ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันศุกร์, สิงหาคม 07, 2552

“รัฐมนตรีผู้ร้าย กับนายกฯโลซก!?”

โดย วาทตะวัน สุพรรณเภษัช

เมื่อสัปดาห์หยุดยาวนั้น สถานการณ์ทางการเมืองไม่ได้หยุดไปด้วย เหตุเพราะนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ดันผิดคิวออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลโลซก ของนายกฯอภิสิทธิ์ หรือนาย มาร์ค มุกควาย ให้ได้รับความอับอายว่าได้ประเมินผลงาน 6 เดือน ของรัฐบาลแล้ว
สอบไม่ผ่าน!
ความจริงแล้ว เสียงของประชาชนเกือบทั้งประเทศ ก็เห็นไปในทิศทางเดียวกับประธานวุฒิ อาจมีแต่เฉพาะสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาล กับบรรดาพิธีกร, ผู้ดำเนินรายการสื่อของรัฐเท่านั้น ที่ยังคงแสดงความเห็นแบบไม่รู้จักอายได้คงเส้นคงวา งงายชมว่ารัฐบาลนี้ดีเลิศประเสริฐศรีมณีเด้งอย่างไร้ที่ติ
ช่างดักดานกันได้...สุดขั้วจริงๆ!!
ที่น่าประหลาดใจมากก็คือ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งมีนายเจริญ คันธวงศ์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้บุกเบิก ซึ่งก็มี
โพลของตัวเอง ขื่อ “กรุงเทพโพล” ออกรายงานการสำรวจความนิยมของรัฐบาล กลับดันให้คะแนนรัฐบาลว่า
สอบตก!!!
นั่นแสดงให้เห็นถึง ประสิทธิภาพของรัฐบาลโลซกได้เป็นอย่างดีว่า ที่เคยเก่งในทางวิพากษ์วิจารณ์ เหน็บแนม เสียดสีคนอื่น แต่พอแย่งชิงอำนาจบริหารบ้านเมืองมาได้ กลับทำงานแบบตุปัดตุเป๋ จนผู้คนรุมด่ากันทั้งประเทศว่า
‘ไม่เป็น...สับปะรดหมา!’

ก็ขอนำมาบอกันทื่อๆ ตรงไปตรงมาอย่างนี้แหละ!!!

นอกจากความล้มเหลวของรัฐบาลชุดนี้ ในสายตาประชาชน รวมทั้งนักวิชาการและสมาชิกรัฐสภา ที่มีตำแหน่งเป็นผู้นำวุฒิสภาแล้ว ก็ยังมีเรื่องที่น่าสนใจอีก คือ
ในวันเดียวกันกับที่นายประสพสุขฯ ได้ให้สัมภาษณ์และประเมินสมรรถภาพของรัฐบาลโลซก ประธานวุฒิสภายังได้พูดถึงเรื่องน่าสนใจต่อไปอีก ผมขอคัดข่าวมาโดยไม่ตัดทอน ดังนี้
นายประสพสุข กล่าวว่า จากการเดินทางเยือนประเทศต่างๆ อย่างเป็นทางการ เช่น โรมาเนีย และโปแลนด์ ชาวต่างชาติได้สอบถาม และแสดงความเป็นห่วงทั้งสถานการณ์ทางการเมืองและปัญหา เศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะเรื่องการปิดสนามบินของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และให้ความมั่นใจว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีกซึ่งต่างชาติเข้าใจเรื่องปัญหาทางการเมือง แต่ไม่เข้าใจเพียงเรื่องการปิดสนามบินเท่านั้น
ตรงนี้แหละครับ ที่ผมสนใจมากเพราะตัวเองเคยร่ำเรียนมาทางด้านการก่อการร้าย จนเมื่อกว่า 20 ปี ที่แล้ว ครั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติจัดการฝึกอบรมเรื่องการก่อร้ายสากล ซึ่งผู้เข้ารับการฝึกเช่น นายตำรวจที่คุมหน่วยกำลัง อย่างหน่วย 191 นายทหารหน่วยกำลังระดับ ผบ.พัน และผู้บังคับการกรม โดยมีทีมต่อต้านการก่อการร้ายจากเยอรมัน มาเป็นผู้ทำการฝึกให้
ผมเองเป็นเจ้าหน้าที่ไทยคนเดียว ที่ได้รับเชิญเข้าไปร่วมทีมครูฝึกเยอรมันด้วย และถึงวันนี้แม้ตัวเองจะเป็นข้าราชการบำนาญแล้ว ก็ไม่เคยละความสนใจในศาสตร์นี้ รวมทั้งเคยเขียนตำรับตำราในเรื่องการก่อการร้ายด้วย
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อมีการเข้ายึดสนามบินปักษ์ใต้ 3 สนามบินปีกลายนั้น ทำให้ผมต้องติดตามสถานการณ์ตลอด และก็ทราบข้อมูลมากพอสมควร จนสามารถระบุตัวผู้เป็นแกนนำในการกระทำความผิดได้ด้วยซ้ำไป เพราะไม่ใช่เรื่องลึกลับซับซ้อนอะไรเลย อีกทั้งผู้กระทำความผิดยังเหิมเกริม แสดงตัวโดยเปิดเผยด้วย จึงทำให้รู้ว่าเจ้าตัวสังกัดพรรคการเมืองใด
ดังนั้น ผมจึงเขียนบทความขึ้น เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2551 ลงในหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์รายวัน และ www.vattavan.com ชี้ให้เห็นบทกฎหมาย ที่เกี่ยวกับการก่อการร้ายเพื่อเป็นการปรามผู้กระทำผิด ซึ่งยังไม่สำเหนียกว่า บทกฎหมายใหม่นั้นเขาว่าอย่างไร? บทความนั้นชื่อ ว่า
“ประชาธิปัตย์จงฟัง อย่าให้คนเขาลือกันว่าเป็น...พรรคก่อการร้าย!!!”
เห็นไหมครับว่า ผมเตือนเอาตรงๆ เลย และขอยืนยันว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีคอลัมนิสต์ หรือหนังสือพิมพ์ฉบับใด เขียนถึงโทษร้ายแรงของการยึดสนามบิน ที่กฎหมายได้กำหนดโทษไว้สูง ถึงขั้นประหารชีวิต และยึดทรัพย์ เพราะมันเป็นเรื่องใหม่ ที่ผู้คนยังไม่สนใจนัก
ฉะนั้น บทความของผมเป็นบทความแรก ที่เขียนจุดพลุ แจกแจงให้ผู้คนในบ้านนี้เมืองนี้ได้เห็นกันชัดๆ จนฮือฮากันใหญ่ จนต้องนำไปลงในหนังสือ “นินทาประชาธิปัตย์ พรรคดักดาน” วันนี้จึงตัดมาให้อ่าน และขอได้โปรดพิจารณาโดยละเอียด ซึ่งผมเขียนเอาไว้อย่างนี้ครับ...

...แม้พรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีผลงาน ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนให้เห็นเป็นรูปธรรม แถม กทม.ที่คนของพรรคมีโอกาสเข้าไปบริหารในยุคที่ผ่านมาหมาดๆ ยังอุดมไปด้วยเรื่องทุจริต ที่โผล่ออกมาให้ผู้คนได้ตกใจกัน...
...แต่ที่กลับมาโดดเด่นมาก ในระยะนี้ ก็คือ
การที่แสดงออกถึงการ "จับมือ" กันอย่างแน่นแฟ้น ระหว่างฝ่ายค้านดักดานพรรคนี้ กับแก๊งกบฏสังคัง เช่น
- ส.ส.ของพรรค ไม่สมัครใจเล่นการเมืองในสภา แต่กระโจนไปขึ้นเวที ดำเนินการเป็นแกนนำในแก๊งกบฏ
- ส.ส.สอบตกแห่กันเข้าไป เป็นตัวจักรในม็อบสังคัง...กว่าครึ่งโหล
- ผู้แทนราษฎรพรรคเก่าแก่นี้ แห่กันไปเชียร์ฝ่ายกบฏติดขอบเวที สนับสนุนกันออกนอกหน้า อย่างเกรียวกราวเอิกเกริกโดยไม่ปิดบัง แถมคนสำคัญของพรรคยังไปแจมบนเวทีกับเขาด้วย
- ถูกกล่าวหาโดยมีหลักฐานชัดเจน ว่า มีสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ถูกจับกุม เพราะร่วมขบวนการ บุกรุกเข้ายึดทำลาย NBT อีก 8 คน
- มีข้อมูลจากฝ่ายข่าวกรอง ของรัฐบาลว่า สมาชิกพรรค ป.ช.ป.ในต่างจังหวัด สนับสนุนการดำเนินการชุมนุม "ม็อบสังคัง" ของ "กบฏเส็งเคร็ง" ด้วยการจัดหาผู้คนเข้าร่วมการชุมนุมกับม็อบสังคังใน กทม. มีหลักฐานทั้งภาพถ่าย และภาพเคลื่อนไหว บางส่วนผู้สื่อข่าว ได้นำออกแสดงทางโทรทัศน์ ให้ผู้คนทางบ้านเห็นด้วยซ้ำ!
อย่างนี้เป็นต้น


การเดินเกมการเมืองนอกสภา ของพรรคประชาธิปัตย์ ดังที่ได้แจงให้ฟังกันนี้ ได้ก่อให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นมา ในบ้านเมืองนั้น ยังไม่ร้ายกาจเท่ากับเสียงร่ำลือกันหนาหู เรื่องพรรคเก่าแก่นี้ ตกเป็นที่ต้องสงสัยของผู้คน ว่า
อยู่เบื้องหลัง...การยึดสนามบิน ที่ภาคใต้ของประเทศ!
นี่เป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬาร แต่มาถึงวันนี้ ผู้คนบ้านเราพูดถึงราวกับว่า มันเป็นเรื่องไม่ใหญ่ และไม่แตกต่างอะไรกับการกระทำความผิด ของบรรดาสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ 8 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องหา ในการบุกเข้ายึดสถานีโทรทัศน์ NBT
เรื่องอย่างนี้ ฝรั่งต่างด้าวท้าวต่างแดนถือว่า "เป็นเรื่องใหญ่นัก ยอมกันไม่ได้!" เพราะการใช้กำลัง เข้ายึด "สนามบิน-นานาชาติ" นั้น สังคมระหว่างประเทศเขาถือว่า เป็นการ
"ก่อการร้าย!"
หรือพูดให้เต็มยศหน่อย คือ "การก่อการร้ายสากล!!"
เดิมประเทศของเรานั้น ก็ไม่ได้มีบทบัญญัติในเรื่องนี้เป็นพิเศษ แต่ปัจจุบันนี้ ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 บัญญัติให้การกระทำลักษณะนี้ เป็นการ "ก่อการร้าย" เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ
ดังนั้น หากการสอบสวนอย่างจริงจัง แล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่า การยึดสนามบินครั้งนี้ หากมีพรรคการเมืองใดๆ ไม่ว่าจะเป็นก๊วนเก่าแก่ หรือกลุ่มการเมืองใหม่ที่ไหนก็ตาม ดันไปหนุนหลัง การกระทำเช่นว่านั้นเข้าแล้ว แม้คนไทยจะให้ความสำคัญน้อย

...แต่โลกอารยะ ยอมรับไม่ได้เด็ดขาด!
นี่จึงเป็นเรื่องที่ใหญ่มหึมา และมีความสำคัญมาก จึงต้องขอแจ้งเตือน ไปยังบรรดาสมาชิกพรรคของนายอภิสิทธิ์ฯ ให้รับทราบทั่วกันว่า
ประเทศมหาอำนาจเขามีหน่วยงานข่าวกรอง ที่ทรงประสิทธิภาพยิ่ง นึกหรือว่าพวกเขาจะไม่รู้เลย เชียวหรือว่า
นักการเมือง พรรคการเมืองใด ที่อยู่เบื้องหลังการยึดสนามบิน!?
กลุ่มการเมืองไหน ธนาคารใด ที่เอื้อเฟื้อเงินทอง สนับสนุนการก่อการร้าย และเป็นตัวการชักใย ให้มีการทำลายเมืองไทยของเรา ได้อย่างโหดร้ายอย่างนี้?

จึงต้องขอบอกกล่าวย้ำ ไปถึงนายอภิสิทธิ์ฯ จงฟังเอาไว้ให้ดี ว่า
ข้อหาก่อการร้ายนั้น เป็นความผิดมูลฐานของกฎหมายฟอกเงิน ที่เพิ่งเพิ่มเข้าไปใหม่เป็น ความมูลฐานที่ 8 ซึ่งจะต้องติดตามมา ด้วยการ....
ยึดทรัพย์ ของทั้งผู้ก่อการ ผู้ร่วมหรือสนับสนุน การกระทำความผิด!
ไม่รู้ว่า นักการเมืองพรรคฝ่ายค้าน รวมทั้งนายทุน นายธนาคาร ที่กำลังถูกระแวงสงสัยว่า ได้มีส่วนในการสนับสนุนการก่อการร้าย นั้น
สำเหนียกกัน บ้างหรือเปล่า?
ผมเชื่อว่า หากทางการเปิดการสอบสวนขึ้น และดำเนินการ อย่างตรงไปตรงมา ด้วยความกล้าหาญและจริงจัง และเมื่อการสอบสวนกระจ่างแล้ว เผลอๆอาจมีคนดังหลายๆคน ถูกกล่าวหาในข้อหา "ก่อการร้าย หรือสนับสนุนการก่อการร้าย"
ไม่เชื่อก็ต้องคอยดูกันไป เพราะอายุความนั้น ยังอีกยาวไกลนัก!

สำหรับข้อหาเรื่องการก่อการร้ายนั้น
ต้องขอเตือนนาย
อภิสิทธิ์ฯในฐานะหัวหน้าฝ่ายค้านดักดาน พึงตระหนักให้จงดีว่า
เมื่อข่าวแพร่ออกไป และประชาคมโลกได้ล่วงรู้ถึง ข้อสงสัยของเรื่องการเล่นการเมือง แบบเอาความมั่นคงของชาติ มาเป็นเดิมพัน โดยมีสมาชิกพรรคร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มแกนนำกบฏ พร้อมพยานแวดล้อมอื่นๆ ประกอบกับมีเสียงเล่าลือ ของผู้คนที่มีความเคลือบแคลงใจว่า
พรรคเก่าแก่อาจมีส่วนสนับสนุน ในการยึดสนามบิน อันเป็นการกระทำที่กฎหมายบัญญัติ ในหมวดความผิดฐานก่อการร้ายนั้น ใช่แต่คนไทยเราเท่านั้น ที่จะรับไม่ได้
แต่สังคมโลก ก็ยอมรับกันไม่ได้...เด็ดขาด!

เมื่อมีข้อสงสัยและหลักฐานสนับสนุนต่างๆนานาๆ นี่เองอาจเป็นสาเหตุที่พรรคซึ่งนายอภิสิทธิ์เป็นผู้นำ ตกเป็นเป้าที่สื่อต่างชาติวิพากษ์วิจารณ์ให้อื้ออึง ตัวอย่างที่เห็นกันจะจะ คือ The Economist ที่ออกมาวิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ ในทางลบอย่างแรง
นายมาร์ค ม.7 จึงต้องคิดให้ดีว่า
พรรคฝ่ายค้านของตนนั้น จะมีภาพลักษณ์อย่างไร ในสายตาของสังคมระหว่างประเทศ ?
ลองไปใคร่ครวญเอาเอง ก็แล้วกัน เพราะโตๆกันแล้ว!
ผมเชื่อว่า จะต้องมีคนเผยแพร่บทความนี้ ไปยังประชาคมโลก ไม่ว่าจะเป็นสถานทูต องค์กรระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ เพื่อแจ้งให้โลกอารยะ ได้รู้ซึ้งถึงสันดาน ของพรรคการเมืองฝ่ายค้านดักดานของประเทศไทย
ที่ชื่อ..."ประชาธิปัตย์"
แล้วมาคอยดูผลลัพธ์ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ กันให้ดีๆ!!!

นั่นคือข้อความทั้งหมด ที่ผมได้เขียนไว้ หลังการยึดสนามบินภาคใต้ ก่อนเหตุการณ์ยึดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิซึ่งส่งผลให้ประชาธิปัตย์ ได้เป็นรัฐบาลในเวลาต่อมา
มาถึงวันนี้ บรรดาสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่เข้าไปร่วมยึดสนามบิน กำลังจะต้องถูกดำเนินคดี พร้อมๆกับการที่นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ออกมาลอยหน้าลอยตา จีบปากจีบคอพูดว่า
จะไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง ที่เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ โดยไม่แคร์ว่ามิตรประเทศไหนเขาจะรังเกียจ ไม่สนใจใยดีอะไรทั้งนั้น...จึงไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายเลย
ไม่แปลกอีกเหมือนกัน ที่รัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์จะออกมาเป็นคอรัสสอดประสานเสียงกับนายกษิตว่า ยังไม่ถูกฟ้องต่อศาล ควรรอให้ถูกฟ้องศาลเสียก่อน จึงค่อยลาออกก็ได้
ผู้สูงอายุอารมณ์ดีท่านหนึ่งที่ผมรู้จัก ได้ยินเข้าถึงกับหัวร่องอหาย ท่านพูดยุส่งไปเลย ว่า
“อยู่แม่งไปเลย! ศาลฎีกายังไม่ตัดสิน พวกมึงยังอยู่ได้ ไม่เป็นไรหรอก...ไอ้สันดาน!!”
ผมเห็นด้วยกับคนพูด เพราะสันดานประชาธิปัตย์มันเป็นอย่างนี้ คือ ต้อง ‘ยื้อ’ กันให้ถึงศาลฎีกา ไม่ยอมสำนึกผิดต่อการกระทำของตน เช่นเรื่องซื้อเสียง จนศาลฎีกาจำคุก อดีต ส.ส.ไป 1 ปี ตัดสิทธิ 10 ปี แต่กว่าจะรู้ผลคดีก็กินเวลา 10 ปี
หรืออย่างโครงการแจกที่ดินคนรวย กรณี สปก.4-01 เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ซึ่งศาลฎีกาสั่งยึดคืนที่ดิน ที่บัดนี้มีสนนราคาสูงกว่าหมื่นล้านบาท แต่ก็กินเวลานานนับเป็น 10 ปี
กว่าจะงัดเอาชิ้นเนื้อก้อนโต...ออกจากปากหมาได้!
ดังนั้น การที่นายกษิตฯไม่ยอมลาออก และนายมาร์ค
มุกควาย ก็วางเฉย ไม่กล้าปลดคนเจ้าปัญหาออกจากตำแหน่ง ด้วยเกรงอิทธิฤทธิ์พันธมารนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่...
มันสอดคล้อง...กับสันดานประชาธิปัตย์เอง!

content/picdata/159/data/photo_apisit2.jpg

อยากจะให้ท่านผู้อ่าน ลองพิจารณาว่า
ในขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ยึดกุมอำนาจ และมีรัฐมนตรีที่อ้างว่าเป็นสมาชิกพรรคของตัวเอง ต้องหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายนั้น มันมันร้ายแรงเสียยิ่งกว่า ข้อกล่าวหาอื้อฉาวบางเรื่อง เช่น
...รัฐมนตรีผู้ชายถูกกล่าวหาว่า ไปมีเพศสัมพันธ์กับโสเภณีหรือละเมิดประเวณีกับเมียสมาชิกเพื่อนร่วมพรรค หรือรัฐมนตรีชายถูกกล่าวหาว่าวิปริตผิดเพศ
...เพราะไปอม ‘กระเจี๊ยว’ เด็กผู้ชายเข้า!
ข้อหาข้างต้นนั้น มันดูจิ๊บจ๊อยไปเลย ถ้าท่านนำไปเปรียบเทียบกับข้อหาก่อการร้าย แต่หากเป็นฝรั่ง หรือหน้าบางและพอมีสปิริตหลงเหลืออยู่บ้าง เขาก็ลาออกกันแล้ว ตัวอย่างในชาติประชาธิปไตยก็มีให้เห็นกันเยอะแยะ แต่ข้อหาก่อการร้ายที่ถือกันว่าเป็นสากล อย่างการยึดสนามบินนั้น ชาติไหนๆเขาก็รังเกียจอย่างยิ่ง ไปประชุมที่ไหนผู้คนเขาคงเบือนหน้า ไม่ยินดีต้อนรับ
“รัฐมนตรี ผู้ก่อการร้าย”
เอาคำว่า ‘ก่อการ’ ออกไป เหลือแต่ “รัฐมนตรีผู้ร้าย”
หรือเรียกกันให้สะใจคือ
“ไอ้รัฐมนตรี...ผู้ร้าย!”
ที่สำคัญยิ่งขึ้นไปอีกที่นายอภิสิทธิ์ หรือ นายมาร์ค มุกควาย ควรคิดให้มากก็คือ
พรรคประชาธิปัตย์นั้น อยู่ในฐานะที่เป็นแกนนำรัฐบาล ควบคุมองค์กรตำรวจ อาจถูกกล่าวหาได้ง่ายๆว่า มีอำนาจให้คุณให้โทษกับพนักงานสอบสวนได้ หรือสามารถบีบบังคับพนักงานสอบสวน ให้เปลี่ยนแปลงทิศทางหรือแนวทางการสอบสวน ทำให้การสอบสวนบิดเบี้ยวเสียหายได้
ผมพูดให้ฟังจะแจ้งอย่างนี้แล้ว ถ้าหากนายมาร์ค มุกควาย ยังคิดไม่ได้ เพราะคิดเองไม่เป็น หรือมีเงื่อนไขอื่นบีบบังคับ ไม่ว่าจะเป็นความลับ ที่คนเขาลือกันหนาหูว่า ฝ่ายพันธมารต้นสังกัดที่แท้จริงของรัฐมนตรีเจ้าปัญหายึดกุมอยู่ (ที่ผู้คนเชื่อว่า เปิดผางออกมาเมื่อใด ประชาธิปัตย์ฉิบหายเมื่อนั้น!) หรืออิทธิพลที่ลักเปิดลักปิดของฝ่ายที่คิดว่า บ้านเมืองเป็นของพวกเขาเท่านั้น ประชาชนคนรากหญ้าไม่เกี่ยว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็คงต้องปลง ว่า

เป็นเคราะห์กรรมของสยามประเทศ และคนไทยทั้งหมดในบ้านนี้เมืองนี้โดยแท้ ที่ดันโชคร้ายต้องมาพบผู้บริหารประเทศสองแสบ ทั้ง “รัฐมนตรี-กะแสบ” และ “นายก-อภิแสบ”...

“ไอ้รัฐมนตรีผู้ร้าย กับนายกฯ โลซก!!!”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก