โดย : NEWS
จตุพร” ด่า “กษิต” กวนเท้า หลังให้สัมภาษณ์ท้าทายคามรู้สึกคนไทย ที่ปิดสนามบินสนุกมาก อาหารอร่อย-ดนตรีไพเราะ จี้ “มาร์ค” เร่งปลดพ้นเก้าอี้ ไม่เช่นนั้นจะถือว่า “สมคบคิด” ให้ทำความผิด บี้ตร.ต้องเอาผิด เพราะเป็นคำสารภาพมัดฐานก่อการร้าย

วันที่ 23 ธ.ค. 2551 เวลา 13.00 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน สมาชิกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ตามที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่า การที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปิดสนามบินนั้นสนุกมาก อาหารอร่อย ดนตรีไพเราะ เป็นบรรยากาศดีที่น่าจดจำ ถือเป็นการท้าทายความรู้สึกคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งเห็นว่าการปิดสนามบินเป็นเรื่องเลวร้าย ตนถามว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะดำเนินการต่อเรื่องนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ต้องออกมาแสดงจุดยืน หากนายอภิสิทธิ์และรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วย ก็ให้นายกษิต ดำรงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศต่อไป แต่ถ้าไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมที่ท้าทายความรู้สึกคนไทย หรือเรียกว่า “กวนเท้า” โดยสร้างความทุกข์ให้กับคนไทยทั้งประเทศ ก็ให้ขอนายอภิสิทธิ์ ปลดนายกษิตออกจากตำแหน่งรมว.ต่างประเทศ ถ้าไม่ดำเนินการ คนในสังคมก็ไม่สามารถคิดเป็นอื่นได้ นอกจากจากแสดงให้เห็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยและสมคบให้ทำความผิด
“แทนที่รัฐบาลจะไปเคลียร์ความรู้สึกประชาชน กลับไปแต่งตั้งหนึ่งในผู้ก่อการร้ายยึดสนามบินมารับตำแหน่งรมว.ต่างประเทศ แค่มีนายกรัฐมนตรีหนีทหารก็ทุเรศเต็มทีแล้ว แต่นายกษิตสร้างความเสียหายให้ประเทศแล้วยังมายโสโอหัง ซึ่งคนชั่ว คนไม่ดี ไม่มีสิทธิบริหารประเทศนี้แม้แต่วันเดียวและผมถามว่านายกษิต จะรับผิดชอบต่อกรณีที่เคยประกาศท้าทายจะยึดปราสาทเขาพระวิหารอย่างไร”นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับการนัดชุมนุมหน้ารัฐสภาจะเป็นการชุมนุมที่ ส.ส.จะเข้าไปทำหน้าที่ได้ ส่วนที่มีนายตำรวจฉายา “นวยทนได้” ระบุว่าการชุมนุมหน้ารัฐสภาเป็นคดีกบฏนั้น ตนถามว่าตำรวจได้ดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯแล้วหรือยัง วันนี้คนเสื้อแดงกำลังจะพิสูจน์ว่ากฎหมายบ้านเมืองนี้มีสองมาตรฐานหรือไม่ และถามว่าการที่นายกษิต ออกมาให้สัมภาษณ์สารภาพผิดมัดตัวเองว่าร่วมก่อการร้ายขนาดนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการอย่างไร ถ้าตำรวจไม่ทำอะไรก็คงถึงคราวที่เราต้องทำอะไรกันบ้างแล้ว และ สตช.ก็คงอยู่ยาก และถ้าจะอยู่กันอย่างมีความสุขไม่ได้ก็อย่าอยู่เลย
นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับการอภิรายนโยบายรัฐบาลนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางตัวทีมอภิปราย ซึ่งแยกรับผิดชอบแต่ละประเด็นไป แต่หลักๆแล้วจะเป็นประเด็นที่นายอภิสิทธิ์หลบหนีการเกณฑ์ทหาร และกรณีที่นายกษิต นอกจากนี้ยังการเข้าสู่ตำแหน่งรมว.กลาโหม ของพล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณด้วย ซึ่งเป็นการแทรกแซงการแต่งตั้ง ตั้งแต่วันที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเทียบเชิญถึงค่าย ร.1 พัน 1 รอ. ซึ่งในวงประชุมมีนอกจากพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบกแล้วยังมีพล.อ.ประวิตร รวมอยู่ด้วย และใครๆก็ทราบดีว่าพล.อ.ประวิตรเป็นมันสมองในการวางแผนยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย.
“มาร์ค” อ้อมแอ้มเรื่องกษิต แต่ยืนยันดำเนินการตามกฎหมายกับพวกที่ปิดสนามบิน
เวลา 12.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมครม.ถึงกรณีที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศจนทำให้ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นตัวตลก โดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์ว่าการปิดสนามบินเป็นเรื่องสนุกว่า ตนได้พูดชัดเจนแล้วว่านโยบายรัฐบาล คือการรักษากฎหมาย เพราะฉะนั้นการกระทำใดๆที่เกี่ยวข้องกับการปิดสนามบินจะต้องนำข้อเท็จจริงออกมา และทางเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา
“ส่วนการแสดงความคิดเห็นของรมว.ต่างประเทศนั้น ผมไม่แน่ใจว่าเป็นการตอบคำถามหรือบริบทใด”นายกรัฐมนตรีกล่าว
เมื่อถามว่า จะเพิ่มความระมัดระวังในเรื่องการแสดงความคิดเห็นในลักษณะนี้อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้ย้ำไปแล้วว่าการแสดงความคิดเห็นของรัฐมนตรีทุกคนจะต้องคำนึงถึงนโยบายและจุดยืนของรัฐบาลที่กำหนดเป็นภาพรวม หากไม่ปฏิบัติตามก็ถือว่าเป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องดำเนินการต่อไป
ก่อนหน้านี้ "เดลี่ เทเลกราฟ" รายงานว่า นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้กล่าวต่อบรรดาทูตต่างประเทศประจำเมืองไทยและผู้สื่อข่าวต่างประเทศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเขาได้สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ทูตเหล่านี้ โดยบอกว่าการเข้ายึดสนามบินสุวรรณภูมิเป็นเรื่องสนุกมาก เพราะอาหารก็อร่อย แถมดนตรีก็เยี่ยม พร้อมทั้งกล่าวปกป้องกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า อยากขอเหล่าทูตมองกลุ่มพันธมิตรฯว่าเป็นการผลักดันกระบวนการความเป็นประชาธิปไตยของไทยไปข้างหน้า และเราควรจะมีอยากสุขว่าเป็นครั้งแรก ที่มีประชาชนธรรมดาออกมาแสดงพลังอย่างเต็มที่เพื่อคัดค้านการคอรัปชั่น โดยหากสังคมยังคงต้องเปลี่ยนแปลง สังคมก็จำเป็นจะต้องแลกกับการสูญเสียบ้าง
ทั้งนี้ เดลี่ เทเลกราฟ ระบุว่า เหตุการณ์ยึดสนามบินสุวรรณภูมิได้ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 350,000 คนต้องติดอยู่ในเมืองไทย ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างรุนแรง และประเมินว่าธุรกิจท่องเที่ยวจะทำให้คนตกงานกว่า 1 ล้านคน ขณะที่นายกษิตมีหน้าที่จะต้องฟื้นภาพลักษณ์ของเมืองไทยต่อนานาชาติ แต่มันไม่ได้ช่วยให้เกิดขึ้น เพราะเขาเคยเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของกลุ่มพันธมิตร และยังคงเป็นอยู่
.
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น