ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 04, 2551

7 เอกอัครราชทูตออกแถลงการณ์ จี้รัฐบาลไทยฟ้องร้องผู้กระทำผิด ผิดหวัง"นิติธรรม"ถูกละเลย

7 เอกอัครราชทูตออกแถลงการณ์ จี้รัฐบาลไทยวางมาตรการดูแลสนามบิน ฟ้องร้องผู้กระทำผิด ยืนยันเคารพสิทธิประท้วง ไม่แทรกแซงการเมืองภายใน แต่ย้ำชัดปิดสนามบินไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง "อังกฤษ"ผิดหวังหลักนิติธรรมถูกละเลย ไทยรับปากจะไม่ให้เกิดอีกเปิดบริการ"สุวรรณภูมิ"เต็มรูปแบบ 11 โมงของวันที่ 5 ธ.ค. ดอนเมืองบริการปกติแล้ว ก.ท่องเที่ยวฯ เล็งของบกว่า 2 หมื่นล.ฟื้นความเชื่อมั่น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่กระทรวงการต่างประเทศ เอกอัครราชทูตจาก 7 คนจาก 6 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา และทูตสหภาพยุโรป เข้าพบนายวีรศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อยื่นหนังสือแสดงความวิตกกังวลต่อการปิดสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองและใช้เวลาหารือราว 45 นาที


เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุว่า เอกอัครราชทูตเคารพสิทธิในการประท้วงและไม่แทรกแซงกิจการการเมืองภายในของไทย แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าเสียใจและไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ดังนั้น เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ไทยในสายตานานาประเทศ ในฐานะแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินมาตราการที่จำเป็นต่างๆ เพื่อยกระดับความปลอดภัยของท่าอากาศยานทุกแห่งในไทย และป้องกันการบุกยึดเช่นนี้เอีกในอนาคต พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่าขัดขวางการดำเนินงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมืองอีก รวมทั้งให้คำมั่นต่อสาธารณชนว่า จะไม่ขัดขวางการคมนาคมทางอากาศทั้งในกรุงเทพหรือภูมิภาค


นายธานี ทองภักดี รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติและการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยชี้แจงต่อคณะทูตว่า ไทยรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งได้สร้างความเสียหายให้กับคนประเทศต่างๆเป็นอย่างยิ่ง และได้ให้คำมั่นว่าทางการไทยจะดำเนินมาตราการปกป้องไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก โดยจะนำบทเรียนที่ได้ไปปรับแผนป้องกัน เพราะตระหนักดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย


"เราได้ชี้แจงว่า แม้จะมีแผนอยู่ในมือก่อนเกิดเหตุ แต่แผนที่มีนั้นเน้นที่การป้องกันเหตุก่อการร้าย แต่ผู้ชุมนุมมีทั้งเด็ก สตรีและผู้สูงอายุ แผนต่างๆ ต้องปรับให้เข้ากับสถานการณ์ ซึ่งตอนนั้นไม่สามารถใช้กำลังได้ รัฐบาลจึงใช้การเจรจาและแนวทางสันติวิธีแก้ไขปัญหา เพราะเราให้ความสำคัญสูงสุดกับชีวิตของคนทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ประท้วงตลอดจนทรัพย์สินด้วย" นายธานีกล่าว


นายธานี กล่าวด้วยว่า คณะทูตได้สอบถามว่าจะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดหรือไม่ เพราะเขาเห็นว่าต้องยึดหลักนิติธรรม ซึ่งไทยได้แจ้งให้ทราบว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งต้องพิจารณากันต่อไป


วันเดียวกัน นายควินตัน เควลย์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ให้ความเห็นในกรณีเดียวกันกับ "มติชน" ว่า การปิดกั้นสนามบินสร้างความเสียหายอย่างมากต่อเศรษฐกิจและชื่อเสียงของประเทศไทยในระดับนานาชาติ มิตรประเทศรู้สึกเศร้าใจมาก ที่ไทยแตกแยกเป็นสองฝ่าย หลักนิติธรรมถูกละเลย รัฐบาลอังกฤษผิดหวังอย่างยิ่งที่ชาวต่างชาติไม่สามารถเดินทางได้ อยากขอให้ทุกฝ่ายแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติและสร้างสรรค์ โดยคำนึงถึงสถาบันประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม


เอกอัครราชทูตอังกฤษ กล่าวด้วยว่า ความห่วงใยอันแรกของเรา คือ สวัสดิภาพและความปลอดภัยของชาวอังกฤษ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ ที่มีผลต่อเครือข่ายการคมนาคมระดับนานาชาติ มิตรประเทศของไทยต้องการเห็นผู้นำประเทศไทยส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่า กิจกรรมการเมืองต้องอยู่ภายใต้กฏหมายและต้องไม่มีผล โดยทางตรงหรือทางอ้อมต่อชาวต่างชาติที่มาเยือนประเทศไทยและต่อเศรษฐกิจของชาติ


ขณะเดียวกัน นายเควลย์ปฏิเสธให้ความเห็นใดๆเ พิ่มเติมต่อกรณีรายงานข่าวก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า ทางการอังกฤษได้อายัดทรัพย์สินมูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่าไม่สามารถแสดงความเห็นในกรณีดังกล่าวได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะเปิดบริการเต็มรูปแบบวันที่ 5 ธันวาคม หลังจากต้องปิดชั่วคราว เนื่องจากการกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปิดล้อม พบว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม มีเที่ยวบินแจ้งทำการบิน ทั้งเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้า ทั้งสิ้น 101 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินขาเข้า 65 เที่ยวและขาออก 36 เที่ยว


นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สายการบินที่ให้บริการประกอบด้วย การบินไทย บางกอกแอร์เวย์ คาเธ่ย์แปซิฟิค สิงคโปร์แอร์ไลน์ ไชน่าแอร์ไลน์ แจแปนแอร์ไลน์ เป็นต้น


"วันที่ 5 ธันวาคมนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบทั้งผู้โดยสารขาเข้าและออก ภายในประเทศและต่างประเทศได้ ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป และเพื่อให้ผู้โดยสารเกิดความมั่นใจในการใช้บริการสูงสุดนั้น ในเวลา 09.00 น.ก่อนให้บริการเต็มรูปแบบ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะเชิญหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ กรมการขนส่งทางอากาศ (ขอ.) องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไออาต้า) คณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) และสถานทูตต่างๆ มาตรวจสอบความพร้อมทั้งทางด้านความปลอดภัยและความมั่นคงด้วย" นายเสรีรัตน์ กล่าว


ส่วนท่าอากาศยานดอนเมือง ที่ต้องปิดบริการชั่วคราวด้วยเหตุผลเดียวกันและเปิดให้บริการแล้วนั้น เรืออากาศโทภาสกร สุระพิพิธ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง (สายปฏิบัติการ) กล่าวว่า ท่าอากาศยานดอนเมืองบริการปกติแล้ว ทั้งนี้ การเปิดบินวันแรก มีสายการบินขึ้นลง 2 สายรวม 42 เที่ยวบิน ประกอบด้วยการบินไทย 16 เที่ยวบินและนกแอร์ 26 เที่ยวบิน จากปกติจะมีเที่ยวบินขึ้นลงที่สนามบินดอนเมืองรวม 90 เที่ยวต่อวัน


พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักเลขานุการ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วันที่ 5 ธันวาคมที่จะทำการบินเต็มรูปแบบนั้น คาดว่าจะมีเที่ยวบินรวมประมาณ 80 - 90 เที่ยว ส่วนดอนเมืองคาดว่าน่าจะบินได้ประมาณ 22-23 เที่ยวบิน


"อัตราผู้โดยสารที่ทำการบินช่วงวันที่ 4 และ 5 ธันวาคม พบว่ามีผู้โดยสารขาเข้ามากกว่าขาออก ซึ่งเป็นทั้งคนไทยและต่างชาติที่ตกค้างในช่วงปิดสนามบิน" พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าว


สำนักข่าวเอเอฟพีจากฮ่องกงระบุว่า สายการบินคาเธย์ แปซิฟิกของฮ่องกง ประกาศว่า จะเปิดเที่ยวบินระหว่างฮ่องกงและกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม หลังจากหยุดบริการตั้งแต่มีการประท้วงปิดสนามบิน โดยเริ่มแรกบิน 4 เที่ยวบินในวันที่ 5 ธันวาคมและ 3 เที่ยวบินในวันที่ 6 ธันวาคม นอกจากนี้ เที่ยวบินที่กำหนดรับผู้โดยสารจากสนามบินอู่ตะเภา ได้เปลี่ยนให้ผู้โดยสารไปขึ้นเครื่องบินที่สุวรรณภูมิแทน ขณะเดียวกันสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ของสิงคโปร์ ประกาศจะกลับมาบินระหว่างกรุงเทพและสิงคโปร์อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคมเช่นกัน


วันเดียวกัน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประชุมร่วมกับผู้อำนวยการโครงการสุวรรณภูมิ ผู้แทนสมาคมโรงแรมไทยและสายการบิน เพื่อสรุปข้อมูล กรณีสนามบินสุวรรณภูมิไม่สามารถเปิดให้บริการได้


น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า เตรียมยื่นของบประมา 24,300 ล้านบาท แบ่งเป็นงบสำหรับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่องานด้านการตลาด สร้างความเชื่อมั่นกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 1,900 ล้านบาท โดยจะเชิญบริษัทเอกชนและสายการบินร่วมกันจัดทำแผนการตลาด และการเผยแพร่โฆษณา รวมทั้งเชิญกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาหารือด้วย


"สำหรับงบฯ ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ 2,400 ล้านบาท แบ่งเป็นการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ติดค้างอยู่ในไทยประมาณ 2,200 ล้านบาท ชาวไทยที่เดินทางไปเต่างประเทศประมาณ 200 ล้านบาท นอกจากยัง แบ่งวงเงินอีก 20,000 ล้านบาท ให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวกู้ยืมในอัตราพิเศษ


นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า ลูกค้าที่เข้าพักแรมลดลงเหลือประมาณ 20% จากเดิมที่อยู่ในระดับ 70 - 80% ขณะที่บางโรงแรมมีอัตราเข้าพักไม่ถึง 10 ห้อง ขณะที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศที่ดีในช่วงนี้ มีอัตราการเข้าพัก 30-35% จากเดิมที่อยู่ในระดับ 75-90% ภูเก็ต อยู่ในระดับ 45-50% จากปกติ 85-90%


"ความเสียหายที่เกิดขึ้น ยังประเมินไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่คาดว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าแน่นอน"นายประกิจ กล่าว


นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงผลกระทบจากการปิดสนามบินว่า ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงประมาณ 30-40 % และยังคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยทั้งปี 2551 จะลดลงประมาณ 3 แสนคน จากที่คาดการณ์ไว้ที่ 14.5 ล้านคน ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวในปีนี้ลดลงประมาณ 15,300 ล้านบาท จากที่คาดการณ์ไว้ที่ 6.1 แสนล้านบาท


นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า ช่วงกลุ่มพันธมิตรฯ ปิดสนามบิน จนทำให้บขส.ต้องเข้าช่วยขนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ตกค้าง เพื่อไปขึ้นเครื่องที่อู่ตะเภารวม 106 เที่ยว (26 พฤศจิกายน-4 ธันวาคม) โดยประมาณ 30% ผู้ประกอบการรถร่วมได้เข้ามาช่วย ที่เหลือดำเนินการโดยบขส. ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นนั้นทาง บขส.เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายไปก่อนเที่ยวละประมาณ 10,000 บาท คาดว่าทั้งหมดบขส.ต้องสำรองจ่ายไปประมาณ 10.06 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ทางบขส.กำลังรวบรวมตัวเลข เพื่อขอเบิกค่าใช้จ่ายจากรัฐบาลต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก