ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันศุกร์, พฤษภาคม 15, 2552

พลังประชาธิปไตย ฆ่าไม่ตายทำลายไม่หมด



สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดปรากฏการณ์ทางการเมือง 2-3 เรื่อง สะท้อนสภาพและอุณหภูมิทางการเมืองอย่างแท้จริงในรอบ 10 วันเป็นครั้งแรกนับจากรายการ “สงกรานต์เลือด 13 เมษายน 2552”

2 เรื่องแรกอาจอยู่ในความคาดหมายของคอการเมืองบางส่วนมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ถือได้ว่าเป็น “เซอร์ไพรส์เล็กๆ” เมื่อนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศยกเลิก พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมกับผลพวงในการยุติการบล็อกเว็บไซต์ฝ่ายประชาธิปไตย 71 เว็บที่ถูกหางเลขในช่วงการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง

เรื่องถัดมาซึ่งดูจะเป็นประเด็นใหญ่และมีผู้ให้ความสนใจมากกว่าคือกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ (นปช.) ได้จัดชุมนุมคนเสื้อแดงขึ้นเป็นครั้งแรกหลัง พ.ร.ก. ณ ท้องสนามหลวง ในวันเสาร์ที่ 25 เมษายน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. ถึงเวลาประมาณ 23.00 น.

ก่อนหน้าการชุมนุมเกิดสงครามข่าวสารในเรื่องนี้มาตลอดทั้งวัน ในเว็บไซต์ต่างๆของทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มคนหลากหลายหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ประเด็นแรกคือความพยายามให้การชุมนุมครั้งนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้ ที่สำคัญเป็นการอาศัยการปล่อยข่าวด้านความไม่ปลอดภัย เนื่องจากเป็นไปได้ว่าอาจมีการแทรกซึม-ก่อกวนโดยกลุ่มสร้างสถานการณ์ด้วยความรุนแรงเช่นที่เกิดขึ้นที่พัทยาในวันที่ 11 เมษายน

ส่วนอีกประเด็นที่สำคัญไม่แพ้กันคือการแตกแยกเป็น 2 ฝ่ายในทางความคิด รวมทั้งบทบาทและทิศทางการเคลื่อนไหวของแกนนำ นปช. ซึ่งฝ่ายหนึ่งนำโดยนายจักรภพ เพ็ญแข ประกาศนำการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย “ลงสู่ใต้ดิน” หลังจากรัฐบาลใช้มาตรการทางทหารทั้งโดยรูปแบบและเนื้อหา ที่หลายเสียงค่อนข้างเห็นว่า “ไม่ได้มาตรฐานสากล” สำหรับการชุมนุมทางการเมืองอย่างสงบและปราศจากอาวุธ

ซึ่งในประเด็นนายจักรภพนี้ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำรุ่น 2 ร่วมกับนายจรัล ดิษฐาอภิชัย ให้ความเห็นต่อผู้สื่อข่าวว่า “ภายใต้ระบอบเผด็จการ จักรภพมีสิทธิเสนอความคิด ถ้าคุณยิ่งเป็นเผด็จการ ขบวนการอย่างจักรภพจะเติบโต แต่ถ้าคุณเป็นประชาธิปไตย ขบวนการอย่างพวกผมที่คนเสื้อแดงมาชุมนุมแบบนี้จะเติบโต ปัญหามันอยู่ที่รัฐบาล ถ้าคุณเป็นเผด็จการเขาก็มีสิทธิจะต่อสู้ ก็คุณไปปิดกั้นเสรีภาพเขา เขาก็มุดลงดิน คุณต้องเปิด ต้องมีเสรี มีพื้นที่ให้เขายืนอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ใช่ดูถูกเหยียดหยามพวกคนเสื้อแดง แล้วคิดจะทำอะไรกับพวกเขาก็ได้”

ส่วนนายจรัลแถลงต่อหน้าผู้เข้าร่วมชุมนุมในช่วงเย็นซึ่งมีจำนวนประมาณ 5,000 คน ก่อนจะเพิ่มจำนวนเป็นกว่าหมื่นคนในเวลาประมาณ 20.00 น. ว่า “จะมีการตั้งสมัชชาแกนนำแห่งชาติขึ้นเพื่อประสานงาน และจัดเป็นองค์กรในการเคลื่อนไหวให้หนักแน่นต่อไป”

ทั้งนี้ ผู้ปราศรัยทั้งหมดบนเวทียืนยันอย่างหนักแน่นว่านับจากนี้ไปจะใช้แนวทางสันติอหิงสาในการเคลื่อนไหวอย่างเข้มงวด ระมัดระวังการแทรกแซงหรือการผสมโรงสร้างความรุนแรงโดยกลุ่มแอบอ้างที่มีเป้าหมายก่อกวน ยั่วยุ และสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในหมู่ประชาชนทั่วไป ซึ่งอาจจะสับสนในการเคลื่อนไหวของคนสีเสื้อต่างๆในช่วงที่ผ่านมา ที่เน้นคือจะไม่ใช้ประเด็นตัวบุคคลเป็นเป้าหมาย จะไม่มีการไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ แต่จะเป็นการเรียกร้องให้นำรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมา

อันที่จริงประเด็นเฉพาะเรื่อง “รัฐธรรมนูญ” นั้นต้องถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ของ นปช. ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากจุดเริ่มต้นการชุมนุมของกลุ่มคัดค้านการรัฐประหาร 19 กันยา จากกลุ่มคนกลุ่มเล็กๆ เช่น กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ที่มีการรณรงค์สืบเนื่องมาจนถึงการลงประชามติรับร่าง “รัด-ทำ-มะ-นูน” เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2550 ซึ่งผลที่ออกมาคือมีผู้มาใช้สิทธิ 25,978,954 คิดเป็น 57.61% จากจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด 45,092,955 ในจำนวนนี้เห็นชอบ 14,727,306 คิดเป็น 57.81% และไม่เห็นชอบ 10,747,441 คิดเป็น 42.19%

ทั้งนี้ มีการกล่าวถึงประเด็นการรับหรือไม่รับรัฐธรรมนูญในช่วงก่อนและหลังวันที่ 19 สิงหา ถึงเหตุผลและความเป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเคลื่อนไหวออกมาให้ความเห็น หรือที่พยายามให้นิยามคำจำกัดความไว้ว่า “ฝ่ายกลาง” เรียกร้องให้ “เห็นชอบ” กับกฎหมายแม่บทของชาติที่จัดทำขึ้นโดย “สภาร่างรัฐธรรมนูญ” อันเป็นผลผลิตของ “คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.)” ที่ต่อมากลายสภาพเป็น “คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)”...

และรวมไปถึงเสียงสอดประสานจากการเมืองในปีกประชาธิปัตย์ พร้อมกับเสียงแผ่วหวิวเจือปนอยู่ในอากาศว่ารับไปก่อนแล้วค่อยไปแก้กันทีหลัง นำไปสู่การเรียกร้องหลายๆรอบ นับจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 และการเมืองไทยผ่านไปแล้วถึง 3 รัฐบาล ที่ประกอบขึ้นจากรัฐบาลผสมนำโดยพรรคการเมืองเสียงข้างมาก (ก่อนคำวินิจฉัยยุบพรรค) 2 ชุด และนำโดยพรรคการเมืองเสียงอันดับ 2 กับกระบวนการสมานฉันท์ “พิเศษ” ซึ่งจนแล้วจนรอด กระบวนการแก้ไข “รัด-ทำ-มะ-นูน” ก็ดูเหมือนจะติดขัดด้วย “เหตุผลอะไรสักอย่าง” จากปีกที่ไม่ได้มาจากกลุ่มก้อนที่ประกาศไม่เห็นชอบในคราวลงประชามติ 19 สิงหา

เป็น “เหตุผลอะไรสักอย่าง” ที่ไม่เคยเกี่ยวข้องแม้แต่น้อยกับการกลับมาของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แม้จะมีบางกลุ่มบางพวกพยายามโยงเข้ากับการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย “สมบูรณ์” ของกลุ่มคนเสื้อแดงในการสกัดยับยั้งขบวนการ “ปฏิปักษ์ประชาธิปไตย” จากกลุ่มและรูปแบบต่างๆนำไปสู่วิกฤตการณ์การเมืองในช่วงที่ผ่านมา อันนำไปสู่การใช้เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าสลายการชุมนุมเรียกร้อง 2 ระยะ ที่หลายฝ่ายเริ่มทวงถาม “มาตรฐานในการปฏิบัติการ” และ “ความเสมอภาคภายใต้กฎหมาย”

อยากจะเน้นย้ำอีกครั้งว่าการเคลื่อนไหว “แก้ไขรัฐธรรมนูญ” ก็ดี หรือกระทั่งการเรียกร้อง “รัฐธรรมนูญ 2540” ก็ดี เป็นประเด็นหลักของขบวนการประชาธิปไตยหลังการรัฐประหาร 2549 มาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลเบื้องหน้าเบื้องหลังที่จะยกมากล่าวอ้าง ความมุ่งมั่นแน่วแน่ของประชาชนกลุ่มต่างๆที่ผ่านกรณี “สงกรานต์เลือด” มาแล้ว สะท้อนถึงจิตใจ “กล้าสู้ กล้าชนะ” ดังที่นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำ นปช. รุ่น 2 เคยประกาศไว้ทั้งบนเวทีปราศรัยและในบทความหลายกรรมหลายวาระ

และการชุมนุมเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2552 เท่ากับเป็นการย้ำยืนยันอีกครั้งว่า

ขบวนการประชาชนที่ประกอบกันเข้าเป็นพลังประชาธิปไตยนั้นฆ่าไม่ตายทำลายไม่หมด

ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 4 ฉบับที่ 205 วันที่ 2-8 พฤษภาคม 2552 หน้า 10 คอลัมน์ “พายเรือในอ่าง” โดย อริน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก