ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันศุกร์, สิงหาคม 07, 2552

พ.ต.ท.ดร.ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ รองผู้กำกับการกลุ่มงานอุทธรณ์และฎีกาคดี กองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเขียนถึงผู้ชายคนนี้: พล.

ที่มา http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=jurisprudence&date=16-02-2007&group=24&gblog=6
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์

ขอเขียนถึงผู้ชายคนนี้: พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์

วันนี้ ผมขอเขียนถึงผู้ชายครับ .... ผู้ชายคนนี้ คือ คนที่คุณ "สนธิ" แห่งสำนักกระดาษเปื้อนหมึก เคยชี้วงการสีกากีควรยกเลิกระบบอาวุโส และ เพราะ พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ จะเป็น ผู้บัญชาการตำรวจที่ดีที่สุดในประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2547 คลิ๊กอ่านฉบับเต็มได้ที่นี่ ครับ


สโรชา– คุณผู้ชมค่ะ เราเคยคุยกันมาแล้วนะคะเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ถึงการแต่งตั้ง พล.ต.ท.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติซึ่งคุณสนธิได้เล่าให้เราฟัง ถึงหลายๆ แง่มุมในตอนนั้น แต่มาถึงตอนนี้คงต้องมีภาค 2 แล้วค่ะ เพราะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และมีการร้องเรียนด้วยว่าเป็นการแต่งตั้งข้ามอาวุโส

สนธิ – ธรรมดาแล้วในการแต่งตั้งหลายๆ ครั้งที่มีลักษณะแบบคุณเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ คือว่า ข้ามอาวุโส ก็จะมีคนทักท้วง แต่ทักท้วงพักหนึ่ง ก็หยุดไป ทุกครั้งเลยนะครับเหตุผลที่หยุดไปก็เพราะว่า ยอมรับสภาพ สภาพ ตรงที่ว่าบางครั้งความเหมาะสม ความสามารถ ผลงาน จะสูงกว่าความมีอาวุโส ก็เงียบไป ยกเว้นครั้งนี้ครั้งเดียว ซึ่งรู้สึกจะเป็นครั้งเดียวที่ผมเพิ่งเห็น ว่าได้มีการทำเรื่องถึง ผบ.ตร.สันต์ และทำเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมา ... ทีนี้ต้องย้อนกลับมาถึงเรื่องการแต่งตั้งนิดนึง เพื่อพูดโดยภาพรวมก่อน คือหลักการแต่งตั้งเนี่ย ในวงการตำรวจและวงการราชการทั่วไป ผมเอาเฉพาะวงการตำรวจก็แล้วกันเขาจะยึดหลักอาวุโส หลักความสามารถ หรือผลงานและหลักความเหมาะสม อาวุโสก็คือว่าขึ้นมามีอาวุโสในตำแหน่งนี้ กี่ปีแล้วอันดับที่เท่าไหร่นะครับ ... แต่ถ้ายึดหลักอาวุโสอย่างเดียวจะเป็นธรรมกับข้าราชการ แต่แน่ใจว่าเป็นธรรมกับประชาชนผู้รับบริการจากรัฐหรือเปล่า








ถามว่า เหตุใด ผมจึงจะต้องเขียนถึง ท่าน พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ หลายคนเห็นนามสกุลท่าน แล้วก็คงจะตั้งข้อรังเกียจไว้ก่อน เพราะคงจะจำได้ท่านเป็นพี่ชายของคุณหญิงพจมานฯ ซึ่งก็คือ ภริยา ท่านทักษิณฯ ที่ถูกคณะปล้นประชาธิปไตย ยึดอำนาจจากประชาชาวไทยไปนั่นเอง ... ผมเขียนถึงท่าน เพราะมีหลายเหตุผล ดังจะได้กล่าวถึงดังต่อไปนี้ครับ ...

ผมรู้จัก พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ฯ ตั้งแต่ผมยศ ร.ต.ท. กลาง ๆ ก่อนจะได้เป็น ร.ต.อ. ประมาณปลายปี ๔๐ เห็นจะได้ และได้ทำงานใกล้ชิดกับท่านในระดับหนึ่ง ในขณะที่ท่านเป็น พล.ต.ต. ในตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ในขณะนั้น ท่าน พล.ต.อ.เสรีฯ เป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ( ผบช.ก.)

พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ฯ ที่ผมรู้จัก คือ คนที่เสียสละ เงินทองส่วนตัว ช่วยเหลืองานตำรวจ ออกค่าใช้จ่ายส่วนตัว สืบสวนสอบสวน คดีต่าง ๆ ที่ สถานีตำรวจท้องที่ ไม่สามารถดำเนินการได้เอง หรือ เป็นคดียุ่งยาก ต้องใช้เทคโนโลยีสูง ๆ ในการค้นหาพยานหลักฐาน คดี ๆ หนึ่ง ๆ ถ้าจะว่ากันไป ตำรวจต้องใช้เงินหลายแสนบาท ในการคลี่คลายคดี ซึ่งท่าน พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ฯ ควักกระเป๋า ส่วนตัวจ่ายเองทั้งสิ้น

ท่าน พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ฯ เป็นคนเรียบง่าย ไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง ไม่มีระบบเจ้าขุนมูลนาย ในสำนักงาน ท่านกินง่าย แต่งตัวด้วยเสื้อซาฟารีเก่า ๆ ที่ใช้มาหลายปี จนกระทั่ง ภริยาของท่าน ต้องขอให้เปลี่ยน ไปไหนมาไหน ท่านก็ไม่ได้แขวนเสื้อตำรวจไว้ในรถยนต์ หรือ ถ้าแขวนก็เอาถุงคลุมจนมิด ไม่มีตรา หรือ เครื่องหมายใด ๆ แสดงให้เห็นถึงว่า เป็นรถยนต์ตำรวจ เพื่อได้อภิสิทธิ์จากคนในเครื่องแบบด้วยกัน

ท่าน พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ฯ เป็นมีน้ำใจ กล้าหาญ ท่านรู้ว่าข้าราชการตำรวจมีเงินเดือนน้อย งานหนักหากทุ่มเทการทำงานอย่างจริงจัง ท่านจึงควักกระเป๋าส่วนตัว จ่ายเงินอุดหนุนข้าราชการตำรวจที่ทำงานกับท่าน เดือนละไม่ต่ำกว่า ๕,๐๐๐ บาท ต่อคน ต่อเดือน (ในปี ๒๕๔๐) ซึ่งมีค่ามหาศาล

ท่าน พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ฯ เป็นคนกล้าหาญ ท่านสืบสวนคดีสำคัญ ๆ ที่ประเทศไทย จนแต้ม สืบสวนไม่ได้สำเร็จ และจะต้องเสียความน่าเชื่อถือ ในหลาย ๆ คดี เช่น คดีจับกุม พรรคพวก ของราชายาเสพติดรายใหญ่ หรือ บังรอน ในปี ๒๕๔๒ และคดีจับกุม มือปืนรับจ้าง ที่ฆ่า นายไมเคิล เออวันสะเล่ย์ ผู้ตรวจสอบบัญชี โรงงานน้ำตาล ที่ นครสวรรค์ ซึ่งกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาก ๆ ถ้าหากประเทศไทย ไม่ติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี รวมถึงสืบสวนจับกุมคดีสำคัญ ๆ อื่น ๆ อีกมากมาย

ท่าน พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ฯ ในขณะไปสืบสวนหาข่าว เพื่อจะจับกุมคนร้าย ท่านเกาะติดอยู่กับลูกน้องตลอดเวลา ท่านนั่งเฝ้าระวังเข้าจุด ฯลฯ ทั้งคืน เหมือนที่ พลตำรวจ และ นักสืบร่วมทีมของท่านทำ ซึ่งท่านทำเช่นนี้ มาตั้งแต่ เป็น ร้อยตำรวจตรี จนถึง พลตำรวจเอก ... ผมไม่มีทราบว่า จะมีข้าราชการตำรวจระดับผู้ใหญ่ หรือ ข้าราชการทหาร ในคณะปล้นประชาธิปไตย จะทำได้เสี้ยวหนึ่งของท่านหรือไม่

ท่าน พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ฯ ในขณะจะเข้าจับกุมคนร้าย ท่านแจกเสื้อเกราะกันกระสุนให้ลูกน้องหมด (เสื้อเกราะที่ท่านหาซื้อมาเองหลายชุด) จนท่านไม่มีจะใส่ แต่ด้วยใจที่ห้าวหาญ ท่านก็บุกจับผู้ร้าย ด้วยตัวท่านเอง ก่อนใคร ๆ เช่นกัน ท่านคณะปล้นประชาธิปไตย เคยทำอะไรอย่างนี้หรือไม่ครับ ...

สุดท้าย กระผมขอสรรเสริญ ท่าน พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ฯ ในฐานะที่ท่านเป็นตัวอย่างในการทำงานสืบสวน และความเสียสละที่ดีของผมคนหนึ่งเลยละครับ ... ไม่ว่าท่านจะหมดอำนาจ วาสนา ไปแล้วหรือไม่ ผมก็ยังเคารพท่านเช่นเดิม และตลอดไปครับ

น่าเสียดาย ที่ท่านถูกคำสั่งของคณะปล้นประชาธิปไตย ให้ไปเป็นข้าราชการพลเรือน ประจำสำนักนายกฯ ในข้อหา "เพื่อความเหมาะสม" ตามคำสั่งที่ผมสำเนามาท้าย บทความนี้ .... ผมอยากทราบจริง ๆ ว่า ท่านผิดอะไรหรือครับ .... ผิดที่เสียสละมากไป หรือ ทุ่มเทชีวิตให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มากไปหรือครับ .... ท่านคณะปล้นประชาธิปไตย ช่วยไขปัญญาอันทึบ ๆ ของผมหน่อย






ความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น

คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้มีคำสั่ง ที่ 11/2549 เรื่องให้ข้าราชการมาปฎิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ความว่า

เพื่อความเหมาะสมและประโยชน์แก่ราชการ อาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 11(4) แห่ง พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน 2534 หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในฐานะเป็นผู้ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรี ตามประกาศ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 4 เรื่องอำนาจการบริหารราชการแผ่นดิน จึงมีคำสั่งให้

1.พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ นักบริหาร 11

2.พล.ต.ต.พีระพันธ์ เปรมภูติ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นักบริหาร 11

3.พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

4.พล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรีโดยให้ได้รับเงินเดือนตามสังกัดเดิมไปพลางก่อน ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ขณะเดียวกันให้พลโทไวพจน์ ศรีนวล ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ กองบัญชาการทหารสูงสุด กระทรวงกลาโหม ไปปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และให้รับเงินเดือนจากต้นสังกัดเดิมไปพลางก่อน

สั่ง ณ วันที่ 21 กันยายน พุทธศักราช 2549

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน


....................................................................................................................
จากบทความของ ...Web Master กต.ตร.
...รายละเอียด เรื่องที่ คนหนีทหารอย่าง ไอ้มาร์ค ไม่เข้าใจ

พล.ต.ท.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ชื่อเล่นชื่ออ๊อฟ ถ้าเราจะวัดคนคนหนึ่ง เกิดเดือนพ.ย. 2494 ปีนี้อายุ 52 ปี
เกษียณอายุ 2555 อีก 8 ปีเกษียณ ถามว่าเขาอายุน้อยไปไหม ที่เป็นรองผบ.ตร. อายุคนที่เป็นรองผบ.ตร. อายุ
52 ไม่ถือว่าเร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับนายตำรวจชื่อดังในอดีต ซึ่งส่วนใหญ่ขึ้นมาเป็นรองผบ.ตร.อายุ 52-53
พล.ต.อ.สนอง วัฒนวรางกูร เป็นรองอ.ตร. ที่มีบทบาทสำคัญในรัฐบาลชุดพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่ออายุ 52 ปี
และตอนนั้นก็เหลืออายุราชการอีก 8 ปีเหมือนกัน คุณประชา พรหมนอก ขึ้นเป็นรองอ.ตร.เมื่ออายุ 52 ปีเช่นกัน
ตอนนั้นเหลืออายุ 5 ปี พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ขึ้นมาเป็นรอง อ.ตร. เมื่ออายุ 53 ปี มากกว่า
คุณเพรียวพันธ์ 1 ปี พล.ต.อ.ณรงค์ มหานนท ขึ้นมาเป็นรอง อ.ตร.ตอนนั้นเมื่ออายุแค่ 50 ปีเอง
แล้วเหลืออายุราชการตั้ง 10 ปี เพราะฉะนั้นแล้วอายุไม่เกี่ยว สอง ความสามารถ
ตรงนี้ต่างหากซึ่งผมคิดว่าสังคมไทย ความโชคร้ายเพราะนามสกุลดามาพงศ์ เป็นพี่ชายของคุณหญิงพจมาน
แต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว คุณเพรียวพันธ์ เป็นคนทำงานดีมาก เป็นคนทำงานเก่งมากและที่สำคัญที่สุด
เป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่เคยไปแสดงอาการออก ไม่เคยเบ่งกับใคร ถ้าคุณเห็นเขาแต่งตัวนะครับ
เขาใส่เสื้อซาฟารีเก่าๆ ตัวหนึ่ง ไปไหนมาไหนขับรถด้วยตัวเอง ทั้งๆ ที่โดยพื้นฐานแล้ว
เขามีน้องสาวซึ่งเป็นมหาเศรษฐี เป็นแสนล้านแต่เขาไม่เคยแสดงออกอะไรเลย และคนที่ทำงานกับเขา
ทุกคนชอบเขาหมด เพราะเขาเป็นคนที่รักลูกน้อง และเขาลุยถึงไหนถึงกัน เขาผ่านงานมาหมด เขาผ่านงานนครบาล
เขาผ่านงานสอบสวนกลาง เขาผ่านงานปราบปรามยาเสพติด เขาเป็นตำรวจฝ่ายปฏิบัติการ เขาไม่เหมือนคนบางคน
ซึ่งชีวิตทั้งชีวิต นั่งอยู่หน้าห้องนายและได้เป็นใหญ่ขึ้นมา เขาลุยมาหมด ถ้าเขาจะโชคร้าย ณ วันนี้
เขาโชคร้ายเพราะเขาเป็นพี่ชายของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร แต่พูดถึงคุณสมบัติเรื่องความสามารถ
ตัดเรื่องอายุออกไปอธิบายแล้ว เขาขึ้นได้ รองผบ.ตร. แล้วถ้าถามอยากให้เขาเป็นผบ.ตร.ไหม
ไม่ใช่เพราะเขาเป็นพี่ชายของคุณหญิงพจมาน เพราะเราจะได้ผบ.ตร.คนแรกในประเทศไทยที่ซื่อสัตย์สุจริต
เพราะเขารวยมากและชีวิตที่เขาใช่ เขาสมถะ เขาไม่เคยโชว์ออฟในเรื่องความร่ำรวยของเขาเลย
ไม่โชว์ออฟด้วยการแต่งตัว เขาไปไหนมาไหนด้วยความสมถะ และเขาเห็นอกเห็นใจผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา
ทำงานเก่งมาก ถ้าเรามีคนอย่างนี้ ตำรวจจะเจริญ แต่วันนี้สังคมมากล่าวหาว่า
เพราะเขาเป็นพี่ชายของคุณหญิงพจมาน




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก