ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันจันทร์, พฤษภาคม 17, 2553

ปิดตำนานเสธ.แดง นายทหารหัวใจประชาธิปไตย

Pic_83440

แพทย์ รพ.วชิระฯ แถลง เสธ.แดงเสียชีวิตแล้วอย่างสงบ เช้าวันนี้ หลังรับการรักษาตัวจากการถูกยิงที่ศีรษะ เตรียมนำศพตั้งบำเพ็ญกุศลวัดโสมนัสฯ...

เวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 17 พ.ค. 2553 ที่ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล นายแพทย์ชัยวัน เจริญโชคทวี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิรพยาบาล แถลงข่าว พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ได้เสียชีวิตแล้วด้วยอาการไตวายเฉียบพลัน อวัยวะทุกอย่างหยุดทำงาน เมื่อเวลาประมาณ 09.20 น. หลังเข้ารับการรักษาตัวหลังถูกยิงบริเวณศีรษะได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2553

ล่าสุด นางสาวขัตติยา สวัสดิผล บุตรสาวคนเดียวคน พล.ต.ขัตติยะ และญาติได้รอรับศพ โดยเตรียมนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดโสมนัสราชวรวิหาร แต่ไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

สำหรับประวัติ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง เกิดเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2494 ที่อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เป็นบุตรชายคนเดียว ในจำนวนพี่น้อง 4 คนของ ร.อ.สนิท และนางสะอิ้ง สวัสดิผล ภรรยาชื่อ น.อ.(พิเศษ) หญิง จันทรา สวัสดิผล เสียชีวิตแล้ว การศึกษา ชั้นประถม-มัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนโพธาราม มัธยมศึกษา 2-3 โรงเรียนศรีวิกรม์ โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 11 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 22 โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ชุดที่ 63 ปริญญาตรีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม และปริญญาโท คณะพัฒนาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง หลักสูตรสงครามนอกแบบ หลักสูตรข่าวลับ หลักสูตรคอมพิวเตอร์ หลักสูตรภาษาอังกฤษ และ ปริญญาเอก สาขาบริหารรัฐกิจ University of Northern Philippines สำเร็จปี 2551

เป็น ผู้บังคับหมวดกองร้อยทหารม้ายานเกราะกรมผสมที่ 5 กองพันทหารราบที่ 4 ค่ายอิงคยุทธบริหาร ปัตตานี ผู้บังคับหมวดกองร้อยทหารม้าลาดตระเวน กองพันทหารม้าที่ 3 รักษาพระองค์ กรุงเทพฯ ผู้บังคับกองร้อยลาดตระเวน กองพันทหารม้าที่ 3 รักษาพระองค์ อาจารย์ส่วนวิชาทหาร รร.จปร.นครนายก นายทหารฝ่ายเสนาธิการ กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ สระบุรี ผู้ชำนาญการกองบัญชาการทหารสูงสุด 1 ตุลาคม 2541 และผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก 1 เมษายน 2542

....... ขอไว้อาลัยต่อการจากไปของ เสธ.แดง พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล ......

วันจันทร์, พฤษภาคม 10, 2553

คำบอกเล่าจากหัวหน้าการ์ดเสื้อแดง 10เมษายน2553 อ.สวาท รินคำ

คำบอกเล่าจากหัวหน้าการ์ดเสื้อแดง 10เมษายน2553
อ.สวาท รินคำ อดีตนักรบ พคท.เก่า เขตงานเขาค้อ
ตอนที่1
ตอนที่2
ตอนที่3


นายเกรียงไกร คำน้อย คือ ชายที่ หัวหน้าการ์ดเสื้อแดง อ.สวาท รินคำ (ในคลิปวิดีโอกล่าวถึง ชายที่ถูกยิงหน้าท้องไส้ไหล)

ที่ จ.ร้อยเอ็ด ค่ำวันเดียวกัน ที่เมรุวัดเกาะ แก้ว บ้านหนองบัวทอง ต.หนองทัพไทย อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด มีพิธีฌาปนกิจศพ
นายเกรียงไกร คำน้อย อายุ24 ปี คนเสื้อแดงที่ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุปะทะเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาโดยมี พล.ต.อ.วิรุฬ พื้นแสน
ส.ส.สัดส่วนของพรรคเพื่อไทย เป็นประธานในพิธีและมีชาวเสื้อแดงในจ.ร้อยเอ็ด และจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมงานอย่างล้นหลาม ทั้งนี้
พล.ต.อ.วิรุฬ นำเงินจำนวน 1แสนบาทของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปมอบให้พ่อและแม่ของผู้ตาย เพื่อเป็นการ
ช่วยเหลือครอบครัว ขณะที่ตัวแทนนายนิสิต สินธุไพร ในฐานะ ผอ.ร.ร.แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ก็มอบเงินช่วย
เหลือด้วย 5 หมื่นบาท ซึ่งจากการเปิดเผยของ น.ส.สายโสภา บุตรพรม อายุ 19 ปี คู่หมั้นของนายเกรียงไกรว่านายเกรียงไกร มีอาชีพ
ขับรถสามล้อรับจ้างอยู่ใน กทม. และเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 10 เม.ย. พอรู้ว่ามีกองกำลังเข้ามา ก็หยุดวิ่งรถแล้วสวมเสื้อคอกลมสีแดง ซึ่งมี
เพียงตัวเดียว และให้ตนสวมรองเท้าให้ และพูดเป็นลางว่าสวมให้วันนี้ เดี๋ยวคงไม่ได้ สวมอีก จากนั้นนายเกรียงไกรออกจากบ้านพักไป
เพียง 15 นาที ตนก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนว่านายเกรียงไกร ถูกยิงอยู่ถนนใกล้สะพานมัฆวานฯ ถูกนำไปรักษาที่ รพ.วชิระ แต่เสียชีวิต
ในเวลาต่อมา เพราะ ถูกยิงเข้าที่ชายโครงซ้าย ทะลุชายโครงขวา และหน้าท้องแตก ด้วย

ที่มา : ไทยรัฐ 15 เม.ย.53 http://www.thairath.co.th/today/view/76857



คำบอกเล่าจากหัวหน้าการ์ดเสื้อแดง 10เมษายน2553 อ.สวาท รินคำ

คำบอกเล่าจากหัวหน้าการ์ดเสื้อแดง 10เมษายน2553
อ.สวาท รินคำ อดีตนักรบ พคท.เก่า เขตงานเขาค้อ
ตอนที่1
ตอนที่2
ตอนที่3


นายเกรียงไกร คำน้อย คือ ชายที่ หัวหน้าการ์ดเสื้อแดง อ.สวาท รินคำ (ในคลิปวิดีโอกล่าวถึง ชายที่ถูกยิงหน้าท้องไส้ไหล)

ที่ จ.ร้อยเอ็ด ค่ำวันเดียวกัน ที่เมรุวัดเกาะ แก้ว บ้านหนองบัวทอง ต.หนองทัพไทย อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด มีพิธีฌาปนกิจศพ
นายเกรียงไกร คำน้อย อายุ24 ปี คนเสื้อแดงที่ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุปะทะเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาโดยมี พล.ต.อ.วิรุฬ พื้นแสน
ส.ส.สัดส่วนของพรรคเพื่อไทย เป็นประธานในพิธีและมีชาวเสื้อแดงในจ.ร้อยเอ็ด และจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมงานอย่างล้นหลาม ทั้งนี้
พล.ต.อ.วิรุฬ นำเงินจำนวน 1แสนบาทของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปมอบให้พ่อและแม่ของผู้ตาย เพื่อเป็นการ
ช่วยเหลือครอบครัว ขณะที่ตัวแทนนายนิสิต สินธุไพร ในฐานะ ผอ.ร.ร.แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ก็มอบเงินช่วย
เหลือด้วย 5 หมื่นบาท ซึ่งจากการเปิดเผยของ น.ส.สายโสภา บุตรพรม อายุ 19 ปี คู่หมั้นของนายเกรียงไกรว่านายเกรียงไกร มีอาชีพ
ขับรถสามล้อรับจ้างอยู่ใน กทม. และเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 10 เม.ย. พอรู้ว่ามีกองกำลังเข้ามา ก็หยุดวิ่งรถแล้วสวมเสื้อคอกลมสีแดง ซึ่งมี
เพียงตัวเดียว และให้ตนสวมรองเท้าให้ และพูดเป็นลางว่าสวมให้วันนี้ เดี๋ยวคงไม่ได้ สวมอีก จากนั้นนายเกรียงไกรออกจากบ้านพักไป
เพียง 15 นาที ตนก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนว่านายเกรียงไกร ถูกยิงอยู่ถนนใกล้สะพานมัฆวานฯ ถูกนำไปรักษาที่ รพ.วชิระ แต่เสียชีวิต
ในเวลาต่อมา เพราะ ถูกยิงเข้าที่ชายโครงซ้าย ทะลุชายโครงขวา และหน้าท้องแตก ด้วย

ที่มา : ไทยรัฐ 15 เม.ย.53 http://www.thairath.co.th/today/view/76857




คนชั่วที่ร้องขอ เจรจา ต้องเร่งรีบบดขยี้และฆ่าทิ้งเสียให้สิ้นซาก




โรดแมป "ความปรองดอง แห่งชาติ 5 ประการ"
ข้อเสนอของ นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภาใน 4 เดือน
จากปากนายกรัฐมนตรีพลเรือนคนเดียวของประเทศไทย ที่สั่งปราบ-ฆ่าประชาชนมือเปล่ากลางถนน 2 ปี 2หน
ให้เป็นของขวัญ วันปีใหม่ไทย เมษายนทมิฬ แด่ชาวไทย

เพราะ "คนไทยโชคดี ที่ได้นายกรัฐมนตรีชื่ออภิสิทธิ์" .. พล.อ.เปรม

คนชั่วที่ร้องขอ เจรจา ต้องเร่งรีบบดขยี้และฆ่าทิ้งเสียให้สิ้นซาก

ผู้เสนอการเจรจา คือ ผู้ได้เปรียบแต่มีธรรมะ ที่จะเว้นชีวิตแก่ผู้แพ้
ผู้ร้องขอการเจรจา คือ ผู้ที่เสียเปรียบและหมดทางสู้

หากแต่คนชั่วที่ร้องขอการเจรจา ต้องเร่งรีบบดขยี้และฆ่าทิ้งเสีย
ให้สิ้นซาก เมื่อมีโอกาสแม้มีคุณธรรม มิฉะนั้นจักเสียใจในภายภาคหน้า



ประวัติศาสตร์บันทึกไว้

ในการย้อนรอยกลับมาของ ทรราช ด้วยการกวาดล้างที่รุนแรง
ต่อผู้ที่ขวางทางอำนาจ อย่างโหดร้ายทารุณเสมอ
นอกเหนือจากนักการเมืองฝั่งตรงข้ามกันแล้ว ขบวนการประชาชนประชาธิปไตย
ก็เป็นเป้าหมายหลักที่ต้อง ถูกทำลายให้สิ้น หมดเสี้ยนหนาม และไร้พิษสง

2 ปีหลังความกระหยิ่มในชัยชนะของนิสิตนักศึกษาประชาชน เป็นบทเรียนที่ต้องนำมา
ย้อนทบทวนบาดแผลความผิดพลาดหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เป็นต้นมา

พัฒนาการทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยแบบ เสแสร้ง เติบใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขา
ปกคลุมทั่วทุกระบบ ในทางเดียวกันกลับสวนทาง กับความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่
ด้วยการประนี ประนอมเพื่อถ่วงเวลา เสวยอำนาจครอบงำอย่างช้าช้า โดยไม่ทันให้สังเกต....
.....เลี้ยงไม่ให้ผอม โซ..แต่ก็จำกัดไว้ไม่ให้โตอ้วน....

พลวัตร ของขบวนการประชาธิปไตยเติบใหญ่เคลื่อนไหวมากเท่าไร
พัฒนาการของ ทรราชอมาตยา ก็แนบเนียน ยิ่งยิ่งขึ้น


ต่างพวกต่างเหล่าก็ปรับปรุงตัว จากข้อผิดพลาดของตน...แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งเป้าหมาย...
การช่วงชิงอำนาจไว้ในกำมืออย่างยาวนานที่สุด

โอกาสนี้ รอบ 100 ปี มีแค่ครั้งเดียว เพียงครั้งเดียวเท่านั้น .....
ถ้าแพ้อีกครั้ง ก็ดิ้นรนหาหนทางรอดตัวใครตัวมันเถิด แล้ว อย่าลืมบอกลากันด้วย ...
เพราะนี่คือ เดิมพันครั้งสุดท้าย ของกลุ่มพลังรากหญ้าที่สะสมความพ่ายแพ้
มาโดยตลอด อย่างยาวนาน



โค่นกล้วยอย่าไว้หน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก หมายความว่า จะคิดกำจัดศัตรู ปราบพวกคนพาล
ให้หมดสิ้นทีเดียวแล้ว ก็ต้องปราบให้เรียบอย่าให้พรรคพวกของมันเหลือไว้เลยแม้แต่คนเดียว
.มิฉะนั้นพวกที่เหลือนี้จะกลับฟื้นฟูกำลังขึ้นมาเป็นศัตรูกับเราภายหน้าได้ อีก

ตัด หวายอย่าไว้หนามหน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก ซึ่งจะเลี้ยงไว้นั้นหาประโยชน์ไม่
่ จะเป็นเสี้ยนหนามไปภายหน้า ใช้ตลอดถึงการทำลายล้างคนพาลสันดานโกงต่างๆ

มันฝังรากลึกในสังคมไทย ถ้าไม่ถอนรากถอนโคน
ก็คงต้องทนให้หนามมันทิ่มตำต่อไป


วันอังคาร, พฤษภาคม 04, 2553

คำ "แถ ลง" ความปรองดองแห่งชาติ 5 ประการ..โคตรเหง้าทรราช

โรดแมป "ความปรองดอง แห่งชาติ 5 ประการ"
ข้อเสนอของ นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภาใน 4 เดือน
จากปากนายกรัฐมนตรี พลเรือนคนเดียวของประเทศไทย ที่สั่งปราบ-ฆ่าประชาชนมือเปล่ากลางถนน 2 ปี 2ครั้ง
ให้เป็นของขวัญ วันปีใหม่ไทย เมษายนทมิฬ แด่ชาวไทย

เพราะ "คนไทยโชคดี ที่ได้นายกรัฐมนตรีชื่ออภิสิทธิ์" .. พล.อ.เปรม

คนชั่วที่ร้องขอ เจรจา ต้องเร่งรีบบดขยี้และฆ่าทิ้งเสียให้สิ้นซาก


ผู้เสนอการเจรจา คือ ผู้ได้เปรียบแต่มีธรรมะ ที่จะเว้นชีวิตแก่ผู้แพ้
ผู้ร้องขอการเจรจา คือ ผู้ที่เสียเปรียบและหมดทางสู้

หากแต่คนชั่วที่ร้องขอการเจรจา ต้องเร่งรีบบดขยี้และฆ่าทิ้งเสีย
ให้สิ้นซาก เมื่อมีโอกาสแม้มีคุณธรรม มิฉะนั้นจักเสียใจในภายภาคหน้า



ประวัติศาสตร์บันทึกไว้

ในการย้อนรอยกลับมาของ ทรราช ด้วยการกวาดล้างที่รุนแรง
ต่อผู้ที่ขวางทางอำนาจ อย่างโหดร้ายทารุณเสมอ
นอกเหนือจากนักการเมืองฝั่งตรงข้ามกันแล้ว ขบวนการประชาชนประชาธิปไตย
ก็เป็นเป้าหมายหลักที่ต้อง ถูกทำลายให้สิ้น หมดเสี้ยนหนาม และไร้พิษสง

2 ปีหลังความกระหยิ่มในชัยชนะของนิสิตนักศึกษาประชาชน เป็นบทเรียนที่ต้องนำมา
ย้อนทบทวนบาดแผลความผิดพลาดหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เป็นต้นมา

พัฒนาการทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยแบบเส แสร้ง เติบใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขา
ปกคลุมทั่วทุกระบบ ในทางเดียวกันกลับสวนทาง กับความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่
ด้วยการประนี ประนอมเพื่อถ่วงเวลา เสวยอำนาจครอบงำอย่างช้าช้า โดยไม่ทันให้สังเกต....
.....เลี้ยงไม่ให้ผอม โซ..แต่ก็จำกัดไว้ไม่ให้โตอ้วน....

พลวัตร ของขบวนการประชาธิปไตยเติบใหญ่เคลื่อนไหวมากเท่าไร
พัฒนาการของ ทรราชอมาตยา ก็แนบเนียน ยิ่งยิ่งขึ้น


ต่างพวกต่างเหล่าก็ปรับปรุงตัว จากข้อผิดพลาดของตน...แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งเป้าหมาย...
การช่วงชิงอำนาจไว้ในกำมืออย่างยาวนานที่สุด

โอกาสนี้ รอบ 100 ปี มีแค่ครั้งเดียว เพียงครั้งเดียวเท่านั้น .....
ถ้าแพ้อีกครั้ง ก็ดิ้นรนหาหนทางรอดตัวใครตัวมันเถิด แล้วอย่าลืมบอกลากันด้วย
เพราะนี่คือ เดิมพันครั้งสุดท้าย ของกลุ่มพลังรากหญ้าที่สะสมความพ่ายแพ้
มาโดยตลอด อย่างยาวนาน



โค่นกล้วยอย่าไว้หน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก หมายความว่า จะคิดกำจัดศัตรู ปราบพวกคนพาล
ให้หมดสิ้นทีเดียวแล้ว ก็ต้องปราบให้เรียบอย่าให้พรรคพวกของมันเหลือไว้เลยแม้แต่คนเดียว
.มิฉะนั้นพวกที่เหลือนี้จะกลับฟื้นฟูกำลังขึ้นมาเป็นศัตรูกับเราภายหน้าได้ อีก

ตัด หวายอย่าไว้หนามหน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก ซึ่งจะเลี้ยงไว้นั้นหาประโยชน์ไม่
่ จะเป็นเสี้ยนหนามไปภายหน้า ใช้ตลอดถึงการทำลายล้างคนพาลสันดานโกงต่างๆ

มันฝังรากลึกในสังคมไทย ถ้าไม่ถอนรากถอนโคน
ก็คงต้องทนให้หนามมันทิ่มตำต่อไป




click foto


ที่มา

ย้อนวันวาน "พี่เอ็มเที่ยวสีลม" มาให้ดูกัน

ที่มา http://sites.google.com/site/newrungsira/mes-a-nrk-2553/wanwanphim-79theiywsilmmadukan


22 เมษายน 2553

เมื่อเวลา 20.00 น.ได้มีคนร้ายยิงเอ็ม 79 จากอาคารใกล้เคียงถนนสีลม เข้าใส่ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส
ศาลาแดง ซึ่งขณะนั้นมีประชาชนจำนวนมากกำลังรอรถ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย คือ ....
นายบุญเกียรติ ศรีโพธิ์งาม
และ ชาวต่างชาติ ไม่ทราบชื่อ โดยทั้งสองถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว
ขณะเดียวกันกลุ่มคนสีลมได้ช่วยกันอพยพผู้ชุมนุมทั้งหมดให้ออกไปทางถนนศาลา แดง ส่วนทหารได้
นำแผงเหล็กปิดกั้นด้านล่างสถานี พร้อมทั้งกันประชาชนออกนอกบริเวณ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนสีลม ได้นำรถกระบะติดเครื่องเสียงมาเปิดเพลง ส่วนคนที่ทำงานอยู่ในย่านสีลม
ต่างแยกย้ายกันกลับไปเกือบหมดแล้ว เหลือกลุ่มคนสีมเพียง 100 คน ทำให้ถนนสีลมบริเวณแยกศาลแดง
โล่งขณะที่ฝั่งคนเสื้อแดงเงียบไม่มีปฎิกริยาใดๆส่วนตำรวจได้ตรึงกำลังด้านบนสถานีรถไฟฟ้าแผงเหล็กกั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 20.30 น.ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นอีกครั้ง บริเวณแยกศาลาแดง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ อีก
1ราย เป็นชาวต่างชาติ และระเบิดครั้งนี้เป็นระเบิดลูกที่ 4 หลังจากเจ้าหน้าที่ยืนยันว่ามีระเบิดเอ็ม79 ตกลง
บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสศาลาแดง จำนวน 3 ลูก รวมมีผู้ได้รับบาดเจ็บล่าสุด 4 ราย เป็น ชาวต่างชาติ
2 ราย และคนไทย 2 ราย

เมื่อเวลา 20.45 น. เกิดระเบิดอีกครั้งด้านหน้าแบงก์กรุงศรีอยุธยาอีก 1 ลูก ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย

ขณะนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 10 กว่าคน ส่วนใหญ่บาดเจ็บเล็กน้อย

ด้านนางณัฐนันท์ แก่งไม้ อายุ 47 ปี หนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ขณะที่กำลังชุมนุมขับไล่กลุ่มคน
เสื้อแดงอยู่บริเวณแยกสีลม-ศาลแดงได้ยิน เสียงระเบิดดังขึ้นจำนวน 3 ครั้งไล่เลี่ยกัน จากนั้นรู้สึกเจ็บที่
ศรีษะเมื่อใช้มือแตะดูก็เห็นเลือดไหลออกมา จึงรีบตะโกนเรียกลูกชายให้พาไปโรงพยาบาล

รายชื่อคนเจ็บรพ.กรุงเทพคริสเตียน

1.นาย บุญยเกียรติ ศรีโพธิ์งาม
2.นางณัฐนันท์ แก่งไม้ อายุ 47 ปี
3.นางอา รยา มูฮะหมัด อายุ 45 ปี
4.นางฟาติมะ ชูสิน อายุ 61 ปี
5.นางอรวรรณ วิทยาสุข อายุ 53 ปี
6.นายวิโรจน์ สมประสงค์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส แพทย์นำเข้าห้องฉุกเฉิน
7.น.ส.พจนีย์ มานตรี อายุ 55 ปี
8.นายถิร วัฒน์ ต่างสันเทียะ อายุ 42 ปี
9.นายธีรพงศ์ มาศอากาศ อายุ 19 ปี
10.Mr.Bejamim rowm ออสเตรเลีย
11.นายวิษณุ เตชะวิทจินดา อายุ 23 ปี
12.นางพร ทิพย์ วรรณวิมลสุข อายุ 47 ปี
13.นายธงคจร มากสัมพันธ์
14.นายสุนทร ตาคำทรัพย์
15.นางเตือนใจ ทัดศรี
16.นางเรณู เกิดพ่อแดง
17.น.ส .จุฑารัตน์ เสตะจันทน์ อายุ 36 ปี
18.นางจันทา ภู่รุ่งทรัพย์
19.นาย สิทธิโชค ชูศิริยานันทกุล
20.นางอาจารี เพ็ชรธนาวราภรณ์
21.นายสม ชัย ชูศิริยานันทกุล
22.นายชลารินทร์ ใจกล้า
23.นายศราวุธ ชูศิริยานันทกุล
24.นายสุวรรณ จันทรเสน อายุ 44 ปี
25.นายอนุรัตน์ ไพทูรย์
26.น.ส.จุฑานุช แซ่เบ้ อายุ 22 ปี
27.นางหทัยทิพย์ พิบูลย์กุลสัมฤทธิ์
28.นางอรทัย ศรีอัมภา
29.นายชาญชัย สายโพ



click to  zoom

click  to  zoom



จุดที่ พี่เอ็ม แวะเยี่ยม


อีกจุดที่พี่เอ็ม แวะเยี่ยมก่อนกลับ


ถ่ายหน้าตรงหันเข้า ธ.กรุงศรีอยุธยา (ที่มีผนังเหล็กปิดอยู่)


ร้าน ubonpan โดนลูกหลง กระจกบานซ้ายสุด(ไม้อัดมาปิดอยู่) ร้านนี้อยู่ติดกับทางเข้าโรงแรมดุสิต
ภาพเสีย อัพโหลดผิดพลาด

หน้าธ.กรุงศรีอยุธยา ที่โดนเข้าไปเยอะสุด


สภาพต้นไม้หน้า ธนาคาร กับรูที่พี่เอ็มแอบเจาะไว้


ภาพมุมสูง (ขอบคุณ กูเกิ้ลเอิร์ท) เอาไว้หาวิถีกระสุนกันเอง




และจากนี้ไป... เป็นภาพที่ถ่ายจากที่ชุมนุมออกมายังจุดที่ พี่เอ็ม แวะเที่ยว
รูปนี้ยืน ถ่ายติดรั้วจุฬา
ภาพ เสีย อัพโหลดผิดพลาด

กระเถิบออกมานิด
ภาพเสีย อัพโหลดผิดพลาด

อยู่ อีกฝากของถนนเลนที่ติดกับสวนลุม
ภาพเสีย อัพโหลดผิดพลาด

ถ่าย จากลานพระรูปรัชกาลที่6 (แนวที่คิดว่า พี่เอ็มปักหลักเริ่มทัวร์)
ภาพเสีย อัพโหลดผิดพลาด

ถ่ายมาจากภายในรั้วสวนลุม ต้นไม่เยอะมาก ถ้ายิงจริง คนยิงเก่งโคตร


เฮ่อ... เหนื่อยจัง แถมแดดยังร้อนมากๆ

เอ้าตบ ท้าย สำหรับข้อมูล พี่เอ็ม
พี่เอ็มกระโดดได้ไกล วิถีโค้งด้วยละ 320-400 เมตร จากพื้นระดับเดียวกัน
ถ้าพี่เอ็ม จะกระโดดขึ้นหลังคาที่สูงถึง25เมตร พี่เอ้มกระโดดได้ไกลแค่ 200-250เมตร
แต่ ถ้าพี่เอ็มกระโดดลงมาจากบนตึก ไปดูเองนะครับว่า พี่เอ็มจะกระโดดมาจากตึกไหนได้บ้างง
ปล. หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนที่ไม่มีโอกาสได้ไปทัวร์ พี่เอ็มสัญจร นะครับ

ขอขอบคุณ ภาพและคำบรรยาย
ข้อมูลเครดิต : คุณ crystral ประชาไท


click to zoom

click  to zoom


เป็นภาพตกค้างเหตุจากเข้าเวปยากแล้วไปประจำอยู่ในสมรภูมิตลอดเวลา
ทำให้ ส่งภาพสดๆไม่ได้
คืนวันที่ 23 เวลาที่คืนหลัง พี่-M มาเยี่ยมเยือน ตำรวจ ได้ตั้งแถวหันหน้าไปทางทหาร


ใน ระหว่างคอยสังเกตุเหตุการณ์ หลังเที่ยงคืน ก็เดินถ่ายบรรยากาศไปเรื่อยๆ
กระจก ที่ร้านแมคโดนัล ที่โดนหัวน๊อต





ข้าง ธนาคารกรุงศรีที่พี่-Mมาเยี่ยม


ร่อง ลอยหลักฐานบริเวณหน้า ป้อมศาลาแดง มีเศษแก้วเต็มทั่วพื้นที่ถูกขว้างโดยอันธพาลจากด้านถนนสีลม


ทหาร ออกลาดตระเวณที่บริเวณหน้าธนาคาร ตอนเช้ามืดวันรุ่งขึ้น


ร่อง รอยของพี่เอ็มที่ทิ้งไว้


ลูก แรกโดนต้นไม้แล้วแตกกระจาย




ส่วน ภาพนี้น่าจะโดนลูกที่2 ที่ลงที่พื้นถนน

ภาพนี้ถ่ายตามองศาทิศทางของแนวกระสุนจากใต้หลังคาของธนาคาร
ไปยังแนว ต้นไม้ที่กระสุนเฉียดแล้วระเบิดขึ้นจะเห็นหลังต้นไม้ว่าตรง
กับ อะไร......?

ขอขอบคุณ ภาพและคำบรรยาย




M-79 40mm Grenade launcher

http://img21.imageshack.us/img21/1454/40mm1.jpg
http://img15.imageshack.us/img15/5672/40mm2.jpg


Image Image

ภาพ ทดลองยิงกระสุนแกสน้ำตา(จีน)ของ หน่วยสรรพาวุธ ตร.ด้วยปืน M-79

NHK ประเทศญีปุ่น ไม่ไว้ใจรัฐบาลไทย เรียกร้องให้มีประเทศที่สามในการสืบสวน

Shooting of Japanese journalist in Bangkok - Hiroyuki Muramoto






Shooting of Japanese journalist in Bangkok

A male protestor who was near the scene of the shooting of Japanese cameraman Hiroyuki Muramoto
says he had been standing in front of the protestors filming the security forces ahead.

The man says security troops opened fire, and Muramoto fell unconscious to the ground. He says he
carried the cameraman into an ambulance.

A hospital official said Muramoto had been shot in the left of his chest and was bleeding badly.

Late Saturday, Japan's Foreign Ministry expressed regret to the Thai Embassy in Tokyo and asked the
Thai government to investigate the incident.

On Sunday morning, Thai foreign minister Kasit Piromya sent a message of condolence to Japanese
Foreign Minister Katsuya Okada. The Thai government pledged to look into the matter.

The organization Reporters Without Borders issued a statement on Saturday calling for a thorough and
independent investigation into Muramoto's death.

The organization says experts from third countries should take part in the investigation. They should
clarify whether live ammunition was used and which force opened fire.

It says Muramoto is the first journalist to die while covering the unrest in Thailand since 2008.

2010/04/11 16:37(JST) แหล่งข่าว : http://www.nhk.or.jp/daily/english/11_16.html


NHK ประเทศญีปุ่น ไม่ไว้ใจรัฐบาลไทย เรียกร้องให้มีประเทศที่สามในการสืบสวน


ภายหลังการเสียชีวิตของ นักข่าวสำนักรอยเตอร์ Hiroyuki Muramoto ในเหตุการณ์สลายการชุมนุม
โดยสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจาก บาดแผลการถูกยิงตรงหน้าอก

องค์กรข่าว NHK ประเทศญีปุ่น เรียกร้องให้มีผู้เชี่ยวชาญจากประเทศที่สาม มาร่วมในการสืบสวนหาสาเหตุ
การเสียชีวิตของนักข่าวสำนักรอยเตอร์ Hiroyuki Muramoto ในข้อสงสัยต่อไปนี้

1. การใช้กระสุนจริงในการปฏิบัติการ
2. ฝ่ายไหนเป็นผู้เปิดฉากยิง





images by uppicweb.com







click to zoom click  to zoom

ภาพสุดท้าย - ส่วนหนึ่งของภาพวิดีโอความยาว 7 นาทีที่นายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพชาวญี่ปุ่นของสำนักข่าวรอยเตอร์
บันทึกไว้ระหว่างทำข่าวการปะทะกันของ กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงกับทหาร เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ก่อนที่นายมูราโมโตะ
จะถูกยิงที่หน้าอกจนเสียชีวิต (รอยเตอร์)

อย่างที่รับรู้กัน ฮิโรยูกิ "ฮิโร่" มูราโมโตะ เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 เมษายน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย
ในฐานะช่างภาพโทรทัศน์ของรอยเตอร์ ทีวี 2 วันให้หลังตากล้องพ่อลูก 2 วัย 43 ปีรายนี้ ถูกหามส่งโรงพยาบาลในสภาพไม่
สามารถจับชีพจรได้ กระสุนนัดหนึ่งเจาะเข้า บริเวณหน้าอกทะลวงออกทางด้านหลัง
กล้องโทรทัศน์ที่หลุดจากมือถูกผู้ ชุมนุมประท้วงเก็บไว้ ก่อนคืนให้รอยเตอร์ในเวลาต่อมา


หลังตรวจสอบ รอยเตอร์พบว่า ภายในนั้นมีภาพวิดีโอที่เป็นผลงานของมูราโมโตะ ความยาว 7 นาทีอยู่ด้วย หากไม่ถูกตัดทอน
ดัดแปลงใดๆ นี่น่าจะเป็น 7 นาทีสุดท้ายในชีวิตของ "ฮิโร่" บนโลกใบนี้
เพราะรอยเตอร์ระบุว่า ไม่มีใครรู้ได้ว่า นี่คือสิ่งที่เขาถ่ายไว้เป็นครั้งสุดท้ายแท้จริงหรือไม่!

ต่อไปนี้คือคำบอกเล่าที่ นิค แม็คฟี เพื่อนร่วมอาชีพของ "ฮิโร่" บรรยายถึงสิ่งที่เขาได้เห็นจากกล้องตัวนี้ใน 7นาทีสุดท้ายนั้น!



พากลับบ้าน - ญาติของนายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพรอยเตอร์ ชาวญี่ปุ่น เดินทางมาขอรับศพนายมูราโมโตะ ซึ่งเสียชีวิต
ระหว่างทำข่าวช่วงสลายม็อบคนเสื้อแดง ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อวันที่ 12 เมษายน

" ฟุตเทจของมูราโมโตะ เริ่มที่ หลังแนวของทหาร ด้านหนึ่งคืออนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฉากที่เคยเป็นเวทีของความรุนแรงที่
เลวร้ายของเมืองนี้ในปี 2535 ใกล้กับสะพานผ่านฟ้า ลีลาศ อันเป็นส่วนเมืองเก่าของกรุงเทพมหานคร


ทหารในชุดปราบจลาจลเต็มยศยืนประจำการพร้อมกับไรเฟิลในมือชี้ขึ้นสู่ท้องฟ้า มีเสียงปืนดังระงมต่อเนื่อง ทหารนายหนึ่งมอง
มาที่ มูราโมโตะ สองครั้งด้วยท่าทีเคร่งเครียดแต่ไม่ใช่การคุกคามแต่อย่างใด


จากนั้น เกิดระเบิดขึ้น ครั้งหนึ่งตรงหน้า มูราโมโตะห่างออกไปเพียงไม่กี่หลา ส่งผลให้ทหาร 4นาย กระเด็นร่วงลงกับพื้น
ใน
ทันทีท่ามกลางประกายไฟและหมอกควันกระจัดกระจาย ทหาร 2 ใน 4 นาย ทรงตัวลุกขึ้นเดินโขยกเขยกออกไป


ช่างภาพโทรทัศน์อีกราย วิ่งแตกตื่นเข้ามาหามูราโมโตะ ผ่านเขาไป ทหารจำนวนหนึ่งพร้อมโล่ปราบจลาจล เบียดเข้ามาแล้วก็
ผละห่างออกไปเช่นกัน มูราโมโตะยังคงเดินกล้องต่อเนื่องขณะก้าวถอยหลังล่าถอยออกมาช้าๆ



กล้องโฟกัสไปที่ ทหารนายหนึ่งซึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ดวงตาเหม่อลอยพร้อมกับบาดแผลเลือดท่วมบริเวณลำคอ แต่
ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อนทหารพยายามปลดเสื้อเกราะกันกระสุนออกมาจากลำคอของทหารนายนั้น


ในเฟรมถัดมา ทหารกลุ่มหนึ่งลากแขนของเพื่อนทหารที่เห็นได้ชัดว่าตกอยู่ในความเจ็บปวด ปากกระบอกไรเฟิลประจำกายครูดไป
ตามผิวถนน อีกร่างที่ไม่ไหวติงแล้วถูกลากจากไป


กล้องโฟกัสไปตามเส้นทางของคราบ เลือดบนท้องถนนที่ส่องประกายวูบวาบในระหว่างการต่อสู้บนท้องถนน ด้านบนคือแผ่นป้าย
เชิญชวนให้ร่วมฉลองเทศกาลสงกรานต์ หนึ่งในวันนักขัตฤกษ์ที่หฤหรรษ์ที่สุดในปฏิทินไทย


ทหารเริ่มล่าถอย และทันทีทันใด มุมกล้องก็เปลี่ยนไปเป็นการแสดงให้เห็นแถวของกลุ่มเสื้อแดง ส่วนใหญ่มีท่อนไม้และอีกส่วน
กำลังอวดโล่ซึ่งดูเหมือนจะยึดเอามาได้จากทหาร หลายคนโบกไม้โบกมือ ทำท่าทางให้กับใครก็ตามที่อยู่หลังกล้อง


บางคน พูดคุยแบบไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้กับทหาร อีกหลายคนโยนสิ่งของขึ้นฟ้า หนึ่งในจำนวนนั้นอ่อนกำลังตกลงมาโดย
ไม่ก่อให้เกิดอันตราย


ไม่มีใคร โดยรอบให้ความสนใจกับกล้องที่ยังเดินอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ในเวลา นี้นี่เอง ที่บริเวณสี่แยกแห่งนี้นี่เอง ที่ฟุตเทจทีวีจาก
อีกหลายแหล่ง แสดงให้เห็น

มือปืนจำนวนหนึ่งกำลังวิ่งหลบหนี ไม่ได้อยู่ในชุดแดงหรือชุดพรางของทหาร
แต่อยู่ในชุดพลเรือนดำทะมึน

รัฐบาลพูดถึง กำลังฝ่ายที่ 3 ที่เกี่ยวเนื่องอยู่ในการชุมนุมประท้วงครั้งนี้ และสัญญาว่าจะสอบสวนสภาพแวดล้อมของความตาย
ของมูราโมโตะในครั้งนี้ "



An undated photo of Reuters television cameraman Hiroyuki Muramoto .
Muramoto, a 43-year-old Japanese national, was shot dead on April 10, 2010 during a violent clash between
Thai troops and anti-government protesters in Bangkok that killed 12 people. Muramoto was shot in the chest
and arrived at Klang Hospital without a pulse, hospital Director Dr Pichaya Nakwatchara said. Muramoto had
been covering fighting between troops and protesters in the Rajdumnoen Road area where soldiers opened fire
with rubber bullets and tear gas, as well as live rounds into the air, in Bangkok's worst political violence in 18 years


คลังบทความของบล็อก