http://www.matichon.co.th/mtc-flv-window.php?newsid=1240469716
..................................... http://www.matichon.co.th/mtc-flv-window.php?newsid=1241085155 |
|
..................................... http://www.matichon.co.th/mtc-flv-window.php?newsid=1241085155 |
|
|
|
เสียงจากผู้ชุมนุม 2 รายที่ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดงในช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 เมษายน 2552 และพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึกจนถึงวันให้สัมภาษณ์คือวันที่ 27 เมษายน พวกเขาเล่าถึงเหตุการณ์ที่พวกเขาประสบ และแรงผลักดันที่ทำให้เขาเข้าร่วมชุมนุมในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนยังไม่ได้รับการติดต่อจากหน่วยงานภาครัฐในเรื่องการจ่ายค่าชดเชยแต่อย่างใด แม้ทางโรงพยาบาลระบุจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ขณะเข้าสัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณ์ไม่ได้แสดงตัวเป็นสื่อมวลชนต่อพยาบาล ในภายหลังจึงถูกพยาบาลต่อว่าเนื่องจากพยาบาลระบุว่าต้องส่งรายงานให้กับ ผอ.โรงพยาบาลด้วยหากมีสื่อมวลชนเข้าสัมภาษณ์ อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตพยาบาลให้การดูแลพวกเขาอย่างดี เป็นกันเอง และก่อนหน้านี้มีผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนบ้าง ทั้งนี้ รายชื่อและข้อมูลของพวกเขาก็ได้จากกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อครั้งไปชุมนุมที่ท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 25 เมษายน
สนอง พานทอง
ช่างซ่อมรถ อายุ 34 ปี
“พอทหารเริ่มสลาย ผมอยู่ตึกพีเอ็ม ไปหาเพื่อน ยังไม่ทันดับเครื่องรถ เพื่อนบอกสลายแล้ว ก็เลยพากันบึ่งมา มาถึงแก๊สน้ำตามันเริ่มจางแล้ว เห็นมีรถเมล์จอดขวาง ก็เดินมาเรื่อยผ่านรถเมล์ ปรากฏว่าทหารก็ยิงปืนขึ้นฟ้ารัวๆ พวกเราก็หมอบลงกับพื้น แล้วก็คลาน หมอบ คลาน หมอบ คลาน อย่างนี้ พอเงียบไปซักพัก เหมือนเขายิงหมดแม็กแล้วก็เปลี่ยนกระสุน เงียบไปซักพัก ก็ลุกขึ้นวิ่งใส่เขาเลย บางคนก็วิ่งไปหลบตามต้นไม้ไป วิ่งเข้าใส่เขาด้วยกำปั้นเปล่าๆ นี่แหละ พอชุดที่สองดัง ก็มีเพื่อนเราโดน ที่เห็นๆ คือเลนฝั่งขวาที่มีเกาะกลางกั้น มีร่วงหลายคน ทีนี้มันเลยกลายเป็นความโกรธ เอ๊ะ กูมามือเปล่านะ มึงยังยิงพวกกูอีกเหรอ ที่เราขว้างเราก็มีแค่หินกับไม้ คุณคิดดูว่าไม้ ระยะขว้าง 10 กว่าเมตร มันจะแรงได้แค่ไหน เขาก็มีโล่”
“ตอนที่ผมโดนยิงนี่ วิ่งไปวิ่งมา ไปอยู่ห่างไม่เกิน 20 เมตร คิดดูรถทัวร์คันนึงยาว 12 เมตรนะ ผมเข้าใกล้จนเห็นเลยว่าทหารตั้งอยู่ 3 แถว แถวแรกเป็นไอ้เณรถือโล่ แถวสองนี่ปืน แถวสามตามเก็บ มันจะมีรถยีเอ็มซีวิ่งตามตูดมาห่างๆ ที่ผมโดนยิงก็คือว่า ผมจะเข้าไปดึงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง คุณเห็นกระสุนที่เขายิงขึ้นฟ้าไหม เขาเรียก กระสุนสองวิถี ก็คือกระสุนจริงนั่นแหละ กระสุนนี้มันมีสารอะไรบางอย่าง พอยิงแล้วมันจะมีเป็นแสงด้วย ปกติมันจะยิงขึ้นฟ้า แต่ผมอยู่หลังต้นไม้ เห็นมันมีอยู่ 2 นัดที่วิ่งมาในแนวราบ แล้วเด็กหนุ่มที่เดินหน้าผม เขาถอดเสื้อแล้วก็ก้าวขาจากฟุตบาทลงไปบนถนน ผมก็เป็นห่วงเขาก็เลยจะดึงเขาเข้ามาหลบ พอก้าวไปเขาก็โป้งเข้าขาผมเลย”
“ผมก็ตะโกนว่า เฮ้ย ผมโดนยิง พวกเราก็รีบเข้ามาช่วย เอามอเตอร์ไซด์มา ผมบอก โอ๊ย ขึ้นไม่ได้หรอก ผมโดนยิงขา โดนยิงลูกสะบ้า ขยับขาไม่ได้ ก็พยายามเก็บไม้แถวนั้นจะเอามาดามกัน ระหว่างนั้นทหารก็กรูเข้ามาอีก ทุกคนก็หนีหมด เหลือไอ้รัก (ไม่ทราบสะกดอย่างไร-ประชาไท) อยู่คนหนึ่ง เพื่อนผม มันไม่ได้โดนยิงโดนอะไร มันทิ้งผมไม่ได้ พอกอดคอผมได้มันก็พาผมโดดลงน้ำครำ สัญชาตญาณเอาตัวรอด ทั้งๆ ที่รู้ว่าหนีลงน้ำก็ไม่รอดหรอก ทหารมาก็ยิงตามลงไปอีก 2 นัด แต่ไม่โดน แล้วเขาก็ลากผมขึ้นมา ผมบอก พี่ ผมโดนยิง เขาบอกเดี๋ยวกูเอาส่งโรงบาล เขาก็มาส่งจริงๆ โรงบาลนี้แหละ”
“พอมาถึงปุ๊บ พวกพลเปลเขาก็เตรียมจะเอาผมลง มันก็ออกรถเลย แล้วก็เอาผมไปขังไว้ที่ พล 1 ร.อ. จนถึงแปดโมงเช้า โดยไม่ได้ปฐมพยาบาลอะไรเลย แล้วมันก็ลากผมออกมาสอบ ลากนะ หิ้วปีกสองข้างลากมา ขาก็ถูกับพื้น เลือดก็ไหล แล้วก็วางผมกองไว้กับพื้น (เสียงเริ่มสั่น) เขาก็จะสอบ แต่พอดีเห็นสภาพผมไม่ค่อยไหวแล้ว ไม่มีสุนัขตัวไหนมันพูดอะไรเลย เผอิญทหารเสนารักษ์เขาผ่านมา เขาก็เลยปฐมพยาบาลให้ ห้ามเลือด เขาก็ถามว่าทำไมไม่เอาผมไปส่งโรงบาลก่อน เขาโดนหนักนะ นั่นแหละ มันถึงได้เลิ่กลั่กๆ กัน แล้วก็มีนายทหารคนหนึ่งเข้ามา ในชุดเครื่องแบบสนาม แกก็บอก เออ น้องใจเย็นๆ เดี๋ยวพี่จะดูแลให้เต็มที่ แต่พี่ไม่มีอำนาจสั่งการอะไรนะ แล้วก็โทรหาระดับนาย นาน (เน้นเสียง) กว่ารถพยาบาลจะมารับผม รถพยาบาลก็ไม่ใช่ด้วย เป็นรถทหารนั่นแหละ แล้วก็เอามาส่ง ผมผ่าตัด 4 รอบแล้ว มันติดเชื้อ เพราะน้ำครำน่ะ....”
“ทำไมเราต้องขอพูดว่าสื่อไม่เป็นกลาง ก็สื่อไม่เป็นกลางจริงๆ แล้วผมก็ไม่เข้าใจแกนนำ คุณก็ไปที่ช่องสามเลยสิ เอาผมไปก็ได้ สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา เนี่ยอ่านข่าวที่นักข่าวเขาเสนอตามรัฐปาวๆ อะไรก็แดงผิดๆ นักข่าวเนชั่นมา ผมก็ตะเพิดไปแล้ว จะคุยทำแพะอะไร พวกเดียวกับสนธิ (ลิ้มทองกุล) ทั้งนั้น เด็กที่มาทำข่าวทำข่าวไปดี แต่พอไปถึงกอง บก.มันคนละเรื่องมาตลอด ผมก็ไม่รู้ว่าผู้ใหญ่ แกนนำเขาคิดยังไง ต่อสู้ยังไงแค่ชิงพื้นที่ทางสื่อก็ยังไม่ได้ ทั้งๆ ที่เรามีความจริงทั้งนั้น แต่เรากลับสู้เขาไม่ได้ ไม่เข้าใจ อย่างไทยรัฐ ก็ไปไล่จี้ดิ เอาผู้เสียหายเข้าไปเลย”
“หรือพวกที่เขียนเชียร์ประชาธิปัตย์อย่างนู้นอย่างนี้ แต่ถามว่าคนที่เขารักทักษิณเขาผิดหรือ นายกฯ ประเทศไทยมีมากี่คน มีเคยมีซักครั้งไหมที่ประชาชนเรียกร้องให้กลับมาแบบนี้ ฉะนั้น กรุณาเอาหัวแม่ตีนคิดหน่อยว่าเหตุมันเพราะอะไร แสดงว่าเขาก็ต้องมีส่วนดี และเพราะความไม่เป็นธรรมที่ผ่านมาใช่ไหม ก็ไม่รู้เหมือนกันพวกแกนนำคิดอะไร ไปเรื่อยๆ ไม่ on time, on target เลย ช่องสามเนี่ย (ชี้ไปที่โทรทัศน์ ที่กำลังเปิดรายการข่าวช่อง 3-ประชาไท) ผมมีทั้งลูกกระสุน มีใบรับรองแพทย์ ผมเอาแน่ แกนนำไม่เอา ผมเอาเอง”
“ยังไม่ได้เจอแกนนำใครเลย มีหมอเหวง (โตจิราการ) มา 3 นาทีก่อนผมผ่าตัด กับครูประทีป (อึ้งทรงธรรม) ก็มา พวกแกนนำ พวกเขาเป็นไอดอล มาให้กำลังใจซักหน่อยก็ดี หลายๆ ครั้งการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย นี่พูดไม่ได้อะไรหรอกนะ แต่มันไม่ค่อยมีหรอกที่แกนนำจะมาโดนยิงอย่างเรา เขาเป็นผู้นำทางความคิดก็เข้าใจ แต่ผมก็อยากเจอพวกวีระ (มุสิกพงศ์) ณัฐวุฒิ (ใสยเกื้อ) จตุพร (พรหมพันธุ์) ถามว่าท้อมั้ย ก็นิดหนึ่ง แต่ยังไงก็ต้องสู้ต่อ”
“ถามว่าออกมาสู้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ ตัวหรือใจล่ะ ถ้าใจก็ตั้งแต่บัง (พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน) ออกมาปฏิวัติแล้ว แต่ตัวออกมาสู้ก็ตั้งแต่มีการยิงที่วิภาวดีซอย 3 ตั้งแต่นั้นมาก็สู้เต็มตัวมาตลอด อย่างน้อยได้คุยได้ระบายอะไรกับคุณบ้างมันก็ดีขึ้นนะ”
“ผมยังรอโอกาสเปิดว่าจะมีใครซักคนมาให้เราพูดความจริงว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง เห็นอะไรมาบ้าง ต่อหน้าต่อตาเรา คุณเชื่อไหมว่าผมฝันมา 2 คืนติด สตาร์ทที่เดียวกันและจบลงที่เดียวกันเด๊ะ เหมือนฉายซีดี ทุกคนยืนอยู่ยังไง ใครเดินยังไง ใครล้มยังไง ใครขว้างก้อนหินยังไง เหมือนกันเป๊ะสองคืนมาแล้ว”
“ถ้าผมทำอาชีพนักข่าว ผมจะเก็บภาพพวกนี้ ผมคงรุ่ง แต่บังเอิญผมไม่มีความรู้ตรงนี้ นักข่าวก็พอมีตอนนั้น แต่เขากลัว เข้าไม่ถึงด้านหน้าหรอก”
“ถามว่าผมมาสู้เพื่ออะไร ก็กฎหมายมันสองมาตรฐาน ปากก็พูดปาวๆๆ ไม่สองมาตรฐาน ไม่สองได้ยังไง ก็ยิงซอย 3 เห็นอยู่โต้งๆ จับก็ไม่จับ ตำรวจก็อยู่ ทะเบียนเจ้าของก็มีให้ ยังไม่จับเลย แต่มาแหกปากบอกว่ามาตรฐานเดียวกัน บ้ารึเปล่า วันๆ นึงจบอ๊อกฟอร์ดมา ไม่ทำไร นั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อคิดคำพูดสวยๆ ผมถามว่าอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) มานั่งกับผม แล้วพูดกันภาษาบ้านๆ กับผม ให้ผมถามเลย ผมอยากรู้มันจะมีปัญญาตอบไหม อ๊อกฟอร์ด อ๊อกเหล็กอะไรน่ะ คุณให้สัมภาษณ์ว่ากระสุนกระดาษ กระดาษพ่อกระดาษแม่มึงเหรอเล่นเสียสะบ้ากูทะลุเลย ผมพูดแล้วอารมณ์มันขึ้นทุกที”
“คุณคิดว่ายังไงคุณก็ถูก เอะอะอะไรก็ไม่ได้รับรายงาน แสดงว่าคุณเป็นนายกฯ ที่ไม่ได้ลงพื้นที่เลยนี่หว่า อย่างนี้ลูกน้องสอพลอหน่อย บอกไม่มีอะไร ก็ไม่มีหมด พูดมาได้ว่าเช็คจากโรงพยาบาลทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลแล้วไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืน เอาสมองส่วนไหนให้สัมภาษณ์ คนอย่างนี้เหรอจะเป็นผู้บริหารประเทศ”
“บอกคนเสื้อแดงสู้เพื่อทักษิณคนเดียว สำหรับผม ถ้าผมบอกว่า ใช่ล่ะ นายกฯ ผ่านมากี่สิบคน มันมีคนที่ยิงตรงเป้าไหม ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลมากี่สมัย เป็นนายกฯ เยอะกว่าคนอื่นด้วยซ้ำไป เคยมีความคิดแบบนี้บ้างไหมล่ะ ที่มันเป็นอย่างนี้เพราะมันอิจฉา เขาดีแต่ปั้นคำพูดสวยหรูทุกอย่าง ถนัดแต่เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น เหตุผลเรื่องการขายหุ้นก็อธิบายหมดแล้ว ก็ยัง 'ขายชาติๆ' พอ 'ขายชาติ' ไม่ได้แล้วก็ 'ไม่จงรักภักดี' พูดได้แค่นี้”
“ผมบอกให้ ถ้าผมเกิดและโตในสมัยทักษิณอยู่ สมองระดับผม รับรองไปได้ไกลกว่าเป็นช่างซ่อมรถ เพราะผมเรียนเก่งแต่เด็ก แต่บ้านจนมาก ถ้ามีเงิน มีโอกาส มันไปได้ไกลกว่านี้ สมัยทักษิณผมก็เห็นว่าอนาคตลูกหลานสดใสมากขึ้น อาจจะได้ไปหนึ่งอำเภอหนึ่งนักเรียนนอกบ้างก็ได้ ฝันไว้ แต่ตอนนี้มันสลายทุกอย่าง คุณไม่ต้องการให้คนจนโงหัวได้ คุณไม่ได้รับรู้ความรู้สึกของคนจนชาวรากหญ้าหรอก ที่เขารักทักษิณเพราะมันมีเหตุให้รักให้ชอบ เพราะมันเข้าใจคนจน อภิสิทธิ์มาบริหาร คิดได้ยังไง ผู้ประกันตนเงินเดือนไม่เกิน 15,000 รัฐบาลให้ 2,000 แล้วยายมีขายไก่ ตาใสขายแกง แล้วผมซ่อมรถเนี่ย จะมีสิทธิได้กับเขาไหม แค่นี้คุณยังไม่มีสมอง ไม่เอารากหญ้าเลย คุณจะไปให้ทำเ_ย อะไรเงินเดือนตั้ง 15,000 ผมไม่รู้จะพูดยังไงกับรัฐบาลชุดนี้”
“ผมโกรธ โกรธมาตั้งแต่มันปฏิวัติ ตอนนั้นเศรษฐกิจก็ยังดีๆ ไม่ได้แย่นะ กำลังจะเป็นผู้ให้กู้แล้ว คุณลองถามพวกแม่บ้าน มอเตอร์ไซด์ พวกแท็กซี่ พวกอะไรต่อมิอะไร เขารักเขาชอบทักษิณเพราะอะไร ผมเป็นคนที่โกรธแล้วช้างจะตัวเท่ามดเลย แต่ผมไม่ได้จะโกรธอะไรง่ายๆ ปกติจะเฮฮา แต่มันหลายเรื่องหลายราวเหลือเกินที่ผ่านมา”
ศุภสิทธิ์ คนโทสิมพลี
ช่างเหล็กไซท์งานก่อสร้าง อายุ 46 ปี
“ผมก็มาชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ที่มาชุมนุมสามเหลี่ยมดินแดงเพื่อกดดันรัฐบาลอภิสิทธิ์ให้แก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ ให้ยกเลิก 50 แล้วเอา 40 มาใช้ เพราะปัจจุบันมันยังไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ผมก็เลยเข้ามาชุมนุม”
“มาชุมนุมตั้งแต่เดือนมกรามาแล้ว ผมทำงานที่กรุงเทพฯ แกนนำเขาจะประกาศว่าจะชุมนุมที่ไหนบ้าง ผมติดตามตลอด และไปตลอด ที่เขาออกไปต่างจังหวัดผมไม่ได้ติดตาม เพราะต้องทำงานในกรุงเทพฯ พอเขานัดชุมนุมใหญ่เมื่อวันที่ 26 มีนา ผมก็เลยเข้ามาที่สนามหลวงครั้งหนึ่ง แล้วก็ยกขบวนกันเข้าไปที่รอบทำเนียบฯ ผมมาคนเดียว ไซท์งานนั้นชวนเพื่อนก็ไม่มีใครมา ผมทำงานก่อสร้าง เป็นช่างเหล็ก ผมมาทุกวัน เลิกงานก็มา วันนั้นก็กลัวเขามาสลาย และกลัวมือที่สองที่สามเข้ามาทำร้าย แต่ผมก็ยังทำงานอยู่ เพราะถ้าผมไม่ทำก็จะไม่มีรายได้อะไร ที่ผมไปไม่ได้มีค่าจ้างอะไรเลย ค่ารถเมล์ก็ต้องออกเอง เสื้อแดงไม่มีการจ้างใครทั้งนั้น ใครมีอุดมการณ์ที่จะกอบกู้ประชาธิปไตยก็เข้าร่วมได้หมด”
“ที่สามเหลี่ยมดินแดง ก็คือ แกนนำเขาประกาศรับอาสาสมัคร คืนนั้นจำนวน 50 คนเอง ผมก็มา แต่ปรากฏคนมากันร้อยสองร้อยคน ตอนนั้นผมรู้ว่าทหารจะต้องมาสลายจุดนี้แน่นอน ผมตั้งเป้าหมายในความคิดของผมเองว่าเขาจะโจมตีจุดไหนๆ เพราะที่วิภาวดีมีทหาร ถ้าเขาไม่เข้าเส้นพหลโยธิน ก็จะเข้าทางสามเหลี่ยมดินแดงเข้าไปถนนศรีอยุธยา จุดนี้ ผมก็เลยมาเฝ้าสังเกตการณ์ ก็ไม่ได้หลับเลย อ่อนเพลียมาก ไม่ได้นอนตั้งหลายคืน ผมก็เอนกายตรงสนามหญ้าสามเหลี่ยมดินแดง แต่หูผมฟัง คอยฟังรถถัง รถถังจะมาแบบไหนผมรู้ ถนนนี่เสียงจะดังเหมือนฟ้าผ่า ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม มาเลยแหละถ้าเป็นรถถัง ผมก็หูแนบดินไว้ แต่ก็ไม่มีวี่แวว”
“จนถึงตีสี่ แกนนำก็ประกาศว่าขณะนี้เวลาศูนย์สี่นาฬิกา ผมก็ยังได้ยินอยู่นะ ทีนี้ซักครู่นึง ก็มีม้าเร็วที่เป็นมอเตอร์ไซด์เสื้อแดง เขามาแจ้งว่าทหารเข้ามาแล้ว พวกผมก็เลยพากันลุก ตั้งหน้ากระดาน เพื่อจะไปป้องกันทหาร ไม่ให้มาสลายกลุ่มเสื้อแดงที่สามเหลี่ยม พวกผมก็ตั้งหน้ากระดาน มีคนวิ่งเข้าไป ใกล้จะถึงแล้ว ทหารเขายิงปืนไล่พวกผมเลย ขึ้นฟ้าหรือลงดินก็ไม่รู้แหละ แต่มันเข้าใกล้กันมาก แล้วเขาก็เขวี้ยงแก๊สน้ำตาเข้ากลุ่มเสื้อแดง เป็นคล้ายๆ ถังดับเพลิงอันเล็กๆ สีขาวๆ อะลูมิเนียม เต็มถนนไปหมดเลยทีนี้ ผมก็โดน แสบตาเหมือนกัน ดีที่ผมพกน้ำมา แต่บังเอิญบุญ เทพยดาฟ้าสางอะไรไม่รู้ ลมพัดกลับไปทางกลุ่มทหาร ทหารต้องร่นถอยกำลัง”
“พวกผมก็เคลียร์อยู่ในสนาม ตอนนั้นยังไม่เห็นคนเจ็บ เห็นแต่คนกุมหน้า ถอยกันหมดแล้ว แต่ผมไม่ถอย พอผมล้างหน้าแล้วก็สู้ต่อ ยังมีคนสู้ต่อ ก็ตั้งหน้ากระดานสู้ทหารอีก ไม้คนละท่อนเข้าสู้ทหาร ตอนนั้นคิดว่ายังไงเขาต้องเอาเราแน่ เพราะเสียงปืนลั่นแล้ว ถ้าเขาไม่ยิงปืนวันนั้น ก็คงจะพอเจรจากันได้ ด่านทหารกับด่านพวกผม ผมจะอธิบายว่าเรามาชุมนุมเพื่อกดดันเรียกร้องประชาธิปไตยกับรัฐบาล ไม่ได้มีทิฐิอะไรที่จะมาทะเลาะเบาะแว้งอะไรกับทหารเลย ทหารถือปืนมาแบบนี้ มาถึงเหมือนเตรียมการมาฆ่าประชาชน ตอนนั้นผมบันดาลโทสะแล้ว ถือไม้วิ่งเข้าสู้ทหารเลย ยิงแก๊สน้ำตาก็ยิงแล้ว ยิงก็ยิงแล้ว เราดาหน้าเข้าไปใหม่ มีประมาณ 6-7 คน”
“ที่มากันเป็นร้อยอยู่ด้านหลังหมดแล้ว โดนแก๊สน้ำตา ฟูมฟายกันแล้ว แต่พวกผมไม่สนแล้ว ยังไงเขาก็ต้องฆ่าเรา ตายก็ตาย ต้องสู้ ตอนนั้นทหารก็ยังไม่หยุดยิง ยังยิงอยู่อย่างนั้น ยิงไม่หยุดไม่หย่อน วิ่งเข้าสู้ แต่ตอนหลังผมคิดว่าคงสู้ไม่ไหวแล้ว กำลังคนผมน้อย ผมเริ่มใจอ่อน แล้วจะวิ่งหนีทหาร วิ่งเข้าไปหลบในปั๊มน้ำมันเชลล์ ห่างทหารไม่เท่าไหร่ แล้วเขาก็ยิงตามผมมา ผมก็ล้ม ไปไม่ไหว ก็นำพาชีวิตผมกระเสือกกระสนเข้าไปในปั๊มน้ำมัน ไปหลบที่ต้นดอกไม้ต้นหนึ่ง กระเสือกกระสนด้วยขาเดียว มือกุมขาอีกข้างหนึ่ง กระดูกผมแตก โดนยิงตรงหน้าแข้งขวา กระดูกแตกร้าวมาด้านบน ผมก็ไปซุกอยู่ตรงต้นไม้ ทหารก็รุดหน้าไป หางแถวก็ผ่านมา ตรงหางแถวก็จะมีแพทย์ทหารแล้วก็มีหน่วยคุมด้านหลังอีก เขาเห็นก็เข้ามาทำร้ายผม ตีผม เข้าไปตีจนผมคิดว่าจะตายคาที่อยู่ตรงนั้น แต่ซักพักหนึ่งยังฟื้นสติขึ้นมาได้ ตีปุงปังเลย ใช้กระบอง ตีผมเสร็จก็ลากผมออกมาถนนใหญ่ ถอดรองเท้า เอกสารที่ผมคาดเอวอยู่เอาของผมไปหมด กางเกงก็ตัดของผมทิ้ง ทีนี้ก็จับขึ้นเปลทหารยกขึ้นรถ แต่ก็ยังดี เขายังมีจิตใจไม่พาผมหนีไปลพบุรี แต่พามาโรงพยาบาลนี่”
“ก็มาเจรจากับผอ.อยู่พักหนึ่ง ผอ.ก็รับ ยังไงเขาก็คงจะช่วยชีวิตผม รออยู่ชั่วโมงสองชั่วโมงก็ได้ผ่าตัด เสร็จก็เอาผมพักฟื้นจากยาสลบ ผมก็ยังมึนๆ งงๆ มาอยู่บนตึกเกือบเจ็ดโมงแล้วมั้ง สว่างโล่แล้ว เสียงปืนยังไม่หยุดเลย ผมไม่รู้เลย แต่ประเมินว่าคนตายเยอะแน่ ก็เสียงปืนยิงไม่หยุดตั้งสองสามชั่วโมงขนาดนั้น”
“ของผมผ่าตัดแล้วก็เอ็กซเรย์พบกระดูกหักแล้วก็แตกร้าวขึ้นมาด้านบนเป็นเสี่ยง ท่าน ผอ.ก็มาบอกตอนพักฟื้นว่า ไม่เป็นไร โรงพยาบาลจะรักษาจนหาย ไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ผมก็ชื่นใจ แพทย์ผ่าออกมาชันสูตร แล้วมาบอกว่ากระสุนลูกซองสั้น ผมก็ไปโต้กับนายแพทย์อีกครั้งหนึ่งว่า ทหารจะพกปืนลูกซองสั้นเหมือนเอกชนนี่เป็นไปไม่ได้ ทหารต้องติดอาวุธสงครามเท่านั้น ผมไม่เห็นหัวกระสุน ผอ.ท่านเก็บไว้เลย ไม่ให้ผมดูเลย แต่มาบอกว่าเป็นลูกซองสั้น ผมคิดว่าไม่เป็นอาก้า ก็เอ็ม 16 หรือไม่ก็ 9 มม. ของทหารสัญญาบัตรที่จะพกได้ พวกสัญญาบัตรนี่เขาจะมีกุญแจ วิทยุ ปืนสั้น ปืนยาว”
“ตอนผมมานี่เขาเอาใส่รถมาคนเดียวโดดๆ เลย ตอนนั้นไม่กลัวแล้ว ตายเป็นตายแล้วจิตใจผม ผมโส (ไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่มีพะวง สู้ตาย) ตั้งแต่ตอนเอากระบองมาตีผม ตอนนั้นทำใจแล้ว มันมืดไปเลย แต่มันยังไงไม่รู้ มันยังโงกเงกๆ ขึ้นมาได้ ทหารแพทย์ที่มีกากบาทสีแดงด้านซ้ายเอาผมมาส่ง ผมมารอคิวเข้าห้องผ่าตัด เพราะทหารก็โดนเหมือนกัน เขาเอาทหารเข้าก่อน ผมก็ไม่ทราบว่าเขาโดนอะไร กลุ่มฝ่ายขวาก็บุกสู้กับทหารด้วยไม้เหมือนกัน กลุ่มนี้มี 20 กว่าคน”
“อ้อ ตอนอยู่ในปั๊มก็มีเพื่อนเสื้อแดงยืนหลบกระสุนอยู่เหมือนกัน ยืนกันโหงกเหงกๆ อยู่ ผมก็มองเห็นสองคน เลยกวักมือเรียกให้มาช่วย เขาก็อุ้มผมขึ้นจริงๆ สองมือผมก็กอดขาผมไว้ แล้วทหารก็กรูมา ตีผมด้วย ตีคนอุ้มด้วย บอกให้วาง แล้วเพื่อนผมยังร้องว่า ผมจะเอาเพื่อนผมเข้าโรงบาล “วางเดี๋ยวนี้เลย” ทหารก็ขู่ เขาก็วางผมลง แล้วก็ตีผมอีก สุดท้ายก็มารักษาตัวที่นี่ ตอนตกฟากเข้า 13 แล้ว”
“วันนี้วันที่ 27 แพทย์ให้อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ตั้งแต่วันที่ 24 ทีนี้ต้องรอญาติมาเซ็นออกแล้วก็ไปเข้าเฝือกที่บ้าน ต้องรักษาเป็นปีหมอบอก แต่ญาติไม่รู้เรื่องรู้ราว พ่อแม่แก่ๆ อยู่ที่บ้าน ญาติในกรุงเทพฯ ก็มีหลานที่เขาได้รู้ข่าวจากโทรทัศน์ก็มาเยี่ยมวันก่อน แต่ผมไม่ได้ขอเบอร์โทรศัพท์เขาไว้ ปากกาก็ไม่มี สมุดก็ไม่มี กำลังเจ็บ และคิดว่าจะได้ออกจากโรงบาลเอง ก็เลยติดต่อกันไม่ได้ แต่เขาคงพยายามรายงานพ่อแม่พี่น้องผมที่บ้านนอก แต่ผมติดต่อไม่ได้เพราะว่าไม่มีเบอร์ใครไว้”
...............................................
นายแน่น จิตรนอก อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 761 หมู่ 4 บ้านวังอ่าง ต.บัววัฒนา อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ต.เสถียร ชุมกว้าง พงส. (สบ 2) สภ.หนองไผ่ ว่า บุตรชายชื่อ ส.ต.มานะ จิตรนอก อายุ 37 ปี อดีตทหารเกณฑ์ได้หายตัวไป หลังจากไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยนายแน่นให้การกับพนักงานสอบสวนว่า ลูกชายเข้ารับการคัดเลือกเป็นทหารเกณฑ์ ระหว่างรับราชการทหารได้ศึกษาต่อเพิ่มเติม เมื่อปลดประจำการจึงได้รับยศเป็นสิบตรี ที่ผ่านมาลูกชายมีความสนใจด้านการเมืองมาก และเข้าไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงแทบทุกครั้ง ล่าสุดไปร่วมชุมนุมที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 เม.ย.
นายแน่นให้การต่อว่า ตนและญาติพี่น้องติดต่อกับ ส.ต.มานะครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 14 เม.ย. เวลา 07.00 น. ลูกชายโทรศัพท์มาจากหมายเลข 0-2280-4699 แจ้งให้ ทราบว่า ถูกยิงได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า ขณะที่ร่วมชุมนุมอยู่หน้าทำเนียบรัฐบาล จากนั้นญาติก็ไม่สามารถติดต่อกับ ส.ต.มานะได้อีก หลังทราบว่า ส.ต.มานะหายตัวไป น.ส.รจนา เข้มแข็ง อายุ 40 ปี ภรรยาของ ส.ต.มานะ ไปแจ้งคนหายไว้ที่ สน.ดุสิต เมื่อวันที่ 24 เม.ย. เวลา 14.30 น. กระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่า ส.ต.มานะไป อยู่ที่ไหน และเมื่อวันที่ 26 เม.ย. น.ส.รจนา ภรรยาของ ส.ต.มานะ ได้นำเอกสารแจ้งคนหายจาก สน.ดุสิต มามอบให้ตน เพราะเห็นว่าคดีไม่มีความคืบหน้า ด้วยความเป็น ห่วงลูกชายตนเลยเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ. หนองไผ่ เพื่อให้ช่วยสืบสวนติดตามหา ส.ต.มานะอีกทาง
นี้ภาพ ที่มีกลุ่มคนร่วมกลุ่มกันใต้ทางด่วน ซึ่งไม่รู้ว่ามาเพื่อจุดประสงค์ใด แต่ที่ทราบเขามา ทำร้ายเสื้อแดง กับ ด่าทหารที่มาห้าม
ไม่ให้ทำร้ายเสื้อแดงครับ
ภาพนี้มี การเอาอาวุธซ่อนไว้ข้างหลังด้วยครับบ คนหน้านะ ไม้ แบสบอล และยังมีไม้กอฟด้วย อุปกรณ์กีฬาพวกนี้คุ้นๆนะ
มีคนบ้างคน พบมีดด้วยคับ
อันนี้เรื่อง จากคุณ : MDcute การบาดเจ็บจากการล้มฟาดพื้น |
1. นายก สมัคร ทำกับข้าวออกทีวี โดนปลดจากนายกฯ จนเสียงหัวเราะดังไปทั่วโลก
คุณจรัญ สอนหนังสือเก็บเงิน กลับไม่มีปัญหากับ ตำแหน่ง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
2. นปก บุกบ้าน สี่เสา ตำรวจลุยด้วย แก๊สน้ำตาและกระบอง แกนนำ นปก โดนจับติดคุก นักวิชาการเงียบสนิท
พันธมิตรยึดทำเนียบ ยึดสภาฯ ยึดสนามบิน นักวิชาการบอกว่า ห้ามใช้แก๊สน้ำตา และ อาวุธใดๆ ใช้โล่ห์ได้อย่างเดียว ทุกวันนี้แกนนำมอบตัวเสร็จแล้ว ยังลอยนวล ไม่ได้เข้าคุกแม้แต่คืนเดียว
3. ความผิด พปช เล็กน้อย ดันยุบพรรค
แต่บางพรรค ซื้อเสียงเห็นๆ กลับหลุดใบแดง ... ไร้ความผิด
4. รายการความจริงวันนี้ พูดความจริง มีหลักฐานชัดเจน กลับระงับการออกอากาศ
ที TV บางช่อง โกหกมากมาย ปลุกปั่นประชาชน กลับ ไปให้ความคุ้มครอง ...
(จาก Mr. Google)
5. นปช. หากปิดสภาจะจัดการข้อหากบฎอย่างเต็มที่พธม. ลอยนวลอยู่เลย
6. นปช. ขว้างหิน อิฐ ใส่รถ ตำรวจจับได้อย่างรวดเร็ว (ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี)
พธม. ใช้อาวุธปืน ยิงในที่สาธารณะ ทำร้ายร่างกายจบเกือบตาย ยังลอยนวล
7. คุณนพดล ปกป้องสมบัติชาติจากกัมพูชา บอกขายชาติ
พธม. ยึดทำเนียบ ล้อมสภา ปิดสนามบินเสียหายแสนล้าน ได้เป็นรัฐมนตรีการต่างประเทศ และระบุว่า โอ่มันยอดมาก!
(จาก คุณ KhongLen)
8. นโยบายประชานิยม เอ็งทำข้าด่าว่าเลว แต่ทีข้าเป็นกลับบอกว่าเป็นนโยบายที่ดี
9. ขายหุ้นชิน โดนด่าขายชาติ+ปรับ+คุก ขาย DTAC กลับบอกว่าบริษัทไปไม่ไหว
10. 30 ตายทุกโรค แต่ดันเสนอรักษาฟรีหายทุกโรค
(จาก คุณ ขุนเข่าไร้น้ำใจ)
11. กล่าวหาว่าหวยบนดินผิดหมด(ที่แย่งขุมทรัพย์เจ้ามือหวยเถื่อน) ....แต่รัฐไม่เห็นจะปราบเจ้ามือหวยใต้ดิน..ซะง้าน
12.โครงการลำใยล่องหน กล้ายาง CP และหลายๆโครงการยุครัตะบานท่านนายกทักษิณที่ว่าโกงกิน ๆๆ จัดการพร้อมๆกะ ปรส. ด้วยจิ
13. ที่ว่าหมิ่นสถาบันและถูกขังลืม กับคนที่หมิ่นสถาบันแล้วลอยนวนล่ะ...
(จาก คุณ เทพนิรมิตร)
14. ผบ.ทบ.ชอบทำตาเขียวใส่เสื้อแดง
แต่ทำตาขาวใส่เสื้อเหลือง
(จาก คุณ kriengchai)
15. นายกฯกับที่ดินรัชดา และ นายกฯกับที่ดินเขายายเที่ยง
(จาก คุณ wealthyman)
16.
---พันธมิตรป่วนเมืองประกาศปิดล้อมสภา หรือจะชุมนุมยึดสนามบิน
#สื่อ นักวิชาการ อาจารย์ ออกมารุมประณาม ออกมาปรามตำรวจว่าอย่าใช้ความรุนแรง
#ตำรวจ มีโล่ห์ กระบอง แก๊สน้ำตาอย่างเดียว
---เสื้อแดงรักประชาธิปไตย มาชุมนุม
#สื่อ นักวิชาการ อาจารย์ ออกมาบอกว่า เสื้อแดงอย่าสร้างความรุนแรง
#เอาทหารหมวกแดงอาวุธครบมือ ระเบิดสังหาร ปืนกล พลซุ่มยิง
(จากคุณ Heart Attack)
17. .คดียุบพรรค รอบ1 รอบ2 ศาลรับฟ้อง-พิจารณา-ตัดสินอย่างรวดเร็ว
และตัดสิทธิ์ กก.บริหารพรรค 5 ปี อย่างรีบเร่ง โดยไม่ให้มีทนายแก้ต่าง
แต่คดี ปรส. และคดีอื่นๆ ของ ฝ่าย ปชป. ดองไว้จนหมดอายุความ
18. ทรท.พปช. ได้เสียงข้างมาก จัดตั้งรัฐบาล โดยเสียงมากมายมาจาก
พี่น้องชาวอิสาน ถูกหาว่าเป็น รัฐบาลชั่ว เพราะได้คะแนนจาก
รากหญ้าอิสานที่ขายเสียง ขายสิทธิ์ ได้ สส.ไร้คุณภาพที่ซื้อเสียงมา
พรรค ปชป.ใช้วิชามาร สร้างความปั่นป่วน หายนะให้ประเทศมากมาย
และซื้อ สส.จากพรรคคู่แข่ง สส.ที่เค้าว่าไร้คุณภาพ ซื้อเสียงมา นั่นแหละ มาโหวตให้ตัวเองเป็น นายกฯ
กลับบอกว่า ได้รัฐบาลคุณภาพ
(จาก คุณ envieco1)
19. พปช เป็นรัฐบาล จะทำงาน ปชป 40 สว พธม ไม่เคยให้โอกาส
แต่ พอ มาร์ค มาเป็น นายก ของ โอกาสทำงาน 5555
(Starfish)
20. ทหารใหญ่ขึ้นเวทีพันธมิตรวิจารณ์รัฐบาลอย่างชัดเจน ไม่ผิด แต่หมวดเจี๊ยบโดนดักคอตั้งแต่มีแนวโน้มว่าจะวิจารณ์รัฐบาล บอกผิดกฏกระทรวงกลาโหม
21. ASTV ศาลปกครองคุ้มครอง พอ DTV จะเปิดบ้าง ปชป ขุดกฏหมายมาเตรียมตัวฟ้อง ...
(เพิ่มเติม Starfish)
22. คุณ จักรภพ แกนนำเสื้อแดง ประท้วงแค่หน้าบ้านป๋าเปรม ปชป บอกว่า เป็น รัฐมนตรี ไม่ได ้ แต่ คุณกษิต แกนนำเสื้อเหลือง ลุยปิดสนามบิน เสียหายแสนล้าน แล้วยังให้สัมภาษณ์ อาหารอร่อย ดนตรีไพเราะ ปชป บอกเป็น รัฐมนตรีได้ แถมตั้งเองเสียอีก แล้วยังมีหน้ามาบอกว่า มันเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล ที่ไปปิดสนามบิน ... !!??
23. คดีซานติก้า เกิดหลังปิดสนามบินตั้งนาน แถลงสรุปคดีกันแล้ว คดี พันธมิตรปิดสนามบิน กลับเงียบสนิท คนที่เคยว่าฟ้องแน่ อย่าง การบินไทย สนามบิน ไม่รู้ว่าฟ้องหรือเปล่า เงียบสนิทอีกเหมือนกัน … มันอะไรกันครับนี่ !!!
24. ทำกับข้าวถูกปลด เป็นกบฏถูกปล่อย (วลีดังในห้องราชดำเนิน)
25. เสื้อแดงกำลังจะชุมนุมประท้วงในงาน ASEAN ดักคอว่า “พวกทำลายประเทศ”
ทีตอน เสื้อเหลืองติดอาวุธ ปิดทำเนียบ ปิดสภาฯ ปิดสนามบิน ก่อการร้ายประท้วงรัฐบาล บอกว่า ดันบอกว่าชุมนุมถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ (เฮ้อ!!!)
26. กกต ขู่ บ้านเลขที่ 111 ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง สมัย ตั้งพรรค พลังประชาชน ตั้งรัฐบาลก่อน แต่มาวันนี้ ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล คุณเนวิน ช่วยตั้งรัฐบาลชัดๆ สื่อออกข่าว มีรูปชัดเจนว่ากอดกับคุณอภิสิทธิ์กลม แต่ กกต บอกว่า ไม่ผิดว่ะ !!! ให้ยกคำร้อง (ฮา….)
27. สว เรืองไกร ยื่นถอดถอนสมัครเรื่องทำกับข้าวออกทีวี ท่านว่า ถูกแล้ว ชอบแล้ว แต่ฝรั่งหัวเราะกันทั่วโลก
พอ สว เรืองไกรคนเดิมยื่นยุบพรรค ประชาธิปัตย์ เพราะหลักฐานชัดว่า ร่วมกับ เนวิน ณ 111 ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ท่าน กกต สั่งสอยทันที จะถอนสิทธิ์ สว เรืองไกร อะไรกันนักกันหนา !!!
(จากคุณ Big ben_ckw)
28. ตอนรัฐบาลสมชายจะลงทุนรถไฟฟ้าหลายหมื่นล้าน...บอกว่าอย่าเพิ่งลงทุนตอนนี้เลย เพราะเศรษฐกิจไม่ดี..
ตอนนี้เศรษฐกิจล่มจมทั้งโลก กู้แสนล้านก็ไม่เป็นไร ทำถูกแล้วรัฐบาลนี้
(จากคุณ หุนหวย)
29. ไม้เบสบอล ไม้กอล์ฟ ของพันธมิตร เป็นอุปกรณ์กีฬา
ไข่ ของ เสื้อแดง เป็นอาวุธทำร้ายร่างกาย
(เพิ่มเติม Starfish)
30. เสื้อเหลืองปิดสนามบินเสียหาย แสนล้าน บอกว่าจะปรับ 500 แต่เสื้อแดงปิดถนน แค่รถติดมากขึ้น บอกว่า จะจับติดคุก 7 ปี
31. เสื้อเหลืองปิดทำเนียบ ปิดสภาฯ ปิดสนามบิน ท่านอธิการบดี เงียบไร้แถลงการณ์ แต่พอเสื้อแดงแค่ปิดถนน ท่านอธิการบดีทั้งหลาย ออกแถลงการณ์ ให้หยุดการประท้วง ...
32. เสื้อเหลืองชุมนุม คนน้อยกว่ามาก ทหารใหญ่ทั้งหลาย กดดันผ่านจอทีวี ให้ นายกฯ สมชาย ลาออก เสื้อแดงชุมนุม คนหลักแสนกดดันให้ นายกฯ อภิสิทธิ์ ลาออก ทหารใหญ่ กลับ เงียบสนิท ...
แล้วจะให้ประชาชน เขาคิดอย่างไร ... !!??
จากคุณ : ขยะแห้งReturn
แม่'พลทหารอภินพ เครือสุข'ที่เสียชีวิตในบ้าน มทภ.1 นำศพลูกชายจาก จ.เลย เข้ามาร้องขอความเป็นธรรมให้ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเตรียมผ่าพิสูจน์ศพพรุ่งนี้ ตั้งคนกลางหาข้อเท็จจริง...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (25 เม.ย.) นางศิริมล มาเพชร พร้อมด้วยนายจักรพัตร เครือสุข มารดาและพี่ชายของ พลทหารอภินพ เครือสุข อายุ 22 ปี ที่เสียชีวิตในบ้านพักของ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็ก รักษาพระองค์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา และกองทัพได้แจ้งว่าผู้ตายลื่นในห้องน้ำ คอหักเสียชีวิต พร้อมมีใบมรณบัตรแจ้งการเสียชีวิตว่ากระดูกส่วนคอหัก เลือดคั่งใต้เยื่อหุ้มสมอง และศพถูกส่งไปยังบ้านของผู้ตายที่ จ.เลย แต่ในวันนี้ ญาติของผู้ตายได้นำศพมาเก็บไว้ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
นางศิริมล กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าการเสียชีวิตของบุตรชายจะเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ จึงต้องการเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบุคคลที่เป็นกลางเข้ามาชันสูตรศพ เพราะที่ผ่านมาบุตรชายเป็นคนที่นิสัยดี ร่าเริง ไม่เกเร และเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ก่อนเสียชีวิตได้โทรศัพท์มาหาตามปกติ คุยเรื่องทั่วๆ ไป ไม่มีเรื่องการเมืองและเช้าวันที่ 15 เม.ย. ก็มีทหารโทรศัพท์มาแจ้งว่าบุตรชายเสียชีวิตแล้ว จะส่งศพไปยังบ้านเกิดที่ จ.เลย พร้อมกับกำชับว่าให้รีบเผาศพโดยเร็ว และให้เงินช่วยเหลือจำนวน 17,500 บาท
นางศิริมล ยังตั้งข้อสังเกตว่า วันที่ทหารนำศพลูกชายไปส่งที่บ้านเกิด ได้กำชับให้เร่งเผาศพ หลังจากนั้นก็ไม่มีทหารมาดูแลหรือให้การช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงมาสอบถามว่าเผาศพหรือยัง จึงเห็นว่าลูกชายไม่ได้รับความเป็นธรรม ตอนแรกว่าจะไม่เอาเรื่อง แต่เมื่อทำเช่นนี้ก็อยากรู้สาเหตุการตายที่แท้จริง โดยไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น และว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้นำศพไปเก็บไว้ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมเกียรติ และมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยติดต่อเพื่อขอเป็นคนกลางในการหาข้อเท็จจริงการเสียชีวิต และในวันพรุ่งนี้ (26 เม.ย.) ทางโรงพยาบาลจะชันสูตรศพ
ด้านนางบุญตา คำมุงคุณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 บ้านหนองอีเลิง ต.ศรีฐาน อ.ภูกระดึง จ.เลย ซึ่งเดินทางมาด้วย กล่าวว่า เห็นลูกบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส.พรรคพลังประชาชน ว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ซึ่งทางปรีชาให้คำแนะนำว่าควรตั้งคณะกรรมการซึ่งเป็นคนกลางมาตรวจสอบ และแนะนำให้นำศพมาไว้ที่กรุงเทพฯ ก่อน
.....ข่าวก่อนหน้านี้
คลิกที่ภาพดู
แม่พลทหารไม่เชื่อตายอุบัติเหตุ โชว์smsก่อนตาย
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย นำนางศิริมล มาเพชร แม่ของพลทหารอภินพ เครือสุข แถลงข่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของพลหทารอภินพ ที่บ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 ทั้งนี้มีการแสดงภาพถ่ายบาดแผลของผู้ตาย พร้อมกับข้อความบนหน้าจอมือถือข้อความ
“เมื่อคืนนายกมานอนบ้านแม่ทัพด้วย วันนี้ความคิดถึงกำลังก่อตัวเป็นก้อนเมฆเพื่อจะลอยไปหาที่รัก LOVE เหมียวที่สุดในโลกความรักที่ให้ทุกวันมั่นคงเหมือนดวงจันทร์ส่องแสงตลอดทั้งคืน”
ข้อความที่ผู้ตายส่งให้กับแฟนสาวก่อนเสียชีวิตเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 13 เมษายน
-ขอความเป็นธรรมไม่ได้จับผิด
ด้านนางศิริมนต์ มารดาพลทหารอภินพ เปิดเผยว่า ภายหลังพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ ไม่อนุญาตให้แพทย์จากหน่วยงานอื่นเข้าร่วมสังเกตการณ์ชันสูตรศพลูกชายวันนี้ โดยอ้างเรื่องกฎระเบียบ ตนจึงตัดสินใจยกเลิกการชันสูตร ขอนําศพลูกชายไปชันสูตรที่ร.พ.ศิริราชแทนในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากต้องการให้แพทย์จากหน่วยงานอื่นๆร่วมสังเกตการณ์ด้วยเพื่อความโปร่งใส และเพื่อทราบถึงสาเหตุการตายของลูกชายที่แท้จริง ไม่ได้จับผิดใคร หรือเรียกร้องเงินทองอะไร แค่ต้องการพิสูจน์ความจริงให้ปรากฏเท่านั้น หากผลการชันสูตรครั้งนี้ออกมาเป็นอย่างไรยอมรับทั้งสิ้น
นางศิริมนต์กล่าวต่อว่า วันแรกที่ลูกชายเสียชีวิตตนได้รับเพียงใบมรณบัตรใบเดียวเท่านั้น ใบรับรองแพทย์ หรือใบการชันสูตรพลิกศพไม่มีให้ดู และยังส่งคนมาบอกให้รีบเผาศพลูกชายให้เร็วที่สุด ตนเกิดความสงสัยถึงสาเหตุการตายของลูกชายอย่างมาก จึงต้องออกมาขอความเป็นธรรมครั้งนี้ อย่างไรก็ตามช่วงที่ลูกชายถูกส่งตัวไปทํางานบ้านแม่ทัพภาคที่ 1 ไม่นาน ประมาณวันที่ 14 เม.ย.ได้โทรศัพท์มาหาตน เล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับภารกิจในบ้านแม่ทัพให้ฟัง ลูกชายบอกว่างานไม่หนักมาก ล้างรถบ้าง จึงบอกให้ลูกอดทน ถือเป็นบุญของลูกที่ได้ไปอยู่บ้านเจ้านาย
-ศพถึงศิริราชรอชันสูตร27เม.ย.
นางศิริมนต์กล่าวด้วยว่า ตนยังสั่งลูกชายว่าอย่าออกไปไหนเพราะมีการชุมนุมประ ท้วงของเสื้อแดงอยู่จะเป็นอันตราย ลูกชายรับปาก ก่อนวางสายลูกชายบอกว่ากำลังคิดมีบ้านใหม่กับแฟนสาว แล้วจะมารับแม่ไปอยู่ด้วย จนกระทั่งทราบข่าวว่าเสียชีวิตแล้วตอนเช้าวันที่ 15 เม.ย. อย่างไรก็ตามการเสียชีวิตของลูกชายขออย่าได้โยงไปเป็นเรื่องการเมือง ตนแค่ออกมาขอความเป็นธรรมให้ลูกชายเท่านั้น
จากนั้นเวลาประมาณ 13.30 น.เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นําศพพลทหารอภินพออกจากร.พ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติมายังร.พ.ศิริราช เมื่อมาถึงทางร.พ.ศิริราชเก็บศพไว้ที่ห้องเย็นรอการชันสูตรพลิกศพวันที่ 27 เม.ย.นี้ ซึ่งสภาพศพพลทหาร อภินพอยู่ในชุดลายพรางทหาร มีหมวก เบเร่ต์ สีดําวางบนหน้าอก ใบหน้าและแขนมีรอยเขียวช้ำ
-พท.โต้ลั่นหากินกับศพ
นายพร้อมพงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ญาติของพลทหารอภินพมาร้องพรรคเพื่อไทยเพื่อขอให้ร่วมตรวจสอบกรณีดังกล่าว และอยากให้มีคนกลางจากฝ่ายต่างๆเข้าร่วมตรวจสอบ ทางพรรคจึงช่วย เหลืออำนวยความสะดวกประสานสถานที่ผ่าศพเพื่อชันสูตรหาสาเหตุ เบื้องต้นญาติติดต่อไปที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แต่ปรากฏว่าพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ไม่อนุญาตบุคคลภายนอกเข้าร่วมสังเกตการณ์การชันสูตร ญาติผู้เสียชีวิตกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมาพฤติกรรมของกองทัพค่อนข้างลุกลี้ลุกลน และเร่งรัดให้รีบเผาศพ จนญาติต้องเผาหลอกแทนเพื่อเก็บศพไว้ตรวจสอบ ทางพรรคจึงประสานร.พ.ศิริราชเพื่อชันสูตรแทน ซึ่งร.พ.ศิริราชรับดำเนิน การ และอนุญาตบุคลภายนอกเข้าร่วมสังเกต การณ์การผ่าชันสูตรวันที่ 27เม.ย.นี้ อย่างไร ก็ตามวันดังกล่าวจะมีตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย อาทิ น.พ.สุรวิทย์ และน.พ.ทศพรเข้าร่วมด้วย
"ยืนยันว่าเราไม่ได้หากินกับศพ หรือยื่นข้อเสนออะไรกับญาติผู้เสียชีวิตอย่างที่รัฐบาลกล่าวหา แต่รัฐบาลกำลังจะกลบเกลื่อนหลักฐาน เราเพียงต้องการหาความยุติธรรมให้กับญาติ เพราะลูกหลานคนจนที่ไปเป็นทหารรับใช้ชาติ เมื่อเสียชีวิตก็ควรจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติ มีผบ.เหล่าทัพไปร่วมงาน ไม่ใช่แค่เพียงให้ความช่วยเหลือด้วยเงินเพียงหมื่นเดียว ทหารสักคนยังไม่มีไปร่วมงาน" โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว
นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า ถ้าการผ่าศพพิสูจน์แล้วว่าพบว่าสาเหตุการเสียชีวิตเป็นไปตามที่ระบุไว้ในใบมรณบัตรของร.พ.พระมงกุฎเกล้าจริง เรื่องก็จบ ญาติผู้เสียชีวิตระบุว่าจะจัดการเผาศพที่กทม.โดยไม่นำกลับไปจ.เลยบ้านเกิด แต่ถ้ายังมีข้อติดใจทางดีเอสไอที่รับเรื่องนี้ไว้เป็นคดีพิเศษก็คงต้องตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งพรรคจะทำหนังสือไปถึงคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนฯ เพื่อดำเนินการกับหน่วยงานของรัฐเพื่อช่วยเหลือและเยียวยาแก่ญาติต่อไป
.......................................................................
ตร.ชี้2การ์ดนปช.โดนฆ่า
เป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยเครือธนาคารกรุงไทย ชื่อ บริษัท กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด (KGS) ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 106 จากการโทรศัพท์ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ระบุว่าผู้ตายคือ นายชัยพร หรือ “โจ” กันทัง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 287/2 หมู่ 3 ต.บ้านหนุน อ.สอง จ.แพร่
ปัจจุบันเป็นพนักงานของบริษัทดังกล่าว ซึ่งหายหน้าไปกับเพื่อน รปภ.อีกคนชื่อ นายนัฐพงษ์ หรือ “แก๊ป” ปองดี อายุ 23 ปี ชาว จ.อุดรธานี ตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา
ฆ่าถ่วงน้ำ - สภาพศพนายชัยพร กันทัง (ภาพเล็กบน) 1 ใน 2 ศพ รปภ.หนุ่มที่มาร่วมม็อบเสื้อแดง ถูกมัดมือไพล่หลังรุมซ้อมก่อนจับถ่วงแม่น้ำเจ้าพระยา ศพลอยขึ้นมาใต้สะพานพระปิ่นเกล้า พร้อมกับเพื่อนอีกคนคือนายณัฐพงศ์ ปองดี |
รายงาน หลังจากเจ้าหน้าที่พบศพ 2 การ์ดนปช.คือนายชัยพร กันทัง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 287/2 บ้านหนุน อ.สอง จ.แพร่ กับนายณัฐพงศ์ ปองดี อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่2 ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ถูกฆ่าทิ้งลงในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าเมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายทั้งสน.บวรมงคล เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกก.สส. น.7 เจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนบช.น. และตำรวจกองปราบปราม เข้าร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจหาหลักฐานต่างๆ รวมทั้งได้ตรวจสอบกับผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับทางน้ำระบุถึงที่มาของผู้ตายทั้ง 2 ว่า ผู้เสียชีวิตถูกกลุ่มคนร้ายฆ่าแล้วโยนทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเชื่อว่าจุดที่โดนฆ่าอยู่ไม่ใกล้จากจุดที่พบศพ เนื่องจากว่าบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงนั้น เป็นช่วงกระแสน้ำวน เมื่อโดนฆ่าแล้วนำศพทิ้ง ศพจะเจออยู่ที่บริเวณนั้น เสมือนกับศพของฝรั่งที่ฆ่าตัวบนสะพานพระราม 8 แล้วพบศพอยู่แถวนั้นไม่มีการลอยไปไกล เนื่องจากสภาพน้ำบริเวณน้ำเป็นสภาพน้ำวน
.........รายงานข่าวแจ้งต่อว่า หลังจากเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ดำเนินการอะไรมากนักเนื่องจากเป็นที่ทราบกันว่า ผู้เสียชีวิตเป็นการ์ดของนปช.และน่าจะถูกฝ่ายตรงข้ามฆ่า ส่วนคดีทางผู้ใหญ่ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก เพราะขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงมุ่งเน้นไปที่คดีของนายสนธิที่ถูกลอบยิงเพียงคดีเดียว....................
นายชัยพร หรือ “โจ” กันทัง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 287/2 หมู่ 3 ต.บ้านหนุน อ.สอง จ.แพร่
นายชัยพร กันทัง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 287/2 บ้านหนุน อ.สอง จ.แพร่ ทราบว่า ทางญาติทำการฌาปนกิจเช่นกันที
ผู้สื่อข่าว
นายสมคิด กันทัง อายุ 31 ปี พี่ชายนายชัยพร เปิดเผยว่า น้องชายไปทำงานเป็น รปภ.ในกรุงเทพฯ มากว่า 10 ปีแล้ว และได้ไปสมัครเป็นการ์ดให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนมกันในกรุงเทพฯ โดยส่วนตัวน้องชายชื่นชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ และหายตัวไประหว่างวันที่ 13-14 เมษายน 2552 และการเข้าไปเป็นการ์ดครั้งนี้เป็นการเข้าไปสมัครเป็นครั้งที่สอง
ทั้งนี้ นายชัยพร ขณะเสียชีวิตได้สวมชุดดำ ซึ่งเป็นชุดของการ์ดของคนเสื้อแดง สภาพศพบริเวณใบหน้ายุบ ถูกมัดปากด้วยผ้าสีขาว ถูกมัดมือไพล่หลังด้วยเชือกสีน้ำเงินและมัดเท้า พบศพขึ้นอืดลอยน้ำอยู่ท่าเรือพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม.เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 15 เม.ย.2552 โดยการชันสูตร สาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศจากการจมน้ำ
สำหรับนายชัยพร น้องชายเป็นคนสนใจการเมืองและชอบพ.ต.ท.ทักษิณ และตนก็ชอบแต่ไม่แสดงตัวเอง เพราะชอบนโยบายการปราบปรามยาเสพติด การพัฒนาอาชีพของชาวบ้าน และทำสิ่งดีๆกับประเทศมากมาย ส่วนเรื่องการเสียชีวิตของน้องชาย ก็ยังไม่รู้ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะบ้านมีฐานะยากจน ตนเป็นเพียงช่างอู่เคาะพ่นสีรถ เพียงแต่ห่วงว่าลูกของนายชัยพร ที่อายุได้ 7 และ 6 ขวบ ที่จะต้องทำอย่างไรกับชีวิต
อย่างไรก็ตาม ตนจะเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อติดต่อขอรับเงินชดเชยการเสียชีวิตของนายชัยพรในเหตุการสลายการชุมนุมที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จำนวน 4 แสนบาท เพื่อจะนำเงินมาเป็นทุนการศึกษาของลูกนายชัยพร ส่วนเรื่องอื่นยังคิดอะไรไม่ออกเพราะครอบครัวก็ยังต้องหาเช้ากินค่ำ และหลังจากการจัดงานศพเงินก็แทบไม่เหลืออะไรแล้ว
แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า การมาร่วมงานเผาศพนายชัยพรในวันดังกล่าว เป็นการแสดงให้เห็นว่ากลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้ทอดทิ้งกัน ยังรวมกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่น มาให้กำลังใจกัน และกลุ่มคนเสื้อแดงในภาคเหนือก็จะประสานรวมกันอย่างนี้ตลอดไป และหากจะดำเนินการอะไรต่อไปเราก็จะทำร่วมกันทั้งหมด
.......
นายนัฐพงษ์ หรือ “แก๊ป” ปองดี อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 2 ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี
(18 พ.ย.52) เวลา 13.00 น. ญาติของนายณัฐพงษ์ ปองดี อายุ 29 ปี รปภ.ที่เสียชีวิตกับเพื่อน รวม 2 ศพ อยู่บ้านเลขที่ 119 ม.2 บ้านหนองกุง ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ญาติพี่น้องได้นำศพของนายรั
ขณะที่ภรรยาและแม่ของผู้ตายขอร้
ในขณะที่บรรดาชาวบ้านที่รู้จักเดิ
การ์ด นปช.ทั้ง 2 คนเสียชีวิตอยู่ในสภาพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ มีเครื่องหมาย “RESCUE” สีเหลืองที่หน้าอก นุ่งกางเกงขายาวสีดำ สวมถุงเท้าสีดำ มีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งที่ใบหน้าและตามร่างกายหลายแห่ง นอกจากนี้ยังมีผ้าสีเหลืองและสีขาว 2 ผืน มัดต่อกันผูกปิดไว้ที่ปาก ส่วนที่มือทั้ง 2 ข้างถูกพันธนาการด้วยเชือกไนล่อนสีฟ้าในลักษณะไพล่หลัง
จากการสอบสวน นายประมุข สาครรัตน์ อายุ 23 ปี เพื่อน รปภ.บริษัทเดียวกัน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงค่ำวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา นายชัยพร และ นายนัฐพงษ์ ได้นั่งดื่มสุรากันอยู่ในบริษัท จนกระทั่งถึงเวลาประมาณ 02.00 น.ของวันที่ 14 เม.ย.52 นายชัยพร ซึ่งเป็นคน จ.แพร่ และนิยมชมชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นอย่างมาก จึงชักชวนนายนัฐพงษ์
ขับรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีส้ม ทะเบียน ศฐ 519 กทม.พากันซ้อนท้ายกันออกมาจากบริษัท โดยบอกว่าจะไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.เสื้อแดงที่ทำเนียบรัฐบาลแล้วก็หายไป
“จากนั้นพอถึงช่วงเช้าก็ไม่มีใครติดต่อทั้ง 2 รายได้เลย เพื่อนๆ พนักงานที่บริษัทจึงชักชวนกันไปบอกญาติๆ แล้วพากันไปแจ้งความบุคคลสูญหายไว้กับพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์ติดต่อไปที่บริษัท ว่าพบศพชายนิรนาม ใส่หัวเข็มขัดของ “KGS” จึงรีบรุดมาตรวจสอบ” นายประมุข กล่าว
..........................................................................
ภาพในคลิปที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ เผยแพร่
(23 เม.ย.) เวลาประมาณ 12.40 น. ระหว่างการประชุมรัฐสภา นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ขออนุญาตนำเทปบันทึกภาพ ที่อ้างว่าเป็นภาพบุคคลที่เป็นพยานรู้เห็นเกี่ยวกับการเสียชีวิตจากเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงมาเปิดในที่ประชุมเพื่อประกอบการอภิปราย แต่นายประสพสุข บุญเดช ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมขณะนั้นไม่อนุญาต เนื่องจากเป็นการทำตามข้อตกลงของสภาที่จะไม่อนุญาตให้มีการนำภาพที่ไม่ผ่านการตรวจสอบมาเปิดเผยในที่ประชุม ทำให้นายวรวัจน์ไม่พอใจและระบุว่า รัฐบาลต้องการปิดกั้นและแทรกแซงการแสดงออกทางความคิดเห็น จนทำให้นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ต้องขึ้นมาทำหน้าที่และชี้แจงด้วยตนเอง โดยยืนยันว่า ไม่สามารถอนุญาตให้เปิดภาพดังกล่าวได้ แม้นายวรวัจน์จะระบุว่า พร้อมรับผิดชอบข้อมูลที่นำมาเปิดเผย ก่อนที่จะเปลี่ยนให้นายประสพสุขทำหน้าที่ต่อไป จนเกิดการประท้วงจากทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้านและรัฐบาล