ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันอาทิตย์, ธันวาคม 07, 2551

รายงานพิเศษ: การกู้ชาติกับสิ่งที่ต้องจ่าย ตอนที่ 1

ที่มา :.prachatai.


ทีมข่าวการเมือง

ภายหลังจากที่ กลุ่มบุคคลที่เรียกตัวเองว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ดำเนินการกู้ชาติโดยประกาศ สู้ครั้งสุดท้าย เพื่อต่อต้านรัฐบาลที่ระบุว่าเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยวิธีการหลายรูปแบบ อันได้ก่อความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินทั้งต่อบุคคลและต่อนิติบุคคล สัญชาติไทยและต่างชาติต่างกรรมต่างวาระ เมื่อพฤติการณ์ดังกล่าวได้ยุติลงในวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมา หลายหน่วยงานเริ่มออกมาประมวลความเสียหาย รวมไปถึงการเตรียมการฟ้องร้องจากกรณีได้รับความเสียหาย

ประชาไทได้รวบรวมลักษณะความผิดที่เกิดขึ้นในระหว่าง สงครามครั้งสุดท้าย ซึ่งเริ่มตั้งแต่เวลา 6.30 น. ของวันที่ 24 พ.ย. 2551 ถึงวันที่ 2 ธ.ค. 2551 ในส่วนที่ละเมิดทรัพย์สินของบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ซึ่งอาจฟ้องร้องได้ตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพฤติการณ์ที่ได้ละเมิดกฎหมายอาญา ต่างกรรมต่างวาระ ไว้เป็นข้อมูลในเบื้องต้น

24 พ.ย. 2551

กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ใช้ยุทธศาสตร์ สงคราม 9 ทัพ เคลื่อนชุมนุมปิดล้อมรัฐสภาตั้งแต่เวลา 06.30 น. ถึงเวลา 15.00 น. วันที่ 24 พฤศจิกายน รวมเวลา 9 ชั่วโมง โดยการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบไม่มีเหตุรุนแรง

แม้กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากจะฝ่าแนวป้องกันของตำรวจเข้าไปปักหลักยังที่ต่างๆ ได้แก่ กระทรวงการคลัง กองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ทำการพรรคชาติไทย ก่อนจะเดินทางกลับไปปักหลักชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมประกาศชัยชนะหลังจากสามารถปิดกั้นไม่ให้มีการประชุมรัฐสภาได้

โดยเวลา 9.40 น. หลังจากนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาโทรศัพท์แจ้งยังผู้สื่อข่าวรัฐสภายกเลิกการประชุม ทำให้พันธมิตรมุ่งไปยึดทำเนียบชั่วคราวที่ดอนเมืองแทนเพื่อขัดขวางการประชุมคณะรัฐมนตรี และปักหลักอย่างถาวรจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. จึงถอนการชุมนุม

000

ล้อมสภา ชาติไทย ตัดไฟ - ชัยเลิกประชุม

ประกาศเคลื่อนพลบุกสภา

06.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล พร้อม พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรขึ้นเวทีปราศรัยระบุว่า แกนนำทั้งหมดจะอยู่ด้านหน้าของขบวนและการเคลื่อนขบวนวันนี้จะต้องนำชัยชนะมาสู่กลุ่มพันธมิตรอย่างแน่นอน พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนออกมาร่วมให้มากที่สุด ขณะที่ น.ส. อัญชลี ไพรีรักษ์ ประกาศให้กลุ่มชุมนุมภายในทำเนียบช่วยกันรักษาที่มั่นไว้ เพราะอาจมีมือที่สามสร้างสถานการณ์ด้วยการเผาทำลายอาคารภายในทำเนียบได้

06.45 น. นายสนธิ นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำพันธมิตร นำหน้าผู้ชุมนุมนับหมื่นคนเคลื่อนจากแยกมิสกวันไปยังรัฐสภา

07.00 น. พันธมิตรมาถึงจุดสกัดของตำรวจ บริเวณโค้งปั๊มน้ำมันบริเวณสนามเสือป่า นายสนธิและนายสมเกียรติเจรจากับ พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) โดยทาง พล.ต.ต.อนันต์เปิดทางให้กลุ่มพันธมิตรผ่านได้แต่มีเงื่อนไขคือต้องไม่ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ และชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธ ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุม ได้ร้องขอไม่ให้ตำรวจใช้กำลังและความรุนแรงกับประชาชน แต่หากมีเหตุการณ์รุนแรง หรือทางกลุ่มผู้ชุมนุมทำผิดกฎหมาย ตำรวจจะดำเนินการตามขั้นตอนที่ได้วางไว้

ภายในรัฐสภามีเพียงข้าราชการจำนวนหนึ่งและสื่อมวลชน รวมถึงตำรวจพลร่มจากค่ายนเรศวร และตำรวจ ตชด.ที่ 11 จันทบุรี รวม 2 กองร้อย 300 นาย ในขณะที่สมาชิกรัฐสภาเข้าไปภายในมีเพียง 5 คน คือ นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคมัชฌิมาธิปไตย พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา นายปวีณ แซ่จึง ส.ส.ศรีสะเกษ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคพลังประชาชน นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา

ลักษณะความผิด

1. มาตรา 310 ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการ ใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. มาตรา 385 ผู้ใดโดยไม่ได้รับอนุญาตอันชอบด้วยกฎหมายกีด ขวางทางสาธารณ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความ สะดวกในการจราจร โดยวางหรือทอดทิ้งสิ่งของ หรือโดยกระทำด้วย ประการอื่นใด ถ้าการกระทำนั้นเป็นการกระทำโดยไม่จำเป็น ต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

ตัดไฟสภา - เอาถุงดำคลุมกล้องวงจรปิด

07.30 น. การ์ดพันธมิตรนำแผงเหล็กปิดกั้นจราจรตั้งแต่แยกการเรือนยาวไปจนถึงหน้าสวนสัตว์เขาดิน พร้อมนั่งปักหลักบนท้องถนน ปิดประตูเข้าออกสภาทุกประตู รวมถึงทางเข้าพระที่ นั่งวิมานเมฆซึ่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และ ส.ส.เคยใช้เป็นทางออกฉุกเฉิน จากเมื่อครั้งเหตุการณ์ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้การจราจรติดยาวไปจนถึงสะพานกรุงธนบุรี และยังมีการปิดถนนพิชัยทั้งสาย

นอกจากนี้พันธมิตรฯ ยังจัดส่งทีมงานจำนวนหนึ่งตระเวนใช้ท่อพลาสติกยาวสิบเมตรขึ้นกระชากสายไฟบนเสาไฟฟ้าแรงสูง จนเกิดไฟฟ้าลัดวงจรที่ประตูปราสาทเทวฤทธิ์ และเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เพื่อเป็นการตัดไฟฟ้าภายในรัฐสภา สร้างความแตกตื่นให้กับประชาชนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว รวมทั้งตระเวนนำถุงดำไปปิดกล้องวงจรปิดในบริเวณ

พฤติกรรมที่เข้าข่ายว่ามีความผิด

1. ตัดไฟจนทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร

2. กระชากสายไฟบนเสาไฟฟ้าแรงสูง จนทำให้เกิดเสียงดัง

ลักษณะความผิด

มาตรา 234 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ แก่สิ่งที่ใช้ในการผลิต ในการส่งพลังงานไฟฟ้าหรือในการส่งน้ำ จนเป็นเหตุให้ประชาชนขาด ความสะดวก หรือน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ประชาชน ต้อง ระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 360 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 370 ผู้ใดส่งเสียง ทำให้เกิดเสียงหรือกระทำความอื้ออึง โดยไม่มีเหตุอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อนต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาท

ป้ายพรรคชาติไทยเจอพ่นสเปรย์ ตัดไฟ-ปิดกล้องวงจรปิด

ที่มา: มติชนออนไลน์

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข พาผู้ชุมุมเคลื่อนไปปิดการจราจรบริเวณถนนพิชัย และถนนสุโขทัย ตั้งแต่แยกขัตติยานีถึงแยกสวนรื่นฤดี ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นที่ตั้งของพรรคชาติไทย โดยผู้ชุมนุมปักหลักบริเวณหน้าที่ทำการพรรค ไม่ให้บุคคลใดเดินทางเข้าออก พร้อมตะโกนโห่ร้องประณามนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และสมาชิกพรรค ขณะที่บางรายแสดงความโกรธแค้นด้วยการกระโดดถีบป้ายชื่อพรรคชาติไทย และใช้สเปรย์สีขาวมาพ่นละเลง ลงบนป้ายพรรคก่อนกระโดดถีบป้ายซ้ำ

มีรถตู้แวนโตโยต้า สีดำ มีเจ้าหน้าที่ของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ (สรส.) ออกมา เกี่ยวสายไฟฟ้า เพื่อตัดสายไฟที่ส่งเข้าพรรคชาติไทย ทำให้ทนายความและคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคที่จะมีประชุมหารือเพื่อเตรียมพยานหลักฐานต่อสู้ในคดียุบพรรคชาติไทยรีบหนีออกทางประตูหลังของพรรค เหลือเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพรรคแค่ 2 นาย และเจ้าหน้าที่ชายของพรรคอีก 3 คน ดูแลรักษาพรรคอยู่ ภายใน ขณะเดียวกันก็มีเจ้าหน้าที่ของกองทัพธรรมได้ปีน เสากล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ติดตั้งบริเวณสี่แยกดังกล่าวทั้ง 8 ตัว ด้วยผ้าเช็ดหน้า และถุงดำ

08.00 น. นายอมร อมรรัตนานนท์ โฆษกประจำเวทีพันธมิตรพาผู้ชุมนุมแยกไปชุมนุมปิดล้อมหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พร้อมเปิดเวทีย่อยปราศรัย ขณะที่สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แยกนำกลุ่มชุมนุมออกจากแยกมิสกวัน พร้อมรถขยายเสียงไปปิดล้อมกระทรวงการคลัง

พฤติกรรมที่เข้าข่ายว่ามีความผิด

1. เคลื่อนไปปิดการจราจรบริเวณถนนพิชัย และถนนสุโขทัย ตั้งแต่แยกขัตติยานีถึงแยกสวนรื่นฤดี ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นที่ตั้งของพรรคชาติไทย โดยผู้ชุมนุมปักหลักบริเวณหน้าที่ทำการพรรค ไม่ให้บุคคลใดเดินทางเข้าออก

2. ตะโกนโห่ร้องประณามนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และสมาชิกพรรค

3. ใช้สเปรย์สีขาวมาพ่นละเลง ลงบนป้ายพรรค

ฐานความผิด

1. มาตรา 310 ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการ ใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. มาตรา 385 ผู้ใดโดยไม่ได้รับอนุญาตอันชอบด้วยกฎหมายกีด ขวางทางสาธารณะ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจร โดยวางหรือทอดทิ้งสิ่งของ หรือโดยกระทำด้วย ประการอื่นใด ถ้าการกระทำนั้นเป็นการกระทำโดยไม่จำเป็น ต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

3. มาตรา 360 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

4. มาตรา 370 ผู้ใดส่งเสียง ทำให้เกิดเสียงหรือกระทำความอื้ออึง โดยไม่มีเหตุอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อนต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาท

5. มาตรา 358 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่ เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

6. มาตรา 234 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ แก่สิ่งที่ใช้ในการผลิต ในการส่งพลังงานไฟฟ้าหรือในการส่งน้ำ จนเป็นเหตุให้ประชาชนขาด ความสะดวก หรือน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ประชาชน ต้อง ระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

ชัย ชิดชอบ โฟนอินงดประชุมสภา

09.40 น. นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา โทรศัพท์แถลงข่าวผ่านโทรศัพท์มือถือของนายพิทูร ที่ห้องผู้สื่อข่าวรัฐสภาว่า ได้ออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยว่าของดการประชุมรัฐสภาจนกว่าเหตุปกติและจะนัดประชุมครั้งต่อไปใหม่ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันเหตุความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นจึงอยากขอร้องเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและประชาชนประคองสถานการณ์ไม่ให้เกิดเหตุร้ายแรงจน กว่าจะพ้นวันที่ 5 ธันวาคม ที่เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงอยากขอร้องให้สื่อทุกแขนงช่วยประชาสัมพันธ์ว่าเหตุการณ์ขณะนี้ยังอยู่ในภาวะปกติไม่มีอะไรร้ายแรง

มาร์คร่วมประชุมสภา เรียกเสียงกรี๊ด

09.45 น. นายอภิสิทธิ์และ ส.ส.ประมาณ 20 คน ตัดสินใจขึ้นรถตู้ไปร่วมประชุมรัฐสภา เพราะยังไม่ได้รับแจ้งจากประธานรัฐสภาจะยกเลิกประชุมหรือไม่ แต่เนื่องจากมีการปิดกั้นถนน ทำให้นายอภิสิทธิ์และคณะ ส.ส.เดิน เท้าเข้าสภา เรียกสียงกรี๊ดจากกลุ่มผู้ชุมนุมและชื่นชมยินดีกับนายอภิสิทธิ์และ ส.ส.

นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อยากเห็นความชัดเจนการเจรจากันระหว่างรัฐบาลและพันธมิตรสักครั้ง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เรียนประธานรัฐสภาไปแล้วว่าถ้าจะให้มีการพูดคุยกันก็ยินดี แต่ประธานรัฐสภาไม่ได้ติดต่อกลับมา และต้องนำรัฐบาลมาเจรจากับผู้ชุมนุมด้วย

ประกาศปิดล้อมสภาสำเร็จ

10.00 น. ที่หน้ารัฐสภา นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร กล่าวว่า พันธมิตรประสบความสำเร็จที่มาชุมนุมปิดล้อมรัฐสภาเพื่อไม่ให้มีการเปิดประชุมร่วม 2 สภาเพื่อพิจารณาญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ (คปพร.)

การ์ดอาสาพันธมิตรได้นำโซ่มาคล้องประตูหน้ารัฐสภาและนำแผงเหล็กกั้นไม่ให้สื่อมวลชน และ ส.ส.เข้าไปในสภา กระทั่งผู้สื่อข่าวได้เจรจาต่อรองจนเกิดกระทบกระทั่งกันก่อนจะให้เข้าไปได้ แต่มีการตรวจบัตรสื่อมวลชนอย่างเข้มงวด

ฐานความผิด

มาตรา 310 ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการ ใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3 ส.ส. ปืนเข้าพระที่นั่งวิมานเมฆ

12.15 น. ภายหลังจากที่ประธานสภาสั่งเลื่อนการประชุมออกไปโดยไม่มีกำหนด ปรากฏว่า ส.ส และ ส.ว.ที่มาประชุม ทยอยออกจากอาคารรัฐสภา โดยนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ออกไปพร้อมกับข้าราชการ ทางประตูรัฐสภาฝั่งถนนอู่ทองใน ในช่วงเวลาประมาณ ซึ่งได้รับเสียงปรบมือจากพันธมิตรจำนวนมาก

ขณะที่ ส.ส.รัฐบาล ที่อยู่ในสภา 2-3 คน ถอดสูท เก็บบัตรประจำตัว ส.ส. มีสีหน้าเคร่งเครียดและโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา โดยนายปวิณ แซ่จึง ส.ส.ศรีสะเกษ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ส.ส.อุตรดิตถ์ พปช. นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคมัชฌิมาธิปไตย หารือร่วมกันนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนจะปีนข้ามรั้วรัฐสภา ไปยังพระที่นั่งวิมานเมฆ เหมือนวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถออกได้ทันที ต้องไปนั่งรออยู่ภายในพระที่นั่งฯ และรอการประสานติดต่อกับทางพระราชวัง เพื่อขอออกจากเขตพระราชฐาน ส่วน พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พปช. ถอดสูทออกทางประตูถนนอู่ทองใน โดยไม่มีใครสังเกตและไปร่วมประชุมที่พรรคพลังประชาชน

บุก บช.น. - กระทรวงการคลัง

พังลวดหนามบุก บช.น. ขู่ตำรวจตายแน่หากทำพันธมิตรเจ็บ ยันไม่ตัดน้ำตัดไฟ

ขณะเดียวกันที่หน้า บช.น. นายอมรได้ประกาศให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งแนวป้องกันถอย และนำรั้วลวดหนามออกไป เพื่อเปิดทางให้กลุ่มผู้ชุมนุมนำรถบัสเก่า 2 คัน ใช้คนเข็นเดินเป็นทัพหน้าสลายแนวตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยินยอมถอยออกไป จากนั้นผู้ชุมนุมได้ช่วยกันรื้อลวดหนามออกไปไว้บนฟุตปาท ทั้งนี้ นายอมรได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมเข้ามาอยู่แนวหลังรถ และห้ามขึ้นไปบนฟุตบาท ที่ติดกับ บช.น.โดยเด็ดขาด

เมื่อพันธมิตรฯระดมมวลชนเข้ามาจำนวนมากตำรวจที่ตรึงแนวรักษาการณ์อยู่ก็ทำได้เพียงแต่ถอยหลังและสุดท้ายก็ยอมเปิดทางให้พันธมิตรฯผ่าน และไปยึดถนนหน้า บช.น.ชุมนุมได้ในที่สุด จากนั้นแกนนำรุ่น 2 บนรถกระจายเสียงยังขู่กร้าวว่า หากตำรวจใช้กำลังสลายการชุมนุมแล้วมีมวลชนพันธมิตรฯบาดเจ็บ จะต้องชดใช้ ด้วยชีวิตเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ได้มีการประกาศยืนยันกับทางตำรวจใน บช.น.ด้วยเช่นกันว่า พันธมิตรฯต้องการขอใช้พื้นที่หน้า บช.น.ในการชุมนุมเพื่อทวงถามฆาตกรที่ฆ่าพันธมิตรฯ เท่านั้น แต่จะไม่มีการตัดน้ำตัดไฟ และหากตำรวจอยากกินอะไรขอให้สั่งมาจะจัดหาไปส่งให้

ไม่ทันขาดคำ ตัดน้ำตัดไฟ บช.น.

กระทั่งเวลา 10.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปิดเส้นทางถนนศรีอยุธยา หน้า บช.น. ยาวไปถึงแยกถนนนครราชสีมา หน้ากองที่ 1 รักษาพระองค์ พร้อมนำรถบัสเก่าขนาดเล็กไปขวางถนนนครราชสีมาตัดถนนศรีอยุธยา และนำรั้วลวดหนามไปกั้นไว้ที่บริเวณสี่แยกวังแดงตัดถนนพิษณุโลก โดยถนนพิษณุโลกมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาการณ์ตั้งแนวป้องกันไว้ได้ และอีก 15 นาทีต่อมา ผู้ชุมนุมได้ตัดไฟฟ้าภายใน บช.น. ก่อนที่นายอมรจะประกาศว่าโรงกลั่น ปตท. และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ได้ถูกปิดล้อมแล้ว นอกจากนี้ นายอมรและผู้ปราศรัยคนอื่น ได้ผลัดกันปราศรัยโจมเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลอย่างเผ็ดร้อน โดยมีตำรวจกองร้อยป้องกันและปราบปรามจลาจลรักษาการณ์อยู่ด้านใน บช.น.

พฤติกรรมที่เข้าข่ายความผิด

1. ปิดเส้นทางถนนศรีอยุธยา หน้า บช.น. ยาวไปถึงแยกถนนนครราชสีมา หน้ากองที่ 1 รักษาพระองค์ พร้อมนำรถบัสเก่าขนาดเล็กไปขวางถนนนครราชสีมาตัดถนนศรีอยุธยา และนำรั้วลวดหนามไปกั้นไว้ที่บริเวณสี่แยกวังแดงตัดถนนพิษณุโลก โดยถนนพิษณุโลกมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาการณ์ตั้งแนวป้องกันไว้ได้

2. ตัดไฟฟ้าภายใน บช.น.

3. ปิดล้อม โรงกลั่น ปตท. และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่

ฐานความผิด

1. มาตรา 310 ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการ ใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. มาตรา 385 ผู้ใดโดยไม่ได้รับอนุญาตอันชอบด้วยกฎหมายกีด ขวางทางสาธารณ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความ สะดวกในการจราจร โดยวางหรือทอดทิ้งสิ่งของ หรือโดยกระทำด้วย ประการอื่นใด ถ้าการกระทำนั้นเป็นการกระทำโดยไม่จำเป็น ต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

3. มาตรา 360 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

4. มาตรา 234 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ แก่สิ่งที่ใช้ในการผลิต ในการส่งพลังงานไฟฟ้าหรือในการส่งน้ำ จนเป็นเหตุให้ประชาชนขาดความสะดวก หรือน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

ดาวกระจายบุกกระทรวงการคลัง-แถมตัดไฟ

ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานจากด้านหน้ากระทรวงการคลัง ว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมจากสหภาพแรงงานการไฟฟ้าแห่งประเทศไทย มาปักหลักรอหน้ากระทรวง โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ จากทำเนียบฯ ตามมาสมทบ และนำเครื่องขยายเสียงมาเปิดปราศรัยโจมตีการทำงานของกระทรวงการคลัง นอกจากนี้ การ์ดพันธมิตรฯ นำโดยนักรบศรีวิชัย 20 กว่าคน นำรถไปปิดกั้นจราจรบริเวณซอยอารีย์สัมพันธ์ทั้งหน้าซอย และท้ายซอย โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจาก สน.บางซื่อ และ กก.สส.บก.น.2 รักษาการณ์ อยู่บริเวณประตูด้านในกระทรวงการคลัง เจ้าหน้าที่ได้ ปิดประตูทางเข้าทุกด้าน พร้อมนำโซ่เหล็กคล้องประตูทุกบาน อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ลดละ พยายามตัดไฟภายในกระทรวงการคลังจนสำเร็จ

พฤติกรรมที่เข้าข่ายความผิด

1. กลุ่มผู้ชุมนุมจากสหภาพแรงงานการไฟฟ้าแห่งประเทศไทย มาปักหลักรอหน้ากระทรวง โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ จากทำเนียบฯ ตามมาสมทบ

2. นำเครื่องขยายเสียงมาเปิดปราศรัยโจมตีการทำงานของกระทรวงการคลัง

3. การ์ดพันธมิตรฯ นำโดยนักรบศรีวิชัย 20 กว่าคน นำรถไปปิดกั้นจราจรบริเวณซอยอารีย์สัมพันธ์ทั้งหน้าซอย และท้ายซอย

4. พยายามตัดไฟภายในกระทรวงการคลังจนสำเร็จ

ฐานความผิด

1. มาตรา 310 ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการ ใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. มาตรา 385 ผู้ใดโดยไม่ได้รับอนุญาตอันชอบด้วยกฎหมายกีด ขวางทางสาธารณ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความ สะดวกในการจราจร โดยวางหรือทอดทิ้งสิ่งของ หรือโดยกระทำด้วย ประการอื่นใด ถ้าการกระทำนั้นเป็นการกระทำโดยไม่จำเป็น ต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

3. มาตรา 360 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ลั่น 24 ชั่วโมงจะกลับมาล้อม บช.น. ใหม่

13.50 น. กลุ่มพันธมิตรกว่าพันคนที่ปักหลักชุมนุมหน้า บช.น.กลับไปรวมตัวกันที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า (ลานพระราชวังดุสิต) ทั้งนี้ แกนนำได้ปราศรัยสรุปว่า ภายใน 24 ชั่วโมงจะกลับมาชุมนุมที่หน้า บช.น.อีกครั้ง เพื่อหาคนมารับผิดชอบเหตุการณ์ตำรวจฆ่าประชาชน และเวลา 14.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมยื่นคำขาดให้ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 7 ตุลาคม จนมีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก ต้องลาออกภายใน 24 ชั่วโมง หากไม่เป็นไปตามนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมจะกลับมาชุมนุมกันอีกครั้งก่อนสลายตัวไป

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการชุมนุมของพันธมิตรหน้า บช.น.อีกเลย

เวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าหน้าที่ กทม. ได้เข้าทำความสะอาดพื้นผิวจราจร และเก็บขยะที่ส่วนใหญ่เป็นขวดน้ำ ถุงพลาสติก กล่องโฟมใส่อาหาร จากนั้นได้เปิดการจราจรตลอดเส้นทางถนนศรีอยุธยา ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนผ่านไปมาได้ตามปกติ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าได้เข้าดำเนินการต่อน้ำ-ต่อไฟ ภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ผลของการดาวกระจาย ทำรถติดวินาศ

ผลจากการที่กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนขบวนปิดล้อมรัฐสภา พรรคชาติไทย กองบัญชาการตำรวจนครบาล กระทรวงการคลัง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการปิดการจราจรถนนหลายสายโดยรอบ ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก รถประจำทางหลายสายตัดเส้นทางวิ่ง โดยเมื่อถึงบริเวณที่มีการชุมนุมหรือปิดถนนก็จะอ้อมรถกลับ ทำให้ประชาชนที่จะเดินทางด้วยรถประจำทางจำนวนมาก ต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินทาง โดยหันมาโดยสารทางเรือด่วนแทน ซึ่งส่งผลให้ท่าเรือด่วนเจ้าพระยาแต่ละท่า มีผู้โดยสารรอลงเรือจำนวนมาก ในขณะที่ภายในเรือเองก็มีผู้โดยสารจำนวนมากอยู่แล้ว ทำให้มีผู้โดยสารตกค้างอยู่ตามท่าเรือต่างๆจำนวนมาก เนื่องจากเกรงว่าหากลงเรือไปอีกจะทำให้น้ำหนักเรือเกิน ซึ่งจะเป็นอันตราย

ศึกยึดรถเมล์วิสุทธิ์กษัตริย์

ภาพข่าวตำรวจจับกุมผู้ปล้นรถเมล์สาย 53 ในช่วงข่าวภาคเที่ยงของช่อง 5 และภาพการชุมนุมของพันธมิตรที่พบว่าผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมเป็นคนเดียวกับที่เคยปฏิบัติหน้าที่เป็นการ์ดให้พันธมิตร

ที่มาของภาพ: สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และ ผู้จัดการ

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7240420/P7240420.html

ของกลางที่ยึดได้จากผู้ปล้นรถเมล์

ที่มาของภาพ: ช่อง 3

.....................................................................................................................................................................

ภาพจากเว็บบอร์ดพันทิบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก