..สำเนียงส่อภาษา....?
ที่มาบทความ http://news.impaqmsn.com/articles_hn.aspx?id=270144&ch=hn
เห็นต่างชาติเขายกยอปอปั้นคนไทยแล้ว ผมก็อดอยากร่วมภูมิใจด้วยไม่ได้ (ก็เป็นคนไทยเหมือนกันนี่ครับ) แต่เสียดายคนที่มีความรู้ความสามารถ กลับต้องไปทำงานสร้างประโยชน์ให้กับองค์กรระดับโลก ทั้งที่ด้วยศักยภาพและความสามารถน่าจะอยู่ช่วยพัฒนาบ้านเมืองของเราได้อย่างสบาย ๆ
แต่บุคคลที่ผมจะเขียนถึงวันนี้ไม่ได้ชื่อ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” นะครับ เพราะแม้ว่าท่านจะเคยดำรงตำแหน่งเป็นถึงนายกรัฐมนตรีมา 2 สมัย แต่ด้วยรูปแบบหรือวิธีการที่ใช้บริหารประเทศในช่วงที่ผ่านมาจนนำมาสู่ข้อสงสัยหรือปัญหาหลายประการ แถมท่าน ยังตกเป็นผู้ต้องหาหนีคดี ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผมคิดว่าท่านยังไม่คู่ควรกับการให้คนไทยส่วนใหญ่ยกย่องหรือชื่นชม
แต่หลายคนก็อยากให้อดีตนายกฯ 2 สมัยเดินทางกลับมาบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อมารับโทษตามความผิดที่ตนเองได้ก่อไว้ หลังจากนั้นจะมารับใช้บ้านเมืองในสถานะอะไรคงไม่มีใครว่าท่านหรอกครับ
เอาล่ะครับมาว่ากันต่อถึงคนไทยซึ่งต่างชาติให้การยกย่อง ไม่ใช่ใครอื่น ท่านชื่อ “ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์” อดีตรองนายกรัฐมนตรี
ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ทางโฆษกของ นายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ออกมาบอกกับสื่อมวลชนว่า “ท่านเลขาธิการทั่วไป ได้แจ้งกับสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ถึงความประสงค์ของเขาที่จะยืนยันให้ นายศุภชัย พานิชภักดิ์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติ ว่าด้วยการค้าและการพัฒนาหรืออังค์ถัด ต่อไปอีกสมัย ที่มีระยะเวลา 4 ปี โดยจะเริ่มในวันที่ 1 ก.ย. 52 นี้”
วาระการดำรงตำแหน่งเลขาธิการอังค์ถัดของนายศุภชัยจะหมดลงในวันที่ 31 ส.ค. ปีนี้ครับ
ผมเชื่อได้เลยว่า ทุกหน่วยงานทั้งระดับโลกหรือไม่ก็ระดับประเทศ (ยกเว้นตำแหน่ง รมต.ในบ้านเรา) ถ้าหากมีการประเมินการทำงานของบุคลากรในหน่วยงานโดยไม่มีแรงกดดัน ยึดตามข้อเท็จจริงหรือผลงานที่ปรากฏ ถ้ามีบทสรุปว่าทำงานไม่ดี รับรองได้ว่าไม่มีทางได้ต่ออายุหรือสามารถทำงานต่อไปได้หรอกครับ ยิ่งตำแหน่งสำคัญระดับ “เลขาธิการอังค์ถัด” ดังนั้นการที่คนไทยได้รับการสนับสนุนให้ทำงานต่อไปอีก 4 ปี แสดงว่าต้องมีฝีมือและได้รับการยอมรับ
แวบหนึ่งผมเสียใจ เพราะแทนที่บ้านเราน่าจะได้คนดีมีความรู้เข้ามาช่วยบริหารประเทศ แต่อีกมุมหนึ่งก็อดคิดไม่ได้ว่า คงมีข้อจำกัดหลายอย่าง หรืออาจมีปัจจัยบางอย่างมีส่วน ทำลายคน ดีมีความรู้ความสามารถ คนไทยบางคนจึงไม่อยากทำงานรับใช้ประเทศชาติ แต่ไม่ใช่ทำผิดกฎหมายแล้วไม่ยอมรับผิดนะครับ อย่างนั้นเรียกว่าเป็นพวกเอาเปรียบคนอื่น
เขียนถึงเรื่องคนดีมีความสามารถ บังเอิญผมได้รับข้อมูลให้ช่วยส่งผ่านไปถึงนายกรัฐมนตรี ผู้ร้องเขาระบุว่า มีข้าราชการระดับสูงของหน่วยงานรัฐท่านหนึ่ง เวลาทำงานกับผู้ใต้บังคับบัญชาแสดงอากัปกิริยาขัดกับคุณสมบัติผู้ดี ไม่ว่าจะเป็นคำพูดถึงขั้นเรียก “มึง-กู” หรือถ้าหากใครทำงานไม่ถูกใจใครก็ใช้แฟ้มเก็บงานไล่ขว้างไล่ปา
จนข้าราชการทยอยลาออกไปหลายคน หรือไม่ก็ต้องขอย้ายไปทำงานในหน่วยงานอื่น ทนรองรับอารมณ์ของเจ้านายไม่ไหว เล่ามาถึงตรงนี้ผมก็เลยถามว่า แล้วทำไมรัฐมนตรีถึงไม่ยอมจัดการหรือว่ากล่าวตักเตือน
ได้รับคำตอบง่าย ๆ สั้น ๆ ไม่ต้องแปลความหมายว่า “บิ๊กท่านนี้ช่วยผันงบประมาณลงในพื้นที่ของผู้ยิ่งใหญ่ทางการเมืองบางคน” ผมจึงถึงบางอ้อ และไม่แปลกใจว่า ทำไมถึงกล้าแสดงพฤติกรรมที่คนส่วนใหญ่ยอมรับไม่ได้.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น