ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันพฤหัสบดี, กุมภาพันธ์ 25, 2553

บ้านเมืองของเรานั้น ‘ความยุติธรรม’ ได้สูญสิ้นไปแล้ว!

วาทตะวัน สุพรรณเภษัช

จุดมุ่งหมายที่ชัดเจนของผม ในการเขียนบทความ มันกล้า ‘ยึดทรัพย์’ ...พระเจ้าแผ่นดิน!!! เมื่อสัปดาห์ก่อนคือ ก็เพียงเพื่อที่จะชี้ ให้ท่านผู้อ่านเห็นว่า
การยึดอำนาจด้วยปากกระบอกปืนนั้น เป็นเรื่องไม่ถูกต้องชอบธรรม...โลกอารยะเขารับกันไม่ได้!
มีข้อน่าสังเกตว่า
คนที่ยึดอำนาจด้วย ‘ปืน’ นั้น ต่อมาเขาก็ไม่ได้รับความเคารพนับถือจากผู้คนในบ้านเมือง แถมยังตกเป็นขี้ปากของผู้คนเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นคณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 หรือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ จอมพลถนอม กิตติขจร จอมพล ประภาส จารุเสถียร นายพล สุนทร คงสมพงศ์ นายพล สุจินดา คราประยูร
แม้กระทั่ง “ไอ้บัง กบฏ” เองก็เถอะ!
ตอนนี้มีใครที่ไหน เขาตั้งวงเรียกร้องให้ “ไอ้บัง” มันมาเป็น ‘ผู้นำ’ ชาติบ้านเมืองของเราบ้างล่ะ!?
ถึงแม้ว่าตัว “ไอ้บัง กบฏ” มันจะกลายเป็นคนมีเงินมีทอง เพราะร่ำรวยจากผลพวงของการยึดอำนาจไปแล้ว อีกทั้งยังจับพลัดจับพลู ได้ไปเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองเล็กๆ ที่ดูกระจอกงอกง่อยเต็มที เพราะผลโพลสำรวจที่ออกมา เขาบอกว่า
หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันนี้ แม้เพียง 1 ที่ตั้ง ในสภาก็ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ ด้วยคะแนนเสียงความนิยมของพรรคที่ “ไอ้บัง” ไปเป็นหัวหน้า นั้น
ยังไม่พอได้ผู้แทนเพียงแค่ 1 คนด้วยซ้ำไป!

ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ
ใครก็ตามที่เคยเป็นผู้รักษากฎหมาย คงยอมไม่ได้เด็ดขาดหากจะปล่อยให้นักเลงหัวไม้ ควงปืนโตไปไล่ข่มขู่ชาวบ้าน ถึงในบ้านเรือนของพวกเขา และไล่เจ้าของบ้านออกไป เราจะต้องเข้าไปจัดการทันทีทันใด เพื่อรีบดับความทุกข์ร้อนของชาวบ้าน
อย่างไม่รอช้า!
ในทำนองเดียวกัน เมื่อเห็นทหารควงปืนหลวง ออกมายึดอำนาจการปกครองบ้านเมือง ผู้คนเขาก็ขัดเคือง ไม่พอใจ เพราะแทนที่จะเป็นรั้วของชาติ เสือกเป็นฝ่ายเอาปืนมา ‘ข่มขู่’ ชาวบ้านเสียเอง
ผมเองก็เป็นเช่นนั้น...ทนไม่ได้เหมือนกัน!
จึงได้วิจารณ์แหลกลาญ ทั้งในหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซด์ ซึ่งผู้ที่เคยอ่านหนังสือ “รัดทำมะนวย ฉบับหัวคูณ” ของผม
คงจะรู้ดี!

ก่อนถึงวันพิพากษาคดีของคุณทักษิณนั้น บ้านเมืองเราแตกออกเป็นเสี่ยงๆเรียบร้อยไปแล้ว เพราะผลพวงที่พวก ‘ไอ้บัง’กับพวก มันทำร้ายประเทศชาติ อันเป็นที่รักของพวกเรา
คนในชาติเขาเห็นว่า กระบวนการพิจารณา ที่ใช้ดำเนินคดีกับทักษิณนั้น
ไม่เป็นธรรม!
ส่วนผู้ที่เป็นฝ่ายตรงข้าม ต่างพยายามแสดงความเห็นด้วย กับการยึดอำนาจ ว่าเป็นของดีงาม เป็นเรื่องที่ถูกต้องก็ยังมี
ไม่น่าเชื่อว่า 'มันโง่’ กันถึงขนาดเลย!

คนที่เป็นอาจารย์ตามมหาวิทยาลัย ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นต่างๆนาๆ ส่วนใหญ่ก็ได้ร้องขอผู้คนในบ้านในเมือง ให้เคารพในคำพิพากษาของศาล โดยเฉพาะ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์กฎหมาย ได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องของการยึดทรัพย์ ทางวิทยุ Fm 96.5 “คลื่นความคิด” โดยเขาได้จีบปากจีบคออธิบายความ ว่า
การ ‘ยึดทรัพย์’ นั้น ศาลสามารถพิจารณาจากทรัพย์สินเดิมที่มีอยู่ ซึ่งเคยแจ้งกับทางการ ส่วนทรัพย์สินที่งอกเงยขึ้นมา หากเห็นว่าได้มาโดยไม่ชอบก็ยึดส่วนนั้น หรือศาลอาจยึดหมดเลยเพราะเป็นทรัพย์สินที่ “เกี่ยวข้อง” กัน ตามทฤษฎี “ควายในทุ่งหญ้า” ของไอ้หน้า E.T. ...อย่างที่พูดกัน
ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ
นายปริญญาฯ ในฐานะที่เป็นคนสอนกฎหมาย ไม่ได้พูดย้อนหลังไป ให้คนฟังเขาเข้าใจ ว่า
การที่คุณทักษิณฯถูกสอบสวนนั้น เป็นเพราะผลพวงของการรัฐประหาร ซึ่ง “ไอ้บัง กบฏ” มันตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาสอบสวนหาความผิด คือ... “ไอ้พวก ค.ต.ส.” นั่นเอง
การกระทำของ “ไอ้บัง กบฏ” เป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่มีอยู่ คือประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งยังใช้อยู่ในวันที่ทำรัฐประหาร และยังใช้มาจนปัจจุบัน
เมื่อสอบสวนเสร็จแล้ว ให้ส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการ หากพนักงานอัยการไม่เห็นด้วย ยังเอาเงินหลวงไปจ้างทนายมาฟ้องร้องเองได้อีก
ผมฟังนายปริญญาฯ พูด เลยอยากเปลี่ยนชื่อ Fm 96.5 ว่าเป็นคลื่น “คลื่นความคิด...หด” เพราะ...
ฟังแล้ว ‘หด’...หดหู่...จริงๆ!
คลื่นเดียวกันนี้ ก่อนหน้าไม่กี่วัน นายวีระ ธีรภัทร ซึ่งแม้ว่า จะไม่ใช่นักกฎหมาย เพียงแกเป็นนักข่าวมายาวนาน แต่ถึงกระนั้นยังออกมาแสดงความเห็น ที่ ‘เข้าท่า’ กว่านายปริญญาด้วยซ้ำไป โดยบอกว่า
เรื่องตั้ง ค.ต.ส. ขึ้นมาสอบสวนทักษิณนั้น...แกรับไม่ได้!

ค.ต.ส. มีความพิเศษอีกอย่าง ไม่เหมือนพนักงานสอบสวนปกติ ตรงที่สามารถเบิกเงินหลวง ไปจ้างทนายฟ้องร้องเองได้ ซึ่งก็เบิกไปจ่ายแล้วนับสิบล้านบาท สนุกสนานบานเบิกกันไป แต่ยอดเงินหลวงที่แท้จริง ซึ่งจ่ายไปนั้น ยังปิดกันอยู่ว่าใครเบิกเป็นเงินเท่าไหร่ แต่ข่าวเขาว่ามันแพงบรรลัยเลยทีเดียว คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่ผมจะไปหามารายงานแฟนๆ ว่ามันแพงหรือมันมีราคาเท่าไหร่กันแน่?
ท่านผู้อ่านก็คงเห็นได้ชัดจาก ‘คดีกล้ายาง’ และ ‘คดีหวยบนดิน’ ซึ่งไอ้หน้า E.T. ‘แก้วสรร อติโพธิ ‘ มันกำเริบเสิบสาน โดยหวังจะเป็นฝ่ายต่อยเข้าปลายคาง จนฝ่ายคุณทักษิณสลบเหมือดได้
มันถึงกับพูดว่า
จะไม่จับทุจริตเป็นรายตัว แต่จะเอาไฟฟ้าช็อตให้ตายหมู่!”
มันพูดอย่างนี้จริงๆ ครับ เพราะสื่อเขาเอามาลงกันให้เกร่อ
...ช่าง ‘ระยำ’ ได้สุดขั้วแท้ๆ!
ผมเคยเขียนบอกว่า การที่เจ้า E.T. พูดด้วยความ “มุ่งร้าย” อย่างนั้น ผิดหลักจรรยาของพนักงานสอบสวน ที่แสดงความไม่เป็นกลาง เต็มไปด้วยอคติ เหลิงลำพองในอำนาจ ที่ตัวมันเองไม่เคยมีมาก่อนเลยในชีวิต เพราะคิดว่าจะเชือดคณะรัฐมนตรีของทักษิณ ให้ “ตายหมู่” ทั้งในคดีหวยบนดิน และคดีกล้ายาง...แล้วผลคดีเป็นอย่างไรครับ!?
...หลุดเกลี้ยงหมด!
ไม่มีใครต้องติดตะรางสักคน ศาลท่านก็ไม่ยึดทรัพย์ไม่ว่าเป็นที่ดิน เงิน หรือให้ตัวจำเลยคนไหนชดใช้เงิน ตามคำร้องแม้แต่บาทเดียว
...เห็นกันหรือยังล่ะ?

ต้องเรียนให้ท่านผู้อ่านทราบว่า ผมด่ามันเช็ดเม็ดมาตั้งแต่ ไอ้พวก ค.ม.ช.ยังอยู่ในอำนาจ ด้วยบทความชื่อ “ทหาร” กับ “ชาวบ้าน” อาจต้องตะลุมบอนกันอีกรอบ ที่เขียนลง ‘ผู้จัดการออนไลน์’ มาตั้งแต่ 7 พ.ย.2549 (หลังปฏิวัติไม่ถึง 2 เดือนด้วย) และนำมาลงในหนังสือ “รัดทำมะนวย ฉบับหัวคูณ” ซึ่งบัดนี้ ได้กลายเป็นคัมภีร์การเมืองโด่งดังอีกด้วย แม้แต่ทางสถาบันพระปกเกล้า ที่คนในนั้นเคยวิพากษ์วิจารณ์ผมแรงๆ ยังต้องมีเอาไปไว้ใน...
...ห้องสมุดสถาบัน ด้วยซ้ำไป!
จึงเห็นว่าเป็นการดี เพราะคนที่เข้าไปเรียนจะไม่ ‘โง่ดักดาน’ หรือคอยตามเลียตูดเผด็จการ เหมือนไอ้คนในสถาบันบางคน ที่เคยวิพากษ์วิจารณ์หนังสือเล่มนี้ เอาไว้ก่อนหน้านั้น!!

ผมขอบอกกับท่านผู้อ่านดังๆ และอยากให้ดังจนได้ยินไปถึงผู้พิพากษาซึ่งมีหน้าที่รักษาความเป็นธรรม ทั้งหลายว่า
การกระทำของแก๊ง ค.ม.ช.นั้น ได้รับการวางแผนทางกฎหมายอย่างแยบยล จากฝีมือของ
“ไอ้มีชัย กบาลใส”
วิธีการอันต่ำช้าของมัน ก็คือ...
ตั้งกรรมการสอบสวน ซึ่งประกอบด้วยบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์กับทักษิณขึ้น โดยอำนาจของคณะปฏิวัติ ซึ่งไม่ชอบธรรม แต่เมื่อสอบสวนเสร็จ ก็ให้มาโยงกับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้อง คือ อัยการ และศาล เพื่อให้ดูดีและถูกต้อง
แท้ที่จริงแล้ว มันกระบวนการยุติธรรมซึ่งไร้ซึ่ง
“ศุภนิติกระบวน” (Due Process) ออกกฎหมายมายังคับเฉพาะบุคคล เลือกปฏิบัติ และที่สำคัญคือ...
ละเมิดสิทธิมนุษยชน...อย่างร้ายแรง!!!

ก่อนถึงวันพิพากษาคดีคุณทักษิณฯ ได้มีเรื่องดังเกิดขึ้น กรณี ป.ป.ช. ออกข่าวว่า เริ่มกระบวนการไต่สวนผู้พิพากษาที่ออกหมายจับ นายสุนัย มโนมัยพิบูล อดีตอธิบดี DSI กรณีหมิ่นคุณทักษิณฯ
คณะผู้พิพากษาได้ออกมาเคลื่อนไหว โดยบอกว่าผู้พิพากษาศาลอยุธยา ได้ใช้ดุลยพินิจโดยถูกต้อง ชอบธรรมแล้ว เพราะเป็นกรณีขัดหมายเรียกถึงสองครั้ง อีกทั้งผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ก็ได้มีการหารือผู้พิพากษาผู้ใหญ่ ไม่ได้ทำโดยพลการหรือลุแก่อำนาจด้วยซ้ำไป
ฝ่าย ป.ป.ช.ก็ได้โต้แย้ง ทั้งกรรมการคนหนึ่งยังอ้างความเป็นผู้พิพากษามาก่อน และความเป็นครูบาอาจารย์ มาข่มลูกศิษย์ผู้พิพากษาที่พวกตนชี้มูลความผิดเสียอีก
...ดูมันทำ!

ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ
นี่ขนาดผู้พิพากษา เมื่อโดนเข้ากับตัวเอง หรือพวกตัวเองเข้าบ้าง ยังต้องร้องเรียนขอความเป็นธรรม เพื่อนผู้พิพากษาด้วยกัน ก็ช่วยกันออกมาเคลื่อนไหวกันอลหม่าน จนทำให้ผู้คนในบ้านในเมืองวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ
- บ้างก็ถือหางฝ่าย ป.ป.ช.
- ที่ถือหาง ฝั่งผู้พิพากษา ก็มีมาก
ปัญหาเลยไปตกอยู่ที่ว่า ใครที่เป็นฝ่าย ‘ถูกต้องชอบธรรม’ กันแน่!?

ย้อนไปดูคดีความของคุณทักษิณฯบ้าง ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเรื่องของผู้พิพากษาที่ถูกกล่าวหา ผิดกันแต่ว่า ผู้สนับสนุนคุณทักษิณฯนั้น
เป็นประชาชน...จำนวนมากมาย
เมื่อพวกเขาเห็นว่า คุณทักษิณฯไม่ได้รับความเป็นธรรม เขาก็พากันออกมาเคลื่อนไหว คัดค้าน ในรูปแบบที่ไม่แตกต่างจากท่านผู้พิพากษา เพียงแต่คณะผู้พิพากษานั้น ไม่สามารถออกมาสู่ถนนเพื่อชุมนุมแสดงพลังได้ ด้วยเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควรต่อฐานานุรูปของความเป็นผู้พิพากษา
แต่ประชาชนนั้น...ทำได้!
ชาวบ้านเขาเขาเห็นชัดเจนว่า ทักษิณได้ถูกนำเข้าสู่ด้วยกระบวนการพิจารณาทางกฎหมายที่บิดเบี้ยวไม่ชอบธรรม เพราะคณะรัฐประหาร เป็นผู้สั่งให้มีการดำเนินการนั่นเอง ไม่ได้เป็นไปตามระบบกฎหมายปกติ
ที่น่า ‘ทุเรศ’ มากที่สุดก็คือ
แม้อำนาจคณะรัฐประหารหมดไปแล้ว ยังมีคนเอาหัวโขกกระดาน คำนับและเคารพ โดยกล่าวว่า
ต้องยึดตามคำสั่งของ “ไอ้บัง กบฏ” มันอีก!
อีตรงนี้ ซิครับท่าน...มันน่าเจ็บแสบจริงๆ!!

ที่มันเจ็บก็เพราะว่า เราเป็นคนไทยเป็นชาติที่มีอิสรเสรี ไม่ได้เป็นทาสที่เขาปล่อยแล้ว เสือกยังไม่ยอมไปอีก เพราะถึงวันนี้ อำนาจของคณะรัฐประหารพวก ‘ไอ้บัง กบฏ’ หมดไปแล้ว แต่การที่มีความพยายาม ที่จะนำแอกพร้อมกระดึง หรือคำสั่งของไอ้เวร ‘บัง’ มาไว้บนคอบนไหล่กันอีก นั้น...
มันน่าสมเพช...นะครับท่าน!



ชาวบ้านเขาเห็นว่า มันไม่สมควร ไม่ถูกต้องและไปเป็นธรรมต่อคุณทักษิณ ทำให้ความยุติธรรม...
มีอันต้องบิดเบี้ยว...เสียหายไป!
ที่ประชาชนเขาออกมาเคลื่อนไหว เป็นปากเสียงให้คุณทักษิณ เขาทำด้วยความเต็มใจ เพราะชาวบ้านได้ประโยชน์สูงจากการบริหารงานของทักษิณและคณะ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้าน,ฯลฯ อย่างที่เรารู้ๆกัน ชนิดที่ไม่เคนมีผู้ปกครอง หรือนักการเมืองหน้าไหน เคยสร้างให้กับผู้คนในบ้านเมืองได้ทั่วถึง
และมีประสิทธิภาพอย่างยิ่งยวด...มาก่อนหน้านี้เลย!!

ดังนั้น ผมจึงแสดงได้ความดีใจและเป็นปลื้มใจเป็นล้นพ้น ที่ท่านกีรติ กาญจนรินทร์ ผู้พิพากษาศาฎีกา ท่านแสดงความองอาจ สร้างคำวินิจฉัยที่กล้าหาญสะท้านโลก เคาะกะโหลกไอ้พวกยึดอำนาจว่า
...หากศาลรับรองอำนาจของบุคคลหรือคณะบุคคลที่ทำการปฏิวัติหรือรัฐประหารว่าเป็นรัฏฐาธิปัตย์แล้ว เท่ากับศาลไม่ได้รับใช้ประชาชน จากการใช้อำนาจโดยมิชอบและเพิกเฉยต่อการปกปักรักษาประชาธิปไตยดังกล่าวมาข้างต้น ทั้งเป็นการละเลยหลักยุติธรรมตามธรรมชาติที่ว่าบุคคลใดจะรับประโยชน์จากความฉ้อฉลหรือความผิดของตนเองหาได้ไม่ รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้เกิดการปฏิวัติหรือรัฐประหารเป็น ‘วงจรอุบาทว์’ อยู่ร่ำไป ยิ่งกว่านั้นยังเป็นช่องทางให้บุคคลหรือคณะบุคคลดังกล่าวยืมมือกฎหมายเข้ามาจัดการสิ่งต่างๆ...

อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งธนบุรี ท่านศรีอัมพร ศาลิคุปต์ เพิ่งอ้างอำนาจอธิปไตย ซึ่งอำนาจศาลหรือตุลาการเป็นหนึ่งในสามอำนาจนั้น ในการปกป้องผู้พิพากษาศาลอยุธยา ที่ถูก ป.ป.ช.กล่าวหาและตั้งกรรมการขึ้นมาไต่สวนไปหยกๆ
ดังนั้น คำพิพากษากรณีคุณทักษิณฯ ที่จะออกมาในวันที่ 26 ก.พ. นั้น คนไทยจำนวนมากในประเทศนี้ ที่เขาแสวงหาความเป็นธรรม คงจะปลาบปลื้ม...
ถ้าศาลท่านยืนยันในหลักการ ที่จะรักษาอำนาจศาล ซึ่งเป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตย โดยไม่อินังขังขอบกับคำสั่งของหัวหน้าคณะรัฐประหารอย่าง...
‘ไอ้บัง สามจิ๋ม’
แต่หากศาลท่านยังจะยึดถือว่า คำสั่งของกบฏอย่าง “ไอ้บัง” เป็นอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ ในขณะที่ตัวมันจะพ้นอำนาจไปนานแล้ว (แม้แต่ ป.ป.ช.ภาคประชาชน ก็แสดงทีท่าจะฟ้องร้องเอาเรื่องทุจริต) แล้วศาลท่านจะมีคำสั่งยึดเงิน 76,000 ล้านบาท ผมก็ไม่แปลกใจอะไรเลย...
...เพียงแต่คิดว่า

เงินจำนวนนี้ที่ยึดได้นี้ มันคงจะไม่พอสำหรับการซ่อมแซมประเทศ ที่จะต้องเสียหายอีกต่อไป เพราะความแตกร้าว ความเกลียดชังซึ่งกันและกัน ซึ่งปัจจุบันนี้...
มันล้ำลึก...สุดพรรณนาแล้ว!
เฉพาะความเกลียดชังของชาวบ้าน ต่อคนที่มีอำนาจในปัจจุบัน ที่ฉกฉวยเอาประโยชน์ จากการพิจารณาของศาลในครั้งนี้ มาตั้งแต่ยังไม่มีคำตัดสิน แต่ก็ได้ใช้สื่อของรัฐที่ฝ่ายตนควบคุม ปลุกระดม บ่มเพาะความแตกแยก ให้ผู้คนในบ้านในเมือง เพียงเพื่อให้ฝ่ายตนอยู่ต่อในอำนาจ เพื่อจะได้ ‘มูมมาม’ กันต่อไปในตำแหน่ง...ก็เท่านั้นเอง
แต่ความแตกแยกของผู้คน ยิ่งแผ่ขยาย กว้างไกลไปสุดกู่...
...น่าหดหู่ใจนัก!!

เผลอๆเราอาจต้องใส่เงินทองของชาติ ลงไปอีกหลายแสนล้าน เพื่อซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง แต่ถึงแม้จะซ่อมได้ก็คงไม่เหมือนเดิม เหมือนแก้วแตกเอาเศษมาปะติดใหม่ อย่างไรอย่างนั้น
ถ้าบังเอิญ ประเทศของเราโชคร้าย...
อาจต้องสังเวยด้วยชีวิตคนเป็นจำนวนมาก ถ้าหากความไม่สงบเกิดขึ้นในแผ่นดินจริงๆ เพราะประชาชนคนในชาติ คงยอมไม่ได้ ด้วยเขาเห็นเป็นที่ประจักษ์ ชัดเจนแล้วว่า

บ้านเมืองของเรานั้น ‘ความยุติธรรม’ ได้สูญสิ้นไปแล้ว!

...........

****ท้ายบท
ท่านผู้อ่าน ที่ต้องการทราบถึงกระบวนการยุติธรรมอัน
บิดเบี้ยวของบ้านเรา ในการจองล้างจองผลาญทักษิณ โปรดเข้าไปอ่านต่อใน 2 คอลัมน์สำคัญ ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกัน และได้รับความสนใจจากท่านผู้อ่านเป็นจำนวนมาก คือ

1. ไทยกับกระบวนการ ‘ไม่’ ยุติธรรม อันน่าอับอาย!!! http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=186 (จำนวนผู้อ่านแล้วร่วมครึ่งหมื่นราย)
2. จดหมายฟ้องโลก!!!
http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=187 (จำนวนผู้อ่านแล้ว เกือบหนึ่งหมื่นสองพันราย)

สำหรับจดหมายฟ้องโลก ได้แพร่หลายไปสู่สถานทูตทุกประเทศ ผู้นำชาติต่างๆ สถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงทางกฎหมายทั้งในและต่างประเทศ
อ่านแล้วท่านจะเข้าใจถึงความ ‘ไม่ยุติธรรม’ ที่แผ่ปกคลุมบ้านเมืองของเรา และสร้างปัญหาความแตกแยก ร้าวลึก ยากที่จะแก้ไขให้กลับคืนมาได้...ตราบจนกระทั่งถึงวันนี้!!!

ด้วยความเคารพ
วาทตะวัน

วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 22, 2553

2010-02-22 เสวนาทิศทางประเทศไทย อ.คณิน,สว.เรืองไกร,ดร.ปานปรีย์,กิติรัตน์ และ นายกรัฐมนตรีทักษิณมหาราษฎร์

๒๐๑๐-๐๒-๒๒ เสวนา ทิศทางประเทศไทย ณ.Miracle Grand Hotel

Baygon5
WMV 77.09Mb , MP3 13.30Mb *** 78.02นาที แนะนำ,อ.คณิน,สว.เรืองไกร และ ดร.ปานปรีย์

WMV 50.20Mb , MP3 08.60Mb *** 50.08นาที กิติรัตน์ และ นายกรัฐมนตรีทักษิณมหาราษฎร์

WMV 78.96Mb , MP3 13.60Mb *** 79.44นาที ถาม และ ตอบ ผู้บรรยาย

จากTuxedoประชาไทเจ้าเก่า

วันพุธ, กุมภาพันธ์ 17, 2553

แถลงการณ์การจัดตั้งองค์กรเสื้อแดงระหว่างประเทศ


RED SHIRT INTERNATIONAL ORGANIZATION (RSIO)

หลักการและเหตุผล

การเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านการทำรัฐประหารของประชาชนผู้รักประชาธิปไตยในประเทศไทย และต่างประเทศ ภายหลังวันที่ 19 กันยายน 2549 เป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนา และเติบโต เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายหลังเหตุการณ์ การสลายการชุมนุม ในช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมา มีเว็บไซต์เสื้อแดง วิทยุชุมชน และสื่อต่างๆ ของฝ่ายเสื้อแดง เกิดขึ้นอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้ โดยการเกิดขึ้นของสื่อต่างๆ เหล่านี้ ล้วนเกิดขึ้นมาจากความตั้งใจ และการจัดตั้งกันเอง ด้วยความสมัครใจ ด้วยงบประมาณส่วนตัวของกลุ่มคนเหล่านั้น

ที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวของประชาชนในประเทศไทย ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ อันเนื่องจากมีกฎหมายบางมาตราควบคุมอยู่ และมีบทลงโทษที่รุนแรง ดังนั้น จึงทำให้การเคลื่อนไหวเพื่อการเผยแพร่ข้อเท็จจริงบางอย่าง ไม่สามารถที่จะนำเสนอได้อย่างอิสระ เป็นผลทำให้ประชาชนส่วนหนึ่ง ยังคงมีความคิด ความเชื่อ และเข้าใจในด้านการเมืองการปกครองของไทยผิดไปจากความเป็นจริง อันนำมาสู่ความด้อยพัฒนา ของระบอบประชาธิปไตยของไทย และจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป หากประชาชนไทยส่วนใหญ่ ยังคงไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่แท้จริงได้

การสร้างความเข้าใจในที่มาที่ไปของระบอบประชาธิปไตยในเมืองไทย และระบอบศักดินาของไทย ที่เป็นตัวปัญหาต่อความล้าหลังของประชาธิปไตยในเมืองไทย จึงเป็นสิ่งสำคัญ เราเองมีบุคลากรที่ได้เสียสละเวลา และอิสระภาพของตนเอง ผลิตชิ้นงานเพื่อเผยแพร่แนวคิดด้านประชาธิปไตยที่ถูกต้อง อยู่มากมายหลายท่าน ทั้งที่เคลื่อนไหวอยู่ในประเทศไทยเอง และอยู่ในต่างประเทศ และมีสื่อเพียงไม่กี่กลุ่ม ที่กล้าจะนำเสนอความจริง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนไทยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศทั้งนั้น

เมื่อการเคลื่อนไหวภายในประเทศไทย ในการเผยแพร่ข้อมูลด้านประชาธิปไตยเป็นไปได้ยาก ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องอาศัยพลังมวลชนชาวไทย ที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศเป็นตัวขับเคลื่อนการเผยแพร่ความรู้ดังกล่าว ซึ่งปัจจุบัน มีคนไทยที่รักประชาธิปไตยฝ่ายเสื้อแดง กระจัดกระจายอยู่หลายประเทศทั่วโลก ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีศูนย์กลางของคนไทยเสื้อแดงทั่วโลก เพื่อการเคลื่อนไหวอย่างเป็นเอกภาพต่อไป

วัตถุประสงค์ของโครงการ

เพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูล (Information Center) ของคนไทยเสื้อแดง ที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ และเพื่อสร้างความเข้มแข็ง เป็นปึกแผ่น ของคนไทยเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตยในต่างแดน

เป้าหมายของโครงการ

1. เป็นศูนย์กลางการกระจายข้อมูลข่าวสารด้านประชาธิปไตย ที่ไม่สามารถเผยแพร่ได้ในประเทศไทย ให้กับคนไทยในประเทศไทย โดยคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ

2. เป็นศูนย์กลางข้อมูลคนไทยในต่างประเทศ เพื่อการจัดตั้งกลุ่มคนไทยเสื้อแดงในประเทศต่างๆ อย่างเป็นระบบ และมีพลัง

วิธีดำเนินการ

1. จัดทำฐานข้อมูลคนไทยในประเทศต่างๆ โดยการประชาสัมพันธ์ผ่านทางเว็บไซต์ และสื่อเสื้อแดงเท่าที่มี เพื่อรวบรวมรายชื่อคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศต่างๆ เข้าด้วยกัน จากนั้นประสานงานให้กลุ่มคนไทยที่อยู่ในพื้นที่ใกล้กัน ได้พบกันและทำกิจกรรมเคลื่อนไหวร่วมกัน

2. สนับสนุนให้เกิดกลุ่มคนไทยที่รวมตัวกันได้แล้ว จัดตั้งเป็นองค์กร อย่างเป็นรูปธรรม และประกาศประชาสัมพันธ์ให้คนไทยทั่วโลกได้รับรู้ถึงการเติบโตของกลุ่มนั้นๆ

3. ดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลด้านประชาธิปไตย โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ของคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งไม่ได้ถูกปิดกั้นด้วยกฎหมายบางมาตราเหมือนกับประเทศไทย

ระยะเวลาในการดำเนินการ

สามารถเริ่มดำเนินการได้ทันที จนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบในประเทศไทย และแม้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว เราก็จะยังคงองค์กรนี้ต่อไป เพื่อรองรับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

ผู้รับผิดชอบโครงการ

ทีมงาน นปช.ยูเอสเอ โดย คุณวูดไซด์ นิวยอร์ก

ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1. มีการจัดตั้งกลุ่มเสื้อแดงในแต่ละประเทศ อย่างมีทิศทาง และเป็นระบบ เพื่อเป็นพลังตัวแทนของคนเสื้อแดงในประเทศไทย ในกรณีที่คนเสื้อแดงในประเทศไทยถูกคุกคาม

2. มีการเผยแพร่ความรู้ด้านประชาธิปไตยให้กับประชาชนอย่างแพร่หลายมากขึ้น ในแง่มุมที่ไม่สามารถนำเสนอได้ในเมืองไทย

3. เกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบ ด้วยความเข้าใจ และมั่นคง โดยมวลชนเสื้อแดง ที่มีความเข้าใจ และมีความต้องการการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง

จึงเรียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน

ทีมงาน นปช.ยูเอสเอ

http://norporchorusa.com/index.php?option=com_content&view=article&id=37...

http://norporchorusa.com/forum/index.php?topic=20.msg25#msg25

http://maps.google.com/maps/ms?ie=UTF8&hl=en&msa=0&msid=1164784522539700...

ฝากพี่ๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งและช่วยกัน เผยแพร่ เครือข่าย ของเราให้ได้มากที่สุดด้วยน่ะค่ะ

RED SHIRT INTERNATIONAL ORGANIZATION (RSIO)

ขอบคุณมากๆค่ะ

สำหรับพี่น้องที่อยู่ต่างแดน หรือมีเพื่อนพำนักในต่างแดน

หรือพี่น้องที่อยู่ในประเทศไท<ย> ที่จะเข้าร่วม

ช่วยแจ้ง อย่างเป็น ทางการ ว่า อยุ่ประเทศใด

เมืองอะไร

เพื่อเป็น record ให้กับองค์กร เราค่ะ

รบกวนแจ้งที่ RSIO@norporchorusa.com น่ะค่ะ

"คณะ11"(คลิ๊กขยายที่ภาพ)



วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 16, 2553

ที่มาที่ไปทรัพย์สิน 7.6 หมื่นล้านบาท

ที่มาที่ไปทรัพย์สิน7.6 หมื่นล้านบาท

เสื้อแดงพบเอกสารลับ ใช้ 6 ตุลา 19 โมเดล ล้อมปราบผู้ชุมนุม

ข่าวจากหนังสือพิมพ์โลกวันนี้
http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=5869

สื่อวิดิทัศน์จาก
http://www.youtube.com/watch?v=iNzEJ5rEqes

การนำเสนอข่าว พร้อมสื่อวิดิทัศน์ในครั้งนี้ มิได้มีเจตนาเจาะจงว่าทั้งสองสื่อมีความเกี่ยวเนื่องกันร้อยเปอร์เซนต์ โดยไม่มีข้อโต้แย้ง เพียงแต่นำเสนอข่าวด้านคนเสื้อแดง และนำวิดิทัศน์มาสื่อเพื่อให้เห็นข้อมูลชัดเจนขึ้น สำหรับภาพเหตุการณ์ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ที่เชื่อว่าคนไทยทุกคนไม่มีใครสามารถลืมเลือนได้ ทั้งผู้ถูกกระทำ ผู้กระทำ หรือแม้แต่ผู้ที่ดูดายก็ตาม

ด้วยจิตคารวะ



Remember - Watch more Videos at Vodpod.



วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 15, 2553

คลังบทความของบล็อก