ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันพุธ, กรกฎาคม 07, 2553

ใครกลัวอนุสาวรีย์ปราบกบฏ (บวรเดช)?


กาหลิบโดย โดย กาหลิบ
คอลัมน์เมืองไทยใครหรือเมือง? คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
ที่มา ประชาธิปไตย 100% ที่มา Democracy 100%
6 กรกฎาคม 2553 6 กรกฎาคม 2553

เผด็จการอำมาตยาธิปไตยไม่มีวันหยุดเมื่อสั่งฆ่าประชาชนและปกป้องรัฐบาลเปื้อนเลือดของตัวเองไว้ได้แล้วอันดับต่อไปคือการทำลายประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยให้หมดสิ้นชิ้นล่าสุดคือคำสั่งลับและด่วนให้ เร่งงานทำลายอนุสาวรีย์ปราบกบฏที่วงเวียนหลักสี่ลงโดยพลัน เผด็จการอำมาตยาธิปไตยไม่มีวันหยุด เมื่อสั่งฆ่าประชาชนและปกป้องรัฐบาลเปื้อนเลือดของตัวเองไว้ได้แล้ว อันดับต่อไปคือการทำลายประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยให้หมดสิ้น ชิ้นล่าสุดคือคำสั่งลับและด่วนให้เร่งงานทำลายอนุสาวรีย์ปราบกบฏที่วงเวียนหลักสี่ลงโดยพลัน

การทำลายก็ทำอย่างอำพรางโดยอ้างว่าเป็นแผนและโครงการที่มีอยู่แล้วของกรมทางหลวงเพื่อปรับผิวการจราจรให้แถบนั้นเสียใหม่ การทำลายก็ทำอย่างอำพราง โดยอ้างว่าเป็นแผนและโครงการที่มีอยู่แล้วของกรมทางหลวงเพื่อปรับผิวการจราจรให้แถบนั้นเสียใหม่

ฟังเผินๆก็พอจะเข้าหูอยู่หรอกครับ แต่เมื่อพิจารณาลึกลงไปแล้วก็น่าหัวร่อ ฟังเผินๆ ก็พอจะเข้าหูอยู่หรอกครับ แต่เมื่อพิจารณาลึกลงไปแล้วก็น่าหัวร่อ

เพราะเห็นชัดว่าเป็นการอำพรางอำนาจเผด็จการเหมือนใช้รถกระบะพุ่งชนรถมอเตอร์ไซด์ที่อดีตการ์ดนปช เพราะเห็นชัดว่าเป็นการอำพรางอำนาจเผด็จการ เหมือนใช้รถกระบะพุ่งชนรถมอเตอร์ไซด์ที่อดีตการ์ด นปช. ชื่อ"น้ำหวาน"นั่งซ้อนมาจนตายคาที่แล้วออกข่าวว่าเป็นอุบัติเหตุนั่นแหละ ชื่อ “น้ำหวาน” นั่งซ้อนมา จนตายคาที่แล้วออกข่าวว่าเป็นอุบัติเหตุนั่นแหละ

อนุสาวรีย์แห่งนี้เรียกชื่อเต็ม ๆ ว่าอนุสาวรีย์เพื่อระลึกถึงการปราบปรามกบฏบวรเดช อนุสาวรีย์แห่งนี้ เรียกชื่อเต็มๆ ว่า อนุสาวรีย์เพื่อระลึกถึงการปราบปรามกบฏบวรเดช

เหตุการณ์เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2476 แต่มาเริ่มสร้างอนุสาวรีย์เอาในปี พ.ศ. 2479 เหตุการณ์เกิดขึ้นในปี พ.ศ.๒๔๗๖ แต่มาเริ่มสร้างอนุสาวรีย์เอาในปี พ.ศ.๒๔๗๙

เมื่อคณะราษฎรกระทำการสถาปนาระบอบประชาธิปไตยขึ้นในสยามประเทศและประนีประนอมกับระบอบเก่าโดยรักษากษัตริย์ไว้เป็นประมุขในเชิงสัญลักษณ์สยามก็เข้าสู่วงจรของการช่วงชิงอำนาจในลักษณะใหม่คือฝ่ายเจ้าและอำมาตย์พยายามใช้สายสัมพันธ์และเครือข่าย ที่สร้างสมมายาวนานมาโค่นคณะปฏิวัติและชิงอำนาจคืนให้จงได้ เมื่อคณะราษฎรกระทำการสถาปนาระบอบประชาธิปไตยขึ้นในสยามประเทศ และประนีประนอมกับระบอบเก่าโดยรักษากษัตริย์ไว้เป็นประมุขในเชิงสัญลักษณ์ สยามก็เข้าสู่วงจรของการช่วงชิงอำนาจในลักษณะใหม่ คือฝ่ายเจ้าและอำมาตย์ พยายามใช้สายสัมพันธ์และเครือข่ายที่สร้างสมมายาวนานมาโค่นคณะปฏิวัติและชิงอำนาจคืนให้จงได้

เงินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว 200,000 บาทอันเป็นก้อนมหาศาลในยุคนั้นกลายเป็นทุนหลักในการก่อหวอดรัฐประหารของฝ่ายเจ้าเพื่อโค่นฝ่ายประชาชนโดยให้อดีตเสนาบดีกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลเจ้า ได้แก่ พลเอกพระวรวงศ์ เธอพระองค์เจ้าบวรหัวหน้าเดชเป็น เงินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ๒๐๐,๐๐๐ บาท อันเป็นก้อนมหาศาลในยุคนั้น กลายเป็นทุนหลักในการก่อหวอดรัฐประหารของฝ่ายเจ้าเพื่อโค่นฝ่ายประชาชน โดยให้อดีตเสนาบดีกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลเจ้า ได้แก่ พลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช เป็นหัวหน้า

พระยาศรีสิทธิสงครามหรือดิ่นท่าราบผู้เป็นหมายเลขสองของคณะคือตาแท้ๆของพลเอกสุรยุทธ์จุลานนท์องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรีเขายายเที่ยงต่อมาถูกฝ่ายรัฐบาลยิงตายเสียที่หินลับ (เสียงคร่ำครวญของลูกสาวคือ แพทย์หญิงโชติศรีท่าราบอ่านได้ในหนังสือเรื่อง"กำสรวลพระยาศรีฯ "ที่มติชนพิมพ์มานานหลายปีแล้วแพทย์หญิงโชติศรีฯ ผู้ภายหลังมาใกล้ชิดอย่างยิ่งกับค่ายมติชนน่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บาง คนในค่ายมติชนเดินห่างจากฝ่ายประชาชนไปสวามิภักดิ์กับกลุ่มอันธพาลที่ฆ่าประชาชนได้เหมือนสัตว์) พระยาศรีสิทธิสงคราม หรือ ดิ่น ท่าราบ ผู้เป็นหมายเลขสองของคณะ คือตาแท้ๆ ของ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรีเขายายเที่ยง ต่อมาถูกฝ่ายรัฐบาลยิงตายเสียที่หินลับ (เสียงคร่ำครวญของลูกสาว คือแพทย์หญิงโชติศรี ท่าราบ อ่านได้ในหนังสือเรื่อง “กำสรวลพระยาศรีฯ” ที่มติชนพิมพ์มานานหลายปีแล้ว แพทย์หญิงโชติศรีฯ ผู้ภายหลังมาใกล้ชิดอย่างยิ่งกับค่ายมติชน น่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บางคนในค่ายมติชนเดินห่างจากฝ่ายประชาชน ไปสวามิภักดิ์กับกลุ่มอันธพาลที่ฆ่าประชาชนได้เหมือนสัตว์)

ฝ่ายรัฐบาลสู้เต็มที่และได้รับชัยชนะถือเป็นครั้งแรกที่ฝ่ายปฏิวัติประชาธิปไตยใช้กำลังจนได้รับชัยชนะเหนือฝ่ายศักดินาเดิมที่เป็นเสมือนเชื้อชั่วไม่ได้ยอมตาย ฝ่ายรัฐบาลสู้เต็มที่ และได้รับชัยชนะ ถือเป็นครั้งแรกที่ฝ่ายปฏิวัติประชาธิปไตยใช้กำลังจนได้รับชัยชนะเหนือฝ่ายศักดินาเดิมที่เป็นเสมือนเชื้อชั่วไม่ยอมตายได้

หลักตัวการปฏิวัติเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 นั้นเกือบจะไม่ได้ใช้กำลังเลยเพราะใช้กลยุทธ์ความประหลาดใจชั้นเชิง (แห่งความประหลาดใจ) เป็น ตัวการปฏิวัติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ นั้นเกือบจะไม่ได้ใช้กำลังเลย เพราะใช้กลยุทธ์ความประหลาดใจ (tactic of surprises) เป็นหลัก

แต่ประโยชน์ใหญ่คือการกวาดบ้านในคณะราษฎรเองเพราะหลังกบฏบวรเดชบทบาทของฝ่ายประชาธิปไตย แต่หัวใจเจ้าก็ลดหรือหมดลงไปเช่นพระยาทรงสุรเดชและอีก 3 ทหารเสือพระยามโนปกรณ์นิติธาดาเป็นต้นสายของพระยาพหลพล พยุหเสนาและหลวงพิบูลสงครามกลับผงาดขึ้นมาเป็นใหญ่แทนดร . ปรีดีพนมยงค์ที่ถูกขับไล่ออกไปจากประเทศเพราะเขียนแถลงการณ์ทิ่มแทงใจเจ้าและคนในฝ่ายประชาธิปไตยหัวใจเจ้าก็ได้เดินทางกลับมาอย่างผู้ชนะ แต่ประโยชน์ใหญ่คือการกวาดบ้านในคณะราษฎรเอง เพราะหลังกบฏบวรเดช บทบาทของฝ่ายประชาธิปไตยแต่หัวใจเจ้า ก็ลดหรือหมดลงไป เช่น พระยาทรงสุรเดชและอีก ๓ ทหารเสือ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นต้น สายของพระยาพหลพลพยุหเสนาและหลวงพิบูลสงครามกลับผงาดขึ้นมาเป็นใหญ่แทน ดร.ปรีดี พนมยงค์ ที่ถูกขับไล่ออกไปจากประเทศ เพราะเขียนแถลงการณ์ทิ่มแทงใจเจ้าและคนในฝ่ายประชาธิปไตยหัวใจเจ้า ก็ได้เดินทางกลับมาอย่างผู้ชนะ

การปราบกบฏของพระองค์เจ้าบวรเดชเมื่อปี พ.ศ. 2476 จึงเป็นธรณีประตูที่ทำให้ฝ่ายไพร่ก้าวลึกเข้าไปสู่ระบอบประชาธิปไตยได้เพราะฝ่ายเจ้าไม่สามารถโงหัวได้อีกเลยจนถึงการรัฐประหารเมื่อวันที่ที่จอมพลป 8 พฤศจิกายน 2490 . พิบูลสงครามร่วมกับฝ่ายเจ้าโค่นล้มดร . ปรีดีพนมยงค์ (แต่ต่อมาจอมพลป . ฯ กับเจ้ากลับเป็นศัตรูที่เคียดแค้นกันยิ่งกว่า) ประชาธิปไตยจึงได้รับโอกาสให้งอกขึ้นได้ถ้าฝ่ายบวรเดชชนะป่านนี้เรา จะย้อนกลับไปเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนกันขนาดไหนก็ไม่รู้ การปราบกบฏของพระองค์เจ้าบวรเดชเมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๖ จึงเป็นธรณีประตูที่ทำให้ฝ่ายไพร่ก้าวลึกเข้าไปสู่ระบอบประชาธิปไตยได้ เพราะฝ่ายเจ้าไม่สามารถโงหัวได้อีกเลยจนถึงการรัฐประหารเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ ที่จอมพล ป.พิบูลสงคราม ร่วมกับฝ่ายเจ้าโค่นล้ม ดร.ปรีดี พนมยงค์ (แต่ต่อมาจอมพล ป. ฯ กับเจ้า กลับเป็นศัตรูที่เคียดแค้นกันยิ่งกว่า) ประชาธิปไตยจึงได้รับโอกาสให้งอกขึ้นได้ ถ้าฝ่ายบวรเดชชนะ ป่านนี้เราจะย้อนกลับไปเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนกันขนาดไหนก็ไม่รู้

กรมทางหลวงอย่ามาอ้างแผนปรับผิวจราจรให้มันขบขันกันเลยอนุสาวรีย์ขนาดเล็กจิ๋วอย่างนั้นไม่ขวางทางใครแน่ทางราชการปรับพื้นที่ให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันโดยรักษาตัวอนุสาวรีย์ไว้ได้พร้อมกัน กรมทางหลวงอย่ามาอ้างแผนปรับผิวจราจรให้มันขบขันกันเลย อนุสาวรีย์ขนาดเล็กจิ๋วอย่างนั้นไม่ขวางทางใครแน่ ทางราชการปรับพื้นที่ให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน โดยรักษาตัวอนุสาวรีย์ไว้ได้พร้อมกัน

ใครยังไม่เคยเห็นก็ควรไปดูเสียให้ประจักษ์ว่าการรื้ออนุสาวรีย์เป็นเพียงข้ออ้างอย่างสามานย์เพื่อทำลายความทรงจำของฝ่ายประชาธิปไตยเท่านั้นใช่ไม่หรือ ใครยังไม่เคยเห็นก็ควรไปดูเสียให้ประจักษ์ว่า การรื้ออนุสาวรีย์เป็นเพียงข้ออ้างอย่างสามานย์เพื่อทำลายความทรงจำของฝ่ายประชาธิปไตยเท่านั้นใช่หรือไม่

เราต้องรักษาอนุสาวรีย์ปราบกบฏของพระองค์เจ้าบวรเดชไว้เป็นอนุสติด้วยประการทั้งปวง เราต้องรักษาอนุสาวรีย์ปราบกบฏของพระองค์เจ้าบวรเดชไว้เป็นอนุสติด้วยประการทั้งปวง

คนรุ่นนี้และรุ่นต่อไปจะได้เข้าใจซาบซึ้งว่าการฆ่าโหดประชาชนที่ราชประสงค์ไม่ใช่ความโหดร้ายครั้งแรกของคนบางคนและบางโคตรตระกูลไทยในเมือง คนรุ่นนี้และรุ่นต่อไปจะได้เข้าใจซาบซึ้งว่า การฆ่าโหดประชาชนที่ราชประสงค์ ไม่ใช่ความโหดร้ายครั้งแรกของคนบางคนและบางโคตรตระกูลในเมืองไทย.




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก