ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันเสาร์, ธันวาคม 20, 2551

แถลงการณ์ประณาม "ระบอบการปกครองหุ่นเชิดอภิสิทธิ์"

ที่มา // http://www.thaifreenews.com/?name=webboard&file=read&id=5854

โดย : NEWS

แถลงการณ์ประณามระบอบการปกครองหุ่นเชิดอภิสิทธิ์

ในฐานะพลเมืองผู้ออกเสียงเลือกตั้ง ผู้จ่ายภาษี และผู้ถูกปกครอง บรรดาข้าพเจ้าดังมีรายนามท้ายแถลงการณ์นี้ขอออกแถลงการณ์ประนามระบอบการปกครองหุ่นเชิดอภิสิทธิ์ ดังต่อไปนี้

1.ระบอบปกครองหุ่นเชิดอภิสิทธิ์ ไม่มีความชอบธรรมใดๆที่จะเป็นรัฐบาลของประชาชาติไทยทั้งมวล เนื่อง จากความเป็นมาของระบอบปกครองหุ่นเชิดดังกล่าวไม่ได้มีรากฐานที่มาตามระบอบ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ต้องได้รับฉันทานุมัติจากปวงชนชาวไทย ประชาชนชาวไทยไม่ได้เลือกพวกเขาเข้ามาทำหน้าที่รัฐบาล แต่เกิดจากการทำรัฐประหารเงียบที่เป็นการสมคบคิดกันระหว่างชนชั้นนำส่วนน้อย ที่ฝักใฝ่เผด็จการต่อต้านประชาธิปไตย กับพันธมิตรฯที่คัดค้านประชาธิปไตยต้องการการเมืองใหม่ที่เป็นเผด็จ การทรราชย์เสียงข้างน้อย ผสานกับขบวนการตุลาการที่ตัดสินคดีโดยอยู่บนรากฐานของระเบียบกฎหมายของคณะ รัฐประหาร19กันยาฯ และการข่มขู่คุกคามของผู้นำกองทัพอย่างโจ่งแจ้งเปิดเผย

ประชาชน ไทยทั้งมวลจึงไม่ยอมรับว่านายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี เว้นแต่พวกเขาอยากจะเรียกอย่างนั้น และไม่ขอยอมรับว่าเป็นรัฐบาลอันชอบด้วยกฎหมายและโดยความยินยอมของปวงชนชาว ไทย พวกเขาเป็นเพียงระบอบปกครองชนิดหนึ่งทีอุปโลกข์กันขึ้นโดยปราศจากฐานรองรับ ของปวงชนชาวไทย

2.ประชาชนชาวไทยขอเรียกร้องต่อประชาคมโลก และบรรดามิตรประเทศของไทยได้ รับทราบว่า โลกก็ต้องไม่ให้การรับรองระบอบปกครองหุ่นเชิดที่อุปโลกข์ขึ้นนี้ด้วย พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้นานาชาติคว่ำบาตรต่อระบอบปกครองนายอภิสิทธิ์จนกว่า จะสิ่นสุดลง และสถาปนาประชาธิปไตยอันแท้จริงกลับคืนมา

3.ประชาชนไทยทั้งมวลพึงใช้สิทธิที่จะเพิกเฉยไม่ยอมรับ ไม่คบค้า ปฏิเสธ คว่ำบาตรในทุกวิถีทางที่ทุกคนทำได้ เช่น การงดจ่ายภาษีทุกๆกิจกรรม รวมทั้งหลีกเลี่ยงการจับจ่ายสินค้าที่คิดภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย และหากจำเป็นที่จะต้องผละงานประท้วงก็ต้องทำ และมีความจำเป็นที่ต้องเลิกอุดหนุนสินค้าหรือบริการต่างๆที่ให้การสนับสนุน แก่ระบอบปกครองที่อุปโลกข์ขึ้นมานี้ ตลอดจนเพิกเฉยต่อหน่วยงานที่ไม่เคยบังคับใช้กฎหมายในคราวพันธมิตรปิดล้อม สนามบินและทำเนียบรัฐบาล ด้วยวิธีง่ายๆเช่น การเพิกเฉยต่อการนำบุตรหลานของท่านเข้ารับการตรวจเลือกเกณฑ์ทหาร(เพราะ พฤติการณ์นี้ไม่ผิด แต่ยังมีรางวัลตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ด้วย) งดจ่ายค่าปรับต่างๆแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นต้น ตลอดจนเพิกเฉยต่อสถาบันต่างๆในสังคมที่เป็นผู้หนุนหลังระบบปกครองดังกล่าว

4. เนื่องจากไม่เคยยอมรับความชอบธรรมว่าระบอบปกครองอภิสิทธิ์เป็นรัฐบาลโดยชอบ ด้วยกฎหมาย เราจึงไม่หวังไม่เรียกร้องใดๆทั้งสิ้นต่อระบบปกครองอุปโลกข์หุ่นเชิดนี้ ไม่ ว่าจะเป็นข้อเรียกร้องให้เร่งเยียวยาปัญหาเศรษฐกิจ หรือการบังคับใช้กฎหมายต่อพันธมิตรที่มีพฤติการณ์ก่อการร้ายสากล ยึดสนามบินและเครื่องบินเป็นประกัน ทำให้ประชาชนนานาติกว่า300,000คนตกค้างกลายเป็นตัวประกันของผู้ก่อการร้าย แต่เราขอเรียกร้องต่อนานาชาติ เช่น สหประชาชาติ หรือศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศเข้ามาแทรกแซงเพื่อยกเลิกการกดขี่ของระบบ ปกครองอภิสิทธิ์ที่มีต่อประชาชนไทยทั้งมวล และดำเนินคดีต่อผู้ก่อการร้ายพันธมิตรในศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ เนื่องจากความสิ้นหวังต่อระบบยุติธรรมของไทย

ท้ายสุดนี้ด้วยความร่วม มืออย่างเด็ดเดี่ยวของประชาชนไทยทั้งมวล และด้วยการหนุนช่วยจากนานาชาติที่เป็นมิตรที่แท้จริงต่อประชาชนไทย เราจงตั้งความหวังว่าจะขจัดระบอบปกครองอภิสิทธิ์และบรรดาผู้สมคบคิดหนุนหลัง ให้พินาศลงโดยเร็ว และนำประชาธิปไตย สันติสุขและความหวังกลับมาสู่ประเทศชาติของเรา

ประชาชนไทยทั้งมวลจึงไม่ยอมรับว่านายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี เว้นแต่พวกเขาอยากจะเรียกอย่างนั้น และไม่ขอยอมรับว่าเป็นรัฐบาลอันชอบด้วยกฎหมาย และโดยความยินยอมของปวงชนชาวไทย พวกเขาเป็นเพียงระบอบปกครองชนิดหนึ่งทีอุปโลกป์กันขึ้นโดยปราศจากฐานรองรับของปวงชนชาวไทย



.....................


บทความโดย..ลูกชาวนาไทย


ผมไปเที่ยวป่ามาเสียหลายวัน ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2551 วันรัฐธรรมนูญ กลับออกมาจากป่า ก็คิดว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะเป็นนายกฯไปเรียบร้อยแล้ว แต่ข่าวแรกที่ได้รับตอนออกมาจากป่าคือ คุณอภิสิทธิ์ ยังไม่ได้เป็นนายกฯ แว๊บแรกที่เข้ามาในสมองผมก็คือ "วิกาลยาวนาน ความฝันมาก" ยิ่งทิ้งเวลานานไป โอกาสที่อภิสิทธิ์จะได้เป็นนายกฯก็ลดลงไปเรื่อยๆ สส.กลุ่มเพื่อนเนวิน ที่กองทัพไทย พยายามใ้ช้อิทธิพลบีบบังคับ ก็อาจจะได้สติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และรู้ว่า กองทัพไทยที่ไม่กล้าทำรัฐประหารนั้น อำนาจต่อรองจะไร้ค่า มีแต่อำนาจ "อุ้ม" ประการเดียวเท่านั้นที่เหลืออยู่

ก่อนออกป่า ผมก็ได้เขียนบทความเตือนกลุ่มเนวินทิ้งไว้คือ "คนทรยศนั้น ไม่มีอนาคตให้ ไม่ว่าจะยุคใดสมัยใด" ไม่มีสังคมใด ที่จะนิยมยกย่องเชิดชูึคนทรยศ ยิ่งทรยศต่อประชาชนด้วยแล้ว ยิ่งไร้อนาคตโดยสิ้นเชิง


หลังกลับจากป่า วันที่ 13 ธันวาคม ผมก็ออกไปร่วมงาน "วันแดงเดือดที่สนามศุภชลาศัย" เห็นภาพคนเต็มสนาม จนล้นออกมา้้ข้างนอก ไม่ต่างจากครั้งที่จัดที่สนามรัชมังคลาฯ แต่อย่างใด แต่ครั้งนี้ สนามศุภฯ ขนาดเล็กกว่า จุคนในสนามน่าจะได้ประมาณ 50,000 คนเท่านั้น

แม้จะผิดหวังบ้างที่ท่านายกฯทักษิณ ไม่ได้โฟนอินเข้ามา แต่ผมคิดว่า สถานการณ์การต่อรองทางการเมือง คงเข็มข้นกว่าที่ปรากฎออกมาทางสาธารณชน แม้คุณวีระจะบอกว่า เป็นข้อเสนอของฝ่ายพรรคร่วมฯ แต่ผมคาดว่าคงมีอะไรมากกว่านั้นอย่างแน่นอน แม้ทักษิณไม่ได้โฟนอินเข้ามา แต่ก็แสดงให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นศักยภาพแรงศรัธาของประชาชนต่อทักษิณไม่ได้ลดลงไปแ่ต่อย่างใดเลย

วิกฤตการณ์ทางการเมืองไทย 3 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ลดทอนศรัทธาของประชาชนต่ออดีตนายกฯทักษิณ แต่กลับไปลดทอนศรัทธาของฝ่ายตรงข้ามไปจนแทบจะไม่เหลือไว้เลยแม้แต่น้อย

วิกฤตการณ์ครั้งนี้สั่นสะเทือนถึงสวรรค์ชั้นฟ้าตาวติงสาภูมิ อย่างไม่เคยมีมาก่อนในรอบครึ่งศตวรรษมานี้ ในวงสนทนาต่างๆ ผมได้ยินคำเรียกอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าศรัทธาของคนจำนวนมากได้หายไปแล้ว เหลือเพียงความโกรธแค้นแทน ที่พวกฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมหยุดทำลายประเทศเสียที

สงครามความขัดแย้งทางการเมืองไทยครั้งนี้ ไม่มีทางจบสิ้นลงอย่างง่ายๆ แน่นอน เป็นสงครามยืดเยื้อยาวนาน และไม่มีทางจบลงอย่างง่ายๆ ด้วยการกระทำของใครอย่างแน่นอน

การใช้กลโกง Trick หรือ cheating ต่างๆ ของผู้มีอำนาจทั้งหลาย ที่หวังจะให้สถานการณ์พลิกกลับมาอยู่ข้างตน ให้ประชาชนพลิกกลับมาสนับสนุนตนชั่วข้ามวันนั้น ไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะยึดอำนาจรัฐได้ด้วยวิธีการฉ้อฉล ใช้ตุลาการภิวัฒน์เข้าขยี้ฝ่ายตรงข้ามอย่างลืมอาย ลืมคุณธรรมจริยธรรมที่พยายามอ้างอิงเท่าใด ก็ไม่มีทางทำให้สถานการณ์พลิกกลับแน่อน

ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถลำลึกและฝังตัวเองมากยิ่งขึ้น ประชาชนยิ่งก่นด่าในใจหรือ ในหมู่คนที่เขาคิดว่าไม่เป็นภัยแก่ตนมากยิ่งขึ้น กฎหมายปิดปาก กดหัว ไม่มีทางสร้างศรัธาคืนกลับมาได้

ความขัดแย้งทางการเมืองครั้งนี้ ก็อย่างที่ผมเคยบอก มันเป็นความขัดแย้งที่รากฐาน ความคิดความเชื่อทางการเมืองของประชาชน และซึมลึกลงไปถึงประชาชนทุกคน ทุกคนในสังคมได้ถูกดึงเข้ามาสู่ความขัดแย้งครั้งนี้ มันไม่ใช่แค่ความขัดแย้งในหมู่คนชั้นนำเท่านั้น แต่ซึมตั้งแต่ยอดหญ้า จนถึงรากหญ้าเลยทีเดียว

แม้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ จากกลโกงอย่างหน้าด้านของฝ่ายอำมาตยาธิปไตย แต่ผมไม่คิดว่านี่จะเป็นการยุติความขัดแย้งลงแต่อย่างใด เพราะนี่มันเป็นการชนะแค่ การรบครั้งหนึ่งเท่านั้น และเป็นสมรภูมิที่พวก ศักดินาอำมาตยาธิปไตย ต้องทุ่มเทกำลัง ทรัพยากร และความศรัธาลงไปแทบจะหมดสิ้น แต่ชัยชนะที่ได้มา คือรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ ที่ไม่มีเสถียรภาพแต่อย่างใดทั้งสิ้น

แต่ฐานที่แท้จริงทางด้านมวลชน ประชาชน ที่เป็นฐานสนับสนุนทางการเมืองที่แท้จริงหาได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดไม่ มีการเลือกตั้งใหม่เมื่อใด รัฐบาลแบบนี้ก็พังทลายเมื่อนั้น

รัฐบาลรูปแบบเก่าๆ ย้อนยุคเหมือนรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ปี 2536 มันไม่มีทางตอบสนองสังคมในปี 2551 นี้ได้อีกต่อไปแล้ว แม้จะลากไปยาวนาน 3 ปี ก็ไม่มีทางที่จะทำให้ ฝ่ายอำมาตยาธิปไตย สามารถตรึงพัฒนาการทางการเมืองของประเทศไทยให้หยุดนิ่งอยู่กับที่ได้อย่างแน่นอน

ผลการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี วันที่ 15 ธันวาคม 2551 คือ นายอภิสิทธิ ได้เสียงสนับสนุน 233 เสียง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ได้ 197 เสีย รวมแล้วคือ 430 มีผู้งดออกเสียง 7 คน จาก สส.ในสภาทั้งหมดขณะนั้นคือ 437 เสียง ก็เป็นอันแน่นอนแล้วว่า นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ ได้เป็นนายยกรัฐมนตรีคนที่ 27 ด้วยวิธีการที่เรียกได้ว่า สกปรก ต่อต้านคุณธรรมและจริยธรรม ที่พวกคนชั้นกลางใช้โฆษณามาอย่างยาวนานในสามปีนี้

ก็ชัดเจนว่า เกิดกลุ่มงูเห่าภาคสอง โดย สส.กลุ่มเพื่อนเนวิน ซึ่งก็คงไม่มีปัญหาอะไร ให้เป็นหน้าที่ของคนอีสานที่จะไล่ล่า งูเห่าให้สูญพันธุ์ต่อไป การเลือกตั้งซ่อมอีก 29 เขตเลือกตั้ง ประชาชนก็มีสิทธิ์ แสดงเจตจำนงของตนอีกครั้งหนึ่ง แม้ผมจะคิดว่าคงเป็นการเลือกตั้งที่สกปรกที่สุดอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ก็ตาม

ผมไม่เชื่อว่ากลุ่มอำมาตยาธิปไตย จะสามารถดำรงรูปแบบการเมืองที่สกปรก ที่ต้องทำทุกอย่าง เพื่อบิดเบือนอำนาจประชาชน และต่อต้านการเปลี่ยนแปลงนี้ต่อไปได้อีกนาน เพื่อที่จะอยู่ในอำนาจให้ได้ พวกเขาจะต้องจ่ายต้นทุนที่แพงแสนแพง ตั้งแต่ใช้เงิน/ตำแหน่ง ซื้อ สส. กลุ่มเพื่อนเนวิน รวมทั้งการสะสมทุนจำนวนมาก เพื่อซื้อเสียงเลือกตั้งครั้งต่อไป เพื่อดึงให้ประชาชน หันกลับไปสู่รูปแบบการเมืองเดิมคือ “การเลือกตัวบุคคลมากกว่าเลือกพรรค”

สำหรับพรรคเพื่อไทย ผมไม่เห็นว่าจะเป็นผลเสียแต่อย่างใด กับการที่ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน เพราะเมื่อการเมืองถูกดึงมาเล่นในสภา โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งในอนาคต ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ยากเย็นอะไรนัก เพราะผมเชื่อว่า พฤติกรรมการเลือกตั้งของประชาชนเปลี่ยนไปแล้ว แม้ สส.จะทรยศต่อเสียงของประชาชน แต่ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ประชาชนจะสั่งสอนพวกเขาเอง พรรคเพื่อไทยควรใช้โอกาสนี้ พัฒนาพรรคให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เพิ่มกระบวนการจัดตั้งลงไปในหมู่ประชาชน รวมทั้งวางตัว สส.ที่จะสู้กับ สส.ทรยศในเขตเลือกตั้งภาคอีสาน และภาคเหนือต่อไป

พรรคไทยรักไทย ชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลาย เพราะนายชวน หลีกภัย ดื้อและทู้ซี้อยู่ในอำนาจกว่า 3 ปี ผมก็คิดว่า ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ แม้นายอภิสิทธิจะทู้ซี้อยู่ในอำนาจไปอีก 3 ปี เมื่อมีการเลือกตั้งใหญ่ พรรคเพื่อไทย ก็คงพิชิตศึกครั้งนี้โดยไม่ยากเท่าใดนัก

สงครามยังอีกยาวนาน แต่ศรัทธาของฝ่ายอำมาตยาธิปไตย ถูกใช้ไปจนแทบหมดสิ้นแล้ว

หากเป็นเกมออนไลน์ต่างๆ เรียกว่าพวกเขาใช้ MP หรือ Magic Point หรือ Mana ไปแทบหมดสิ้นแล้ว เพื่อเอาตัวรอดในนาทีวิกฤติ

ตอนนี้พวกอำมาตยาธิปไตย เหลือ Magic point อีกไม่เท่าไหร่แล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก