ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันศุกร์, พฤษภาคม 15, 2552

เรื่องลึก ที่ทำให้ต้องเลื่อนการประชุมอาเซียนกับคู่เจรจาไปก่อน

ที่มา Thai E-News

โดย คุณ Bugbunny
ที่มา เวบไซต์
thaifreenews
14 พฤษภาคม 2552

สิ่งที่คนไทยได้รับทราบจากถ้อยแถลงของนายกษิต รมต.ต่างประเทศผู้ก่อการร้าย แจ้งถึงสาเหตุที่ต้องเลื่อนการประชุมอาเซียนบวกคู่เจรจาไปปลายเดือนตุลาคมนั้น คือการที่ผู้นำประเทศคู่เจรจา ไม่พร้อม มีภารกิจ ติดธุระ ฯลฯ ทำให้ไม่สามารถมาร่วมประชุมกับประเทศอาเซียนที่ภูเก็ตในเดือนมิถุนายน 2552 ได้

ถือว่าเป็นข้อมูลที่ตกแต่งกันขึ้นมาให้ดูดี เพื่อแถลงต่อสาธารณะ มากกว่าความจริง ข้อมูลซึ่งรับทราบจากผู้ที่เกี่ยวข้องในระดับปฏิบัติงานต่อไปนี้ ขอไม่คอนเฟิร์มฟันธง แต่มีความเป็นไปได้สูงคือ

1. ผู้นำประเทศคู่เจรจาสำคัญ ๆ คือ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น แสดงท่าทีในทางการทูตมาให้ทราบว่า ไม่ประสงค์ที่จะมีข้อตกลงใด ๆ จนกว่าประเทศไทยจะแก้ปัญหาความแตกแยกทางการเมืองภายในให้ยุติลงได้ก่อน

ประเทศที่มีสภาพการเมืองภายในวุ่นวายเช่นนี้ ไม่ใช่ประเทศที่สมควรจะมีข้อตกลงในระดับนานาชาติใด ๆ เลย สภาพรัฐบาลเองก็จัดตั้งขึ้น ท่ามกลางกลวิธีทางการเมือง ไม่ใช่ฉันทามติของประชาชนส่วนใหญ่ ตัวรัฐบาลนายอภิสัดเอง ก็ดูง่อนแง่นอย่างยิ่ง ในสายตาของผู้นำประเทศคู่เจรจาที่มายังพัทยาครั้งก่อน มีจำนวนผู้ต่อต้านรัฐบาลมากมาย จนประจักษ์ด้วยสายตาผู้นำประเทศเองที่มาในครั้งนั้น หากมีการตกลงลงนามในสัญญาข้อผูกมัดใด ๆ ก็เกิดความกังวลว่า อาจใช้บังคับอย่างยืนยาวจริงจังยาก เพราะรัฐบาลต่อ ๆ ไปที่มีแนวโน้มว่า จะไม่ใช่คนกลุ่มนี้ อาจไม่ยอมรับข้อตกลงเหล่านี้ในอนาคตก็ได้

อีกประการนั้น ปัญหาในเมืองไทยเป็นการแตกแยกทางการเมือง ไม่ใช่การแตกแยกทางสังคมแบบกลุ่มต่อต้านเอกชนในประเทศอื่น รัฐบาลในประเทศอื่น มีฐานมาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนผู้เลือกตั้ง กลุ่มต่อต้านก็เป็นเพียงกลุ่มแตกต่างทางความคิดเท่านั้น ต่างจากกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งนายอภิสัดกับพรรคพวก พยายามบอกว่า เหมือนในประเทศอื่น แต่ความจริงไม่เหมือนกันเลย

ประเทศอื่น มักเป็นกลุ่มกดดันเฉพาะที่ต่อต้านแนวความคิดบางอย่าง เช่น แนวทางของ IMF, WORLD BANK, G 8 ฯลฯ แต่ในประเทศไทย กลุ่มต่อต้านนั้น ไม่ได้คัดค้านผู้นำประเทศอื่น หรือข้อมูลที่จะมาทำข้อตกลง แต่ต่อต้านรัฐบาลนายอภิสัด จึงไม่จำเป็นใด ๆ ที่ผู้นำและประเทศอื่น ๆ จะต้องเข้าเกี่ยวข้องกับการเมืองและความขัดแย้งภายในของไทย จนทำให้อาจกลายเป็นที่ไม่พอใจของประชาชนไทยไปเปล่า ๆ

เมื่อปัญหาเป็นปัญหาภายใน ประเทศไทยก็ต้องแก้ปัญหาภายในให้เรียบร้อยลงด้วยตนเองเสียก่อน แล้วค่อยมาเคลื่อนไหวในระดับนานาชาติ พูดง่าย ๆ เรื่องในบ้านของตัว ยังเอาตัวไม่รอด ได้โปรดอย่าทะลึ่งมาเป็นผู้นำชุมชนดีกว่า

2. กรณี ออสเตรเลีย นั้น ข้อมูลคือ โกรธมาก เพราะครั้งที่แล้วที่พัทยา ผู้นำของเขาบินมายังไม่ทันได้แตะพื้นรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิเลย ก็ต้องบินวกกลับประเทศ เป็นเรื่องที่ไม่ได้เรื่อง และแสดงความไร้น้ำยาของกลุ่มนายอภิสัดชัดเจน

ยังมีความไม่พอใจลึก ๆ ของระดับชงเรื่อง และปฏิบัติงานของที่นั่น บ่นดัง ๆ ว่า รัฐบาลอภิสัดไม่พูดความจริง เพราะยืนยันไปยังเขาโดยตลอดว่า ควบคุมสถานการณ์ได้แน่นอน ทำให้ฝ่ายปฏิบัติงานพลอยถูกตำหนิไปด้วย ทั้งนี้ก็เพราะข้อมูลจากหน่วยข่าวของออสซี่มีความแจ่มชัดว่า พลังของคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมนั้นแรงมาก

มีรายงานข่าวการชุมนุมของคนเสื้อแดงอยู่โดยตลอดแทบทุกวัน อย่างตรงไปตรงมาใน Australian Broadcasting Corporation รวมทั้งสื่ออิสระอื่น ๆ ที่นั่น เนื่องจากออสเตรเลียในปัจจุบันมีความประสงค์จะเข้าร่วมเป็นชุมชนหนึ่งของเอเชีย มากกว่าจะเป็นโซนออสเตรเลีย โอเชียนเนีย อันเป็นเอกเทศอย่างแต่ก่อน

การเข้าร่วมก็เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่น กับกลุ่มประเทศอาเซียน และประเทศยักษ์ของเอเชียอย่างจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไปพร้อมกัน และเืมื่อพิจารณาเหตุผลประกอบอื่นแล้ว การที่จะตกลงอะไรกับประเทศที่ภายในไม่มีเอกภาพแบบประเทศไทยวันนี้ รอไปก่อนให้เข้าที่ดีกว่า แนวเดียวกับ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น

ผู้ปฏิบัติงานหนุ่ม ๆ ชาวจิงโจ้คนหนึ่ง เย้าแหย่ฝ่ายไทยในการพูดคุยกันแบบเพื่อนฝูงว่า “Now your country has become Kangaroo country, not mine”

ฝ่ายพิธีการทูตของเขา นำเคล็ดวิชา ใช้ความสงบ สยบความเคลื่อนไหว มาปฏิบัติ ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ จะเข้าร่วมประชุมที่ภูเก็ตในเดือนมิถุนายนหรือไม่ เงียบลูกเดียว จนทำให้นายอภิสัดกับนายกสิดมองออกว่า ท่าทางจะลำบาก อีกไม่กี่วันแล้วยังไม่ตอบรับเลย ก็เลยต้องประกาศเลื่อนการประชุมเองไปเป็นเดือนตุลาคม

ผู้มีหน้าที่ก็ยังบอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่า จะมีการประุชุมเดือนตุลาคมเกิดขึ้นหรือไม่ ต้องรอดูกันต่อไป

3. ส่วน นิวซีแลนด์ นั้นมีความแนบแน่นและคล้ายคลึงกับออสเตรเลียอยู่แล้ว ในแง่การต่างประเทศ และแม้แต่สภาพในประเทศ จะต่างกันอาจเพียงแค่ ใช้จิงโจ้กับนกกีวีเป็นสัญลักษณ์ของประเทศเท่านั้น ออสเตรเลีย ใช้วิธีไหน นิวซีแลนด์ ก็ใช้วิธีนั้น คือวิธีพูดไม่ออก เป็นใบ้ชั่วคราว ไม่พูดเลย เรื่องการตอบรับมาประชุม

สิ่งที่นายอภิสัดควรต้องพิจารณาก็คือ

คุณเป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ในประเทศหรือไม่?
คุณเป็นที่ยอมรับของสังคมโลกหรือไม่?
คุณเป็นที่ยอมรับของประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่?
คุณมีปัญญาบริหารประเทศ ในภาวะแตกละเอียดเป็นผุยผงอย่างนี้ได้หรือ?
คุณไปรับบาปแทนพวกเผด็จการศักดินาอำมาตย์ เมือก เนรคุณ ชิดชั่ว ทำไม?
คุณตัดสินใจแน่นอนแล้วหรือว่า จะฆ่าตัวตายทางการเมือง?

แก้ปัญหาเถิดครับ จะลาออก ยุบสภา ฯลฯ อะไรก็รีบทำเถิด ก่อนที่จะฉิบหายกันหมดมากกว่านี้ ต้องแก้ให้ถูกจุด เป็นที่ยอมรับของประชาชนส่วนใหญ่ด้วย

รับความจริงเถิดครับว่า วันนี้คุณเป็นรัฐบาลที่ไม่มีใครยอมรับเลย ทั้งในและต่างประเทศ

คนในประเทศก็เคียดแค้นชิงชัง จากการสังหารประชาชน ที่อาจไม่ใช่สิ่งที่คุณกำหนดเองเลยก็ได้

ดื้อเป็นรัฐบาล เป็นนายกฯ ไปเรื่อยๆ นั้น มันโง่ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก