ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันเสาร์, สิงหาคม 29, 2552

รัฐโจร มาร์ค+อำมาตย์เผด็จการ หน้าแหกแตกยับทั่วหน้า พรบ.มั่นคงเก้อ นปช.ไม่เดินเข้ามาติดกับ


Pic_29515

เสื้อแดง ประกาศยุทธวิธี "ปล่อยมาร์คบ้าไปคนเดียว" เลื่อนชุมนุมออกไปเป็น 5 ก.ย. จากเดิม 30 ส.ค. เพื่อหลบ พ.ร.บ.ความมั่นคงในเขตดุสิต ขณะ ทหาร-ตำรวจตรึงกำลังทำเนียบฯ เก้อ ...

เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (29 ส.ค.) ที่บริษัทเพื่อนพ้องน้องพี่ ชั้น 6 ศูนย์การค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมด้วยแกนนำ นปช. แถลงเลื่อนการชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาล ในวันที่ 30 ส.ค. เพื่อหลบ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในเขตดุสิต โดยจะเลื่อนการชุมนุมออกไปจนกว่าผลของ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในเขตดุสิตจะสิ้นสุดลง เบื้องต้นจะเลื่อนไปชุมนุมในวันที่ 5 ก.ย. พร้อมขู่หากคนเสื้อแดงต้องเลื่อนการชุมนุม เพราะรัฐบาลยังดึงดันจะประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ครบ 4 เสาร์ ซึ่งจะตรงพอดีกับวันที่ 19 ก.ย.ครบรอบ 3 ปี ของการรัฐประหาร ซึ่งในวันดังกล่าวคนเสื้อแดงจะปักหลักสู้ ไม่ถอยหนีอีก

ทั้งนี้นายวีระ กล่าวว่า รัฐบาลได้ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้สึกปั่นสถานการณ์ให้ดูเหมือนกรุงเทพฯ จะมีสงคราม ทำลายเศรษฐกิจ ทั้งที่คนเสื้อแดงไม่ตั้งใจจะก่อจลาจลหรือสร้างความวุ่นวายเดือดร้อนให้กับประเทศ แต่รัฐบาลกลับประโคมข่าวทำลายเศรษฐกิจอยู่ฝ่ายเดียว ดังนั้น นปช. ขอประกาศยุทธวิธี “ปล่อยมาร์คบ้าไปคนเดียว” เลื่อแดงเลื่อนชุมนุมออกไปจนกว่าผลของ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯในเขตดุสิตจะสิ้นสุดลงนการ











ฮ่า ฮ่า ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ ก๊ากๆๆๆๆ ช่างน่าขำความตาขาวกลัวจะมาไล่นี่เรอะ นายกฯขี้ข้าอำมาตย์ ถุย หน้าแตกยับเยิน ป่านนี้คนทั้งโลกที่เขาเห็นภาพนี้เขาคงหัวเราะกันเพราะขำในความตาขาวของไอ้มาร์คแล้ว

ลองมาดูสิ่งที่มันเคยพูดไว้ ในอดีต ที่ขัดกับการกระทำของมันในปัจจุบัน ทบทวนกันหน้อย ไอ้เผด็จบ้าอำนาจมาร์ค มึงจำที่มึงเห่าได้ไหม



แล้วมึงสั่งทหารตำรวจมาทำไมแบบนี้ ไอ้เวร พูดแล้วทำไม่ได้ ดีแต่ใช้วาทะกรรมสร้างภาพ ถุยๆๆ

คลิปลับกับการตายของพลทหาร

..........................................................................


.......ะจากที่มาเว็บบอร์ดประชาไทที่ มีเรื่องที่น่าสนใจน่าคิดแต่เราก็ต้องค่อยๆติดตามอย่างตั้งสติ กระผมจึงพยามไม่พูดอะไรเพิ่มมากนอกจากนำเรื่องที่ได้อ่านเจอและมีครที่มีความสงสัยและคล้ายและยังคาใจมาให้ท่านได้ลองอ่านและคิดกันดู.........



คลิปลับกับการตายของพลทหาร..หนังสั้น

โดย : สารวัตร ปักษ์ใต้ จากบอร์ดประชาไท


พี่ๆ เพื่อนๆ ช่วยวิจารณ์หนังสั้นเรื่องนี้ให้ผมหน่อยครับ น่าทำส่งประกวด เรื่องมีอยู่ว่า

เด็กหนุ่มคนนึงโดนเกณฑ์ไปเป็นพลทหารทั้งที่ไม่อยากไป ได้ไปอยู่บ้านนายทหารชั้นผู้ใหญ่ท่านนึงในฐานะพลทหารรับใช้ วันนึงได้เห็นว่ามีนายใหญ่มากๆ ของเจ้านายตัวเอง มาเยี่ยมที่บ้านพักของเจ้านายพร้อมแม่ทัพแขนเป๋ๆ คู่ใจ มานอนพักแรมค้างคืนทั้งๆที่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ตัวเองก็ไปเสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟท่า ตามประสาเด็กรับใช้ ดันไปได้ยินเรื่องไม่ดีที่เขากำลังปรึกษากันเข้า อารามตกใจและเป็นห่วงเพื่อนพ้องน้องพี่ทางบ้านเลยโทรไปเล่าให้ภรรยาฟังที่บ้านฟัง ด้วยเทคโนโลยี่ทีมีอยู่อันจำกัด จึงบอกภรรยาให้เอาโทรศัพท์อัดเสียงการสนทนานั้นไว้ ภรรยาจึงใช้ฟังก์ชั่นบันทึกเสียงของโทรศัพท์บันทึกไว้ ดันมีคนมาจะเอ๋เข้า "เฮ้ย นั่นมึงทำอะไรของมึง" พลทหารตกใจละล่ำละลักตอบ "ป่าว ป่าว ป่าวครับพี่ผมแค่จะโทรกลับบ้านหาแม่เท่านั้น" เสียงตอบดังกลับมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว "มึงมาโทรอะไรที่นี่ ตอนนี้ ไอ้สัส!!มึงแอบฟังหรือ ตายซะเถอะมึง" ชายคนนั้นจึงทุบพลหทารหนุ่มรายนั้นด้วยพานท้ายปืนเอ็ม.16เข้าที่ศรีษะ เสียงเอะอะโวยวาย ทำให้คนออกมาดู "เกิดอะไรขึ้นวะ" "ก็ไอ้สัสนี่ มันแอบฟังที่นายคุยกัน อ้างว่าโทรหาแม่" "เฮ้ย!! เอามันไปขังไว้ในห้องนอนก่อน เดี๋ยวนายใหญ่รู้เข้ามันไม่ดี" พอเอาไปขัง พลทหารหนุ่มนั่นดันปวดหัว กินยาแก้ปวดเข้าไป เลยไม่ฟื้น พลทหารคนนั้นเสียชีวิตในเวลาต่อมาเป็นเรื่องราวใหญ่โต ผลชัณสูตรบอกว่าเสียชีวิตจากการกระแทกกับของแข็ง แต่ดันมีทหารไปค้นบ้านภรรยาผู้ตายเฉยเลย ไปหาหอกอะไรก็ไม่ทราบได้

ต่อมาไม่นานมีการเปิดประเด็นคลิปลับอ้างว่าเป็นเสียงนายใหญ่มากๆคนนั้น ในวันนั้น ในการสั่งการไม่ดีอย่างนึง คนที่ได้มาก็อ้างว่าได้มาจากชายนิรนามสวมกางเกงสีเขียวขี้ม้าเอามามอบให้ ทั้งเจ้าตัวนายใหญ่มากๆเอง ทั้งคนรอบข้าง ทั้งลูกหาบ ก็อ้างว่าคลิปปลอม มีการตัดต่อ แต่ต้องคำนึงด้วยว่า เทคโนโลยี่การบันทึกเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือ จะให้มันชัดได้ขนาดไหน การบันทึกเสียงระยะไกล (ไม่ติดกับปาก) ด้วยไมค์แบบตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ก็ทำให้เสียงที่บันทึกได้ดูเหมือนว่ามีการตัดต่อเกิดขึ้นได้ เหมือนกัน ใช่ไหม?

เนื้อเรื่องเป็นไงครับ น่าทำเป็นหนังสั้นส่งประกวดดีไหม ต้องนี้ยังคิดพล็อตเรื่องตอนจบยังไม่ได้เลย ใครเก่งกว่าผม ฉลาดกว่าผมก็ขอความกรุณาด้วยนะครับ เอาให้สมบูรณ์เสียที คิดยังไง ก็คิดไม่ออก


...........อ่านแล้วผมเองถึงกับอึ้งครับ เพราะมีคนที่ทิ้งประเด็นในกระทู้นี้ไว้ให้น่าคิดในกระทู้นี้ สิ่งมีเหตุมีผลมากกว่าจะเป็นการพูดหรือเขียนด้วยความคนองสะใจแต่อะไรจะเป็นไปในทิศทางใด จะดีแน่ถ้าผู้เกี่ยวข้องที่ถูกกล่าวอ้างถึงมีคุณธรรมและทบทวนการกระทำของตนเอง ลองดูเนื้อหาที่เขาทิ้งไว้น่าสนใจมากครับ......

อย่าลืม หมอ ชันสูตรที่พยายามออกมาแถลงว่าคลิปมีการตัดต่อด้วย

ทั้งที่เป็นหมอแต่ต้องเก่งเรื่องเสียงไม่งั้นมันจะขัดกับเรื่องชันสูตร

ที่เคยแถลงถึงสาเหตุการตายของพลทหารไปตอนแรก

ปล.ให้เชื่อมอีกเรื่องหนังจะสนุกมาก คือมีการจำลองวิธีล้มจนเกิดบาดแผลดังกล่าวไม่ได้

เลยไม่ให้มีการเสนอข่าวภาพห้องน้ำที่เกิดเหตุ......
โพสต์โดย : หน้าใหม่

.........เราต้องย้อนดูบางส่วนเพื่อให้เข้าใจกับเหตุการณ์ที่กำลังเป็นข่าวครับ ว่าเพราะอะไรจึงมีคนออกมาพูดถึงกันมากมาย เพื่อที่จะได้เข้าใจและมองเห็นภาพที่เกิดขึ้น......

@ รพ.พระมงกุฎฯแจงปม"คอหัก"

พ.อ.พีระพล ปกป้อง โฆษกโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กล่าวว่า โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ รับแจ้งเหตุว่ามีผู้ป่วยที่บ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 เมื่อเวลา 08.15 น. วันที่ 15 เมษายน โดยรถพยาบาลฉุกเฉินไปถึงที่เกิดเหตุ เวลา 08.30 น. พบพลทหารอภินพ เครือสุข นอนหมดสติที่ พื้นห้อง แพทย์ประจำรถพยาบาลฉุกเฉินตรวจร่างกายเบื้องต้น พบว่าผู้ป่วยไม่หายใจ ม่านตาขยาย จึงช่วยชีวิตด้วยการนวดหัวใจ และนำส่งถึงโรงพยาบาลภายในเวลา 10 นาที แล้วนำเข้าห้องฉุกเฉินทันที โดยปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยจนกระทั่งถึงเวลา 09.10 น. ผู้ป่วยไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง จึงหยุดปั๊มหัวใจ

"มาร์ค"ตอบกระทู้พลทหารตาย

วันเดียวกัน ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดเรื่องการเสียชีวิตของพลทหารอภินพ เครือสุข ในบ้านพัก พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ถามต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ

นายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่า ได้รับรายงานว่าพลทหารอภินพส่งข้อความถึงแฟน เวลา 9 โมง วันที่ 13 เมษายน จากนั้นวันที่ 14 เมษายนมีการรายงานว่าลื่นล้มในห้องน้ำ ได้รับแรงกระแทก คงหมดสติไปพักหนึ่ง และคืนสติขึ้นมา ก็โทร.หาแฟนสาวและเพื่อน จากนั้นไปซื้อยาแล้วนอน ต่อมาทุกคนพบความผิดปกติช่วงเช้าวันถัดมา ซึ่งก็ไม่ทันการณ์ และทราบว่าไปที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และโรงพยาบาลรามาธิบดี สาเหตุมาจากกระดูกต้นคอหักและมีเลือดออกในเยื่อหุ้มสมอง หลังจากนั้นมีข้อสงสัยว่าลื่นล้มจริงหรือไม่ สุดท้ายผลการชันศูตรของโรงพยาบาลศิริราชก็เป็นไปตามผลตอนแรก


"หมอพรทิพย์"ช่วยป้อนข้อมูล


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่นายกฯจะตอบกระทู้ ปรากฏว่า พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าพบนายกฯที่ด้านหลังบัลลังก์ห้องประชุมสภา เพื่อตรวจดูข้อมูลพยานหลักฐานเกี่ยวกับการชันสูตรศพพลทหารอภินพ จากโรงพยาบาลรามาธิบดี คำให้การของญาติผู้เสียชีวิตที่ให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ คำให้การของเพื่อนพลทหาร จากทั้งหมดแล้วก็สรุปว่าน่าจะเป็นการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ไม่ใช่ฆาตกรรม


นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล (กลาง) ร่วมกับคณะแพทย์ แถลงผลการผ่าชันสูตรศพพลทหารอภินพ เครือสุข
คณะแพทย์ศิริราชสรุปเบื้องต้นผลการผ่าชันสูตรพลิกศพ พลทหาร อภินพ เครือสุข อายุ 22 ปี ทหารเกณฑ์ที่เสียชีวิตภายในบ้านพักกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ของ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เกิดจากกะโหลกศีรษะแตกเป็นรอยยาว โดยต้องมีของแข็งมากระทบ หรือผู้ตายไปกระทบของแข็ง รอผลตรวจชิ้นเนื้ออีก 7 วัน หาสาเหตุแน่ชัด ทั้งนี้ ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล แถลงเมื่อวลา 13.30 น. วันที่ 27 เมษายน ที่โรงพยาบาล (รพ.) ศิริราช ว่า "คณะแพทย์สรุปเบื้องต้นว่า สาเหตุที่ทำให้พลฯ อภินพ เสียชีวิต เกิดจากกะโหลกศีรษะแตกเป็นรอยยาว มีเลือดออกเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นหนาที่ยังคงค้างอยู่และเลือดกดเนื้อสมองเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตดังกล่าว

พลทหาร ดับ ขอ 7 วันสรุปสาเหตุการตาย

รพ.ศิริราช รอง ศาสตราจารย์ นายแพทย์วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ หัวหน้าภาควิชานิติเวช โรงพยาบาลศิริราช แถลงข่าวผลการผ่าพิสูจน์ศพพลทหารอภินพ เครือสุข อายุ 22 ปี ว่า สาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นพบว่า บริเวณลำคอด้านหลังซ้าย ฐานกระโหลกศีรษะด้านซ้ายส่วนหลังมีรอยแตกร้าว ฐานกระโหลกศีรษะซ้ายส่วนหลังใกล้ช่องไขสันหลังมีรอยร้าวต่อเนื่องยาวประมาณ 6-7 เซนติเมตร พบเลือดออกเหนือเยื่อหุ้มไขสันหลังส่วนคอ เนื้อสมองกลีบซ้ายส่วนหลังมีรอยกดยุบเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นหนา หลังจากนี้จะต้ดชิ้นเนื้อเยื่อ บริเวณ คอ แขน ขา กระดูก เพื่อมาหาผลตรวจอย่างละเอียดต่อไป
ส่วนสาเหตุเกิดจากการถูกตีหรือลื่นล้มนั้นเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง แต่ถ้าถูกของแข็งกระแทกก็ต้องโดนอย่างแรง หากลื่นล้มก็ต้องรุนแรง ทั้งนี้ต้องตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ตำแหน่งในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะต้องสืบหาข้อเท็จจริง ส่วนเวลาที่เสียชวิตหลังจากกระแทกของแข็งก็ต้องขึ้นกับปริมาณของเลือดที่ซึม ออกมาว่ามากหรือน้อย หากเลือดออกมากอาจจะเพียงแค่ 1 ชั่วโมงก็เสียชีวิต แต่หากเลือดค่อยๆซึมออกมา กว่าจะเสียชีวิตก็อาจข้ามวัน

........ที่เดียวกันแต่คำตอบจากหมอไม่ค่อยจะไปในทางเดียวกันเท่าไหร่........



พรรคเพื่อไทย พร้อมนางศิริมนต์ มาเพ็ชร มารดาพลฯอภินพ เครือสุข แถลงข่าวสงสัยการเสียชีวิตของพลฯอภินพ ที่พรรคเพื่อไทย

เมื่อวันที่ 28 เมษายน พร้อมโชว์ข้อความสั้น ที่พลฯอภินพส่งถึงแฟนสาวก่อนเสียชีวิต ความว่า

"เมื่อคืนนายกมานอนบ้านแม่ทัพด้วย วันนี้ความคิดถึงกำลังก่อตัวเป็นก้อนเมฆ เพื่อจะลอยไปหาที่รัก LOVE เหมียวที่สุดในโลก ความรักที่ให้ทุกวันมั่นคงเหมือนดวงจันทร์ส่องแสงตลอดทั้งคืน"

เรื่องราวเกี่ยวข้องที่หลายคนกำลังค้นหาอย่างน่าสงสัย

http://www.shaowdin.blogspot.com/2009_04_01_archive.html

(และอีกหนึ่งม่านมี่ลงความเห็นไว้)

mom ขอบอกก่อนว่า เคยทำงานวงใน..ใกล้ชิดคนมีสี
(แต่ขอไม่ระบุว่าสีอะไรค่ะ)


เพื่อนในค่ายฯ นั้นบอกว่าช่วงเวลา ที่ผ่านมา
วิญญาณเฮี้ยน..ด้วยแรงอาฆาต
คนงานหนีกระเจิง...
สุนัข เห่าหอน...
.
.นายใหญ่..เจ้าของบ้านยังไม่กล้าเข้าพัก
.
.
ไม่ต่างจากบ้านเกษะโกมล....ที่ บังสนธิ 3เมีย
ไม่กล้าพักนั้นหล่ะ

ทั้งนี้ทั้งนั้นอยากให้ทุกฝ่ายใช้วิจารณญาณในการรับฟังให้แน่ใจก่อนที่จะเปิดโปงความชั่วของนายกคนนี้กันต่อไป ....โดย : mom

เรื่องเล่าเกี่ยวกับความตายของ “พลทหารอภินพ” และการสั่งฆ่า “สนธิ ลิ้มทองกุล”

มีข้อเท็จจริงหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในสังคมไทยซึ่งเป็นเรื่องซีเรียสมากที่สุดที่จะต้องพิสูจน์ให้สังคมรับรู้ตรงกัน เช่น กรณีการสวรรคตของพระเจ้าตากสิน และกรณีสวรรคตของรัชกาลที่ 8 แต่สังคมไทยก็มีสิทธิ์ได้รับรู้เพียง “เรื่องเล่า” หรือ “นิยาย” เกี่ยวกับข้อเท็จจริงของเรื่องดังกล่าวเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ได้รับรู้ “ข้อเท็จจริงที่ผ่านการพิสูจน์” อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการและหลักกฎหมายจริงๆ
ตัวอย่างที่ยกมา อาจมองได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคที่สังคมยังไม่มีการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย หรือเป็นระบอบประชาธิปไตยที่เพิ่งคลอด เสรีภาพของสื่อมวลชน เทคโนโลยีการสื่อสาร ความตื่นตัวในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร การใส่ใจในปัญหาบ้านเมืองของประชาชนยังไม่ก้าวหน้าเหมือนยุคปัจจุบัน
แต่ทำไมในยุคปัจจุบันที่เราดูเหมือนจะเชื่อกันว่า ประชาธิปไตย เสรีภาพของสื่อ เทคโนโลยีการสื่อสารก้าวหน้ากว่ายุคซึ่งยกตัวอย่างมามากแล้วนั้น สังคมจึงยังคงมีสิทธิ์แค่เพียงรับฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่จำเป็นต้องพิสูจน์ให้รับรู้ร่วมกัน เช่น เรื่องเล่าเกี่ยวกับความตายของ พลทหารอภินพ เครือสุข ทหารเกณฑ์ชาวจังหวัดเลย ที่มาเป็นทหารรับใช้ในบ้านพักของแม่ทัพภาคที่ 1 แล้วเสียชีวิตลงอย่างมีเงื่อนงำในช่วงเวลา (ไล่เลี่ยกับ) ที่ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปอาศัยบ้านพักดังกล่าวเพื่อหลบมวลชนเสื้อแดง ซึ่งสุดท้ายแล้ว สังคมก็ได้รับทราบเพียงเรื่องเล่าที่ว่า
“ต้องมีของแข็งมากระทบ หรือผู้ตายไปกระทบของแข็ง แต่ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดในขณะนี้ ซึ่งกะโหลกบริเวณดังกล่าว เป็นการแตกร้าวเป็นรอยยาวแบบครั้งเดียว ซึ่งการกระทบที่ทำให้กะโหลกแตกได้นั้นถือว่าเป็นการกระทบที่ค่อนข้างรุนแรงพอสมควร เพราะหากไม่รุนแรงก็จะไม่ทำให้กะโหลกศีรษะแตกได้ขนาดนี้ แต่ต้องดูในข้อเท็จจริงด้วยว่าตำแหน่งและสภาพของการถูกกระทบกระแทกเป็นอย่างไร ซึ่งแพทย์ตอบไม่ได้ อาจจะต้องอาศัยพนักงานสอบสวนไปดูในที่เกิดเหตุว่าที่เกิดเหตุมีลักษณะเป็นอย่างไร เบื้องต้นแพทย์รู้เพียงว่าศีรษะบริเวณนั้นมีการกระทบกระแทกกับของแข็งเท่านั้นเอง”
(คำให้สัมภาษณ์ของ รศ.นพ.วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ ประธานคณะกรรมการตรวจศพ มติชนออนไลน์, 27 เมษายน พ.ศ. 2552)
อีกกรณีหนึ่งคือเหตุการณ์ใช้อาวุธสงครามยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ในช่วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งต่อมามีการพิสูจน์ทราบว่ากระสุนที่ใช้ยิงเป็นกระสุนที่มาจากกองพลทหารราบที่ 9 แต่ใครคือผู้สั่งยิงหรือจ้างวานฆ่า ยังคงเป็นนิยายอยู่ต่อไป เช่น นิยายจากตำรวจ
“อุปสรรคการทำคดีนี้ คือ พนักงานสืบสวนสอบสวนที่ทำคดีถูกข่มขู่ในหลายรูปแบบไม่ให้ทำคดีนี้ แต่ตนไม่ได้ถามว่าถูกข่มขู่อย่างไรบ้าง ทำให้เรื่องนี้เป็นเหตุให้การทำคดีนายสนธิล่าช้าไป แต่ก็ยืนยันว่าจะทำคดีให้เสร็จก่อนเกษียณอายุราชการ”
(คำให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์,ASTVผู้จัดการออนไลน์,23 มิ.ย.52)
และนิยายจาก นายสันธิ ลิ้มทองกุล
“ช่วงนี้ก็ไปปล่อยข่าวลือว่า ผมถูกสั่งยิงโดยฟ้า แล้วเขาก็ไม่รู้ว่า ทางข้างบนก็รู้ว่านี่คือข่าวลือที่ปล่อยออกมา ใครปล่อยเขาก็รู้ เขาบอกว่าปล่อยผ่านพระองค์หนึ่งแถวยานนาวา พระองค์นั้นท่านก็ฉุนว่าเอาท่านไปเกี่ยวข้องอะไร ท่านก็โทร.ไปรายงานฟ้าเหมือนกันว่าท่านไม่เกี่ยวข้อง แล้วบอกด้วยว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวลือ นี่คือความทุกข์ มันปิดไม่มิดหรอก เอามือปิดฟ้าได้ยังไง”
(คำให้สัมภาษณ์ของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล,ASTVผู้จัดการออนไลน์,23 มิ.ย.52)
ที่ว่าตัวอย่างที่ยกมานี้เป็น “เรื่องเล่า” หรือเป็น “นิยาย” เกี่ยวกับ “ข้อเท็จจริง” ก็เพราะว่า คำบอกเล่าต่างๆนั้นมันไม่ได้เป็นการพิสูจน์ให้สังคมเห็นร่วมกันว่า “ข้อเท็จจริง” ของการตายของพลฯอภินพคือการถูกฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ และมันไม่ได้บอกข้อเท็จจริงว่าการสืบคดีนายสนธิใครเป็นคนขู่ หรือคนระดับไหนกันแน่เป็นคนขู่ หรือว่าฟ้า ใคร หรือคนระดับไหนกันแน่ที่สั่งฆ่านายสนธิ
อย่างไรก็ตาม เรื่องเล่าเกี่ยวกับข้อเท็จจริงดังกล่าวแม้มันจะไม่ทำให้สังคมรู้ข้อเท็จจริงของสิ่งที่มันพูดถึง แต่มันกลับยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพสังคมไทยต่อไปนี้อย่างจะจะชัดจนยิ่ง เช่น.-
1. สังคมไทยแม้จะเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยมาตั้งแต่ 24 มิถุนายน 2475 แล้ว แต่ยังเป็นสังคมที่มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์แบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ดำรงอยู่อย่างมั่นคง และข้อเท็จจริงที่ซีเรียสมากๆที่สังคมจำเป็นต้องรับรู้หากน่าจะเกี่ยวข้องหรือน่าจะกระทบต่อความมั่นคงของอำนาจดังกล่าว สังคมก็จะมีสิทธิ์รับรู้ได้เพียงเรื่องเล่าหรือนิยายเกี่ยวกับข้อเท็จจริงนั้นเท่านั้น (เช่น กรณีสวรรคตของพระเจ้าตากสิน และ ร.8 เป็นต้น)
2. สังคมไทยมี “ส่วนขยาย” ของอำนาจศักดิ์สิทธิ์ คือกองทัพ ส่วนขยายนี้มีบทบาททั้งปกป้องอำนาจศักดิ์สิทธิ์นั้น ทั้งอ้างอิงอำนาจศักดิ์สิทธิ์นั้นเพื่อทำให้ส่วนขยายนั้นเองก็มีอำนาจที่ใครๆไม่กล้าหรือกลัวที่จะแตะต้อง คัดง้าง หรือแม้แต่จะตรวจสอบ ทวงถาม ความโปร่งใส ความเป็นธรรมอย่างตรงไปตรงมา หรือข้อเท็จจริงที่ซีเรียสมากๆที่สังคมต้องรับรู้ (เช่นการเสียชีวิตของพลทหาร ฯลฯ) ถ้ามันน่าจะเกี่ยวข้องหรือน่าจะกระทบต่อความมั่นคงของส่วนขยายของอำนาจศักดิ์สิทธิ์นี้ สังคมก็จะมีสิทธิ์รับรู้ได้เพียงเรื่องเล่าหรือนิยายเกี่ยวกับข้อเท็จจริงนั้นเท่านั้น เช่นกัน
3. สถาบันที่ควรเป็นที่พึ่งของสังคมในการเปิดเผยข้อเท็จจริงและทำให้เกิดความยุติธรรม เช่น สื่อมวลชน ตำรวจ ฯลฯ เมื่อต้องเผชิญกับอำนาจดังกล่าวก็จะตกอยู่ในสภาพ “เจอตอ” ทำอะไรต่อไม่ได้ มันเหมือนรู้ทั้งรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่สร้างเรื่องเล่าหรือนิยายเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ไม่ได้พิสูจน์ ปล่อยให้สังคมตีความกันไปต่างๆนานา
คำถามคือ สังคมควรจะร่วมกันคิดหาวิธีการอย่างไรที่จะทำให้สิ่งที่เรียกว่า “ระบอบประชาธิปไตย” “เสรีภาพของสื่อ” “ความเที่ยงตรงของกระบวนการยุติธรรม” “ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสาร” สามารถจัดการกับ “ข้อเท็จจริงที่ซีเรียสๆ” ทั้งหลาย ได้เข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ให้สังคมรับรู้ตามหลักวิชาการและหลักนิติธรรมได้จริงๆ ไม่ว่าจะเจอตอเล็ก ตอใหญ่ขนาดไหนก็ตาม!

_



Abhisits voice.mp3 -

จตุพรซัดบิ๊กสีเขียว ปูดคลิปมาร์ค ยันไปทำเนียบฯ

ฉบับเต็มเนื้อหาร้ายแรงกว่านี้

โพสต์โดย : ICT เว็บบอร์ดประชาไท

จตุพรแถลงประเด็นนี้ที่สภาฯ เมื่อเวลา 13.00 น. 28 ส.ค.52
“คนที่ควรระวังมากที่สุด ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง แต่เป็นพรรคพวกของนายอภิสิทธิ์เอง ที่อาจจะเกิดความไม่พอใจ เพราะสองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ มีรองนายกรัฐมนตรีรายหนึ่งไปพูดกับทหารว่า จะเปลี่ยนตัว รมว.กลาโหม จะดึง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร มานั่งแทน จึงน่าจะนำมาซึ่งความไม่พอใจในหมู่คนที่เคยร่วมกันทำให้นายอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

ผมขอสนับสนุนให้มีการพิสูจน์ ตามสายข่าวที่ผมได้รับทราบข้อมูลมา ก็อยากให้นายอภิสิทธิ์ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เอาเทปที่บันทึกการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และผบ.เหล่าทัพ ที่กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ในห้องยุทธการ ในคืนวันที่ 12 เม.ย. ออกมาพิสูจน์

นายอภิสิทธิ์จะรู้หรือไม่ว่า ได้มีการบันทึกเสียงไว้ แต่เท่าที่ผมทราบมีการดูดเสียงบางตอนออก ฉบับเต็มเนื้อหาร้ายแรงกว่านี้ โดยเป็นการมอบหมายให้แต่ละคนไปทำอะไรบ้าง ดังนั้นนายอภิสิทธิ์ควรจะเรียกเอาเทปนั้นออกมาดู จะได้รู้ว่าคำพูดในคลิปตรงกับที่ตัวเองพูดไว้หรือไม่

นายกรัฐมนตรีควรใช้ความสามารถที่ตัวเองมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยข่าวกรอง สภาความมั่นคงแห่งชาติ มาตรวจสอบในเรื่องนี้ ไม่ใช่ออกมาโยนขี้ให้คนอื่น อย่างพรรคเพื่อไทยจะมีปัญญาไปนำเสียงในห้องประชุมออกมาได้อย่างไร คนที่บันทึกเสียงได้ก็คือทหารเท่านั้น ซึ่งทราบมาว่าขณะนี้ทางบริษัทเอสซีแอสเซท ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนตัดต่อเทปเสียง รวมถึงพรรคเพื่อไทย กำลังจะดำเนินการฟ้องร้องเอาผิดผู้กล่าวหา

ผมขอชี้ทางสว่างให้นายอภิสิทธิ์ว่า ในวอร์รูมคนที่จะจัดการมาร์ค มีการพูดกันถึงยุทธการ ดับแดง-ล้มรัฐบาล-บริหารเอง แม้พวกผมจะไม่ชอบนายอภิสิทธิ์ แต่ก็อยากให้ไปด้วยประชาธิปไตย ไม่ใช่รถถัง ดังนั้นถ้าจะมีเหตุการณ์ในวันที่ 30 สิงหาฯ นี้ ก็ไม่ใช่มาจากคนเสื้อแดง แต่มาจากคนกลุ่มดังกล่าว ซึ่งนายอภิสิทธิ์จะต้องไปตรวจสอบเอาเอง เรื่องคลิป สื่อก็จะเห็นว่าผมให้ความเป็นธรรม และผมก็ไม่ได้ถลำในเรื่องนี้ สาเหตุเชื่อว่านายอภิสิทธิ์คงจะไปย่ำยีหัวใจเขา เขาเลยใช้เทปนี้มาปล่อยในช่วงที่คนเสื้อแดงจะชุมนุม

ผมได้ พยายามสืบเสาะหาความจริง ต้องยอมรับความจริงว่า ทหารจำนวนมากก็ไม่เห็นด้วยกับการที่ทหารแทรกแซงการเมือง เหมือนกรณีพลทหารอภินพ เครือสุข พลทหารรับใช้บ้านแม่ทัพภาคที่ 1 หรือเหมือนที่ก่อนหน้านี้ก็มีทหารส่งข้อมูลเรื่องขนมจีนแกงไก่มาให้”

นักข่าวถามว่า หมายความว่าสายข่าวเป็นทหารที่อยู่ในห้องประชุม
จตุพร ตอบว่า “ถ้าไม่อยู่ในห้องประชุม จะนำเทปเสียงออกมาได้อย่างไร”
นักข่าวถามว่า เมื่อฉบับเต็มเนื้อหาร้ายแรงกว่านี้ จะตัดออกทำไม ในเมื่อคนปล่อยคลิปก็มีเจตนาทำลายนายอภิสิทธิ์อยู่แล้ว
จตุพรตอบว่า
“ที่ตัดออกเพราะมีการเอ่ยถึงตัวบุคคล ว่าผบ.เหล่าทัพไหนรับผิดชอบหน้าที่ด้านใด ดังนั้นจึงต้องตัดคนที่รับผิดชอบออกไป”


และที่มันดิ้นรนก้เป้นการถ่วงการยื่นฎีกาของ นปช.คนเสื้อแดงต่อพระมหากษัตริย์

ไอ้มาร์คเผด็จการฟันน้ำนม

วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 27, 2552

รูปนายกฯทักษิณ ชินวัตร กับการทำเหมืองเพชร

คิดถึงมากๆเลยครับ ท่านยังเป็นนายกฯของผมเสมอทุกวันนี้
ผมอยู่เมืองไทยภายใต้อำนาจถ่อยของพวกโจรปล้นประชาธิปไตย
แต่ขอบอกให้ท่านรู้ผมจะสู้กับมันจนหมดลมหายใจ

หวังว่าชาตินี้ผมจะได้เห็นท่านมาบริหารบ้านเมืองไทยช่วยเหลือคนยากจนที่รอคอยท่าน





คนดีและฉลาดมากความสามารถอยู่ที่ไหนก็เป็นประโยชน์ต่อคนร่วมงาน
คนดีอยู่ที่ไหนก็มีสิ่งดีเข้ามาในชีวิต จะทำอะไรก้ได้รับแต่ผลดี

แต่มีคนไทยบางกลุ่มมันโง่ยิ่งกว่าควายที่มาขับไล่ใส่ร้าย คนที่ชื่อ นายกฯทักษิณ

วันอาทิตย์, สิงหาคม 23, 2552

ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง ไม่ต้องบรรยายเพิ่ม เพราะภาพทุกอย่างมันชัดเจน

ร.ต.อ.ดร.เฉลิม เสวนา การแทรกแซงองค์กรตำรวจจากการเมือง มันส์.........
ช่วงที่ 1
http://www.cbnpress.com/index.php/component/hwdvideoshare/?task=viewvideo&video_id=2248

ช่วงที่ 2
http://www.cbnpress.com/index.php/component/hwdvideoshare/?task=viewvideo&video_id=2249

ช่วงที่ 3
http://www.cbnpress.com/index.php/component/hwdvideoshare/?task=viewvideo&video_id=2250

พล.ต.อ.อชิรวิทย์ อัดมาร์คเละกรณีแทรกแซงองค์กรตำรวจ (มันส์...)
http://www.cbnpress.com/index.php/component/hwdvideoshare/?task=viewvideo&video_id=2268

พล.ต.ท. ชัชจ์ กุลดิลก กล่าวถึงการเมืองแทรกแซงตำรวจ
http://www.cbnpress.com/index.php/component/hwdvideoshare/?task=viewvideo&video_id=2269

MV เพลงหนุ่มเสื้อขาว สาวเสื้อแดง เพราะและสนุกมาก (มาใหม่ จากกลุ่มคนเสื้อแดงเพชรบุรี)
http://www.cbnpress.com/index.php/component/hwdvideoshare/?task=viewvideo&video_id=2276



17/8/2552

วันศุกร์, สิงหาคม 21, 2552

2009-08-21+รัฐสภา2009-08-20+ความจริงวันนี้+Utubeทุจริตพอเพียง

ที่มา ประชาไท

เพลงถวายฎีกา



Mpeg1 30.93Mb , MP3 .55Mb

รัฐสภา 2009-08-20



WMV 79.92Mb, MP3 12.88Mb << เฉลิม&มาร์ค โผตร 75นาที

WMV 53.49Mb, MP3 8.92Mb << อนุดิษฐ์,กอปศักดิ์&มาร์ค ทุจริตชุมชนพอเพียง 52นาที

***** -- ***** -- ***** -- *****

Youtube



2009 08 03 CH3 พบทุจริตชุมชนพอเพียง

2009 08 21 CH3 ทุจริตชุมชนพอเพียง 1 สัมภาษณ์ สสปชป. วิศาล

2009 08 21 CH3 ทุจริตชุมชนพอเพียง 2 สัมภาษณ์ ผอชุมชนพอเพียง สุมิท

***** -- ***** -- ***** -- *****

รายการความจริงวันนี้


3เกลอ ได้ทำการบันทึกรายการ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 17ส.ค.52 แล้วนำมาออกอากาศเมื่อช่วงค่ำของวันดังกล่าว
ผมได้ทำการบันทึกเก็บไว้ และเพิ่งจะว่าง ทำเป็น WMV และ MP3 สนใจเชิญ Download ครับ

TT 2009-08-17 59นาที WMV 58.54Mb, MP3 10.51Mb

TT 2009-08-20 59นาที WMV 42.5Mb, MP3 6.48Mb


***** -- ***** -- ***** -- *****

เพื่อนพ้องน้องพี่



วันนี้ แถลงข่าวจะชุมนุมไล่รัฐบาล ในวันอาทิตย์ที่ 30 ส.ค. และการทำบัตรสมาชิกคนเสื้อแดง
ต่อจากนั้น rerun รายการความจริงวันนี้ ของวันที่ 20ส.ค. (ซึ่งผมไม่ได้รวมไว้ในคลิป)

PTV 2009-08-21 38.22นาที WMV 38.09Mb, MP3 6.95Mb


2009-Jan22 Jul10 มาร์คเสียสัตย์ป้องโจรฯสากลกษิต 2.47นาที 28.10Mb , Download

081124-090710 มาร์คเสียสัตย์ป้องโจรฯสากลกษิต StillNeedDictionary? 8.19นาที 83.95Mb , Download

วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 20, 2552

เปิดปูมฉาวนายพลตร.ห้าร้อยน้องคมช. จากสนองคุณแผ่นดินคดีเพชรซาอุถึงย่ำแดงเชียงใหม่

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
20 สิงหาคม 2552



ผลงานน้องสมเจตน์ คมช.-ตำรวจห้าร้อยยกกำลังไปปิดล้อมสถานีวิทยุชุมชนคนรักเชียงใหม่51 เช้านี้ เป็นอีกผลงานที่พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้มีปูมอื้อฉาวพัวพันกรณีอุ้มหายทูต-นักธุรกิจซาอุฯจนได้ดิบได้ดีสนองคุณแผ่นดิน

แฉ สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5 ผู้นำในการดำเนินการต่างๆ กับกลุ่มคนเสื้อแดงในเชียงใหม่ และ จว.อื่นๆ อย่างแข็งขันตลอดหลายเดือนมานี้ เช่น กรณีที่เกิดขึ้นที่ สภ.ภูพิงค์ ฯลฯ ซึ่งผมประมวลมาจากคำบอกเล่าของคนในผู้อึดอัดหลายๆ นายจนออกมาเป็นข้อๆ ดังนี้

1. ประวัติของแกคร่าวๆ เกิด 25 มี.ค. 2495 เป็นลูกคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 7 คน (พี่ชายคนหนึ่งคือสมเจตน์ คมช.) นตท.12 นรต.28 ป.โท รป.ม. จุฬาฯ วปอ. รุ่นที่ 4616 เคยเป็นผู้การเชียงราย (ขึ้นสมัยชวนอยู่ถึงสมัยทักษิณตอนต้น) และเคยเป็นผู้การทางหลวง

และเมื่อรัฐบาลทักษิณต้องการฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตกับซาอุฯ แกจึงโดนเด้งไปเป็นผู้บังคับการกองบังคับการอำนวยการ สำนักงานวิทยาการตำรวจ เพราะแกเป็นเหมือนชนวนเหตุ ในเรื่องความไม่พอใจของทางการซาอุฯ ซึ่งทางโน้นเชื่อว่าแกอาจจะมีส่วนพัวพันกับการที่นักธุรกิจซาอุฯ ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย (ศพรายที่ 4)

เพราะอดีตแกได้รับมอบหมายให้เข้าไปสืบสวนติดตามคนร้ายที่ฆ่า 3 เจ้าหน้าที่ทูตซาอุฯ ซึ่งเข้ามาติดตามเรื่องเพชรซาอุฯ ในยุคนั้น ก่อนที่จะขยับเป็น รอง ผบช. การศึกษา (ช่วงปลายรัฐบาลทักษิณ) และขื้นติดยศ พล.ต.ท. ยุค คมช. ในตำแหน่ง ผบช. ประจำ สนง. ผบ.ตร. และผงาดออกจากกรุในช่วงอภิสิทธิ์ขึ้นเป็นนายกฯ ควบคุมดินแดนผืนใหญ่ของชาวเสื้อแดง คือ 8 จว.ภ.เหนือ

*ชีวิตสมรสนั้น ในทางเปิดเผย แกสมรสกับ ทันตแพทย์นิศา มีลูก 2 คน คนแรกผู้ชายเป็นตำรวจ คนหลังกำลังเรียนหมอ

แต่ในทางลับ เป็นที่ทราบกันดีว่าแกยังมีเมียและลูกอยู่ที่เชียงใหม่อีก เมียแกคนนี้ทำงาน กกต.ลำพูน แต่ที่แน่ๆ ลูกสาวคนเล็กของแกตอนนี้โตพอสมควรแล้วเรียนชั้นประถมอยู่ที่โรงเรียนเรยีนาเชลีฯ โดยใช้นามสกุลบุญถนอมอีกด้วย

2. ซึ่งการที่แกได้ขึ้นมาคุมพื้นที่ภาค 5 นั้น เป็นการทดแทนคุณของ ปชป. คงจะไม่ผิดนัก ด้วยเหตุผลหลักๆ คือ ก่อนการเลือกตั้งปี 50 ช่วงปลายสุรยุทธ์ แกกับพี่ชายของแกได้ทำงานรับใช้ คมช. อย่างแข็งขัน

ผลงานที่เป็นตัวการันตี คือ การให้ทีมงานทหารติดตามบันทึกภาพ ยงยุทธ ติยะไพรัตน์ ในแทบทุกฝีก้าว แล้วยืมมือผู้สมัครที่แพ้เลือกตั้งของชาติไทยเอาหลักฐานยัดใส่มือให้เข้าร้องเรียนต่อ กกต.จว.ชร. ให้แทน ซึ่งในภายหลังเขาได้ถอนการร้องเรียน แต่ กกต.กลาง ไม่สนใจ ต่อมายงยุทธ์ก็โดนใบแดง และเป็นเหตุให้พรรคพลังประชาชนถูกยุบในท้ายที่สุด

นอกจากนี้ แกยังขนกำลังเข้าไปตั้งด่านสกัดกั้นมิให้ประชาชนเข้าร่วมฟังการปราศรัยหาเสียงที่ จ.เชียงราย อีกหลายครั้งจนถูกร้องเรียน แต่ต่อมา กกต.กลาง ก็ได้ยกคำร้องเรื่องนี้

3. และตลอดระยะเวลาราวๆ 6 เดือนที่แกทำงานอยู่ที่นี่ แกทำอยู่จริงๆ แค่ 2 เรื่อง โดยเรื่องสำคัญที่สุดที่แกสนใจไม่ใช่เรื่องปราบเสื้อแดงอย่างที่หลายคนเข้าใจ หากแต่เป็นเรื่องขายพระ (ดูรายละเอียด http://www.police5.go.th/site/bhuda/detail.php )

แกขอความร่วมมือให้ผู้กำกับโรงพักช่วยรับองค์ราคา 39,999.- ไปคนละองค์ แน่นอนว่าแกสั่งประชุมเรื่องนี้แทบจะวันเว้นวันเลยทีเดียว ท่ามกลางเสียงท้วงติง (อยู่ในใจ) ของผู้ใต้บังคับบัญชา เนื่องจากตอนแรกแกอ้างว่าทำเพื่อหาเงินเข้ากองทุนเรื่องสวัสดิการของตำรวจภาค 5 โดยเฉพาะชั้นผู้น้อยๆ แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นว่าจะเอาเงินไปปรับปรุงภูมิทัศน์ของสถานที่แทน ทั้งๆ ที่ ผบช. คนก่อนเพิ่งปรับปรุงไปแท้ๆ

แน่นอนว่าในความนึกฝันของแกยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก คือ 1. สร้างซุ้มพระขนาดใหญ่อลังการ ออกแบบโดย อ.เฉลิมชัย 2. ทำเสาธงชาติไทยสูงที่สุดในโลก 33 เมตร 3. ก่อกำแพงอิฐ (ประมาณประตูท่าแพ) เป็นรั้ว (ซึ่งตอนนี้ทำเกือบเสร็จแล้ว และมีน้อยคนมากที่เห็นว่าเข้ากันสวยดี) ฯลฯ รวมแล้วประมาณว่าน่าจะหมดเงินไปไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ทั้งนี้ส่วนใหญ่นำเงินกำไรจากการขายพระมาใช้ แต่มีบางส่วนที่ใช้งบแผ่นดินสบทบเข้าไป

ปัจจุบันเข้าใจว่ามีคนสั่งจองพระเข้ามาจนเกือบเต็มจำนวนทุกแบบทุกขนาดแล้ว ตอนนี้ถ้าหากไปถามตำรวจภาค 5 ว่าอะไรคือผลงานของแก ตำรวจนายนั้นตอบคงตอบได้เลยทันทีโดยไม่ต้องคิดมากว่า แกขายพระเก่ง

*ผมว่าแกเป็นคนหนึ่งที่มีวิธีคิดแบบอำมาตย์จ๋ามาก คือต้องสร้างวัด สร้างพระคู่บุญให้คนได้โจษจันถึง (ฤาเสริมบารมีตัวเอง) ทั้งๆ ที่ผมว่ามันไม่เห็นเกี่ยวกับงานของตำรวจเลย ยาเสพติดก็เพิ่ม คดีฆ่ากันตาย และลักเล็กขโมยน้อยอีกมากมายกลับจับไม่ได้ สงสารคนเมืองครับที่ดันได้คนอย่างนี้มาดูแลนโยบายความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินให้แก่เขา*

ขณะอีกเรื่องที่สำคัญรองลงมาก็คือเรื่องการคอยแซะกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ให้เคลื่อนไหวได้ลำบากๆ เข้าไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ซึ่งออกแนว hardcore เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ได้มารู้ตอนหลังว่าเรื่องนี้อันที่จริงแล้วแกเป็นคนขี้ขลาด ถึงขนาดแสร้งทำเป็นดีด้วยต่อหน้าเมื่อตอนเชิญแกนนำเชียงใหม่ 51 มาประชุมพูดคุยกัน และสั่งให้เลี้ยงอาหารอย่างดี

แต่ลับหลังก็อย่างที่เห็นๆ กันเหมือนเมื่อเช้านี้(20ส.ค.)อีกทั้งพอมีหนังสือสั่งการเกี่ยวกับเสื้อแดงมา แกจะโบ้ยให้รองคนอื่นๆ ที่รักษาการลงนามแทน แต่ในบางเรื่องแกกลับกัดไม่ปล่อย เช่น ให้รื้อฟื้นการดำเนินการทางวินัยกับ ตร. ชั้นประทวนที่เคยติดตามยงยุทธ์ ซึ่งปัจจุบันได้ลาออกจากราชการไปแล้วชนิดเอาจริงเอาจัง เป็นต้น

4. การประชุมเกี่ยวกับพิธีการพุทธาภิเษกพระครั้งหนึ่ง ในวาระเรื่องการจราจร ซึ่งจะต้องนำเสนอเรื่องบัตรจอดรถของเหล่า VIP ทางนายตำรวจผู้รับผิดชอบได้เลือกใช้สีแดงเป็นสีของ VIP แม้นแกจะไม่ได้ต่อว่าตำรวจนายนั้นออกมาซึ่งๆ หน้า และสีหน้าแกที่แสดงออกมาก็ไม่บ่งบอกชัดว่าแกคิดยังไง แต่คนในที่ประชุมก็พอจะคาดเดาได้ว่าแกคงไม่ชอบใจเท่าไหร่

กระทั่งล่าสุดได้ทราบมาอีกทีว่า สีบัตรจอดรถของ VIP ได้กลายเป็นสีเหลืองไปเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนสมคิดแล้ว และก็ไม่มีสีแดงอยู่ในบัตรจอดรถของแขกกลุ่มใดๆ อีกด้วย

เปิดศึกเมืองหลวงเสื้อแดง-กองกำลังตำรวจกว่า 500 นาย ภายใต้การควบคุมของพล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม น้องพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ขุนศึกนักรัฐประหารคมช.เข้าบุกปิดล้อมโรงแรมวโรรส ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานีวิทยุคนรักเชียงใหม่FM92.5เมื่อเช้านี้ อ้างจะมารับเครื่องส่งที่อายัดไว้จากการปะทะครั้งก่อน แต่ตอนนี้ยังออกอากาศได้ตามปกติ เนื่องจากสถานีได้จัดซื้ออุปกรณ์ออกอากาศตัวใหม่ เข้าไปเตรียมการรองรับเอาไว้อยู่แล้ว


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ภาพโดย Raungsil
20 สิงหาคม 2552

เผชิญหน้าตึงเครียดที่เชียงใหม่ น้องสมเจตน์ทรราชคมช.ยกกำลังห้าร้อยบุกปิดล้อมสถานีวิทยุเสื้อแดงเชียงใหม่51 สุดท้ายแกนนำ3เกลอขอเคลียร์ อ้างอ้อมๆแอ้มๆแค่มาตรวจรับเครื่องส่งออกอากาศที่สั่งอายัดไว้ในคราวปะทะครั้งก่อน ณัฐวุฒิวอนฝ่ายประชาธิปไตยใจเย็นๆให้หลีกเลี่ยงการยั่วยุเพื่อนำไปสู่การปะทะ หวั่นเข้าทางเผด็จการกระหายเลือด ฝ่ายประชาธิปไตยแนะยกระดับขับไล่น้องสมเจตน์พ้นพื้นที่


ติดตามการถ่ายทอดสดบุกปิดสถานีวิทยุรักเชียงใหม่ที่
http://www.newskythailand.com
http://www.newskythailand.us
http://www.nocoup.org/newwebboard/main.php?board=008452&topboard=1
http://www.sanamluang.in.th ช่องทีวี3


แค่มารับเครื่องส่งที่อายัดไว้?-กองกำลังตำรวจที่มีรายงานว่าอาจมากถึง2,000นายบุกปิดล้อมสถานีวิทยุรักเชียงใหม่51 ภายหลังแกนนำ3เกลอขอเคลียร์ ได้อ้างว่าแค่จะมารับเครื่องส่งที่อายัดไว้จากเหตุปะทะครั้งก่อน ขณะที่ฝ่ายประชาธิปไตยเชื่อเป็นการยั่วยุเพื่อให้เสื้อแดงลุกฮือเผชิญหน้า จะได้เข้าทางเผด็จการกระหายเลือดล้อมปราบเมืองหลวงคนเสื้อแดงทางภาคเหนือ

น้องสมเจตน์ขุนศึกทรราชคมช.นำทีมบุก

เมื่อเช้านี้ตั้งแต่07.00น. กองกำลังตำรวจภูธรภาค 5 โดยการบังคับบัญชาสั่งการของพล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม และรองผู้ว่าราชการ เชียงใหม่ จำนวนมากกว่า500 นายบุกเข้ามาปิดล้อมสถานีวิทยุชุมชนคนรักเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานีวิทยุชุมชนฝ่ายประชาธิปไตย

โดยล่าสุดเหตุการณ์ในเวลา 12.00 น. สถานีวิทยุชุมชนดังกล่าวหยุดออกอากาศลง แต่มีการแจ้งว่ากำลังติดตั้งเครื่องส่งใหม่ไว้พร้อมออกอากาศทันที เพราะได้ซื้อเครื่องส่งใหม่แรงกว่าเดิมไว้รองรับหากเครื่องส่งเก่าโดนยึด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจวางกำลังรอบสถานี ขณะที่มีผู้ชุมนุมเสื้อแดงรวมตัวอยู่ด้านนอกสถานี มีการกางเต๊นต์ ขณะที่ประชาชนเชียงใหม่ และฝ่ายประชาธิปไตยทั่วประเทศบริจาคข้าวกล่องและเงินทุนสนับสนุนผู้ชุมนุม

ขณะที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์บางรายกล่าวว่า ตำรวจมีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดความรุนแรงโดยนำกำลังตร.กว่า 2,000คนพร้อมโล่มาทำการยึดสถานี

การบุกเข้าปิดล้อมยึดสถานีมีรายงานข่าวเพราะตำรวจอ้างว่า เพราะมีการใช้สถานีปลุกระดมมวลชนและมีการระดมทุนเป็นจำนวนมากเพื่อนำคนไปรวมตัวที่สนามหลวงในวันถวายฎีกา และมีการเผยแพร่ข่าวไปทั่วโลก

คนเสื้อแดงเชียงใหม่ที่ทราบข่าวได้เดินทางมาที่สถานีเพื่อปกป้องสถานีแล้ว โดยแกนนำขอให้หลีกเลี่ยงการปะทะหรือเผชิญหน้า เพราะจะไปเข้าทางฝ่ายเผด็จการล้อมปราบปราม หรือโยนความผิดให้ว่าฝ่ายประชาธิปไตยนิยมความรุนแรง

นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่ และผอ.สถานีวิทยุรักเชียงใหม่51 ได้แจ้งไปทางแกนนำ กทม.แล้ว และแกนนำทางกทม. กำลังเดินทางมาที่ เชียงใหม่

นอกจากนั้นนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ3เกลอได้โฟนอินไปที่สถานีรักเชียงใหม่ 51 ขอให้ฝ่ายประชาธิปไตยใจเย็นๆ โดยระบุว่าจากการประสานงานทราบว่า ที่ตำรวจมาเพื่อตรวจรับเครื่องส่งที่ยึดไว้คราวที่แล้ว แต่ลักไก่ส่งกำลังพลมาโดยไม่บอกกล่าว ยังกะจะมาปราบจลาจล กะเอาทีเผลอถ้าปิดสถานีได้ก็จะปิด

"ถ้ามันจะเอาเครื่องส่งเก่าก็เอาไป แต่เครื่องส่งใหม่ แรงกว่า เป็นเงินของพี่น้องเสื้อแดงเชียงใหม่ ถ้าจะยึดก็คงเจอต่อต้าน ตอนนี้เสื้อแดงตรึงกำลังไว้คงบุกเข้าไปยาก "ผู้อยู่ในเหตุการณ์ระบุ

แนะเสื้อแดงเชียงใหม่ขับไล่น้องสมเจตน์พ้นพื้นที่

ผู้ใช้นามแฝง"ลูกชาวนาไทย"เขียนกระทู้ใน
บอร์ดประชาไท ว่าผมคิดว่ากลุ่มเชียงใหม่ 51 ควรคิดอะไรในทางยุทธศาสตร์ที่ใหญ่โตได้แล้วครับ เพราะการทำสงครามย่อยเป็นครั้งๆ ไปไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด เพราะจะทำให้เสียพลังมวลชนไปอย่างเปล่าประโยชน์

สถานการณ์ทางยุทธศาสตร์ขณะนี้คือ ฝ่ายอำมาตยาธิปไตยได้ส่ง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม เป็น "แม่ทัพหลัก" ในการทำสงครามกับคนเสื้อแดงที่เชียงใหม่ หน้าที่สำคัญของเขาคือ ทำอย่างไรก็ได้ให้กลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่สลายตัวไป หากยังทำไม่ได้ ก็จะพยายามก่อกวนไม่ให้การทำงานของกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่เป็นไปอย่างได้ผล

ดังนั้น ตำรวจจะดำเนินงานก่อกวนทุกอย่างที่ทำได้ หากพวกเราแรง เขาก็จะถอย และหากเราถอยเขาก็จะก่อกวนอีก เพื่อสร้างสงครามประสาท กลุ่มเชียงใหม่ 51 จึงต้องกำหนดเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ในการ ขับไล่ พล.ต.ท. สมคิด บุญถนอมออกจากพื้นที่ได้แล้วครับ จะต้องย้ายไปที่อื่น และจะต้องดำรงเป้าหมายนี้ให้ชัดเจน

อาจร่วมกัน ชุมนุมปิดเชียงใหม่ไปเลยก็ได้ครับ หรือ ชุมนุมกันหน้า บก.ภาค 5 แบบล้อมทำเนียบเลยก็ได้ และใช้มาตรการสังคมทุกอย่างกับนายตำรวจคนนี้

หากมัวแต่ "โดนพวกเขารุกแต่อย่างเดียว" ไม่รุกกลับบ้าง ไม่มีทางแก้ปัญหาได้แน่นอนครับ พล.ต.ท.สมคิด จะต้องหาเรื่องกับ กลุ่มเชียงใหม่ 51 ไปเรื่อยๆ ตาม "เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของพวกเขา

เรียงลำดับเหตุการณ์ตำรวจห้าร้อยบุกปิดล้อมสถานีวิทยุเชียงใหม่

เวลา 7.00 น. เช้าวันนี้ (20 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรใน จ.เชียงใหม่ หลายร้อยนาย นำกำลังปิดล้อมวิทยุชุมชน 92.5 MHz ของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่ตั้งอยู่หลังวัดพระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อขอตรวจค้นและขอยึดเครื่องส่งวิทยุ ที่เคยทำการตรวจอายัดไว้ช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยมีตำรวจปีนขึ้นไปบนเสาอากาศวิทยุ

โดยผู้จัดรายการวิทยุได้ประกาศระดมมวลชนเข้ามาที่สถานีวิทยุ เพื่อมาเป็นพยานในการตรวจค้นและยึดเครื่องส่งวิทยุ โดยผู้จัดรายการคนหนึ่งกล่าวว่าหากเสียงหายไป แสดงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดเครื่องส่งไปแล้ว และว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมามากขนาดนี้นึกว่าเชียงใหม่เป็นประเทศพม่าไปแล้วหรือ

โดยล่าสุดในเวลา 12.00 น. สถานีวิทยุชุมชนดังกล่าวหยุดออกอากาศลง แต่มีการแจ้งว่ากำลังติดตั้งเครื่องส่งใหม่ไว้พร้อมออกอากาศทันที เพราะได้ซื้อเครื่องส่งใหม่แรงกว่าเดิมไว้รองรับหากเครื่องส่งเก่าโดนยึด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจวางกำลังรอบสถานี ขณะที่มีผู้ชุมนุมเสื้อแดงรวมตัวอยู่ด้านนอกสถานี มีการกางเต๊นต์ ขณะที่ประชาชนเชียงใหม่ และฝ่ายประชาธิปไตยทั่วประเทศบริจาคข้าวกล่องและเงินทุนสนับสนุนผู้ชุมนุม


ก่อนหน้านี้เมื่อ 16 เม.ย. นายไพโรจน์ แสงภูวงษ์ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เคยนำกำลังตำรวจ และ นปพ. และเจ้าหน้าที่ กทช. พร้อมนำหมายศาลจังหวัดเชียงใหม่ เลขที่ ค.260/2552 ลงวันที่ 15 เม.ย.2552 ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.116 เพื่อพบและยึดสิ่งของพยานหลักฐานเอกสารที่ใช้ในการปลุกระดมเชิญชวนประชาชน ทั่วไปร่วมต่อต้านรัฐบาล เข้าตรวจค้นที่สถานีวิทยุชุมชนของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ดังกล่าว

และเมื่อวันที่ 16-17 ก.ค. มีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่หน้า สภ.ต.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ และสามแยก ถ.สุเทพ ตัดกับ ถ.นิมมานเหมินท์ ด้านหน้าสำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงใหม่ ในช่วงที่นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง พร้อมคณะได้เดินทางมาที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อร่วมประชุมกับทุกหน่วยงานในจังหวัดเชียงใหม่เรื่องปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555

วันอังคาร, สิงหาคม 18, 2552

มาตรฐานสันดานความเหี้ยระยำ ก้าวหน้าทุกวัน กนก รัตน์วงศ์(สถุล) กับคู่หูเนชั่ว ธีระ ธัญวงศ์(สถุล)

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์

สื่อเอี้ยแค้นแน่นอก-กนก รัตน์วงศ์สถุล กับคู่หูเนชั่วธีระ ธัญวงศ์ไพบูลย์ สับแหลกที่พระดร.มหาโชว์นำคณะสงฆ์เดินนำหน้าเสื้อแดงยื่นฎีกาวานนี้ เสียดสีว่ามีพระนำเหมือนแห่ศพ และชี้นำให้คนเลิกทำบุญใส่บาตรพระ ทั้งที่มหาเถรฯชี้ชัดไม่ผิดธรรมวินัยก็ตาม ส่วนเปลว ไถเงิน ด่าพระชนิดไม่กลัวนรกกินหัวคุ้มค่าราคาโฆษณาที่มาร์คจ่ายให้ทุกสลึง

ที่มา -The Washington Post และ ไทยโพสต์
แปลและเรียบเรียงโดย - chapter 11 เวบLiberal Thai
18 สิงหาคม 2552



ข่าวเสื้อแดงถวายฎีกาเป็นบทพิสูจน์ระหว่างสื่อมืออาชีพ กับคนมีอาชีพสื่ออีกวาระ ขณะที่สื่อต่างประเทศอย่างวอชิงตันโพสต์นำเสนออย่างรอบด้านครอบคลุม ทั้งเจาะลึกว่างานนี้ไม่ใช่แค่การออกมาช่วยทักษิณ แต่บ่งว่าฝ่ายประชาธิปไตยต้องการแสดงพลังถึงความไม่พอใจต่อการเมืองในประเทศที่ไม่เป็นธรรมด้วย แต่สื่อเลียตีนเผด็จการอย่างคู่หูนรกเนชั่นกนก-ธีระถือโอกาสสับเละพระนำหน้าเดินขบวนถวายฎีกา ทั้งที่มหาเถรสมาคมชี้ชัดไม่ผิดธรรมวินัย ยังยั่วยุให้คนเลิกทำบุญด้วย


กรุงเทพฯ - วอชิงตัน โพสต์รายงานข่าวว่า ผู้สนับสนุนทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่อื้อฉาว และกำลังอยู่ระหว่างการลี้ภัยในขณะนี้ ได้ยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ผู้นำของเขาเมื่อวันจันทร์

การยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ซึ่งฝ่ายแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้จัดรวบรวมขี้น และเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์ที่เกรงกันว่า จะเกิดการปะทะกันระหว่างฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล และฝ่ายสนับสนุนทักษิณจำนวน ๓๐,๐๐๐ คนที่ชุมนุมกันกลางกรุงเทพ แนวร่วม นปช. กล่าวว่ามีรายชื่อที่ร่วมยื่นถวายฎีกาถึง ๖ ล้านชื่อ

การยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้มีนโยบายประชานิยมซึ่งถูกกองทัพทำรัฐประหารปล้นอำนาจในปี พ.ศ.๒๕๔๙ ด้วยข้ออ้างว่าฉ้อราษฎร์ หลังจากนั้่น ทักษิณได้ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาไม่ไปปรากฎตัวต่อศาลจากคดีผลประโยชน์ทับซ้อนจากการซื้อที่ดินของอดีตภรรยา ทักษิณได้หลบออกนอกประเทศก่อนการพิจารณาคดี ผลที่ตามมา เขาถูกศาลตัดสินจำคุกสองปี ขณะนี้เขากำลังอยู่ในระหว่างการลี้ภัย ถูกยึดพาสปอร์ตไทย และทรัพย์สินที่เขาสร้างตัวมาจากธุรกิจโทรคมนาคม ได้ถูกเจ้าหน้าที่ทำการอายัดทรัพย์

นายฌอน บุญประคอง โฆษกของ นปช. กล่าวว่า "เรารู้สึกได้ถึงการนำกฎหมายมาใช้โดยวิธีเลือกปฎิบัติ ขั้นตอนทางกฎหมายได้พังไปหมดแล้ว"

ทักษิณยังคงมีอิทธิพลต่อการแบ่งขั้วของการเมืองไทยและทางสังคม การต่อสู้ระหว่างฝ่ายสนับสนุนเขาซึ่งเป็นชาวชนบททางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและส่วนใหญ่แล้วยังยากจน ซึ่งได้รับประโยชน์อย่างมากมายจากนโยบายประชานิยม กับฝ่ายศักดินาที่มีฐานในกรุงเทพฯ

การประกาศของฝ่ายสนันสนุนทักษิณที่ใช้เสื้อแดงเป็นสัญญลักษณ์แสดงความนิยมในตัวเขา ที่จะทำการรวมรวมรายชื่อเพื่อยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ กระตุ้นให้เกิดปฎิกิริยาตอบโต้อย่างรุนแรงจากรัฐบาลและข้าราชการต่างๆ

พวกเขาออกแถลงการณ์ว่า การลงรายชื่อเพื่อยื่นถวายฎีกานี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และสนับสนุนให้ข้าราชการลงชื่อคัดค้านการยื่นถวายฎีกา พวกเขายังกล่าวหาอีกว่า ผู้ร่วมลงชื่อนั้นถูกหลอก และได้ตั้งโต๊ะตามศาลากลางจังหวัดต่างๆให้ชาวบ้านมาถอนรายชื่อ

คริสต์ เบเกอร์ นักวิเคราะห์การเมือง ซึ่งได้แต่งหนังสือเกี่ยวกับการเมืองไทยไว้หลายเล่มกล่าวว่า "
ผมไม่คิดว่า ปฎิกิริยาเช่นนี้ เพียงเพื่อตัวทักษิณและโอกาสที่จะให้ทักษิณกลับมา ผมคิดว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการแสดงพลังของจำนวนคนเสื้อแดงมากกว่า"


การเคลื่อนไหวของผู้สนับสนุนทักษิณจำนวนมหาศาลนี้ แสดงให้เห็นว่าการแตกแยกซึ่งนำไปสู่ความรุนแรงเมื่อต้นปีนี้ ยังคงอยู่ ยังไม่ไปไหน และได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ความพยายามของรัฐบาลที่จะทำการสมานฉันท์นั้นยังไม่เพียงพอ

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย ซึ่งเข้ามามีอำนาจเมื่อปลายเดือนธันวาคมที่แล้ว ได้กล่าวว่า เขาจะสร้างความปรองดองให้เกิดขี้นในประเทศ แต่ประเทศยังคงจมปลักอยู่กับการเมืองที่ไม่มีทางออก

คริสต์ เบเกอร์กล่าวว่า “"เรื่องที่น่ารำคาญจากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ มาจากการที่รัฐบาลยกเลิกความหวังที่จะให้เกิดความสมานฉันท์ จากความคิดที่ว่า พวกเขาสามารถสร้างระบบการเมืองขี้นมาใหม่ เพื่อให้เหมาะกับพวกเขามากขี้น"

คู่หูนรกเนชั่วเอาอีกแล้วรังควานพระที่ถวายฎีกา

ขณะที่สื่อมวลชนต่างประเทศได้รายงานข่าวอย่างรอบด้านลุ่มลึก สื่อที่เต็มไปด้วยอคติของไทยอย่างนักเล่าข่าวเครือเนชั่นก็ออกมาสับแหลกผู้ยื่นฎีกาตามเคย โดยคู่หูนรกเนชั่น กนก รัตน์วงศ์สกุล กับธีระ ธัญไพบูลย์ ใส่อารมณ์อย่างดุเดือดถึงกลุ่มพระสงฆ์ที่ร่วมลงชื่อในการถวายฎีกาจำนวน 3,429 รูป โดยมุ่งเป้าไปที่พระมหาโชว์

นายธีระกล่าวว่า พระส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมถวายฎีกาเดินทางมาจากนครราชสีมา เข้าพักที่วัดสวนแก้วของพระพยอม กัลยาโณ ที่สนับสนุนทักษิณและพวกเสื้อแดง จากนั้นมีพระดร.มหาโชว์ ทัสนีโย ผู้อำนวยการส่วนธรรมนิเทศ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ชั้นนำของประเทศ นำหน้าขบวนฎีกา ซึ่งนายกนกเสียดสีว่า"ไม่ค่อยดีน๊า มีพระนำนี่ เหมือนงานศพยังไงก็ไม่รู้" จากนั้นก็สับแหลกว่ามหาเถรสมาคมก็ทำอะไรไม่ได้ บอกว่าไม่ได้ผิดวินัย แต่ตนเห็นว่าไม่สมควร เพราะจะเกิดการต่อต้านพระดร.มหาโชว์ แล้วจะพลอยต่อต้านมหาจุฬาฯไปด้วย เดี๋ยวจะเดือดร้อนแบบเดียวกับพระพยอมที่คนไปทำบุญลดลง

เปลว ไถเงิน ไทยโพสต์ได้ยาดีด่าพระยับ

ขณะที่ไทยโพสต์ สื่อที่เต็มไปด้วยอคติ และช่วงนี้มีโฆษณาจาก"สำนักนายกรัฐมนตรี"ขึ้นปกหน้า1ตรงติดกับหัวหนังสือพิมพ์ ได้ตีพิมพ์บทความของเปลว สีเงิน บริภาษพระสงฆ์ยับเยินดังต่อไปนี้


จะมีที่ขัดหู-ขัดตาอยู่บ้างก็ตรง "หัวโล้น-ห่มเหลือง" ในคราบสงฆ์ กลุ่มหนึ่ง นอกรีต-นอกรอย ร่อนจีวรมาเอากะเขาด้วย หวังช่วยโจรทักษิณ!

เช้าออกบิณฑบาต เที่ยงมาชุมนุม บ่ายเดินขบวนยื่นฎีกา เย็นค่ำจัดวิทยุด่ารัฐบาล งานจ็อบ-รับจัดพิธีเดรัจฉานวิชา ต่อชะตา ตัดกรรมไปตามเรื่องตามราว พระคุณเจ้ายุคนี้ ดำเนินวิถีเป็นอย่างนี้ไปแล้วหรือ?

ความเป็นสงฆ์สาวก สุปฏิปันโน พระผู้ปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบ หายไปทางไหนหมด จะเหลือให้เห็นก็เป็นดั่งสมณสารูปเยี่ยงนี้หรือ?

ถ้าฝ่ายฆราวาสก็ถือว่า "ธุระไม่ใช่" ฝ่ายสงฆ์ก็อุเบกขาเฉโก "ทำเป็นไม่สนใจ" ก็จงระวังเถอะครับ พุทธศาสนาที่มีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง จะเดินสู่เส้นทางเดียวกับพุทธศาสนาในอินเดีย เมื่อปี พ.ศ.๑๗๐๐

ถูกเผาเรียบทั้งวัด ทั้งพระสงฆ์ ทั้งพระธรรมคัมภีร์ และทั้งพุทธศาสนา "สูญพันธุ์" ไปจากอินเดียนับจากวันนั้น จนถึงทุกวันนี้!

ถ้าใครบอกว่า ตำหนิพวกหัวโล้น-ห่มเหลือง ระวัง...จะตกนรก ผมก็อยากจะบอกว่า ถ้าต้องตกนรกจริงๆ จากการท้วงติงพวกจกเปรต ผมยินดีตก ดีกว่าจะปล่อยให้บ้านเมือง-พระพุทธศาสนา "รก-ไปด้วยกาฝากเหลือง"



นักข่าวชาวรากหญ้า

http://saereepanyachon.hi5.com/
http://www.udon108.com/board/index.php?topic=12764.0
http://www.udon108.com/board/index.php?topic=12764.0

ความรู้สึก จากคนรากหญ้า

http://www.youtube.com/watch?v=3yVh-6EWMZg

http://www.youtube.com/watch?v=noWC0NrtE5M

http://www.youtube.com/watch?v=HpMYiVLhaC0

http://www.youtube.com/watch?v=7IGsLW8MEGc

http://www.youtube.com/watch?v=PNQb_NRvILw

วันอาทิตย์, สิงหาคม 16, 2552

มึง เป็น เหี้ยอะไรกันนักหนา.ถึงเกลียดคนเสื้อแดง

การศึกษาสูง จริยธรรมต่ำ
กรณี กระทำการอย่างไร้จรรณยาบรรณ กับชาวบ้าน ที่เป็นผู้ป่วย ที่มีญาติ
ใส่เสื้อสีแดง หรือว่า สองมาตรฐาน เหมือนๆ กับ องค์กร อื่นๆ


คลิ๊กขยายที่รูป
เงินเดือนจากภาษีประชาชน


ไม่ยอมรักษาผู้ป่วย (เนชั่นทันข่าว)
ชาวบ้านใน 3 ตำบลของ อ.งาว จ.ลำปาง ได้แก่ ต.บ้านแหง หลวงเหนือ และปงเตา และกลุ่มคนเสื้อแดงจาก อ.งาว ที่ได้สวมเสื้อสีแดงกว่า 200 คน พามาชุมนุมประท้วงกันที่หน้าโรงพยาบาลอำเภองาว จังหวัดลำปาง โดยได้ชุมนุมปิดประตูทางเข้าโรงพยาบาล พร้อมตั้งเครื่องขยายเสียง และมีการพูดเพื่อขับไล่ แพทย์หญิงเบญจวรรณ ไม้รอด แพทย์ประจำห้องตรวจโรคทั่วไปโรงพยาบาลอำเภองาว
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2552 ที่ผ่านมา นางสศิรส ผาสมุทร อายุ 33 ปี อสม.ประจำหมู่บ้าน ได้พานาง ยอด ศรีนวล ผู้เป็นแม่ เข้ามารับการตรวจรักษาร่างกาย เนื่องจากป่วยเป็นโรคเก๊าปวดที่ขาทั้ง 2 ข้าง แต่หลังจากยื่นบัตร ปรากฏว่าในขณะที่นางสศิรส เข็นรถที่ผู้เป็นแม่นั่งเข้าห้องตรวจ ปรากฏว่า แพทย์หญิง เบญจวรรณ ไม้รอดได้เห็นนางสศิรส สวมใส่เสื้อแดง จึงชี้หน้า พูดออกมาอย่างเสียงดังว่า ทำไม่ นางสศิรส ถึงใส่เสื้อสีแดงมา ซึ่งตนไม่ชอบกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเฉพาะ พ.ต.ท. ทักษิน ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย
จากนั้นแพทย์หญิงคนดังกล่าว ได้เขียนข้อความลงใบปะหน้าใบรับการตรวจรักษาว่า ขอให้ส่งผู้ป่วยรายนี้ไปพบแพทย์ท่านอื่น เนื่องจากทำใจตรวจคนใส่เสื้อสีแดงไม่ได้ หลังจากนั้นหลังได้รับใบส่งตัว นางสศิรส จึงพาแม่กลับบ้าน ก่อนจะปรึกษาหารือ กับญาติพี่น้อง ว่าจะเอาอย่างไรกับเรื่องที่เกิเดขึ้น จึงพากันมารวมตัวขับไล่แพทย์หญิงเบญจวรรณ ไม้รอด
นาย สมเจตต์ เปลื้องนุช นายอำเภองาว และนายแพทย์ ธนวัฒน์ วงศ์ชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ได้เข้ามาพบปะกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อรับทราบเหตุผลของการชุมนุม โดยเบื้องต้นทางกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ย้ายแพทย์หญิงออกนอกพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมง เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีหน้าที่รักษาคนไข้ และทำไมต้องแสดงความแบ่งแยก และให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบ และชี้แจงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้านนายแพทย์ ธนวัฒน์ วงศ์ชัยอุดมโชค ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอำเภองาวจังหวัดลำปาง กล่าวว่า ได้มีการพูดคุย และได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ในส่วนของแพทย์หญิงเบญจวรรณ ไม้รอดได้แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยินดีแก้ไขข้อบกพร่อง ซึ่งหากผิดจริงก็จะถูกสอบสวนและลงโทษทางวินัยและ ทางโรงพยาบาล ไม่ได้มีการแบ่งแยกคนไข้ คนไข้ก็คือคนไข้ที่ต้องได้รับการรักษาคนไข้ก็ต้องทำตามหน้าที่
ขณะนี้ได้รายงานให้ทาวงจังหงัดและผู้ใหญ่ทราบเรื่องแล้วและกำลังมีการดำเนินการอยู่ โดยทางราชการกำลังดำเนินการตรวจสอบตามระบบขอทางราชการ และจะไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบเพราะว่าเป็นบุคลากรของทางราชการ เบื้องต้นจากการสอบสวนของกรรมการตรวจสอบทราบว่า แพทย์หญิงเบญวรรณ นั้นอาอยุยังน้อย ตกใจ และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่อยากเหตุนี้เกิดขึ้น ที่ผ่านมาแพทย์หญิงเบญวรรณ ไม้รอดไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการรักษาคนไข้ ซึ่งทางนายอำเภองาว และผู้อำนวยการโรงพยาบาลงาว ได้เชิญตัวแทนของผู้ชุมนุมเข้าหารือถึงข้อสรุปในเรื่องนี้แล้ว หลังจากรับปากว่าจะย้ายแพทย์หญิงคนดังกล่าวออกจากพื้นที่ภายใน 3 วัน เพื่อยุติปัญหา ก่อนจะเจรจากันภายในห้องประชุมของโรงพยาบาลงาว เพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง






ในขณะที่พลเมืองเน็ตคนอื่นๆ รุมประนามอย่างรุนแรง ในกระทู้ ดูรูปกันชัดๆ!! พญ.เบญจวรรณ ไม้รอด ไม่รับรักษาเสื้อแดง เพราะเกลียดทักษิน

เวลา 12:50:02 ผู้ใช้นาม เวลาและวารี โพสต์ ในเวปบอร์ดห้องราชดำเนิน เวปไซต์พันทิพ โดยนำเสนอภาพเหตุการณ์การประท้วงของประชาชน ดังรายละเอียดในกระทู้ ขับไล่หมอ ทำใจไม่ได้ตรวจคนเสื้อแดง ลำปาง โดยมีพลเมืองเน็ตร่วมประนามจำนวนมาก


คลิ๊กขยายที่รูป



ผู้ใช้นาม Worstion ในกระทู้ดังกล่าวได้คัดคำสอนของ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์ไทย ดังนี้

เอามาให้อ่าน

สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
พระบิดาแห่งการแพทย์ไทย และพระบิดาแห่งการสังคมสงเคราะห์ได้สั่งสอนนักเรียนแพทย์ให้ยึดมั่นในอุดมคติ ดังนี้


"ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัวเป็นกิจที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง"


พรหมวิหาร ธรรมเป็นธรรมอันประเสริฐ เป็นธรรมเครื่องอยู่ของพรหม สำหรับผู้เป็นแพทย์ ทำให้แพทย์ผู้ปฏิบัติพรหมวิหารธรรมเสมอด้วย พรหม มี 4 ประการ คือ


1).เมตตา ความรักใคร่ ปราถนาดีอยากให้ผู้ป่วยมีความสุขมีจิตอันแผ่ไมตรีและคิดทำประโยชน์แก่ผู้ป่วยเสมอ


2).กรุณา ความสงสารใฝ่ใจอันปลดเปลื้องบำบัดความทุกข์ยากเดือดร้อนของผู้ป่วยที่กำลังได้รับอยู่ (Altruism)


3).มุทิตา มีความยินดีเมื่อผู้ป่วยอยู่ดีมีสุข


4).อุเบกขา ความวางใจเป็นกลาง มีจิตเรียบตรงดุจตราชั่ง ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง

__________________________________________________



ไอ้ บวรศักดิ์ นี่ก็ระยำไม่เลิก

ที่มา : วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552 มติชนออนไลน์

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ราชบัณฑิต เขียนบทความอีกครั้งโดยยืนยันว่าพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) วางระเบียบวิธีการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา พ.ศ.2457 ยังคงมีผลบังคับใช้ในปัจจุบัน หลังจากที่เขียนบทความ �การใช้สิทธิทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาตามกฎหมายและประเพณี� ปรากฏว่านายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรค พท. ออกทักท้วงว่า พ.ร.ฎ.ดังกล่าวถูกยกเลิกไปแล้ว

ศ.ดร.บวรศักดิ์ระบุว่า ต้องเขียนบทความเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องตามความเป็นจริง เพื่อไม่ให้การเมืองมาบิดเบือนความถูกต้อง โดยวิทยานิพนธ์ของคุณเพ็ญจันทร์ โชติบาล เรื่อง พระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษของพระมหากษัตริย์ไทย ระบุไว้ชัดเจนว่า หลักเกณฑ์และวิธีการใดๆ ในการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ตาม พ.ร.ฎ.วางระเบียบวิธีการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา พ.ศ.2457 เท่านั้นที่ถูกยกเลิกไป เพราะมีประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญากำหนดไว้แล้ว คุณเพ็ญจันทร์ไม่ได้ระบุไว้ในที่ใดว่า พ.ร.ฎ.ดังกล่าวถูกยกเลิกไปทั้งฉบับ

ศ. ดร.บวรศักดิ์ระบุว่า มีวิทยานิพนธ์อีกเล่มของคุณวรรธนวรรณ ประพัฒน์ทอง เรื่อง พระราชอำนาจในการพิจารณาฎีการ้องทุกข์ ยืนยันไว้ในหลายที่ว่า พ.ร.ฎ.วางระเบียบวิธีการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา พ.ศ.2457 ยังคงใช้บังคับอยู่ นอกจากนี้ยังระบุถึงกรณีฎีกานิสิต จุฬาฯ ไว้ ความดังนี้

"กรณีของฎีกานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ.2506 นั้น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีคำสั่งลงโทษนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ก่อเรื่อง วิวาทร้ายแรงระหว่างนิสิตต่างคณะ โดยการไล่ออกและพักการศึกษาครั้งนั้น เป็นเรื่องที่เป็นกรณีที่รุนแรงระหว่างนิสิตกับทางมหาวิทยาลัย ซึ่งในขณะนั้นนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งอธิการบดี ความรู้สึกที่ไม่ดีเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะก่อตัวเป็นความแตกร้าวระหว่าง ประชาชนกับรัฐบาล เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงดนตรีที่จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยในวันที่ 20 กันยายน ขณะที่เสด็จออกจากประตูพระตำหนักจิตรลดารโหฐานนั้น นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์จำนวน 9 คน ได้เข้ามาทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษแทบพระบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"

อ้างมีพระราชดำรัส"ต้องสำนึกผิดด้วย"

ในวิทยานิพนธ์ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระมหากรุณาธิคุณรับฎีกา และมีพระราชดำรัสว่า ในการที่จะถวายฎีกานั้น จะต้องมีความสำนึกผิดจริงๆ ทางใจด้วย ต้องยอมรับว่าที่ได้กระทำไปแล้วเป็นความผิดจริง จึงจะอภัยกันได้ มิใช่เป็นการถวายฎีกาแต่เพียงลายลักษณะอักษร

"เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปถึงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตามหมายกำหนดการ แล้ว มีพระราชดำรัสเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ที่ประชุมฟังเกี่ยวกับที่นิสิตทูล เกล้าฯ ถวายฎีกา และมีพระราชดำรัสว่า ฎีกานี้นิสิตทั้งหลายที่ถูกทำโทษเขียนมารับว่าทำผิดจริง การรับว่าทำผิดนี้แสดงว่าเขารู้ตัวว่าผิด คนเราทำผิดครั้งเดียวนับว่าเก่ง นิสิตพวกนี้ไม่เคยบอกว่าทำผิดมาก่อน การที่เขาทำผิดและฎีกามาบอกในวันนี้ จึงอยากจะให้อธิการบดีและคณาจารย์อภัยเขาเสีย เนื่องในงานวันนี้"

"ด้วยพระราชดำรัสดังกล่าวนี้เอง ทำให้อธิการบดีรับสนองพระราชประสงค์ และประกอบพิธีลดโทษนิสิตเหล่านั้น โดยให้ทุกคนปฏิญาณต่อหน้าอาจารย์ แล้วคืนสภาพแห่งความเป็นนิสิตอีกครั้ง"

__________________________________________



"ยงยศ"แฉมั่วเซ็นชื่อค้านฎีกา กำนัน-ผญบ.ลอกจากบัญชีเลือกตั้ง

วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11480 มติชนรายวัน

นายยงยศ แก้วเขียว นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กรณีคนเสื้อแดงร่วมล่ารายชื่อประชาชนทั้งประเทศยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ปรากฏว่าทางกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการผ่านนายอำเภอไปยังกำนันผู้ใหญ่บ้าน ขอความร่วมมือให้ประชาชนลงลายเซ็นเพื่อถอนรายชื่อและคัดค้านการถวายฎีกาดังกล่าว ซึ่งส่งผลกระทบทำให้กรรมการบริหารสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทยเกิดความขัดแย้งกัน เนื่องจากมีทั้งกลุ่มที่สนับสนุนและคัดค้านการดำเนินการเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะแกนนำของสมาคมในภาคเหนือและภาคอีสาน ล่าสุดยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าสมาคมจะเดินหน้าดำเนินการหรือมีข้อยุติในเรื่องดังกล่าวอย่างไร

"ได้รับแจ้งจากกำนันผู้ใหญ่บ้านบางพื้นที่ว่า เพื่อให้การล่ารายชื่อรวดเร็วทันใจ จึงได้ปลอมแปลงลายเซ็นของชาวบ้านที่ลอกมาจากบัญชีรายชื่อการเลือกตั้งส่งให้นายอำเภอ เพื่อไม่ให้มีปัญหากับฝ่ายปกครอง เนื่องจากขณะนี้กระทรวงมหาดไทยต้องการจำนวนตัวเลขไปเทียบเคียงกับรายชื่อถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยส่วนตัวมองว่าไม่มีประโยชน์ในการแข่งขันกันเรื่องตัวเลข เพราะไม่มีใครออกมายืนยันว่า การที่ประชาชนทั่วประเทศออกมาสนับสนุนและคัดค้านเป็นไปด้วยความสุจริตและเกิดจากความสมัครใจหรือไม่ วันนี้ยังไม่มีใครออกมาพิสูจน์ว่าลายเซ็นของกลุ่มที่ค้านและสนับสนุนเป็นของจริง ก่อนที่จะมีการถวายฎีกาให้กับสำนักพระราชวังในวันที่ 17 สิงหาคมนี้" นายยงยศกล่าว

ด้านนายชาตรี อยู่ประเสริฐ เลขาธิการสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย เผยกรณีที่ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า อปท.ร่วมมือกับคนเสื้อแดงไปจ้างวานประชาชนมาลงชื่อเพื่อร่วมถวายฎีกานั้นว่า ขอให้ไปทบทวนคำพูดเสียใหม่ อปท.ไม่มีพฤติกรรมแบบนั้น ขณะที่กระทรวงมหาดไทยเองก็มาร้องขอให้ อปท.ช่วยทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ซึ่งแทนที่ อปท.จะได้ความดีจากรัฐบาล ยังกลับมาถูกรัฐบาลโยนบาปให้อีก


_________________________________________



ถึงพวกมึงขี้ข้าอำมาตย์เผด็จการ

เล่นกันไม่เลิกจะเอากันให้ตาย ทั้ง ไอ้ อี หน้าเหี้ย หน้าหอย หน้าหมี ขี้ข้าเผด็จการอำมาตย์ชั่ว เสนอหน้ากันออกมาค้านการถวายฎีกา นี่พวกมันเลวโดนสันดานของจริงเลยนะ เหตุผลต้องด่าแรงกันแบบนี้เพราะมันสุดจะทนแล้ว พวกมึงทั้งนั้นที่เป็นต้นตอปัญหาทั้งปวงเพราะความอิจฉาโลภไม่รู้จักพอ ไม่มองเห็นค่าคนจนอย่างพวกกู แต่ตอนนี้ก็เห้นแล้วไม่เพียงคนจน มีคนรวยที่มีคุณธรรมมากมายที่เข้าใจและเห็นด้วย ความรู้มึงมันวิเศษกว่าคนเสื้อแดงที่เรียนและจบมาจากที่เดียวกับพวกมึงแค่ไหน ทำไมมึงถึงออกมาค้านทุกเรื่อง ถ้าพันธมิตร หรือ พวกเสื้อน้ำเงินออกมามากขนาดนี้พวกมึงคง กระหยิ่มสินะ ไอ้ อี พวกจัญไร พวกมึงทั้งนั้นที่ อ้างและทำกันทุกเรื่องมันแตกแยก เมื่อคนเสื้อแดงเขาไม่ได้รับความเป็นธรรมพึ่งใครไม่ได้ ไม่เสือกมาอ้างหรอกว่าหมิ่น ศาลนั่น ศาลนี่ เพราะนั่นก็คนที่มันไม่ฟังคนอีกส่วนที่เรียนจบมาจากที่เดียวกันเหมือนกัน แต่ เอะอะ ก็คนเสื้อแดงทำไม่ถูก ไม่ควร แล้วพวกมึงล่ะ สาระเลวยิ่งกว่าคนเสื้อแดงอีกในการอ้างเบื้องสูง คนเสื้อแดงน่ะ หวังพึ่งพระบารมี ร้องทุกข์ขอความเมตตา กับสิ่งที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่มิได้กำหนดว่าพระอค์ท่านจะ ต้องทำตาม คำร้องขอ ของคนเสื้อแดงเลย นั่นคือการแสดงความจงรักภักดีเทิดทูลไว้เหนือสิ่งใดแล้ว แล้วพวกที่แกล้งโง่เพียงเพื่อต้องการอำนาจที่ได้มาไม่ถูกต้อง และมานั่งบริหารบ้านเมืองให้ล่มจมอยู่ทุกวัน ใช้งบ กี่พันล้านแล้วที่เอาไปประชาสัมพันธ์ สร้างภาพของพวกมึง แลฃะเอาไปใช้สร้างความแตกแยกใส่ร้ายคนเสื้อแดง แทนที่มึงจะเอาเงินเหล่านั้นไปช่วยชาวบ้านที่ยากจนจริง พวกมึงก็ไม่ทำ ข้าว ข้าวโพด และพืชผลไม้ต่างๆ ราคาตกต่ำ มึงก็ไม่เคยยื่นมือช่วยดีแต่พูด แต่จ้องแต่จะขัดขวางคนเสื้อแดง พวกมึงเป็น เหี้ย อะไรกันนักหนา ทำไมซึมซับ ความชั่วช้า สาระเลว ใจทราม ไว้มากมายกันขนาดนี้ พวกมึงยิ่งกระทำเรื่องเลวกลั่นแกล้งใส่ร้ายต่อคนเสื้อแดง คนเสื้อแดงก็จะยิ่งมากขึ้น มากขึ้น มากขึ้นๆๆ จน เต็มแผ่นดินและอาจจะมากจน เหยียบพวกมึง จม ธรณี

เคยสำนึกกันใส่กระโหลกบ้างไหม ใครที่ทำไร่นา ปลูกข้าวให้พวกมึงแดก ก็คนจนอย่างพวกกูไง ที่ทำมาตลอด น้ำหน้าอย่างพวกมึงมีปัญญาเหรอ
แต่จะค้าขายบ้าง ได้ราคาแสนถูกทั้งที่พวกกูทุกยากลำบากน้ำตาปนเม็ดเหงื่อ แต่พวกมึงขึ้นภาษีหาแดก กู้เงินมาผลาญให้พวกกูเป็นหนี้ด้วย ดูแลแย่ๆเอาเปรียบมองข้ามพวกกูแบบนี้ พวกมึงอย่าแดกข้าวเลย ไปแดกขี้แลยดีกว่า เสียดายข้าวว่ะ

วันเสาร์, สิงหาคม 15, 2552

29 ปลัดก้าวล่วงพระราชอำนาจ คัดค้านการถวายฎีกาของคนเสื้อแดง

รวมข่าวสารออนไลน์

[14825522252141[1].jpg]


การออกแถลงการ สั่งสอน แสดงความคิดแทนพระองค์ท่าน คือการก้าวล่วงพระราชอำนาจอย่างรุนแรง ไม่รู้จักที่ตำ่ที่สูง

ข้าราชการระดับปลัดกระทรวงและเทียบเท่าปลัดกระทรวงผู้มีนามท้ายหนังสือคัดค้านการถวายฎีกาของประชาชน ประกอบด้วย

1.นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
2.นายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
3. นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
4. นายจรัลธาดา กรรณสูต ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
5. นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
6. นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
7. นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน
8. นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์
9.นายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย
10. นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม
11. นายปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
12. นายดำริ สุโขธนัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
13.นายสมชาย ชุ่มรัตน์ ปลัดกระทรวงแรงงาน
14. นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม
15. นางสาวสุจินดา โชติพานิช ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
16. นายชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ

17. นายธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา
18. คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
19. นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา
20. นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
21. นายปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
22. นายดำริ สุโขธนัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

23. นายอดุลย์ กอวัฒนา ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
24. นายบัณฑูร สุภัควณิช ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
25. นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
26. คุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
27. นายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการ ก.พ.
28. นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร.
29. นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ
30. พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
31. นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร

ความเคลื่อนไหวต่อต้านการถวายฎีกาของพระราชทานอภัยโทษให้กับ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่โดนรัฐประหารไปเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549และถูกคำตัดสินจากคณะตุลาการศาลฎีกา แผนกคดีนักการเมืองตัดสินจำคุก 2 ปีในข้อหาลงนามให้ภรรยาซื้อที่ดิน ของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ร่วมลงชื่อกว่า 5 ล้านรายชื่อและกำหนดนัดหมายกับสำนักราชเลขาพระราชวังในวันที่ 17 สิงหาคม เพื่อจะยื่นฎีกา
บรรดาฝ่ายที่ประกาศตนว่าเป็นศัตรูทางการเมืองของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ได้ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการถวายฎีกาครั้งนี้ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่า ขัดขวางกันทุกรูปแบบ มีทั้งหลอกลวง ข่มขู่ คุกคาม สารพัด
[73821706[1].jpg]

อย่ายอมให้พวกอำมาตย์ชั่วมันสูบเลือดกินเนื้อพวกเราอีกเลย อย่านอนรอความตายอยู่กับบ้าน ถ้ามีรัฐประหารคราวนี้ เราก็จะมีสภาพดังที่เห็น

คลังบทความของบล็อก