คบท. ชี้ 'SMS นายกฯ' ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
จากกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พรรคประชาธิปัตย์ ได้เชิญตัวแทนผู้ประกอบการมือถือทุกค่ายทั้งเอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ เข้าพบเพื่อขอความร่วมมือในการส่งข้อความสั้น (SMS) ไปถึงผู้ใช้บริการในเครือข่าย ที่เชิญชวนรับฟังข้อความจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยมีข้อความว่า “ผมนายกรัฐมนตรีคนใหม่ขอเชิญท่านร่วมนำประเทศไทยออกจากวิกฤติสนใจ ได้รับการติดต่อจากผม กรุณาตอบ 1 มาที่เบอร์ 9191 (3บ.)” นั้น
นางสาวสารี อ๋องสมหวัง หนึ่งในกรรมการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (คบท.) กล่าวว่า คบท.ตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดทางพรรคประชาธิปัตย์จึงเลือกใช้ช่องทางสื่อสารด้วยการส่งเอสเอ็มเอส ที่เข้าข่ายเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เนื่องจากโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นช่องทางการสื่อสารส่วนบุคคลเจ้าของจึงควรเป็นผู้มีสิทธิเลือกใช้ ไม่ควรถูกรุกล้ำในลักษณะมัดมือชก
“การส่งเอสเอ็มเอส เป็นเหมือนการเคาะประตูบ้าน บุกเข้าถึงตัวผู้รับ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หากเจ้าของมิได้ให้ความยินยอม” กรรมการ คบท.กล่าว
กรรมการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่องมาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ.2549 ข้อ 12 ระบุว่า ผู้ให้บริการจะนำข้อมูลที่ได้มาจากการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการนั้นไปใช้เพื่อประโยชน์อย่างอื่นโดยมิได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากผู้ใช้บริการ มิได้ เว้นแต่เป็นการใช้เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมาย นอกจากนี้ วิธีการที่เปิดให้กดรับข้อความเสียงยังก่อให้เกิดภาระกับประชาชน ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อฟังเสียงนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ดังนั้นจึงเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ ควรใช้ช่องทางอื่นที่ไม่สร้างภาระและไม่เป็นการละเมิดสิทธิประชาชน
“ไม่ว่าจะเป็นฟรีทีวีที่มีอยู่หลายช่อง หรือระบบสื่อสารสาธารณะต่างๆ ที่อยู่ในความดูแลของรัฐบาล ไม่
........................
แค่วันเดียวหลังจากได้รับการโปรดเกล้า มาร์ค ก็เริ่ม แทรกแซงสื่อแล้ว เมื่อก่อนนี้ เคยว่าใครเขาไว้บ้าง จำไม่ได้หรือ เวรกรรมประเทศไทย
0..........จดหมายเปิดผนึกจาก ‘ใจ’ ถึงเพื่อนๆเสื้อแดงและผู้รักประชาธิปไตย
คำถามคาใจสำหรับมิตรสหายเสื้อแดงและผู้รักประชาธิปไตยเป็นจำนวนมาก คือ "ก้าวต่อไปของการต่อสู้กับรัฐประหารเงียบที่แต่งตั้งประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลคืออะไร?"
เราในฐานะองค์กรเลี้ยวซ้าย ซึ่งเป็นองค์กรที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสังคมนิยม และรณรงค์ให้ไทยเป็นรัฐสวัสดิการครบวงจรและถ้วนหน้า ขอเสนอข้อคิดกับเพื่อนๆ ด้วยความเคารพ
เราคงไม่ต้องอธิบายมากมายว่า ทหาร พันธมิตรฯ ศาล ประชาธิปัตย์ ส.ส.หักหลังประชาชน พวกอำมาตยาธิปไตยได้ทำรัฐประหารรอบที่สองเรียบร้อยไปแล้ว ซึ่งถือเป็นการ "ขโมย สิทธิเสรีภาพของคนส่วนใหญ่" พวกนี้ไม่เคยเห็นด้วยกับระบบประชาธิปไตย ไม่เคยเคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนคนยากคนจน สิ่งที่เขาต้องการ คือหมุนนาฬิกากลับไปสู่ระบบการเมืองน้ำเน่าแบบเก่าที่ไม่เห็นหัวและเคารพความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกันของคนจน พวกนี้สบายใจเมื่อมีโอกาสที่จะกอบโกยขูดรีดเอารัดเอาเปรียบประชาชนส่วนใหญ่ ตั้งแต่ยุคไทยรักไทยเมื่อพลเมืองสามัญชนเรียกร้องการมีส่วนร่วมในระบบเศรษฐกิจ พวกนี้ก็เริ่มตื่นตระหนก
ประเด็นปัญหาที่เราจะต้องร่วมกันคิดร่วมกันเคลื่อนไหว คือ เราจะต้องต่อสู้ต่อไปข้างหน้าอย่างไร?
แน่นอนเราต้องโจมตีรัฐบาลเถื่อนนี้ว่าเป็นรัฐบาลที่ถูกบงการโดยอำนาจของทหารเผด็จการ เป็นรัฐบาลจัดตั้งร่วมระหว่างหลายพรรคที่ไม่มีอุดมการณ์เพื่อประชาชน แต่แค่นั้นไม่พอ พวกเราต้องยืนยันว่าประชาธิปไตยไม่ใช่หลักการนามธรรมเท่านั้น เราต้องต่อสู้เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง เราต้องการกำหนดและสร้างสังคมที่มีความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ
พรรคประชาธิปัตย์มีประวัติอันอัปยศอดสูมาอย่างยาวนานในการเสนอนโยบายเศรษฐกิจเสรีนิยม กลไกตลาด "วินัยทางการคลัง" ที่ระบุว่าคนจนควรจะต้องพอเพียงในความยากจนของตัวเอง ในวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 พรรคนี้ใช้ภาษีของพวกเรา คนยากคนจน ในการอุ้มหนี้เสียของคนรวยและอุ้มสถาบันการเงิน ในขณะที่ไม่มีนโยบายอะไรเลยสำหรับคนยากคนจน นอกจากจะบอกให้คนจน "กลับบ้าน" ไปเป็นภาระกับครอบครัวที่ยากจนอยู่แล้ว แถมยังเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มและกดค่าจ้างอีกด้วย
พรรคนี้จะท่องสูตร "วินัยทางการคลัง" เหมือนนกแก้ว แต่ไม่เคยใช้มาตรฐานนี้กับงบประมาณทหาร หรืองบประมาณที่เป็นประโยชน์กับอภิสิทธิชน พูดง่ายๆ พวกนี้คือ "ศัตรูของประชาชนส่วนใหญ่" และนี่คือสาเหตุที่พวกอภิสิทธิชนเหล่านี้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลผ่านกลไกประชาธิปไตยในยามปกติได้เลย
ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติเศรษฐกิจอันร้ายแรงสองวิกฤติซ้อนกัน คือ วิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ไม่เคยเห็นมาในรอบ 80 ปีที่ผ่านมา และวิกฤติที่มาจากการปิดสนามบินนานาชาติโดยกลุ่มพันธมิตรฯ และ สส.พรรคประชาธิปัตย์ วิกฤตินี้กำลังทำให้ประชาชนชาวไทยตกงานเป็นจำนวนมาก และประชาชนที่เหลือจะเดือดร้อนจากสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ
ในสถานการณ์แบบนี้ เราต้องเรียกร้องให้รัฐบาลรักษากำลังซื้อของคนจนเพื่อพยุงเศรษฐกิจภายในประเทศ ต้องมีการขึ้นค่าแรง (ค่าจ้างขั้นต่ำต้องขึ้นถึง 300บาทต่อวันเป็นอย่างน้อย) ต้องมีการยกเลิกการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่คนจนต้องแบกภาระจ่าย ต้องมีมาตรการของรัฐที่เข้าไปแทรกแซงธุรกิจเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเลิกจ้าง แทนการปกป้องนายทุนใหญ่ ต้องมีมาตรการสำหรับเกษตรกรรายย่อย เช่นการยกเลิกหนี้และการช่วยเหลือให้รวมกลุ่ม และรัฐต้องขึ้นภาษีทางตรงให้กับคนรวยและนายทุนเพื่อใช้เป็นงบประมาณ นี่คือประเด็นที่เราต้องใช้ในการเคลื่อนไหวคัดค้านรัฐบาลเถื่อน ข้อเสนอแบบนี้ของเรา เป็นนโยบายที่มีการยอมรับกันในระดับสากลในยุคนี้
วิกฤติเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศไทยบังคับให้เราต้องทบทวนการต่อสู้ตลอดเวลา องค์กรเลี้ยวซ้ายขอเสนอต่อมิตรสหายเสื้อแดงด้วยความเคารพว่า การนำของนักการเมืองพรรคเพื่อไทยหลายคนมีข้อบกพร่องและขาดประสิทธิภาพ เนื่องจากไปหวังประนีประนอมกับนักการเมืองในระบบเก่า แถมยังมีการใช้ลัทธิการเมืองของพวกอำมาตยาธิปไตย คือลัทธิ "ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรย์" ในการต่อสู้กับพวกนั้นอีกด้วย การใช้ลัทธิการเมืองของพวกอำมาตยาธิปไตย ทำให้บรรดามิตรสหายตกอยู่ในสภาพที่ถูกมัดมือชก ต่อสู้กลับไปแทบจะไม่ได้เลย พวกเราจะต้องเน้นการชูคำขวัญเรื่อง "ประชาธิปไตยและความเป็นธรรมในสังคม" แทนลัทธิของศัตรูประชาชน เราต้องสมานฉันท์กับคนมุสลิมในภาคใต้ และคนงานพม่า เพราะเราจะไม่ดูถูกผู้ด้อยโอกาสด้วยกัน อย่างที่พวกอำมาตยาธิปไตยทำเป็นประจำ
เราจึงเสนอว่ามวลชนเสื้อแดงและผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลายควรจะรวมกลุ่มและนำตนเอง เพื่อสร้างเครือข่ายประชาธิปไตยของประชาชนจากข้างล่าง การต่อสู้ในครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ที่ใช้เวลา เราต้องไม่ประมาทและไม่หาทางลัด พวกเราจะต้องเน้นพลังมวลชนของคนธรรมดา เมื่อใดที่นักการเมืองกระแสหลักยอมแพ้ต่อการนำในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เมื่อนั้นเราต้องนำตัวเอง เราต้องใช้สติปัญญาทำความเข้าใจกับสังคม ขออย่าหดหู่กับอคติของสื่อกระแสหลักที่มักจะเข้าข้างอภิสิทธิชนเสมอ เราต้องสร้างสื่อทางเลือกของประชาชนเองขึ้นมาให้ได้
องค์กรเลี้ยวซ้ายขอเป็นหนึ่งในเครือข่ายองค์กรประชาธิปไตยประชาชน เราต้องต่อสู้เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่เสมอภาคกันถ้วนหน้าให้กลับคืนมาสู่เรา
ใจ อึ๊งภากรณ์
องค์กรเลี้ยวซ้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น