ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันเสาร์, สิงหาคม 29, 2552

คลิปลับกับการตายของพลทหาร

..........................................................................


.......ะจากที่มาเว็บบอร์ดประชาไทที่ มีเรื่องที่น่าสนใจน่าคิดแต่เราก็ต้องค่อยๆติดตามอย่างตั้งสติ กระผมจึงพยามไม่พูดอะไรเพิ่มมากนอกจากนำเรื่องที่ได้อ่านเจอและมีครที่มีความสงสัยและคล้ายและยังคาใจมาให้ท่านได้ลองอ่านและคิดกันดู.........



คลิปลับกับการตายของพลทหาร..หนังสั้น

โดย : สารวัตร ปักษ์ใต้ จากบอร์ดประชาไท


พี่ๆ เพื่อนๆ ช่วยวิจารณ์หนังสั้นเรื่องนี้ให้ผมหน่อยครับ น่าทำส่งประกวด เรื่องมีอยู่ว่า

เด็กหนุ่มคนนึงโดนเกณฑ์ไปเป็นพลทหารทั้งที่ไม่อยากไป ได้ไปอยู่บ้านนายทหารชั้นผู้ใหญ่ท่านนึงในฐานะพลทหารรับใช้ วันนึงได้เห็นว่ามีนายใหญ่มากๆ ของเจ้านายตัวเอง มาเยี่ยมที่บ้านพักของเจ้านายพร้อมแม่ทัพแขนเป๋ๆ คู่ใจ มานอนพักแรมค้างคืนทั้งๆที่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ตัวเองก็ไปเสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟท่า ตามประสาเด็กรับใช้ ดันไปได้ยินเรื่องไม่ดีที่เขากำลังปรึกษากันเข้า อารามตกใจและเป็นห่วงเพื่อนพ้องน้องพี่ทางบ้านเลยโทรไปเล่าให้ภรรยาฟังที่บ้านฟัง ด้วยเทคโนโลยี่ทีมีอยู่อันจำกัด จึงบอกภรรยาให้เอาโทรศัพท์อัดเสียงการสนทนานั้นไว้ ภรรยาจึงใช้ฟังก์ชั่นบันทึกเสียงของโทรศัพท์บันทึกไว้ ดันมีคนมาจะเอ๋เข้า "เฮ้ย นั่นมึงทำอะไรของมึง" พลทหารตกใจละล่ำละลักตอบ "ป่าว ป่าว ป่าวครับพี่ผมแค่จะโทรกลับบ้านหาแม่เท่านั้น" เสียงตอบดังกลับมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว "มึงมาโทรอะไรที่นี่ ตอนนี้ ไอ้สัส!!มึงแอบฟังหรือ ตายซะเถอะมึง" ชายคนนั้นจึงทุบพลหทารหนุ่มรายนั้นด้วยพานท้ายปืนเอ็ม.16เข้าที่ศรีษะ เสียงเอะอะโวยวาย ทำให้คนออกมาดู "เกิดอะไรขึ้นวะ" "ก็ไอ้สัสนี่ มันแอบฟังที่นายคุยกัน อ้างว่าโทรหาแม่" "เฮ้ย!! เอามันไปขังไว้ในห้องนอนก่อน เดี๋ยวนายใหญ่รู้เข้ามันไม่ดี" พอเอาไปขัง พลทหารหนุ่มนั่นดันปวดหัว กินยาแก้ปวดเข้าไป เลยไม่ฟื้น พลทหารคนนั้นเสียชีวิตในเวลาต่อมาเป็นเรื่องราวใหญ่โต ผลชัณสูตรบอกว่าเสียชีวิตจากการกระแทกกับของแข็ง แต่ดันมีทหารไปค้นบ้านภรรยาผู้ตายเฉยเลย ไปหาหอกอะไรก็ไม่ทราบได้

ต่อมาไม่นานมีการเปิดประเด็นคลิปลับอ้างว่าเป็นเสียงนายใหญ่มากๆคนนั้น ในวันนั้น ในการสั่งการไม่ดีอย่างนึง คนที่ได้มาก็อ้างว่าได้มาจากชายนิรนามสวมกางเกงสีเขียวขี้ม้าเอามามอบให้ ทั้งเจ้าตัวนายใหญ่มากๆเอง ทั้งคนรอบข้าง ทั้งลูกหาบ ก็อ้างว่าคลิปปลอม มีการตัดต่อ แต่ต้องคำนึงด้วยว่า เทคโนโลยี่การบันทึกเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือ จะให้มันชัดได้ขนาดไหน การบันทึกเสียงระยะไกล (ไม่ติดกับปาก) ด้วยไมค์แบบตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ก็ทำให้เสียงที่บันทึกได้ดูเหมือนว่ามีการตัดต่อเกิดขึ้นได้ เหมือนกัน ใช่ไหม?

เนื้อเรื่องเป็นไงครับ น่าทำเป็นหนังสั้นส่งประกวดดีไหม ต้องนี้ยังคิดพล็อตเรื่องตอนจบยังไม่ได้เลย ใครเก่งกว่าผม ฉลาดกว่าผมก็ขอความกรุณาด้วยนะครับ เอาให้สมบูรณ์เสียที คิดยังไง ก็คิดไม่ออก


...........อ่านแล้วผมเองถึงกับอึ้งครับ เพราะมีคนที่ทิ้งประเด็นในกระทู้นี้ไว้ให้น่าคิดในกระทู้นี้ สิ่งมีเหตุมีผลมากกว่าจะเป็นการพูดหรือเขียนด้วยความคนองสะใจแต่อะไรจะเป็นไปในทิศทางใด จะดีแน่ถ้าผู้เกี่ยวข้องที่ถูกกล่าวอ้างถึงมีคุณธรรมและทบทวนการกระทำของตนเอง ลองดูเนื้อหาที่เขาทิ้งไว้น่าสนใจมากครับ......

อย่าลืม หมอ ชันสูตรที่พยายามออกมาแถลงว่าคลิปมีการตัดต่อด้วย

ทั้งที่เป็นหมอแต่ต้องเก่งเรื่องเสียงไม่งั้นมันจะขัดกับเรื่องชันสูตร

ที่เคยแถลงถึงสาเหตุการตายของพลทหารไปตอนแรก

ปล.ให้เชื่อมอีกเรื่องหนังจะสนุกมาก คือมีการจำลองวิธีล้มจนเกิดบาดแผลดังกล่าวไม่ได้

เลยไม่ให้มีการเสนอข่าวภาพห้องน้ำที่เกิดเหตุ......
โพสต์โดย : หน้าใหม่

.........เราต้องย้อนดูบางส่วนเพื่อให้เข้าใจกับเหตุการณ์ที่กำลังเป็นข่าวครับ ว่าเพราะอะไรจึงมีคนออกมาพูดถึงกันมากมาย เพื่อที่จะได้เข้าใจและมองเห็นภาพที่เกิดขึ้น......

@ รพ.พระมงกุฎฯแจงปม"คอหัก"

พ.อ.พีระพล ปกป้อง โฆษกโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กล่าวว่า โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ รับแจ้งเหตุว่ามีผู้ป่วยที่บ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 เมื่อเวลา 08.15 น. วันที่ 15 เมษายน โดยรถพยาบาลฉุกเฉินไปถึงที่เกิดเหตุ เวลา 08.30 น. พบพลทหารอภินพ เครือสุข นอนหมดสติที่ พื้นห้อง แพทย์ประจำรถพยาบาลฉุกเฉินตรวจร่างกายเบื้องต้น พบว่าผู้ป่วยไม่หายใจ ม่านตาขยาย จึงช่วยชีวิตด้วยการนวดหัวใจ และนำส่งถึงโรงพยาบาลภายในเวลา 10 นาที แล้วนำเข้าห้องฉุกเฉินทันที โดยปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยจนกระทั่งถึงเวลา 09.10 น. ผู้ป่วยไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง จึงหยุดปั๊มหัวใจ

"มาร์ค"ตอบกระทู้พลทหารตาย

วันเดียวกัน ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดเรื่องการเสียชีวิตของพลทหารอภินพ เครือสุข ในบ้านพัก พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ถามต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ

นายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่า ได้รับรายงานว่าพลทหารอภินพส่งข้อความถึงแฟน เวลา 9 โมง วันที่ 13 เมษายน จากนั้นวันที่ 14 เมษายนมีการรายงานว่าลื่นล้มในห้องน้ำ ได้รับแรงกระแทก คงหมดสติไปพักหนึ่ง และคืนสติขึ้นมา ก็โทร.หาแฟนสาวและเพื่อน จากนั้นไปซื้อยาแล้วนอน ต่อมาทุกคนพบความผิดปกติช่วงเช้าวันถัดมา ซึ่งก็ไม่ทันการณ์ และทราบว่าไปที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และโรงพยาบาลรามาธิบดี สาเหตุมาจากกระดูกต้นคอหักและมีเลือดออกในเยื่อหุ้มสมอง หลังจากนั้นมีข้อสงสัยว่าลื่นล้มจริงหรือไม่ สุดท้ายผลการชันศูตรของโรงพยาบาลศิริราชก็เป็นไปตามผลตอนแรก


"หมอพรทิพย์"ช่วยป้อนข้อมูล


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่นายกฯจะตอบกระทู้ ปรากฏว่า พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าพบนายกฯที่ด้านหลังบัลลังก์ห้องประชุมสภา เพื่อตรวจดูข้อมูลพยานหลักฐานเกี่ยวกับการชันสูตรศพพลทหารอภินพ จากโรงพยาบาลรามาธิบดี คำให้การของญาติผู้เสียชีวิตที่ให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ คำให้การของเพื่อนพลทหาร จากทั้งหมดแล้วก็สรุปว่าน่าจะเป็นการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ไม่ใช่ฆาตกรรม


นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล (กลาง) ร่วมกับคณะแพทย์ แถลงผลการผ่าชันสูตรศพพลทหารอภินพ เครือสุข
คณะแพทย์ศิริราชสรุปเบื้องต้นผลการผ่าชันสูตรพลิกศพ พลทหาร อภินพ เครือสุข อายุ 22 ปี ทหารเกณฑ์ที่เสียชีวิตภายในบ้านพักกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ของ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เกิดจากกะโหลกศีรษะแตกเป็นรอยยาว โดยต้องมีของแข็งมากระทบ หรือผู้ตายไปกระทบของแข็ง รอผลตรวจชิ้นเนื้ออีก 7 วัน หาสาเหตุแน่ชัด ทั้งนี้ ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล แถลงเมื่อวลา 13.30 น. วันที่ 27 เมษายน ที่โรงพยาบาล (รพ.) ศิริราช ว่า "คณะแพทย์สรุปเบื้องต้นว่า สาเหตุที่ทำให้พลฯ อภินพ เสียชีวิต เกิดจากกะโหลกศีรษะแตกเป็นรอยยาว มีเลือดออกเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นหนาที่ยังคงค้างอยู่และเลือดกดเนื้อสมองเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตดังกล่าว

พลทหาร ดับ ขอ 7 วันสรุปสาเหตุการตาย

รพ.ศิริราช รอง ศาสตราจารย์ นายแพทย์วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ หัวหน้าภาควิชานิติเวช โรงพยาบาลศิริราช แถลงข่าวผลการผ่าพิสูจน์ศพพลทหารอภินพ เครือสุข อายุ 22 ปี ว่า สาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นพบว่า บริเวณลำคอด้านหลังซ้าย ฐานกระโหลกศีรษะด้านซ้ายส่วนหลังมีรอยแตกร้าว ฐานกระโหลกศีรษะซ้ายส่วนหลังใกล้ช่องไขสันหลังมีรอยร้าวต่อเนื่องยาวประมาณ 6-7 เซนติเมตร พบเลือดออกเหนือเยื่อหุ้มไขสันหลังส่วนคอ เนื้อสมองกลีบซ้ายส่วนหลังมีรอยกดยุบเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นหนา หลังจากนี้จะต้ดชิ้นเนื้อเยื่อ บริเวณ คอ แขน ขา กระดูก เพื่อมาหาผลตรวจอย่างละเอียดต่อไป
ส่วนสาเหตุเกิดจากการถูกตีหรือลื่นล้มนั้นเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง แต่ถ้าถูกของแข็งกระแทกก็ต้องโดนอย่างแรง หากลื่นล้มก็ต้องรุนแรง ทั้งนี้ต้องตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ตำแหน่งในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะต้องสืบหาข้อเท็จจริง ส่วนเวลาที่เสียชวิตหลังจากกระแทกของแข็งก็ต้องขึ้นกับปริมาณของเลือดที่ซึม ออกมาว่ามากหรือน้อย หากเลือดออกมากอาจจะเพียงแค่ 1 ชั่วโมงก็เสียชีวิต แต่หากเลือดค่อยๆซึมออกมา กว่าจะเสียชีวิตก็อาจข้ามวัน

........ที่เดียวกันแต่คำตอบจากหมอไม่ค่อยจะไปในทางเดียวกันเท่าไหร่........



พรรคเพื่อไทย พร้อมนางศิริมนต์ มาเพ็ชร มารดาพลฯอภินพ เครือสุข แถลงข่าวสงสัยการเสียชีวิตของพลฯอภินพ ที่พรรคเพื่อไทย

เมื่อวันที่ 28 เมษายน พร้อมโชว์ข้อความสั้น ที่พลฯอภินพส่งถึงแฟนสาวก่อนเสียชีวิต ความว่า

"เมื่อคืนนายกมานอนบ้านแม่ทัพด้วย วันนี้ความคิดถึงกำลังก่อตัวเป็นก้อนเมฆ เพื่อจะลอยไปหาที่รัก LOVE เหมียวที่สุดในโลก ความรักที่ให้ทุกวันมั่นคงเหมือนดวงจันทร์ส่องแสงตลอดทั้งคืน"

เรื่องราวเกี่ยวข้องที่หลายคนกำลังค้นหาอย่างน่าสงสัย

http://www.shaowdin.blogspot.com/2009_04_01_archive.html

(และอีกหนึ่งม่านมี่ลงความเห็นไว้)

mom ขอบอกก่อนว่า เคยทำงานวงใน..ใกล้ชิดคนมีสี
(แต่ขอไม่ระบุว่าสีอะไรค่ะ)


เพื่อนในค่ายฯ นั้นบอกว่าช่วงเวลา ที่ผ่านมา
วิญญาณเฮี้ยน..ด้วยแรงอาฆาต
คนงานหนีกระเจิง...
สุนัข เห่าหอน...
.
.นายใหญ่..เจ้าของบ้านยังไม่กล้าเข้าพัก
.
.
ไม่ต่างจากบ้านเกษะโกมล....ที่ บังสนธิ 3เมีย
ไม่กล้าพักนั้นหล่ะ

ทั้งนี้ทั้งนั้นอยากให้ทุกฝ่ายใช้วิจารณญาณในการรับฟังให้แน่ใจก่อนที่จะเปิดโปงความชั่วของนายกคนนี้กันต่อไป ....โดย : mom

เรื่องเล่าเกี่ยวกับความตายของ “พลทหารอภินพ” และการสั่งฆ่า “สนธิ ลิ้มทองกุล”

มีข้อเท็จจริงหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในสังคมไทยซึ่งเป็นเรื่องซีเรียสมากที่สุดที่จะต้องพิสูจน์ให้สังคมรับรู้ตรงกัน เช่น กรณีการสวรรคตของพระเจ้าตากสิน และกรณีสวรรคตของรัชกาลที่ 8 แต่สังคมไทยก็มีสิทธิ์ได้รับรู้เพียง “เรื่องเล่า” หรือ “นิยาย” เกี่ยวกับข้อเท็จจริงของเรื่องดังกล่าวเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ได้รับรู้ “ข้อเท็จจริงที่ผ่านการพิสูจน์” อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการและหลักกฎหมายจริงๆ
ตัวอย่างที่ยกมา อาจมองได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคที่สังคมยังไม่มีการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย หรือเป็นระบอบประชาธิปไตยที่เพิ่งคลอด เสรีภาพของสื่อมวลชน เทคโนโลยีการสื่อสาร ความตื่นตัวในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร การใส่ใจในปัญหาบ้านเมืองของประชาชนยังไม่ก้าวหน้าเหมือนยุคปัจจุบัน
แต่ทำไมในยุคปัจจุบันที่เราดูเหมือนจะเชื่อกันว่า ประชาธิปไตย เสรีภาพของสื่อ เทคโนโลยีการสื่อสารก้าวหน้ากว่ายุคซึ่งยกตัวอย่างมามากแล้วนั้น สังคมจึงยังคงมีสิทธิ์แค่เพียงรับฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่จำเป็นต้องพิสูจน์ให้รับรู้ร่วมกัน เช่น เรื่องเล่าเกี่ยวกับความตายของ พลทหารอภินพ เครือสุข ทหารเกณฑ์ชาวจังหวัดเลย ที่มาเป็นทหารรับใช้ในบ้านพักของแม่ทัพภาคที่ 1 แล้วเสียชีวิตลงอย่างมีเงื่อนงำในช่วงเวลา (ไล่เลี่ยกับ) ที่ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปอาศัยบ้านพักดังกล่าวเพื่อหลบมวลชนเสื้อแดง ซึ่งสุดท้ายแล้ว สังคมก็ได้รับทราบเพียงเรื่องเล่าที่ว่า
“ต้องมีของแข็งมากระทบ หรือผู้ตายไปกระทบของแข็ง แต่ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดในขณะนี้ ซึ่งกะโหลกบริเวณดังกล่าว เป็นการแตกร้าวเป็นรอยยาวแบบครั้งเดียว ซึ่งการกระทบที่ทำให้กะโหลกแตกได้นั้นถือว่าเป็นการกระทบที่ค่อนข้างรุนแรงพอสมควร เพราะหากไม่รุนแรงก็จะไม่ทำให้กะโหลกศีรษะแตกได้ขนาดนี้ แต่ต้องดูในข้อเท็จจริงด้วยว่าตำแหน่งและสภาพของการถูกกระทบกระแทกเป็นอย่างไร ซึ่งแพทย์ตอบไม่ได้ อาจจะต้องอาศัยพนักงานสอบสวนไปดูในที่เกิดเหตุว่าที่เกิดเหตุมีลักษณะเป็นอย่างไร เบื้องต้นแพทย์รู้เพียงว่าศีรษะบริเวณนั้นมีการกระทบกระแทกกับของแข็งเท่านั้นเอง”
(คำให้สัมภาษณ์ของ รศ.นพ.วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ ประธานคณะกรรมการตรวจศพ มติชนออนไลน์, 27 เมษายน พ.ศ. 2552)
อีกกรณีหนึ่งคือเหตุการณ์ใช้อาวุธสงครามยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ในช่วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งต่อมามีการพิสูจน์ทราบว่ากระสุนที่ใช้ยิงเป็นกระสุนที่มาจากกองพลทหารราบที่ 9 แต่ใครคือผู้สั่งยิงหรือจ้างวานฆ่า ยังคงเป็นนิยายอยู่ต่อไป เช่น นิยายจากตำรวจ
“อุปสรรคการทำคดีนี้ คือ พนักงานสืบสวนสอบสวนที่ทำคดีถูกข่มขู่ในหลายรูปแบบไม่ให้ทำคดีนี้ แต่ตนไม่ได้ถามว่าถูกข่มขู่อย่างไรบ้าง ทำให้เรื่องนี้เป็นเหตุให้การทำคดีนายสนธิล่าช้าไป แต่ก็ยืนยันว่าจะทำคดีให้เสร็จก่อนเกษียณอายุราชการ”
(คำให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์,ASTVผู้จัดการออนไลน์,23 มิ.ย.52)
และนิยายจาก นายสันธิ ลิ้มทองกุล
“ช่วงนี้ก็ไปปล่อยข่าวลือว่า ผมถูกสั่งยิงโดยฟ้า แล้วเขาก็ไม่รู้ว่า ทางข้างบนก็รู้ว่านี่คือข่าวลือที่ปล่อยออกมา ใครปล่อยเขาก็รู้ เขาบอกว่าปล่อยผ่านพระองค์หนึ่งแถวยานนาวา พระองค์นั้นท่านก็ฉุนว่าเอาท่านไปเกี่ยวข้องอะไร ท่านก็โทร.ไปรายงานฟ้าเหมือนกันว่าท่านไม่เกี่ยวข้อง แล้วบอกด้วยว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวลือ นี่คือความทุกข์ มันปิดไม่มิดหรอก เอามือปิดฟ้าได้ยังไง”
(คำให้สัมภาษณ์ของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล,ASTVผู้จัดการออนไลน์,23 มิ.ย.52)
ที่ว่าตัวอย่างที่ยกมานี้เป็น “เรื่องเล่า” หรือเป็น “นิยาย” เกี่ยวกับ “ข้อเท็จจริง” ก็เพราะว่า คำบอกเล่าต่างๆนั้นมันไม่ได้เป็นการพิสูจน์ให้สังคมเห็นร่วมกันว่า “ข้อเท็จจริง” ของการตายของพลฯอภินพคือการถูกฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ และมันไม่ได้บอกข้อเท็จจริงว่าการสืบคดีนายสนธิใครเป็นคนขู่ หรือคนระดับไหนกันแน่เป็นคนขู่ หรือว่าฟ้า ใคร หรือคนระดับไหนกันแน่ที่สั่งฆ่านายสนธิ
อย่างไรก็ตาม เรื่องเล่าเกี่ยวกับข้อเท็จจริงดังกล่าวแม้มันจะไม่ทำให้สังคมรู้ข้อเท็จจริงของสิ่งที่มันพูดถึง แต่มันกลับยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพสังคมไทยต่อไปนี้อย่างจะจะชัดจนยิ่ง เช่น.-
1. สังคมไทยแม้จะเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยมาตั้งแต่ 24 มิถุนายน 2475 แล้ว แต่ยังเป็นสังคมที่มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์แบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ดำรงอยู่อย่างมั่นคง และข้อเท็จจริงที่ซีเรียสมากๆที่สังคมจำเป็นต้องรับรู้หากน่าจะเกี่ยวข้องหรือน่าจะกระทบต่อความมั่นคงของอำนาจดังกล่าว สังคมก็จะมีสิทธิ์รับรู้ได้เพียงเรื่องเล่าหรือนิยายเกี่ยวกับข้อเท็จจริงนั้นเท่านั้น (เช่น กรณีสวรรคตของพระเจ้าตากสิน และ ร.8 เป็นต้น)
2. สังคมไทยมี “ส่วนขยาย” ของอำนาจศักดิ์สิทธิ์ คือกองทัพ ส่วนขยายนี้มีบทบาททั้งปกป้องอำนาจศักดิ์สิทธิ์นั้น ทั้งอ้างอิงอำนาจศักดิ์สิทธิ์นั้นเพื่อทำให้ส่วนขยายนั้นเองก็มีอำนาจที่ใครๆไม่กล้าหรือกลัวที่จะแตะต้อง คัดง้าง หรือแม้แต่จะตรวจสอบ ทวงถาม ความโปร่งใส ความเป็นธรรมอย่างตรงไปตรงมา หรือข้อเท็จจริงที่ซีเรียสมากๆที่สังคมต้องรับรู้ (เช่นการเสียชีวิตของพลทหาร ฯลฯ) ถ้ามันน่าจะเกี่ยวข้องหรือน่าจะกระทบต่อความมั่นคงของส่วนขยายของอำนาจศักดิ์สิทธิ์นี้ สังคมก็จะมีสิทธิ์รับรู้ได้เพียงเรื่องเล่าหรือนิยายเกี่ยวกับข้อเท็จจริงนั้นเท่านั้น เช่นกัน
3. สถาบันที่ควรเป็นที่พึ่งของสังคมในการเปิดเผยข้อเท็จจริงและทำให้เกิดความยุติธรรม เช่น สื่อมวลชน ตำรวจ ฯลฯ เมื่อต้องเผชิญกับอำนาจดังกล่าวก็จะตกอยู่ในสภาพ “เจอตอ” ทำอะไรต่อไม่ได้ มันเหมือนรู้ทั้งรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่สร้างเรื่องเล่าหรือนิยายเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ไม่ได้พิสูจน์ ปล่อยให้สังคมตีความกันไปต่างๆนานา
คำถามคือ สังคมควรจะร่วมกันคิดหาวิธีการอย่างไรที่จะทำให้สิ่งที่เรียกว่า “ระบอบประชาธิปไตย” “เสรีภาพของสื่อ” “ความเที่ยงตรงของกระบวนการยุติธรรม” “ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสาร” สามารถจัดการกับ “ข้อเท็จจริงที่ซีเรียสๆ” ทั้งหลาย ได้เข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ให้สังคมรับรู้ตามหลักวิชาการและหลักนิติธรรมได้จริงๆ ไม่ว่าจะเจอตอเล็ก ตอใหญ่ขนาดไหนก็ตาม!

_



Abhisits voice.mp3 -

จตุพรซัดบิ๊กสีเขียว ปูดคลิปมาร์ค ยันไปทำเนียบฯ

ฉบับเต็มเนื้อหาร้ายแรงกว่านี้

โพสต์โดย : ICT เว็บบอร์ดประชาไท

จตุพรแถลงประเด็นนี้ที่สภาฯ เมื่อเวลา 13.00 น. 28 ส.ค.52
“คนที่ควรระวังมากที่สุด ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง แต่เป็นพรรคพวกของนายอภิสิทธิ์เอง ที่อาจจะเกิดความไม่พอใจ เพราะสองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ มีรองนายกรัฐมนตรีรายหนึ่งไปพูดกับทหารว่า จะเปลี่ยนตัว รมว.กลาโหม จะดึง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร มานั่งแทน จึงน่าจะนำมาซึ่งความไม่พอใจในหมู่คนที่เคยร่วมกันทำให้นายอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

ผมขอสนับสนุนให้มีการพิสูจน์ ตามสายข่าวที่ผมได้รับทราบข้อมูลมา ก็อยากให้นายอภิสิทธิ์ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เอาเทปที่บันทึกการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และผบ.เหล่าทัพ ที่กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ในห้องยุทธการ ในคืนวันที่ 12 เม.ย. ออกมาพิสูจน์

นายอภิสิทธิ์จะรู้หรือไม่ว่า ได้มีการบันทึกเสียงไว้ แต่เท่าที่ผมทราบมีการดูดเสียงบางตอนออก ฉบับเต็มเนื้อหาร้ายแรงกว่านี้ โดยเป็นการมอบหมายให้แต่ละคนไปทำอะไรบ้าง ดังนั้นนายอภิสิทธิ์ควรจะเรียกเอาเทปนั้นออกมาดู จะได้รู้ว่าคำพูดในคลิปตรงกับที่ตัวเองพูดไว้หรือไม่

นายกรัฐมนตรีควรใช้ความสามารถที่ตัวเองมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยข่าวกรอง สภาความมั่นคงแห่งชาติ มาตรวจสอบในเรื่องนี้ ไม่ใช่ออกมาโยนขี้ให้คนอื่น อย่างพรรคเพื่อไทยจะมีปัญญาไปนำเสียงในห้องประชุมออกมาได้อย่างไร คนที่บันทึกเสียงได้ก็คือทหารเท่านั้น ซึ่งทราบมาว่าขณะนี้ทางบริษัทเอสซีแอสเซท ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนตัดต่อเทปเสียง รวมถึงพรรคเพื่อไทย กำลังจะดำเนินการฟ้องร้องเอาผิดผู้กล่าวหา

ผมขอชี้ทางสว่างให้นายอภิสิทธิ์ว่า ในวอร์รูมคนที่จะจัดการมาร์ค มีการพูดกันถึงยุทธการ ดับแดง-ล้มรัฐบาล-บริหารเอง แม้พวกผมจะไม่ชอบนายอภิสิทธิ์ แต่ก็อยากให้ไปด้วยประชาธิปไตย ไม่ใช่รถถัง ดังนั้นถ้าจะมีเหตุการณ์ในวันที่ 30 สิงหาฯ นี้ ก็ไม่ใช่มาจากคนเสื้อแดง แต่มาจากคนกลุ่มดังกล่าว ซึ่งนายอภิสิทธิ์จะต้องไปตรวจสอบเอาเอง เรื่องคลิป สื่อก็จะเห็นว่าผมให้ความเป็นธรรม และผมก็ไม่ได้ถลำในเรื่องนี้ สาเหตุเชื่อว่านายอภิสิทธิ์คงจะไปย่ำยีหัวใจเขา เขาเลยใช้เทปนี้มาปล่อยในช่วงที่คนเสื้อแดงจะชุมนุม

ผมได้ พยายามสืบเสาะหาความจริง ต้องยอมรับความจริงว่า ทหารจำนวนมากก็ไม่เห็นด้วยกับการที่ทหารแทรกแซงการเมือง เหมือนกรณีพลทหารอภินพ เครือสุข พลทหารรับใช้บ้านแม่ทัพภาคที่ 1 หรือเหมือนที่ก่อนหน้านี้ก็มีทหารส่งข้อมูลเรื่องขนมจีนแกงไก่มาให้”

นักข่าวถามว่า หมายความว่าสายข่าวเป็นทหารที่อยู่ในห้องประชุม
จตุพร ตอบว่า “ถ้าไม่อยู่ในห้องประชุม จะนำเทปเสียงออกมาได้อย่างไร”
นักข่าวถามว่า เมื่อฉบับเต็มเนื้อหาร้ายแรงกว่านี้ จะตัดออกทำไม ในเมื่อคนปล่อยคลิปก็มีเจตนาทำลายนายอภิสิทธิ์อยู่แล้ว
จตุพรตอบว่า
“ที่ตัดออกเพราะมีการเอ่ยถึงตัวบุคคล ว่าผบ.เหล่าทัพไหนรับผิดชอบหน้าที่ด้านใด ดังนั้นจึงต้องตัดคนที่รับผิดชอบออกไป”


และที่มันดิ้นรนก้เป้นการถ่วงการยื่นฎีกาของ นปช.คนเสื้อแดงต่อพระมหากษัตริย์

ไอ้มาร์คเผด็จการฟันน้ำนม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก