลังก้าวไปสู่การปฏิวัติ ประชาธิปไตยทุนนิยม




ที่มา http://www.cbnpress.com/


สภาพการณ์ของสังคมไทยปัจจุบันที่เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชนอย่างรุนแรง ทำให้คนไทยโดยทั่วไปงุนงงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในสังคมไทยและทางออกจะเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่จะเข้าใจเพียงว่าเพราะ พตท.ทักษิณ ชินวัตร์ พรรคไทยรักไทยที่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นพรรคพลังประชาชนฝ่ายหนึ่ง กับกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย และพรรคประชาธิปัตย์ฝ่ายหนึ่ง ต่อสู้แย่งชิงอำนาจกัน จนก่อให้เกิดปัญหาความแตกแยกในหมู่ประชาชน ซึ่งก็ไม่ผิดแต่ที่ลึกไปกว่านั้นที่เป็นรากเหง้าของปัญหาที่แท้จริง คนส่วนใหญ่ไม่ทราบ จึงต้องทำความเข้าใจเพื่อจะได้ไม่วิตกกังวลและหาทางออกได้ถูกต้อง


"


สภาพการณ์ทางสังคมและการเมืองไทยมองย้อนกลับไปในอดีตกรณีเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ปรากฏการณ์ที่เป็นภาพที่คนโดยทั่วไปเข้าใจ คือนักศึกษาและปราชาชนผู้รักประชาธิปไตย ขับไล่เผด็จการณ์ จอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร และพันเอกณรงค์ กิตติขจร ออกจากตำแหน่งเท่านั้น แต่เนื้อแท้จริงของเหตุการณ์จะมองไม่เห็น

จริงๆแล้วเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เป็นเหตุการณ์ที่กลุ่มอนุรักษ์นิยม ยืมมือ นักศึกษาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยโค่นล้มกลุ่มเผด็จการณ์ทางการทหารที่มีอำนาจโดดเด่น จนถูกหวาดระแวงว่าจะเป็นอันตรายต่อกลุ่มอนุรักษ์นิยม ดังตัวอย่างในหลายประเทศในโลกที่เกิดขึ้น

เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ถือว่าเป็นการสิ้นยุคของระบอบเผด็จการอำนาจนิยมทางการทหารต่อจากนั้นการเมืองยุคทหารก็ค่อยๆลดระดับลง

แต่ผู้ที่ได้รับประโยชน์อย่างมากมายจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ไม่ใช่ฝ่ายประชาธิปไตยประชาชนแต่กลายเป็นทุนนิยมไทยที่ได้รับการปลดโซ่ตรวนจากระบอบเผด็จการทหาร ทำให้ทุนนิยมไทยเริ่มสะสมทุน ขยายทุน และเข้าสู่การเมือง ตั้งพรรคการเมืองต่างๆ เริ่มต้นการเมืองยุคทุนนิยม

ในขณะนั้นฝ่ายซ้ายที่นำโดยพรรคคอมมิวนิสต์ แห่งประเทศไทย (พคท) ก็ได้เข้มแข็งเติบใหญ่ขึ้นจากกระแสอินโดจีนและการเคลื่อนไหวของขบวนการนักศึกษาฝ่ายซ้าย ทำให้กลุ่มอนุรักษ์นิยมที่ปลอดภัยจากผู้นำเผด็จการทหาร เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยจากขบวนการฝ่ายซ้าย จึงร่วมมือกับฝ่ายทุนนิยมและจักวรรดินิยมอเมริกา ใช้แผน “ขวาพิฆาตซ้าย” จนก่อกรณีนองเลือด 6 ตุลาคม 2519 ขึ้น ทำให้นักศึกษาและประชาชนฝ่ายซ้ายจำนวนมากต้องหลบหนีเข้าป่าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท)

ต่อมาเมื่อสถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลงเกิดวิกฤตศรัทธาในฝ่ายสังคมนิยม พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท) ก็ตกต่ำจนหมดสภาพที่จะนำการปฏิวัติกลุ่มอนุรักษ์นิยมจึงปลอดภัยจากขบวนการฝ่ายซ้าย

ครั้นมาถึงปัจจุบัน เมื่อทุนนิยมไทยได้สะสมทุนและขยายทุนจนใหญ่โตขึ้นอีกทั้งโลกก็ได้พัฒนาเข้าสู่ยุค “ทุนโลกาภิวัตน์” ในประเทศไทยก็เกิดกลุ่ม “ทุนนิยมใหม่” ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มีการพรรคการเมืองใหม่ชื่อ “ไทยรักไทย” มีทิศทางและนโยบายสอดคล้องกับยุคสมัยก้าวหน้ากว่าพรรคการเมืองทุนนิยมเก่า และพรรคการเมืองอนุรักษ์นิยมอย่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป) ความตอบรับของประชาชนจึงมีมากพรรคจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว และหัวหน้าพรรคคือ พตท.ทักษิณ ชินวัตร์ ก็มีความโดดเด่นถึงขั้นจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับภูมิภาค ปัญหาจึงเกิดขึ้น

เพราะกลุ่มอนุรักษ์นิยมเริ่มหวาดระแวงและไม่ไว้วางใจ ดังนั้นขบวนการจัดตั้งต่าง ๆ จึงเกิดขึ้น เพื่อโค่นล้มทำลาย พตท.ทักษิณ ชินวัตร์ และพรรคไทยรักไทย นี้แหละคือสภาพการณ์ที่แท้จริงของสังคมและการเมืองไทยในปัจจุบัน

เมื่อทราบเนื้อแท้ของปัญหาแล้วก็จะต้องวิเคราะห์ว่า สถานการณ์จะก้าวไปอย่างไรและจุดจบของปัญหาจะลงเอยอย่างไร ก็ต้องพิจารณาทฤษฎีสังคมการเมืองและกฎวิวัฒนาการทางสังคม โดยศึกษาจากประวัติศาสตร์ประเทศต่างๆ ในโลกที่ผ่านมาและวิเคราะห์ว่าสังคมไทยเวลานี้ดำรงอยู่อย่างไร

ผู้เขียนวิเคราะห์ว่า สังคมไทยได้ก้าวพ้นจากสังคมด้อยพัฒนาแล้วหลังจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 จนถึงปัจจุบันน่าจะเรียกได้ว่า “เป็นสังคมกำลังพัฒนาขั้นสูง กำลังก้าวสู่ความเป็นสังคมที่พัฒนาแล้วเข้าสู่ความเป็นสากล” แต่เนื่องจากสังคมไทยอยู่ในสภาพพิกลพิการจึงไม่อาจก้าวสู่ความเป็นสากล

เป็นสังคมที่พัฒนาแล้วได้เนื่องจากขั้นตอนการพัฒนาติดขัดเพราะในขณะที่เศรษฐกิจและสังคมกำลังก้าวสู่ยุคทุนโลกาภิวัตน์ แต่โครงสร้างทางอำนาจไม่ว่าเป็นตำรวจ ทหาร ศาล ระบบราชการต่างๆ ยังอยู่ในมือกลุ่มอนุรักษ์นิยม เพราะประเทศไทยยังไม่ผ่านการปฏิวัติประชาธิปไตยทุนนิยม ปรากฏการณ์ “กลุ่มพันธมิตร” และเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 เป็นเครื่องบ่งชี้ชัดเจนคือได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมในการโค่นล้มรัฐบาล เวลานี้จึงเป็นการต่อสู้ระหว่างกลุ่มอนุรักษ์นิยมกับกลุ่มทุนนิยมใหม่

สถานการณ์จึงก้าวเข้าสู่การปฏิวัติประชาธิปไตยทุนนิยมที่กลุ่มทุนนิยมใหม่จะเป็นผู้นำการปฏิวัติเพื่อช่วงชิงโครงสร้างทางอำนาจจากกลุ่มอนุรักษ์นิยม จุดแตกหักจะเริ่มขึ้นต่อเมื่อใดที่กลุ่มอนุรักษ์นิยมช่วงชิงความเป็นรัฐบาลจากปัจจุบัน (เปลี่ยนขั้ว) อย่างไม่ชอบธรรมไปเป็นรัฐบาลภายใต้กลุ่มอนุรักษ์นิยม ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลแห่งชาติหรือรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็ตามขบวนการต่อสู้อาจจะออกมาในรูป “แนวร่วมปฏิวัติประชาธิปไตยประชาชน” (นปช) หรือเป้าหมายอาจจะรุนแรงกว่านี้ก็ได้ และอาจถึงขั้นมีการจัดตั้งกองกำลังอาวุธเป็นป่าประสานเมืองและประสานกับคนไทยต่างประเทศเป็น ขบวนการแนวรบสามประสาน ก็เป็นได้

นี้คือคาดการณ์ตามการวิเคราะห์ในเชิงวิตกของผู้เขียน ซึ่งอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ จริงๆก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่จากทฤษฎีการปฏิวัติจากระบอบสังคมศักดินาสู่ระบอบประชาธิปไตยทุนนิยม ตัวอย่างแรกคือการปฏิวัติฝรั่งเศษและตัวอย่างล่าสุด คือการปฏิวัติในประเทศเนปาลเป็นกรณีศึกษาที่เราคนไทยจะต้องพิจารณาเพื่อเป็นแนวทางลดความรุนแรงและการสูญเสียที่จะเกิดขึ้น ให้การเปลี่ยนแปลงใช้ทฤษฏี “เปลี่ยนผ่าน” แทนการใช้ทฤษฏี “โค่นล้ม” สภาพการณ์ที่คนในชาติแตกแยกอย่างรุนแรงในขณะนี้ เกิดจากการต่อสู้กันระหว่างกลุ่มอนุรักษ์นิยมกับกลุ่มทุนนิยมใหม่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นเพียงเครื่องมือของกลุ่มอนุรักษ์ยมเท่านั้น

ดังนั้น การแก้ปัญหาจะต้องพิจารณาว่าในความขัดแย้งนี้กลุ่มใหนเป็นด้านหลักของความขัดแย้ง และจะแก้อย่างไร ที่ผ่านมาสื่อมวลชนมากมาย นักวิชาการและบุคคลต่างๆอาจไม่เข้าใจหรือแกล้งไม่เข้าใจโดยโยนปัญหาไปที่รัฐบาลว่าเป็นด้านหลักของความขัดแย้ง การแก้ปัญหาจึงต้องแก้ที่รัฐบาล เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกหรือยุบสภาซึ่งที่ผ่านมา ทั้งนายกฯ ลาออก ยุบสภาถูกยึดอำนาจ และกระทั้งนายกฯ สมัคร สุนทรเวช ถูกปลดออก เหตุการณ์ก็ไม่ยุติ จึงเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า ด้านหลักของความขัดแย้งไม่ได้อยู่ที่รัฐบาล แต่อยู่ที่กลุ่มอนุรักษ์นิยมที่หนุนหลังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอยู่การแก้ปัญหาจึงต้องแก้ที่กลุ่มอนุรักษ์นิยมเป็นด้านหลัก

ทางออกของการแก้ปัญหาก็คือกลุมอนุรักษ์นิยมจะต้องยอมรับความจริงยอมรับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและโลก ค่อยๆปล่อยมือจากโครงสร้างทางอำนาจ ปล่อยให้ใครกลุ่มใหนก็ตามเมื่อได้รับการเลือกจากประชาชนมาเป็นรัฐบาลได้มีอำนาจอย่างแท้จริง ส่วนการทุจริตและความไม่โปร่งใสต่างๆ ระบอบประชาธิปไตยจะค่อยสะสางขัดเกลาโดยตัวของมันเอง จะต้องมุ่งที่จะให้การศึกษายกระดับจิตสำนึกของประชาชนให้สูงขึ้นแทนที่จะโค่นส้มทำลายล้างกัน การถ่ายเทโครงสร้างทางอำนาจอยาสงปฏิรูปค่อยเป็นค่อยไปอย่างเปลี่ยนผ่านจะทำให้ไม่เกิดความรุนแรงแต่ถ้าไม่เป็นไปเช่นนี้ก็จะเป็นการต่อสู้กันเพื่อเปลี่ยนแปลงแบบ “โค่นล้ม” เป็นการปฏิวัติอย่างรุนแรง พลิกฟ้าคว่ำดิน ความเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชนก็จะใหญ่หลวง “สงคราม” หรือ “สันติภาพ” อยู่ที่การตัดสินใจของกลุ่มด้านหลักของความขัดแย้ง

โลกต้องพัฒนาไปข้างหน้า สังคมไทยก็ต้องพัฒนาไปข้างหน้าตามการพัฒนาของโลก การคิดถูกต้องและการตัดสินใจที่ถูกต้องคือการคิดและการตัดสินใจที่สอดคล้องกับการพัฒนาของโลก ฝากข้อคิดข้อเขียนนี้ให้ประชาชนคนไทยพิจารณาเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติด้วย


.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก