ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันอาทิตย์, มิถุนายน 20, 2553

ลูกสาวโฮ นักข่าวเยอรมันเล่า วันพ่อถูกยิง

เจ็บสาหัสที่ราชปรารภ ทหารไล่ล่าก่อนเป็นศพ พม.มอบ4แสน"คนตาย" ญาติย้ำ-ไม่คุ้มค่าชีวิต!

นอง สูญเสีย - น.ส.มนชยา พลศรีลา อายุ 25 ปี น้ำตานอง
เหตุการณ์ ขณะรับฟังนายนิก นอสติทซ์ นักข่าวอิสระชาวเยอรมัน เล่าถึงเหตุการณ์
วันที่นายชาญณรงค์ พลศรีลา บิดาถูกทหารยิงเสียชีวิตที่ราชปรารภ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.
"แล้ว นักข่าวเยอรมันได้พบลูกสาวแท็กซี่ เหยื่อปืน "ราชปรารภ" แล้ว
มา เล่าเหตุการณ์ที่ถ่ายภาพวัน ถูกยิงตรงแนวยางรถยนต์ ทำเอาลูกสาวผู้ตายร่ำไห้โฮออกมา
ไปด้วย ฝ่ายนักข่าวเองก็สะเทือนใจจนพลอยร้องไห้ตามไปด้วย
รามาฯ ลูกสาวเผยสองคนกับแม่ ออกตามหาศพพ่อตามร.พ.ไปทั่ว จนไปเจอที่รามาฯ
มีภาพถ่ายในสภาพเน่าไปแล้วแต่ก็ยังจำได้ พม.แจกเงินเยียวยา 200 ราย รายที่ตายได้รับ 4 แสน
แต่ญาติต่างย้ำถึงได้เงินชดเชยก็ไม่คุ้ม ทั้งที่ตายไปก็ไม่ใช่คนเสื้อแดง แต่ผ่านไปเจอลูกหลง

จากกรณีนายนิก นอสทิส นักข่าวอิสระชาวเยอรมัน เดินทางไปพบตำรวจสน.พญาไท
เพื่อตามหาผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงคนหนึ่ง ซึ่งนายนิกเห็นเหตุการณ์ขณะถูกทหารยิงบาดเจ็บ
ขณะอยู่แนวยางรถยนต์บนถนนราชปรารภ ก่อนได้รับการยืนยันจากตำรวจว่าชายดังกล่าวเสียชีวิตไปแล้ว
ชื่อนายชาญณรงค์ พลศรีลา อายุ 45 ปี อาชีพแท็กซี่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา
ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น

น.ส.มนชยา หรือส้มโอ พลศรีลา อายุ 25 ปี พนักงานข้าราชการ กองทัพอากาศ
บุตรสาวนายชาญณรงค์ พลศรีลา อายุ 45 ปี ผู้เสียชีวิต
จากการกระชับพื้นที่บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันเชลล์ ถนนราชปรารภ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา
ได้เดินทางไปพบนายนิก นอสทิส นักข่าวอิสระชาวเยอรมัน ที่เห็นเหตุการณ์ขณะนายชาญณรงค์ถูกยิง
และพยายามเข้าไปช่วยเหลือ โดยทั้งสองนัดหมายเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านสายไหม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.มนชยา หรือส้มโอ สอบถามนายนิก ถึงเหตุการณ์ที่นายชาญณรงค์ถูกยิงทันที
โดยสอบถามถึงเรื่องราวต่างๆ วันแรกที่พบพ่อ และช่วงที่ถูกยิงหน้าปั๊มน้ำมันเชลล์ ถนนราชปรารภอย่างละเอียด
ทั้งนี้ ระหว่างที่นายนิกเล่าเรื่องราวต่างๆ
ตั้งแต่ต้นให้น้องส้มโอฟัง ทำเอาน้องส้มโอถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ปล่อยโฮออกมาต่อหน้าผู้สื่อข่าว
โดยที่นายนิกก็พลอยร้องไห้ออกมาด้วย จนต้องให้น้องส้มโอนั่งพักดื่มน้ำเย็น
เพื่อให้หายเครียด ประมาณ 5 นาที จากนั้นนายนิกเล่าเหตุการณ์ต่อช่วงที่นายชาญณรงค์ถูกยิง
และช่วงที่นายนิกเข้าไปช่วยเหลือ โดยพยายามนำร่างนายชาญณรงค์ออกจากจุดเกิดเหตุ
เพื่อไปส่งโรงพยาบาล แต่ไม่สามารถนำออกมาได้ เพราะขณะนั้นมีกำลังทหารประชิดเข้ามาแล้ว
นายนิก เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ขณะเดินทางไปทำข่าวอยู่บริเวณราชปรารภ
ก็ได้พบเห็นนายชาญณรงค์อยู่บริเวณแนวรั้วยางรถยนต์
ขณะนั้นทราบว่าจะมีทหารบุกเข้ามาสลายการชุมนุมบริเวณดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ตนและนายชาญณรงค์ก็ได้ยืนอยู่ด้วยกัน และตนยังถ่ายรูปนายชาญณรงค์ไว้ด้วย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ตนไม่มีวันลืมตลอดชีวิตแน่นอน
ภาพนายชาญณรงค์ถูกยิงวันนั้นยังติดตาตนตลอดเวลา และจะเดินหน้าหาความเป็นธรรมให้กับนายชาญณรงค์ต่อไป
ส่วนน.ส.มนชยา หรือส้มโอ กล่าวว่า
บิดาของตนเดินทางไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณแยกราชปรารภ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.
และในวันนั้น ตนทราบว่าช่วงประมาณ 15.00 น. จะมีกระชับพื้นที่การ จะมีการกระชับพื้นที่
มีความเป็นห่วงพ่อ จึงได้โทรศัพท์ไปหาแต่ไม่ติด คาดว่าน่าจะถูกตัดสัญญาณมือถือ
และตลอดทั้งวันทั้งคืนนั้น ก็ไม่สามารถติดต่อพ่อได้เลย
จนกระทั่งเช้าวันที่ 16 พ.ค. มารดาตน คือนางสุริยันต์เดินถือหนังสือ พิมพ์ "ข่าวสด"
ฉบับบ่ายเป็นวันที่ 17 พ.ค. มาให้ตนดู และบอกว่าพ่อถูกยิงบริเวณราชปรารภ
โดยภายในหนังสือพิมพ์วันนั้น เป็นภาพมีชาย 2 คน กำลังหิ้วปีกพ่อออกมาจากที่เกิดเหตุ
บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันเชลล์

เล่านาทียิง - นายนิก นอสติทซ์ นักข่าวเยอรมัน เล่านาทีที่นายชาญณรงค์ถูกยิงแล้ววิ่งหนีไปหลบในบ่อน้ำ
ก่อนจะมีทหารมาลากตัวออกไป และรู้สึกเสียใจมากเมื่อทราบข่าวภายหลังว่านายชาญณรงค์เสียชีวิตในวันนั้น
น.ส.มนชยา กล่าวต่อว่า หลังจากเห็นภาพข่าวว่าพ่อถูกยิง ก็รีบออกตามหาทันทีว่า
เขานำพ่อส่งโรงพยาบาลอะไร โดยติดต่อสอบถามไปทุกโรงพยาบาล รวมทั้งศูนย์เอราวัณ
ซึ่งเป็นจุดที่รวบรวมรายชื่อผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ก็ไม่พบ
จากนั้นวันที่ 17 พ.ค. ตนได้นำข้อมูลประวัติพ่อโพสต์ลงเฟซบุ๊กและยูทูบ เพราะอยากทราบรายละเอียดคนที่พบเห็นเหตุการณ์หรือคนที่ช่วยเหลือพ่อในวันนั้นว่าเป็นใคร และต้องการทราบความจริงว่าวันนั้นเรื่องราวเป็นอย่างไร
น.ส.มนชยา กล่าวอีกว่า กระทั่งวันที่ 19 พ.ค.ตนและแม่ไปตรวจสอบที่ร.พ.วชิระ บริเวณตึกนิติเวชอีก
แต่ก็ไม่พบ จึงคิดว่าน่าจะถึงทางตันแล้ว ไม่รู้จะไปตามหาที่ไหน
ทางแม่จึงมาบอกให้ตนไปดูที่แผนกนิติเวช ร.พ.รามาธิบดีอีกครั้ง
เพราะยังไม่เคยไป พอไปถึงก็ได้เดินเข้าไปยังตึกนิติเวช และสอบถามเจ้าหน้าที่ว่า
มีศพชายรูปร่างท้วม ถูกยิงบริเวณราชปรารภ ส่งเข้ามาหรือไม่
ทางโรงพยาบาลจึงนำภาพศพทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมมาให้ดู
โดยพบว่ามีอยู่ 2 คนที่ส่งมาจากราชปรารภ ศพแรกเป็นชายรูปร่างผอม ไม่ทราบชื่อ หน้าตาเละ
ส่วนศพที่ 2 เป็นชายรูปร่างท้วม มีหนวด อายุประมาณ 40-45 ปี แต่สภาพศพขึ้นอืด ใบหน้าเละจำไม่ได้
เนื่องจากทางโรงพยาบาลไม่ได้ฉีดยา ทั้งนี้ เมื่อตนเห็นศพดังกล่าว จึงยืนยันได้ทันทีว่า คือ
ศพของพ่อตนแน่นอน เพราะจำเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้อย่างแม่นยำ จึงประสานขอรับศพไปบำเพ็ญกุศลทันที
บุตรสาวนายชาญณรงค์ กล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลาที่ตามหาพ่อมาตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.
ตนก็มักจะฝันเห็นพ่อเกือบทุกวัน โดยในความฝันนั้นเป็นเหตุการณ์พ่อถูกยิง
พอตนตื่นขึ้นมา ก็นั่งนึกว่าจะเป็นไปได้หรือ ที่พ่อมาถูกยิงกลางเมืองหลวงแบบนี้
และยังฝันเห็นพ่อนอนอยู่บนผ้าห่อศพสีขาว ซึ่งเหมือนเป็นลางบอกเหตุว่าพ่อน่าจะเสียชีวิตแล้ว
จนกระทั่งมาพบศพ และหลังจากที่นำร่างพ่อไปบำเพ็ญกุศล ตนก็ได้ฝันเห็นพ่ออีก
โดยพ่อมาทักทาย พ่อมีรูปร่างหน้าตาหนุ่มหล่อ มาบอกสบายดี ตนถึงกับร้องไห้เมื่อฝันถึงพ่อ
ด้านนายนิก กล่าวว่า วันเกิดเหตุ จำได้ว่า
หลังจากที่นายชาญณรงค์ถูกยิงที่หน้าปั๊มแล้ว ได้พยายามคลานเข้ามาในปั๊ม
ซึ่งขณะนั้นนักข่าวและผู้ชุมนุมได้ไปรวมตัวกันอยู่ที่ห้องน้ำหลังปั๊ม
แล้วปีนข้ามรั้วหนีไปยังบ้านหลังหนึ่ง
โดยมีคนเสื้อแดงช่วยกันนำร่างนายชาญณรงค์ข้ามมาด้วย
แต่นายชาญณรงค์ลงไปนอนหลบแช่อยู่ในบ่อบัว โผล่มาแค่หน้า
และยังส่งเสียงร้องให้ตนช่วย บอกว่า "ผมไม่ไหวแล้ว"
แต่เมื่อทหารปีนข้ามรั้วมาได้ ก็ด่านายชาญณรงค์อย่างหยาบคายว่า
ทำไมถึงไม่ตาย แล้วสั่งให้ตนช่วยดึงขึ้นมาจากน้ำ
แต่ตนดึงคนเดียวไม่ไหว ทหารก็เลยเข้ามาดึงแขนนายชาญณรงค์ขึ้นมาแล้วพาข้ามกำแพงไป
เมื่อได้ทราบว่านายชาญณรงค์เสียชีวิตแล้ว ก็รู้สึกเสียใจ แต่ถ้าถามตนว่ารู้สึกสบายใจขึ้นหรือไม่
ที่ได้พบบุตรสาวคนที่เสียชีวิต บอกได้ว่าไม่ เพราะการสูญเสียชีวิตนั้น ไม่สามารถที่จะเรียกกลับคืนมาได้

ก่อนตาย - ภาพถ่ายที่นายนิกบันทึกไว้ตอนที่นายชาญณรงค์ยิงหนังสติ๊กสู้กับทหารที่ถนนราชปรารภ
ส่วนรูปขวา คนเสื้อแดงพยายาม ลากนายชาญณรงค์ซึ่งถูกยิงสาหัสเข้ามาหลบที่หลังปั๊มน้ำมันใกล้จุดเกิดเหตุ ก่อนจะเสียชีวิต




http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOREU1TURZMU13PT0=&

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก