ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 20, 2552

เปิดปูมฉาวนายพลตร.ห้าร้อยน้องคมช. จากสนองคุณแผ่นดินคดีเพชรซาอุถึงย่ำแดงเชียงใหม่

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
20 สิงหาคม 2552



ผลงานน้องสมเจตน์ คมช.-ตำรวจห้าร้อยยกกำลังไปปิดล้อมสถานีวิทยุชุมชนคนรักเชียงใหม่51 เช้านี้ เป็นอีกผลงานที่พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้มีปูมอื้อฉาวพัวพันกรณีอุ้มหายทูต-นักธุรกิจซาอุฯจนได้ดิบได้ดีสนองคุณแผ่นดิน

แฉ สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5 ผู้นำในการดำเนินการต่างๆ กับกลุ่มคนเสื้อแดงในเชียงใหม่ และ จว.อื่นๆ อย่างแข็งขันตลอดหลายเดือนมานี้ เช่น กรณีที่เกิดขึ้นที่ สภ.ภูพิงค์ ฯลฯ ซึ่งผมประมวลมาจากคำบอกเล่าของคนในผู้อึดอัดหลายๆ นายจนออกมาเป็นข้อๆ ดังนี้

1. ประวัติของแกคร่าวๆ เกิด 25 มี.ค. 2495 เป็นลูกคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 7 คน (พี่ชายคนหนึ่งคือสมเจตน์ คมช.) นตท.12 นรต.28 ป.โท รป.ม. จุฬาฯ วปอ. รุ่นที่ 4616 เคยเป็นผู้การเชียงราย (ขึ้นสมัยชวนอยู่ถึงสมัยทักษิณตอนต้น) และเคยเป็นผู้การทางหลวง

และเมื่อรัฐบาลทักษิณต้องการฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตกับซาอุฯ แกจึงโดนเด้งไปเป็นผู้บังคับการกองบังคับการอำนวยการ สำนักงานวิทยาการตำรวจ เพราะแกเป็นเหมือนชนวนเหตุ ในเรื่องความไม่พอใจของทางการซาอุฯ ซึ่งทางโน้นเชื่อว่าแกอาจจะมีส่วนพัวพันกับการที่นักธุรกิจซาอุฯ ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย (ศพรายที่ 4)

เพราะอดีตแกได้รับมอบหมายให้เข้าไปสืบสวนติดตามคนร้ายที่ฆ่า 3 เจ้าหน้าที่ทูตซาอุฯ ซึ่งเข้ามาติดตามเรื่องเพชรซาอุฯ ในยุคนั้น ก่อนที่จะขยับเป็น รอง ผบช. การศึกษา (ช่วงปลายรัฐบาลทักษิณ) และขื้นติดยศ พล.ต.ท. ยุค คมช. ในตำแหน่ง ผบช. ประจำ สนง. ผบ.ตร. และผงาดออกจากกรุในช่วงอภิสิทธิ์ขึ้นเป็นนายกฯ ควบคุมดินแดนผืนใหญ่ของชาวเสื้อแดง คือ 8 จว.ภ.เหนือ

*ชีวิตสมรสนั้น ในทางเปิดเผย แกสมรสกับ ทันตแพทย์นิศา มีลูก 2 คน คนแรกผู้ชายเป็นตำรวจ คนหลังกำลังเรียนหมอ

แต่ในทางลับ เป็นที่ทราบกันดีว่าแกยังมีเมียและลูกอยู่ที่เชียงใหม่อีก เมียแกคนนี้ทำงาน กกต.ลำพูน แต่ที่แน่ๆ ลูกสาวคนเล็กของแกตอนนี้โตพอสมควรแล้วเรียนชั้นประถมอยู่ที่โรงเรียนเรยีนาเชลีฯ โดยใช้นามสกุลบุญถนอมอีกด้วย

2. ซึ่งการที่แกได้ขึ้นมาคุมพื้นที่ภาค 5 นั้น เป็นการทดแทนคุณของ ปชป. คงจะไม่ผิดนัก ด้วยเหตุผลหลักๆ คือ ก่อนการเลือกตั้งปี 50 ช่วงปลายสุรยุทธ์ แกกับพี่ชายของแกได้ทำงานรับใช้ คมช. อย่างแข็งขัน

ผลงานที่เป็นตัวการันตี คือ การให้ทีมงานทหารติดตามบันทึกภาพ ยงยุทธ ติยะไพรัตน์ ในแทบทุกฝีก้าว แล้วยืมมือผู้สมัครที่แพ้เลือกตั้งของชาติไทยเอาหลักฐานยัดใส่มือให้เข้าร้องเรียนต่อ กกต.จว.ชร. ให้แทน ซึ่งในภายหลังเขาได้ถอนการร้องเรียน แต่ กกต.กลาง ไม่สนใจ ต่อมายงยุทธ์ก็โดนใบแดง และเป็นเหตุให้พรรคพลังประชาชนถูกยุบในท้ายที่สุด

นอกจากนี้ แกยังขนกำลังเข้าไปตั้งด่านสกัดกั้นมิให้ประชาชนเข้าร่วมฟังการปราศรัยหาเสียงที่ จ.เชียงราย อีกหลายครั้งจนถูกร้องเรียน แต่ต่อมา กกต.กลาง ก็ได้ยกคำร้องเรื่องนี้

3. และตลอดระยะเวลาราวๆ 6 เดือนที่แกทำงานอยู่ที่นี่ แกทำอยู่จริงๆ แค่ 2 เรื่อง โดยเรื่องสำคัญที่สุดที่แกสนใจไม่ใช่เรื่องปราบเสื้อแดงอย่างที่หลายคนเข้าใจ หากแต่เป็นเรื่องขายพระ (ดูรายละเอียด http://www.police5.go.th/site/bhuda/detail.php )

แกขอความร่วมมือให้ผู้กำกับโรงพักช่วยรับองค์ราคา 39,999.- ไปคนละองค์ แน่นอนว่าแกสั่งประชุมเรื่องนี้แทบจะวันเว้นวันเลยทีเดียว ท่ามกลางเสียงท้วงติง (อยู่ในใจ) ของผู้ใต้บังคับบัญชา เนื่องจากตอนแรกแกอ้างว่าทำเพื่อหาเงินเข้ากองทุนเรื่องสวัสดิการของตำรวจภาค 5 โดยเฉพาะชั้นผู้น้อยๆ แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นว่าจะเอาเงินไปปรับปรุงภูมิทัศน์ของสถานที่แทน ทั้งๆ ที่ ผบช. คนก่อนเพิ่งปรับปรุงไปแท้ๆ

แน่นอนว่าในความนึกฝันของแกยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก คือ 1. สร้างซุ้มพระขนาดใหญ่อลังการ ออกแบบโดย อ.เฉลิมชัย 2. ทำเสาธงชาติไทยสูงที่สุดในโลก 33 เมตร 3. ก่อกำแพงอิฐ (ประมาณประตูท่าแพ) เป็นรั้ว (ซึ่งตอนนี้ทำเกือบเสร็จแล้ว และมีน้อยคนมากที่เห็นว่าเข้ากันสวยดี) ฯลฯ รวมแล้วประมาณว่าน่าจะหมดเงินไปไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ทั้งนี้ส่วนใหญ่นำเงินกำไรจากการขายพระมาใช้ แต่มีบางส่วนที่ใช้งบแผ่นดินสบทบเข้าไป

ปัจจุบันเข้าใจว่ามีคนสั่งจองพระเข้ามาจนเกือบเต็มจำนวนทุกแบบทุกขนาดแล้ว ตอนนี้ถ้าหากไปถามตำรวจภาค 5 ว่าอะไรคือผลงานของแก ตำรวจนายนั้นตอบคงตอบได้เลยทันทีโดยไม่ต้องคิดมากว่า แกขายพระเก่ง

*ผมว่าแกเป็นคนหนึ่งที่มีวิธีคิดแบบอำมาตย์จ๋ามาก คือต้องสร้างวัด สร้างพระคู่บุญให้คนได้โจษจันถึง (ฤาเสริมบารมีตัวเอง) ทั้งๆ ที่ผมว่ามันไม่เห็นเกี่ยวกับงานของตำรวจเลย ยาเสพติดก็เพิ่ม คดีฆ่ากันตาย และลักเล็กขโมยน้อยอีกมากมายกลับจับไม่ได้ สงสารคนเมืองครับที่ดันได้คนอย่างนี้มาดูแลนโยบายความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินให้แก่เขา*

ขณะอีกเรื่องที่สำคัญรองลงมาก็คือเรื่องการคอยแซะกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ให้เคลื่อนไหวได้ลำบากๆ เข้าไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ซึ่งออกแนว hardcore เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ได้มารู้ตอนหลังว่าเรื่องนี้อันที่จริงแล้วแกเป็นคนขี้ขลาด ถึงขนาดแสร้งทำเป็นดีด้วยต่อหน้าเมื่อตอนเชิญแกนนำเชียงใหม่ 51 มาประชุมพูดคุยกัน และสั่งให้เลี้ยงอาหารอย่างดี

แต่ลับหลังก็อย่างที่เห็นๆ กันเหมือนเมื่อเช้านี้(20ส.ค.)อีกทั้งพอมีหนังสือสั่งการเกี่ยวกับเสื้อแดงมา แกจะโบ้ยให้รองคนอื่นๆ ที่รักษาการลงนามแทน แต่ในบางเรื่องแกกลับกัดไม่ปล่อย เช่น ให้รื้อฟื้นการดำเนินการทางวินัยกับ ตร. ชั้นประทวนที่เคยติดตามยงยุทธ์ ซึ่งปัจจุบันได้ลาออกจากราชการไปแล้วชนิดเอาจริงเอาจัง เป็นต้น

4. การประชุมเกี่ยวกับพิธีการพุทธาภิเษกพระครั้งหนึ่ง ในวาระเรื่องการจราจร ซึ่งจะต้องนำเสนอเรื่องบัตรจอดรถของเหล่า VIP ทางนายตำรวจผู้รับผิดชอบได้เลือกใช้สีแดงเป็นสีของ VIP แม้นแกจะไม่ได้ต่อว่าตำรวจนายนั้นออกมาซึ่งๆ หน้า และสีหน้าแกที่แสดงออกมาก็ไม่บ่งบอกชัดว่าแกคิดยังไง แต่คนในที่ประชุมก็พอจะคาดเดาได้ว่าแกคงไม่ชอบใจเท่าไหร่

กระทั่งล่าสุดได้ทราบมาอีกทีว่า สีบัตรจอดรถของ VIP ได้กลายเป็นสีเหลืองไปเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนสมคิดแล้ว และก็ไม่มีสีแดงอยู่ในบัตรจอดรถของแขกกลุ่มใดๆ อีกด้วย

เปิดศึกเมืองหลวงเสื้อแดง-กองกำลังตำรวจกว่า 500 นาย ภายใต้การควบคุมของพล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม น้องพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ขุนศึกนักรัฐประหารคมช.เข้าบุกปิดล้อมโรงแรมวโรรส ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานีวิทยุคนรักเชียงใหม่FM92.5เมื่อเช้านี้ อ้างจะมารับเครื่องส่งที่อายัดไว้จากการปะทะครั้งก่อน แต่ตอนนี้ยังออกอากาศได้ตามปกติ เนื่องจากสถานีได้จัดซื้ออุปกรณ์ออกอากาศตัวใหม่ เข้าไปเตรียมการรองรับเอาไว้อยู่แล้ว


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ภาพโดย Raungsil
20 สิงหาคม 2552

เผชิญหน้าตึงเครียดที่เชียงใหม่ น้องสมเจตน์ทรราชคมช.ยกกำลังห้าร้อยบุกปิดล้อมสถานีวิทยุเสื้อแดงเชียงใหม่51 สุดท้ายแกนนำ3เกลอขอเคลียร์ อ้างอ้อมๆแอ้มๆแค่มาตรวจรับเครื่องส่งออกอากาศที่สั่งอายัดไว้ในคราวปะทะครั้งก่อน ณัฐวุฒิวอนฝ่ายประชาธิปไตยใจเย็นๆให้หลีกเลี่ยงการยั่วยุเพื่อนำไปสู่การปะทะ หวั่นเข้าทางเผด็จการกระหายเลือด ฝ่ายประชาธิปไตยแนะยกระดับขับไล่น้องสมเจตน์พ้นพื้นที่


ติดตามการถ่ายทอดสดบุกปิดสถานีวิทยุรักเชียงใหม่ที่
http://www.newskythailand.com
http://www.newskythailand.us
http://www.nocoup.org/newwebboard/main.php?board=008452&topboard=1
http://www.sanamluang.in.th ช่องทีวี3


แค่มารับเครื่องส่งที่อายัดไว้?-กองกำลังตำรวจที่มีรายงานว่าอาจมากถึง2,000นายบุกปิดล้อมสถานีวิทยุรักเชียงใหม่51 ภายหลังแกนนำ3เกลอขอเคลียร์ ได้อ้างว่าแค่จะมารับเครื่องส่งที่อายัดไว้จากเหตุปะทะครั้งก่อน ขณะที่ฝ่ายประชาธิปไตยเชื่อเป็นการยั่วยุเพื่อให้เสื้อแดงลุกฮือเผชิญหน้า จะได้เข้าทางเผด็จการกระหายเลือดล้อมปราบเมืองหลวงคนเสื้อแดงทางภาคเหนือ

น้องสมเจตน์ขุนศึกทรราชคมช.นำทีมบุก

เมื่อเช้านี้ตั้งแต่07.00น. กองกำลังตำรวจภูธรภาค 5 โดยการบังคับบัญชาสั่งการของพล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม และรองผู้ว่าราชการ เชียงใหม่ จำนวนมากกว่า500 นายบุกเข้ามาปิดล้อมสถานีวิทยุชุมชนคนรักเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานีวิทยุชุมชนฝ่ายประชาธิปไตย

โดยล่าสุดเหตุการณ์ในเวลา 12.00 น. สถานีวิทยุชุมชนดังกล่าวหยุดออกอากาศลง แต่มีการแจ้งว่ากำลังติดตั้งเครื่องส่งใหม่ไว้พร้อมออกอากาศทันที เพราะได้ซื้อเครื่องส่งใหม่แรงกว่าเดิมไว้รองรับหากเครื่องส่งเก่าโดนยึด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจวางกำลังรอบสถานี ขณะที่มีผู้ชุมนุมเสื้อแดงรวมตัวอยู่ด้านนอกสถานี มีการกางเต๊นต์ ขณะที่ประชาชนเชียงใหม่ และฝ่ายประชาธิปไตยทั่วประเทศบริจาคข้าวกล่องและเงินทุนสนับสนุนผู้ชุมนุม

ขณะที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์บางรายกล่าวว่า ตำรวจมีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดความรุนแรงโดยนำกำลังตร.กว่า 2,000คนพร้อมโล่มาทำการยึดสถานี

การบุกเข้าปิดล้อมยึดสถานีมีรายงานข่าวเพราะตำรวจอ้างว่า เพราะมีการใช้สถานีปลุกระดมมวลชนและมีการระดมทุนเป็นจำนวนมากเพื่อนำคนไปรวมตัวที่สนามหลวงในวันถวายฎีกา และมีการเผยแพร่ข่าวไปทั่วโลก

คนเสื้อแดงเชียงใหม่ที่ทราบข่าวได้เดินทางมาที่สถานีเพื่อปกป้องสถานีแล้ว โดยแกนนำขอให้หลีกเลี่ยงการปะทะหรือเผชิญหน้า เพราะจะไปเข้าทางฝ่ายเผด็จการล้อมปราบปราม หรือโยนความผิดให้ว่าฝ่ายประชาธิปไตยนิยมความรุนแรง

นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่ และผอ.สถานีวิทยุรักเชียงใหม่51 ได้แจ้งไปทางแกนนำ กทม.แล้ว และแกนนำทางกทม. กำลังเดินทางมาที่ เชียงใหม่

นอกจากนั้นนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ3เกลอได้โฟนอินไปที่สถานีรักเชียงใหม่ 51 ขอให้ฝ่ายประชาธิปไตยใจเย็นๆ โดยระบุว่าจากการประสานงานทราบว่า ที่ตำรวจมาเพื่อตรวจรับเครื่องส่งที่ยึดไว้คราวที่แล้ว แต่ลักไก่ส่งกำลังพลมาโดยไม่บอกกล่าว ยังกะจะมาปราบจลาจล กะเอาทีเผลอถ้าปิดสถานีได้ก็จะปิด

"ถ้ามันจะเอาเครื่องส่งเก่าก็เอาไป แต่เครื่องส่งใหม่ แรงกว่า เป็นเงินของพี่น้องเสื้อแดงเชียงใหม่ ถ้าจะยึดก็คงเจอต่อต้าน ตอนนี้เสื้อแดงตรึงกำลังไว้คงบุกเข้าไปยาก "ผู้อยู่ในเหตุการณ์ระบุ

แนะเสื้อแดงเชียงใหม่ขับไล่น้องสมเจตน์พ้นพื้นที่

ผู้ใช้นามแฝง"ลูกชาวนาไทย"เขียนกระทู้ใน
บอร์ดประชาไท ว่าผมคิดว่ากลุ่มเชียงใหม่ 51 ควรคิดอะไรในทางยุทธศาสตร์ที่ใหญ่โตได้แล้วครับ เพราะการทำสงครามย่อยเป็นครั้งๆ ไปไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด เพราะจะทำให้เสียพลังมวลชนไปอย่างเปล่าประโยชน์

สถานการณ์ทางยุทธศาสตร์ขณะนี้คือ ฝ่ายอำมาตยาธิปไตยได้ส่ง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม เป็น "แม่ทัพหลัก" ในการทำสงครามกับคนเสื้อแดงที่เชียงใหม่ หน้าที่สำคัญของเขาคือ ทำอย่างไรก็ได้ให้กลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่สลายตัวไป หากยังทำไม่ได้ ก็จะพยายามก่อกวนไม่ให้การทำงานของกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่เป็นไปอย่างได้ผล

ดังนั้น ตำรวจจะดำเนินงานก่อกวนทุกอย่างที่ทำได้ หากพวกเราแรง เขาก็จะถอย และหากเราถอยเขาก็จะก่อกวนอีก เพื่อสร้างสงครามประสาท กลุ่มเชียงใหม่ 51 จึงต้องกำหนดเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ในการ ขับไล่ พล.ต.ท. สมคิด บุญถนอมออกจากพื้นที่ได้แล้วครับ จะต้องย้ายไปที่อื่น และจะต้องดำรงเป้าหมายนี้ให้ชัดเจน

อาจร่วมกัน ชุมนุมปิดเชียงใหม่ไปเลยก็ได้ครับ หรือ ชุมนุมกันหน้า บก.ภาค 5 แบบล้อมทำเนียบเลยก็ได้ และใช้มาตรการสังคมทุกอย่างกับนายตำรวจคนนี้

หากมัวแต่ "โดนพวกเขารุกแต่อย่างเดียว" ไม่รุกกลับบ้าง ไม่มีทางแก้ปัญหาได้แน่นอนครับ พล.ต.ท.สมคิด จะต้องหาเรื่องกับ กลุ่มเชียงใหม่ 51 ไปเรื่อยๆ ตาม "เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของพวกเขา

เรียงลำดับเหตุการณ์ตำรวจห้าร้อยบุกปิดล้อมสถานีวิทยุเชียงใหม่

เวลา 7.00 น. เช้าวันนี้ (20 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรใน จ.เชียงใหม่ หลายร้อยนาย นำกำลังปิดล้อมวิทยุชุมชน 92.5 MHz ของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่ตั้งอยู่หลังวัดพระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อขอตรวจค้นและขอยึดเครื่องส่งวิทยุ ที่เคยทำการตรวจอายัดไว้ช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยมีตำรวจปีนขึ้นไปบนเสาอากาศวิทยุ

โดยผู้จัดรายการวิทยุได้ประกาศระดมมวลชนเข้ามาที่สถานีวิทยุ เพื่อมาเป็นพยานในการตรวจค้นและยึดเครื่องส่งวิทยุ โดยผู้จัดรายการคนหนึ่งกล่าวว่าหากเสียงหายไป แสดงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดเครื่องส่งไปแล้ว และว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมามากขนาดนี้นึกว่าเชียงใหม่เป็นประเทศพม่าไปแล้วหรือ

โดยล่าสุดในเวลา 12.00 น. สถานีวิทยุชุมชนดังกล่าวหยุดออกอากาศลง แต่มีการแจ้งว่ากำลังติดตั้งเครื่องส่งใหม่ไว้พร้อมออกอากาศทันที เพราะได้ซื้อเครื่องส่งใหม่แรงกว่าเดิมไว้รองรับหากเครื่องส่งเก่าโดนยึด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจวางกำลังรอบสถานี ขณะที่มีผู้ชุมนุมเสื้อแดงรวมตัวอยู่ด้านนอกสถานี มีการกางเต๊นต์ ขณะที่ประชาชนเชียงใหม่ และฝ่ายประชาธิปไตยทั่วประเทศบริจาคข้าวกล่องและเงินทุนสนับสนุนผู้ชุมนุม


ก่อนหน้านี้เมื่อ 16 เม.ย. นายไพโรจน์ แสงภูวงษ์ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เคยนำกำลังตำรวจ และ นปพ. และเจ้าหน้าที่ กทช. พร้อมนำหมายศาลจังหวัดเชียงใหม่ เลขที่ ค.260/2552 ลงวันที่ 15 เม.ย.2552 ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.116 เพื่อพบและยึดสิ่งของพยานหลักฐานเอกสารที่ใช้ในการปลุกระดมเชิญชวนประชาชน ทั่วไปร่วมต่อต้านรัฐบาล เข้าตรวจค้นที่สถานีวิทยุชุมชนของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ดังกล่าว

และเมื่อวันที่ 16-17 ก.ค. มีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่หน้า สภ.ต.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ และสามแยก ถ.สุเทพ ตัดกับ ถ.นิมมานเหมินท์ ด้านหน้าสำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงใหม่ ในช่วงที่นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง พร้อมคณะได้เดินทางมาที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อร่วมประชุมกับทุกหน่วยงานในจังหวัดเชียงใหม่เรื่องปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก