ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันเสาร์, สิงหาคม 08, 2552

พอเพียงกันจริง.. ทั้ง ตู้หยอดน้ำ เสาไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จนล่าสุดหมูวิ่งที่บุรีรัมย์ เป็นการนำพระราชดำรัชพอเพียง ไปใช้กันอย่าง โคตรจงรักภักดี



"หมูวิ่ง"โผล่บุรีรัมย์ฉาวซ้ำ"พอเพียง" ฟาดส่วนต่างนับแสนบาท พท.ปูดคนอ้างหน้าห้อง"กอร์ปศักดิ์"ล็อบบี้!

โครงการพอเพียง ฉาวรายวัน พบอีก "หมูวิ่ง"แจก 400 ชุมชนที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ใช้วิธีซิกแซกซื้อต่อชาวบ้านฟันส่วนต่างนับแสนบาท กมธ.ป.ป.ช. ลั่นฟันไม่เลี้ยงพวกทุจริตไม่ว่าพรรคไหน "สุมิท"แจงสั่งรื้อโครงการในกทม.แนะชุมชนร้องเองถ้าเสียหาย พท.ปูดบุคคลอ้างตัวหน้าห้องรองนายกฯ

พบอีกโครงการ"หมูวิ่ง"ที่บุรีรัมย์


รายงานข่าวจากคณะกรรมการตรวจสอบโครงการชุมชนพอเพียงแจ้งเมื่อวันที่ 6 ส.ค. ว่า ข่าวการทุจริตในโครงการดังกล่าวที่ออกมานั้น ทำให้ผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ไม่พอใจ จึงได้มอบหมายให้คณะทำงานลงตรวจสอบพื้นที่โดยเฉพาะในภาคอีสาน เพื่อหาแนวทางเบี่ยงเบนประเด็น ซึ่งพบว่ามีการสั่งซื้อเครื่องผลิตปุ๋ยเป็นจำนวนมาก และบริษัทผู้ผลิตปุ๋ยดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับคนสนิทของอดีตนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบประวัติน้องของนักการเมืองผู้มีอำนาจในรัฐบาลที่มีส่วนเกี่ยวของกับโครงการ พบว่าเคยเป็นผู้สมัคร ส.ส.สัดส่วนภาคกลาง ในนามของพรรคการเมืองหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญร่วมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล


รายงานข่าวแจ้งว่า คณะทำงานยังได้ลงตรวจสอบพื้นที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ พบว่าหลายชุมชนมีการทำโครงการเลี้ยงหมู หลังคาเรือนละ 1 ตัว แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นโครงการหมูวิ่ง ยกตัวอย่างเช่น ในชุมชนมี 400 หลังคาเรือน ซึ่งจะต้องของบประมาณเพื่อซื้อหมู 400 ตัว ตัวละ 1,300 บาท เป็นเงินที่จะต้องของบประมาณ 520,000 บาท แต่เมื่อได้งบประมาณมาแล้ว มีการซื้อหมู 200 ตัว แจกให้กับในชุมชน 200 หลังคาเรือน และให้เจ้าบ้านเซ็นรับหมู เมื่อเจ้าบ้านเซ็นรับแล้ว จะมีคนมาซื้อหมูต่อทันที ทั้ง 200 ตัว โดยให้ราคาตัวละ 800 บาท จากนั้นจึงนำหมูที่ซื้อต่อมาแจกให้กับ 200 หลังคาเรือนที่เหลือ ทำให้ใช้งบประมาณในการซื้อหมูวิ่ง 420,000 บาท เหลือส่วนต่าง 100,000 บาท ซึ่งเรื่องนี้คณะทำงานกำลังรวบรวมข้อมูลหลักฐานเพื่อสอบสวนเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้อง


ปธ.กมธ.ยันสอบตู้น้ำปราจีนถึงที่สุด


วันเดียวกัน เวลา 14.00 น. นายเฉลิม เกียรติบรรจง ตัวแทนเทศบาลตำบลเมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เข้ายื่นหนังสือต่อ นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ตรวจสอบการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง เกี่ยวกับการการจัดซื้อเครื่องตู้น้ำหยอดเหรียญจำนวน 1.8 ล้านบาท หลังจากที่เกิดเรื่องแล้วน้องชายนักการเมืองผู้มีอำนาจบริหารในรัฐบาลมาไกล่เกลี่ยไม่ให้เอาเรื่อง พร้อมนำเงินมาคืนให้แก่ชุมชนและเก็บเครื่องตู้น้ำหยอดเหรียญกลับไป แต่ขณะนี้เงินจำนวนดังกล่าวยังอยู่ในธนาคารออมสินไม่สามารถเบิกจ่ายนำมาใช้ได้ทำให้ชุมชนได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก


นายวิลาศกล่าวว่า จะสามารถสอบเรื่องนี้ในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ โดยไม่สนใจว่าคนที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตจะมาจากพรรคไหน นอกจากนี้ จะขยายผลไปตรวจสอบในโครงการอื่นๆ ของโครงการชุมชนพอเพียงด้วย


กองปราบเร่งสอบปม 3 จนท.ทุจริต


ด้าน พ.ต.ท.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ รอง ผกก.1 บก.ป. กล่าวถึงกรณีนายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน (สพช.) ร้องทุกข์กล่าวโทษให้สืบสวนจับกุมเจ้าหน้าที่ สพช.ที่กระทำการทุจริต รวมทั้งแอบอ้างชื่อ สพช.ไปแสวงหาผลประโยชน์กับชุมชนทั่วประเทศ พร้อมนำเอกสารรายชื่อพนักงาน 3 คนของ สพช.และเอกสารรายชื่อชุมชนต่างให้เป็นหลักฐานไว้ว่า คดีนี้ยังไม่ได้กล่าวหาใครว่าเป็นผู้กระทำความผิด จากการตรวจสอบเอกสารที่นายสุมิทเข้ายื่นเพื่อเป็นหลักฐานประกอบวันแจ้งความนั้นถือว่าเป็นประโยชน์ต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าเจ้าหน้าที่คนใดกระทำความผิดหรือไม่


"เบื้องต้น นายสุมิทให้ข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ 3 คน มีการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริตในโครงการทุกโครงการของชุมชนพอเพียง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวม และตรวจสอบเอกสารเพื่อเสนอต่อผู้บังคับบัญชา ว่าในเรื่องดังกล่าวเจ้าหน้าที่โครงการซึ่งเป็นคนของรัฐบาล เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่" พ.ต.ท.วิทยากล่าว


"สุมิท" แจงสั่งรื้อโครงการในกทม.


เวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผู้อำนวยการ สพช. แถลงถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชนหรือโครงการชุมชนพอเพียง ที่มีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการดำเนินโครงการใน กทม.ใหม่ สรุปว่าจะแก้ไขด้วยการนำแผนแม่บทชุมชนในส่วนที่เข้ากรอบโครงการมาพิจารณาเลือกเลย เสร็จแล้วจะตั้งอนุกรรมการกลั่นกรองอีกครั้ง โดยไม่ต้องทำประชาคมใหม่ ส่วนข้อร้องเรียนเรื่องตู้น้ำหยอดเหรียญโซลาร์เซลล์นั้น แม้ประชาชนสนใจ แต่ที่ประชุมห่วงว่าชาวบ้านอาจเข้าใจผิดว่าเป็นการล็อคสเปค จึงมีมติไม่ดำเนินการ ตั้งแต่มีเรื่องร้องเรียนเหล่านี้ใน กทม. สพช.หยุดอนุมัติโครงการที่คล้ายๆ กับที่มีปัญหา สำหรับสินค้าพลังงานทดแทนที่เกี่ยวกับแสงอาทิตย์นั้น มีผู้ผลิตน้อยรายทำให้มีราคาสูง จึงมีข้อเสนอให้ยกเลิกการอนุมัติโครงการเหล่านี้ไปเลย เพื่อตัดข้อครหาราคาแพงเกินควร ที่ผ่านมา สพช.อนุมัติโครงการพลังงานแสงอาทิตย์เป็นตู้น้ำดื่มกับโคมไฟประมาณ 170 ชุมชน รวมเป็นเงินประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนน้อย จึงไม่คิดว่าจะกระทบอะไร


แนะชุมชนร้องเองถ้าเสียหาย


ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไม สพช.แจ้งความที่กองปราบปรามเป็นกรณีปัญหาปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ แต่ไม่ได้ร้องโครงการล็อคสินค้าพลังแสงอาทิตย์ใน กทม. นายสุมิทกล่าวว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่ สพช.เข้าไปมีส่วนร่วมกับโครงการตู้น้ำดื่ม แต่มีคนไปแอบอ้าง สพช. ซึ่งสอบแล้วพบว่าไม่ใช่คน สพช. อย่างไรก็ดี คงต้องทำเรื่องตู้นำส่งหน่วยงานอื่นสอบ ส่วนการแจ้งความกองปราบฯนั้น บางเรื่องโยงกับเอสเอ็มแอล แต่บางเรื่องก็เกิดขึ้นเฉพาะโครงการปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ เรื่องตู้น้ำดื่มก็สอบสวน


เมื่อถามว่า มีภาพเปิดเผยว่า ส.ข.เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมโน้มน้าวให้ชุมชนเลือกโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ นายสุมิทกล่าวว่า ถ้าไม่ได้อ้าง สพช.ก็ผิด ถ้ามีหลักฐาน ชุมชนในฐานะผู้เสียหาย และเป็นเจ้าของเงิน สามารถร้องทุกข์กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้


แจงสัมพันธ์ลึก "บีเอ็นบี"


จากนั้นนายสุมิทชี้แจงความเป็นมาในช่วงเป็นประธานกรรมการบริหารของ บมจ.อินเตอร์เนชั่นแนลแอนจีเนียริ่ง (ไออีซี) ไปซื้อหุ้นบริษัท บีเอ็นบี อินเตอร์กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ขายสินค้ารายใหญ่ในโครงการชุมชนพอเพียงว่า เป็นการซื้อหุ้นระหว่างบริษัทต่อบริษัท แต่เมื่อตนลาออกจากไออีซีแล้วก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัท บีเอ็นบีฯอีก และได้ชี้แจงที่ประชุมบอร์ด สพช.ว่าไม่มีทางที่เจ้าหน้าที่จะไปรู้เห็นการซื้อขายสินค้าในชุมชนได้ เมื่อทำโครงการเข้ามาเสนอจะมีเจ้าหน้าที่กลั่นกรองตามขั้นตอนโดยไม่ใช้อำนาจของผู้อำนวยการ สพช.ไปดำเนินการอย่างเด็ดขาด ยืนยันว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้บริษัทที่ถูกกล่าวถึง ทางนายกอร์ปศักดิ์ให้กำลังใจและให้ต่อสู้ด้วยความจริง ส่วนนายประโภชฌ์ สภาวสุ รองผู้อำนวยการ สพช. น้องชายนายกอร์ปศักดิ์นั้น ไม่ได้ชี้แจงอะไร อาจเป็นเพราะไม่ได้ถูกร้องเรียนเหมือนตน


บังคับบัญชาว่าจะตัดสินใจอย่างไร" นายสุมิทตอบคำถาม นายสุมิท กล่าวว่า "เราอนุมัติไป 31,000 ชุมชน แต่ร้องเรียนกันมีแค่ 4-5 ชุมชน ตรวจสอบแล้วมีตัวตนผู้ร้องอยู่แค่ 83 เรื่อง ดังนั้น หากเทียบความสำเร็จของโครงการตั้งแต่เริ่มมา 4-5 เดือนแล้วมีเรื่องร้องเรียนเท่านี้ ประชาชนน่าจะได้ประโยชน์มากกว่า ผมมั่นใจในความโปร่งใส แต่เป็นอำนาจของผู้เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีฝ่ายค้านเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก"


พท.ปูดบุคคลอ้างตัวหน้าห้องรองนายกฯ


นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เกือบทุกจังหวัดในภาคอีสานมีปรากฏการณ์การทุจริตโครงการชุมชนพอเพียงเช่นเดียวกับ กทม.ผ่านข้าราชการส่วนท้องถิ่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล หรือนายอำเภอ นอกจากนี้ใน จ.ยโสธร และอุบลราชธานี ยังมีบุคคลแอบอ้างป็นหน้าห้องของนายกอร์ปศักดิ์เข้าไปล็อบบี้ให้ท้องถิ่นซื้อสินค้าตามที่กำหนดมา ไม่เช่นนั้นงบฯส่วนนี้จะไม่ลงท้องถิ่น หรือหากเสนอโครงการอื่นไปการอนุมัติงบฯจะเป็นไปด้วยความล่าช้า หากโครงการดังกล่าวได้รับอนุมัติก็จะจ่ายค่าหัวคิวตอบแทน


.........................


ที่มา : มติชนออนไลน์ 6 ส.ค.52



..แหม ไอ้พวกนี้มันจงรักภักดีกันมากเลย ต้องขอประนามไอ้มาร์คและไอ้เนวินว่า นำพระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียง ไปเป็นช่องทาง ทุจริตหาแดกกันดีจริง พวกมึงมันโคตรจงรักภักดีเลยว่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก