ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันเสาร์, กรกฎาคม 10, 2553

ความถดถอยของอนุรักษ์นิยมในสังคมไทย?

2010-06-12 18:35

ภาคิไนย์ ชมสินทรัพย์มั่น 


นิสิตปริญญาโทคณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาปกครอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


ความมืดบอดทางสติปัญญาของฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะทำให้พวกเขาพังพินาศต่อพลังแห่งความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น 

 หลังจากวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 เป็นต้นมาผมรู้สึกว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว..

หลังจากการชุมนุมของพี่น้องเสื้อแดงจบสิ้นลงพร้อมกับเพลิงพิโรธในจุดต่างๆรอบ พื้นที่การชุมนุมและบางพื้นที่ใน
เขตที่มั่นแดงต่างจังหวัด ปรากฎว่าจนถึงขณะนี้ (11 มิย 2553) ตัวเลขของผู้เสียชีวิตจากการถูกยิงยังไม่นิ่ง รวมไปถึงมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก บางคนอาจพิการตลอดชีวิต ..


ผมถือว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของ เหตุการณ์โดยตรงเพราะพาตัวเองเข้าพื้นที่ปะทะในวันที่เสธแดงถูกยิงวันที่ 13 พค 53 จนถึง 14 พค 53 ต่อเนื่องกัน 2 วัน ในวันสุดท้ายที่ผมอยู่ในพื้นที่ตอนกลางวันผมเห็นทหารเต็มไปหมด ถนนแทบทุกเส้นรอบพื้นที่ชุมนุมปิดตาย การจะเข้าพื้นที่ได้ต้องใช้วิธีเดินลัดเลาะเข้าไปทางชุมชนใกล้ๆบริเวณนั้น ..


คืนวันที่เสธแดงถูกยิงเป็นวันที่ผมจะจดจำไปชั่วชีวิต เพราะหลังจากที่เสธแดงถูกหามส่งโรงพยาบาลแล้วก็มีการปะทะกันทั้งคืน ในห้วงเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงต่อมาหลังจากเสธแดงถูกยิง ในพื้นที่บังเกอร์แดงโซนศาลาแดงถูกกลุ่มกระสุนปืนลึกลับยิงสวนเข้ามาในค่าย ทำให้ผมเห็นคนล้มลง 2 คน หนึ่งในนั้นหัวสมองกระจายเรี่ยราดบนพื้นถนน ตัวผมเองก็เกือบถูกลูกปืนพุ่งใส่ขาซ้ายซึ่งกระสุนลูกนั้นวิ่งผ่านขาผมไปดัง "ฟึ่บ!!" ไปกระแทกกับพื้นถนนเป็นรู ลูกปืนมาจากด้านบนแน่นอนเพราะวิธีกระสุนเฉียงจากที่สูง ..

สถานการณ์ ตอนนั้นแย่มากจนผมต้องถอยไปตั้งหลักยังหลังเวทีราชประสงค์ซึ่งเป็นสถานที่ ยังมีการปั่นไฟใช้สว่างไสว (โซนบังเกอร์ศาลาแดงมืดทั้งแถบ) ตลอดทั้งคืนผมได้ยินเสียงปืนประปราย เป็นคืนอันยาวนานสำหรับผมในพื้นที่สงครามเช่นนี้ ..

วันต่อมาผม พยายามลัดเลาะเข้าพื้นที่ราชประสงค์อีกแต่อยู่ได้เพียงครึ่งวันผมต้องพาตัว เองออกมา การข่าวของผมแจ้งว่าจากวันนี้ไป (14 พค 53) ทหารจะเข้ากวาดล้างในพื้นที่ ..


ระหว่างวันที่ 17-19 พค 53 เป็นวันนองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางการเมืองของสยาม การเข้ากวาดล้างคนเสื้อแดงของทหารรัฐบาลเป็นไปอย่างโหดเหี้ยมในนาม "การกระชับพื้นที่" ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถปฎิเสธความรุนแรงอันเกิดจากการล้อมปราบของรัฐบาลได้ .. หลังจากสิ้นสุดสงครามระหว่างประชาชนและทหาร รัฐบาลก็ตามไล่กระทืบซ้ำพี่น้องเสื้อแดงทางสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่องภายใต้ พรก.ฉุกเฉิน มีการบุกจับแกนนำแดงทั่วประเทศ แกนนำบางส่วนหนีไป บางส่วนถูกยิงตาย บางส่วนเข้ามอบตัว หลายส่วนเตรียม "ยุทธศาสตร์" สำหรับครั้งต่อไปอย่างเคียดแค้นชิงชัง ..


มวลชนพี่น้องเสื้อแดง หลายพื้นที่เท่าที่ตัวผมได้สัมผัสโดยตรง ภาคตะวันออกมี ชลบุรี ระยอง จันทรบุรี ตราด อีสานมี อุบล ขอนแก่น มุกดาหาร มหาสารคาม ยโสธร อุดร ในขณะนี้อยู่ในสภาพโกรธแค้นชิงชัง สับสน และกำลังใจหดหู่ ส่วนในระดับแกนนำท้องถิ่นนั้นพวกเขาไม่ยอมแพ้ พวกเขากล่าวกับผมว่า "ครั้งต่อไปจะนองเลือดกว่านี้ และประชาธิปไตยจะต้องชนะ" ..


ผมแน่ใจว่าพวกเขาพูดจริง ในระดับมวลชนผมค้นพบว่าหลังจากราชประสงค์แตกย่อยยับทำให้ "ความคิดทางการเมือง" ของเขาถูกยกระดับขึ้นไปอีกครั้ง พวกเขารู้แล้วว่าการสู้รบครั้งต่อไปเขาจะสู้กับ "ใคร" อย่างชัดเจน ..


การจัดตั้งมวลชนในระดับพื้นที่แถบอีสานและภาคเหนือเพิ่มความเข้มมากยิ่งขึ้นในระดับที่น่ากลัวสำหรับฝ่ายอนุรักษ์นิยม เป็นความน่ากลัวในระดับที่รัฐบาลฝรั่งเศสก่อน 1789 ได้รับจากฝ่ายประชาชน เป็นความน่ากลัวในระดับรัฐบาลของพระเจ้าซาร์ นิโคลัส ได้รับก่อน 1917 .. ปัญหาความเหลื่อมล้ำทั้งเศรษฐกิจและสังคมในประเทศนี้กำลังสำแดงพลังของมันในฐานะปัจจัยหนึ่งในกระแสความเปลี่ยนแปลงอันน่ากลัว ต้นตอของปัญหาไม่เคยถูกแก้มานานแสนนาน แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ก็ยังไม่แก้ที่ต้นเหตุของปัญหา ฝ่ายอนุรักษ์นิยมยังคงตามไล่ล่ากวาดล้างฝ่ายตรงข้ามอย่างเลือดเย็น ..


วิธีการที่พวกอนุรักษ์นิยมนำมาใช้จัดการกับปัญหา คือ ความรุนแรง เป็นความรุนแรงทั้งความคิดและกายภาพ พวกเขาเชื่อว่าปากกระบอกปืนสามารถสยบประชาชนลงแทบเท้าของเขาได้ พวกเขาเชื่อว่าการปกปิดทุกสิ่งทุกอย่างภายใต้กฎหมายสามารถกวาดล้างสำนึกทาง การเมืองของประชาชนได้ พวกเขาเชื่อว่าประชาชนโง่ดักดานตามพวกเขาไม่ทัน ..


อนิจจา...ความ เชื่อเหล่านี้เกิดจาก "ความกลัว" ทั้งสิ้น พวกเขามองไม่เห็นพัฒนาการใดๆทั้งสิ้นของประชาชน พวกเขายังนึกว่าประชาชนถูกทักษิณซื้อหรือมาเพราะนักการเมืองจัดตั้ง ..


ความมืดบอดทางสติปัญญาของฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะทำให้พวกเขาพังพินาศต่อพลังแห่งความเปลี่ยนแปลงอันเชี่ยวกรากนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วน "บนที่สุด" ของฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ไม่ยอมปล่อยอำนาจการปกครองออกจากมือ พวกเขาเชื่อว่าประเทศนี้ชนชั้นของตนดีที่สุด พวกเขาไม่เชื่อประชาชน พวกเขาไม่เชื่อความเปลี่ยนแปลง พวกเขาดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อรักษาอำนาจเท่านั้น ..


การรักษาอำนาจของเขาทำให้ประชาชนนับร้อยต้องบาดเจ็บล้มตาย เขาฆ่าแม้กระทั่งคนแก่ เด็ก อาสาสมัครจิตอาสา ผู้หญิง คนที่ไม่มีอาวุธในมือ ..


พี่น้องประชาชนผู้สูญเสียเขาไม่สนใจคำอธิบายใดๆของรัฐทั้งสิ้นเพราะรัฐไปฆ่าเขา คำว่าปรองดองเป็นคำที่ตลกร้ายที่สุดสำหรับสถานการณ์ในขณะนี้ ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วสำหรับการ "เอาคืน" ของประชาชนแล้ว ..
ความปรองดองบนพื้นฐานความกลัว คือความหายนะของฝ่ายอนุรักษ์นิยมอย่างแท้จริง
 
........

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก