ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันอาทิตย์, ตุลาคม 25, 2552

อภิปรายไม่ไว้วางใจรบ.มาร์คนอกสภา 24ตุลาคม2552

โดยคุณ Tuxedo จากเว็บบอร์ดประชาไท

บริจาคสนับสนุนคนเสื้อแดง เลขที่บัญชี 224-209-6275
บ.เพื่อนพ้องน้องพี่ จำกัด ออมทรัพย์ ธ.ไทยพาณิชย์
สาขา อิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว

ตามไป update ได้ที่

บ้านเลขที่111



Skyreport



มารู้จักเขาใหญ่ ก่อนชุมนุมเสื้อแดงที่ Bonanza 2009-11-14
Youtube CH3 เขาใหญ่แหล่งรวมเศรษฐี Toscana,Bonanza


๒๐๐๙-๑๐-๒๔ อภิปรายไม่ไว้วางใจ นอกสภา



WMV 45.53Mb , MP3 7.91Mb << style="COLOR: #ff0000">ท่านปธ.วีระ

WMV 24.16Mb , MP3 4.19Mb << style="COLOR: #cc0044">นิสิต

WMV 30.67Mb , MP3 5.29Mb << style="COLOR: #ff7700">พายัพ

*****-^~v-*****-^~v-*****-^~v-*****

WMV 31.60Mb , MP3 5.48Mb << style="COLOR: #ff0000">สส.ศักดา

WMV 21.38Mb , MP3 3.70Mb << style="COLOR: #ff0000">วิสา

WMV 31.62Mb , MP3 5.50Mb << style="COLOR: #ff0000">สส.สงวน พงษ์มณี

*****-^~v-*****-^~v-*****-^~v-*****

WMV 25.14Mb , MP3 4.30Mb << style="COLOR: #ff0000">สมชาย ไพบูลย์

WMV 35.33Mb , MP3 6.17Mb << style="COLOR: #ff0000">หมอเหวง

WMV 20.47Mb , MP3 3.58Mb << style="COLOR: #ff0000">อดีตรมต.ช่วยพาณิชย์ สงคราม
*****-^~v-*****-^~v-*****-^~v-*****

WMV 39.99Mb , MP3 6.85Mb << style="COLOR: #ff0000">สส.อนุดิษฐ์

WMV 16.73Mb , MP3 2.96Mb << style="COLOR: #ff0000">สส.การุณ (เก่ง)

WMV 98.45Mb , MP3 17.20Mb << style="COLOR: #ff0000">สส.จตุพร

*****-^~v-*****-^~v-*****-^~v-*****

WMV 33.44Mb , MP3 5.80Mb << style="COLOR: #ff0000">สส.วิเชียร และ สส.ไพโรจน์

WMV 39.04Mb , MP3 6.77Mb << style="COLOR: #ff0000">อดีตรมต.ตป.นพดล

WMV 48.35Mb , MP3 8.33Mb << style="COLOR: #ff0000">อดิศร

*****-^~v-*****-^~v-*****-^~v-*****

WMV 35.33Mb , MP3 6.12Mb << style="COLOR: #ff0000">พตท.สมชาย เพศประเสริฐ

WMV 36.23Mb , MP3 6.29Mb << style="COLOR: #ff0000">สส.สุรพงษ์ โตวิจักรชัยกุล

WMV 34.40Mb , MP3 5.97Mb << style="COLOR: #ff0000">อริสมันต์

*****-^~v-*****-^~v-*****-^~v-*****

ณัฐวุฒิพร้อม DL @ 1:35am

WMV 88.30Mb , MP3 15.21Mb << style="COLOR: #ff0000">ณัฐวุฒิ




............................................................................

วันศุกร์, ตุลาคม 16, 2552

"สมบัติ เมทะนี"เข้าเป็นสมาชิกเพื่อไทยแล้ว เผยดาราคู่แฝด 'บิณฑ์-เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์' เตรียมจ่อมาร่วมด้วย

ที่มาข่าว ไทยรัฐออนไลน์ http://www.thairath.co.th/content/pol/39895

(15ต.ค.52) ที่พรรคเพื่อไทย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. ในฐานะประธานภาคกทม. ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวนายสมบัติ เมทะนี ดารานักแสดง พระเอกตลอดกาล และอดีตส.ว.กทม. เข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยนายสมบัติ กล่าวว่า การที่มาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยเพราะได้รับการชักชวนจากนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ นางเยาวเรศ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้มาร่วมงานจึงใจอ่อน และอยากช่วยชาติบ้านเมืองให้มีความสมานฉันท์ อีกทั้ง

ตนและครอบครัวชินวัตรรู้จักกันมานาน รู้จักตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ สมัยยังเป็น ร.ต.อ. ความเกี่ยวพันมีมานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่สมัยตนยังเป็นนักแสดง ในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะลงสมัครรับเลือกตั้ง กทม. เขตวังทองหลาง ลาดพร้าว ส่วนเพื่อนดารานักแสดงคาดว่านายเอกพันธ์ และบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดง อาจจะตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยในไม่ช้านี้ จากนั้นนายยงยุทธและนายวิชาญ ร่วมกันสวมเสื้อแจ็กเก็ตพรรคเพื่อไทย ให้นายสมบัติ

นอกจากนี้ นายยงยุทธ กล่าวว่า หลังจากนี้พรรคจะทยอยเปิดตัวผู้หลักผู้ใหญ่ที่ตัดสินใจเข้าร่วมงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทยเป็นระยะ ในวันที่ 16 ต.ค.จะมีการเปิดตัวอดีตนายทหารผู้ใหญ่อีก 1 คน และในสัปดาห์หน้าจะมีการเปิดตัวกลุ่มใหญ่แต่ละคนล้วนเป็นคนมีชื่อเสียง และมีความรู้ความสามารถ ขณะนี้พรรคกำลังพิจารณาตำแหน่งสำคัญในพรรคให้กับบุคคลเหล่านี้ ให้ได้ทำงานอย่างสมน้ำสมเนื้อกับความรู้ความสามารถ

"วันนี้เราก็เข้ามาช่วยงานในพรรคเพื่อไทยกันแล้วก็ไม่คิดว่าจะมีใครคิดกิน แหนงแคลงใจอะไรกันอีก สำหรับตำแหน่งของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธนั้น ขณะนี้กำลังพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งสำคัญเพื่อให้ทำงานตามความสามารถ อาจจะเป็นตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรค ซึ่งคณะกรรมการบริหารพรรคสามารถแต่งตั้งได้เลย" นายยงยุทธ กล่าว




.....................................................

โครงการแดงช่วยแดง จ.นนทบุรี(ฉบับแก้ไข)
โครงการแดงช่วยแดง เป็นโครงการสวัสดิการที่จัดขึ้นเพื่อคนเสื้อแดงโดยกลุ่ม"แดงนนท์บางกรวย"

ขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงสถานที่จัดงานใหม่เป็น "วัดโพธ์เผือก"(มาจากพระราม7อยู่เลยวัดจันทร์ไป700เมตร)

จึงเรียนมาเพื่อช่วยกันประชาสัมพันธ์ และเรียนมาเพื่อทราบ
http://www.rednon.org/forum/index.php?topic=595.०
.....................................................
โรงเรียน นปช. โรงเรียนแดงทั่วไทย โรงเรียนประชาธิปไตย เปิดรับทั่วไปทุกเพศวัยไม่จำกัด


โรงเรียน นปช. โรงเรียนแดงทั่วไทย โรงเรียนประชาธิปไตย เปิดรับทั่วไปทุกเพศวัยไม่จำกัด

โรงเรียน นปช.โรงเรียนประชาธิปไตย เป้าหมายสำคัญยิ่งใหญ่ จะสู้อย่างไรก้าวไปให้ถูกทาง ถกเเถลงกันให้กระจ่าง กำหนดแนวทางและวางท่าที จุดร่วมจุดแตกต่างมี จัดการให้ดีเราย่อมมีชัย โรงเรียนไม่มีนกหวีด เป่าปี๊ด ๆ ปลุกใคร ไม่มีระฆังแขวนไว้ ให้ครูใหญ่คนไหนมาตี มีแต่นาฬิกาใจ นัดเมื่อไรทันที รู้ผิดชอบชั่วดี ไม่มีใครชี้สั่งทำจำใจ โรงเรียน นปช. โรงเรียนประชาธิปไตย ยุทธศาสตร์ใกล้ไกลอย่างไร นโยบายขยายทำความ

ยุทธวิธีชี้นำ เคี้ยวกรำจดจำชำนาญ ปรับปรุงพัฒนาแผนงาน สามัคคีวิจารณ์สืบสานสร้างพลัง
ยกระดับปรับขบวนมวลไทย ยืดเยื้อยาวไกล สู้ต่อไปตลอดกาล."

(เนื้อเพลง"โรงเรียน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน" โดย...วิสา คัญทัพ)
ผ่านไปอีก 1 รุ่น สำหรับนักเรียนของ "โรงเรียนผู้ปฎิบัติงาน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน" ซึ่งเปิดหลักสูตรอบรมแนวทางการต่อสู้ ให้กับบุคคลระดับแกนนำคนเสื้อแดง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ระหว่างวันที่ 3-4 ตุลาคม 2552 ณ โรงแรมแก่นอินทร์ จังหวัดขอนแก่น

ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากจัดมาแล้วครั้งหนึ่งที่ กทม.
วันแรก 3 ตุลาคม 2552 ซึ่งตามกำหนดเปิดลงทะเบียนเวลา 08.00 น. แต่ปรากฎว่ามีนักเรียน นปช.จำนวนหลายสิบท่าน ไปถึงโรงเรียน

ตั้งแต่ 04.00-05.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ฟ้ายังไม่สว่างเลย แสดงว่า นักเรียน นปช.มีความกระตือรือร้น ในการที่จะเข้ารับการเรียนรู้มากจริง ๆ

หลังจากลงทะเบียนเสร็จ นักเรียน นปช.กว่า 600 คน เริ่มทยอยเข้าห้องเรียน ครูสันทนาการ(ครูวิสา คัญทัพ,ครูไพจิตร อักษรณรงค์)พาซักซ้อมร้องเพลง"โรงเรียน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน"(ตามเนื้อร้องข้างต้น) จากนั้นผู้อำนวยการโรงเรียน(ครูนิสิต สินธุไพร)กล่าวต้อนรับนักเรียน

ตามด้วยประธานที่ปรึกษาโรงเรียน(ครูวีระ มุกสิกพงศ์) กล่าวเปิด เสร็จแล้วก็เข้าสู่กระบวนเรียนการสอนตามลำดับ
เริ่มจาก ภาคเช้า
- แนวทางการเมืองและหลักนโยบายของ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน (ครูธิดา ถาวรเศรษฐ)
- เนื้อหาและโครงสร้างของระบอบอำมาตยาธิปไตย (ครูวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย)
- แนวคิดและอุดมการณ์ประชาธิปไตย (ครูณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ)

ภาคบ่าย - แนวทางสันติวิธี และบทเรียนประวัติศาสตร์ของขบวนการการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย (ครูจรัล ดิษฐาอภิชัย)
- การจัดตั้งและการสร้างแนวร่วม (ครูเหวง โตจิราการ)
- "วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน และอนาคต (ครูจตุพร พรหมพันธุ์, ครูจำลอง ครุฑขุนทด, ครูอดิศร เพียงเกษ /
โดยครูสุทิน คลังแสง เป็นผู้ดำเนินรายการ)หัวข้อนี้เรียกเสียงฮาได้ตลอด โดยเฉพาะครูอดิศร (เจ้าของตำนานแคนการเมือง)จนนักเรียนไม่อยากให้ลงเวที

ในการเรียนการสอนในวันแรกนี้ มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนลไปทั่วโลก ซึ่งท่านผู้อ่านที่สนใจก็คงได้ติดตามรับชมไปแล้ว

บรรยากาศในห้องเรียนดีมาก ๆ แอร์เย็นสบาย แต่ปรากฏว่า ไม่มีนักเรียนคนใดหลับในห้องเรียนเลย นักเรียนทุกคนตื่นตัวตลอดเวลา กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้มาก
ส่วนเนื้อหาและรายละเอียดนั้นเยอะมาก จึงขอนำที่สำคัญ ๆ มาเล่าในที่นี้ คือ
1. เป้าหมายของ นปช.
2. ยุทธศาสตร์การต่อสู้ของ นปช.
3. ยุทธวิธีในการต่อสู้ และ
4. สิ่งที่ นปช.เรียกร้องต้องการ

1) เป้าหมาย ได้แก่
(ก) เป้าหมายเฉพาะหน้า คือ โค่นรัฐบาลอำมาตยาธิปไตย และกระบวนการ"อยุติธรรม"
(ข) เป้าหมายระยะกลางคือ ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2550 และผลิตผลของ คมช.
(ค) เป้าหมายระยะยาว คือโค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย

2) ยุทธศาสตร์
(ก) การเดินด้วย 2 ขา ขาที่ 1 ได้แก่การต่อสู้ของขบวนการคนเสื้อแดง ขาที่ 2 ได้แก่การต่อสู้ของ ส.ส.ในสภา
(ข) การทำงานด้วย 2 แขน แขนที่ 1 คือกลุ่มมวลชนคนรากหญ้า แขนที่ 2 คือ กลุ่มผู้รักประชาธิปไตย รักความเป็นธรรม กลุ่มอื่น ๆ
(ค) มีการต่อสู้ใน 4 เขต คือ เขตชนบท, เขตเมือง, เขตกรุงเทพ/ปริมณฑล และเขตต่างประเทศ

3) ยุทธวิธี
(ก) การเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลที่มาโดยมิชอบ
(ข) การทวงถามถึงความยุติธรรม
(ค) เปิดเกมรุกในการต่อสู้ทางกฎหมาย
(ง) เปิดโปงความชั่วร้ายของพวกอำมาตย์ และรัฐบาลนอมินี(ประเภท ป๋าดัน ทหารอุ้ม กลุ่มพันธมารสนับสนุน)
(จ) เปิดเกมรุกด้านการสื่อ เช่น โทรทัศน์ช่องพีเพิลชาแนล หนังสือพิมพ์ที่มีคุณภาพ (อย่างเช่นไทยเรดนิวส์) เว็บไซต์ และวิทยุชุมชน

4) สิ่งที่ นปช.เรียกร้องต้องการ และให้นักเรียน นปช.ยืดถือเป็นแนวทาง คือ
(ก) ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
(ข) โค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย
(ค) ต่อสู้ด้วยสันติวิธีเท่านนั้น
(ง) พัฒนาเศษฐกิจและการเมืองให้ดีขึ้น
(จ) ความเป็นนิติรัฐ นิติธรรม และ
(ฉ) ต้องนำรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2540 กลับคืนมาใช้

นอกจากที่กล่าวมา 6 ข้อนี้แล้ว ไม่ใช่แนวทางของ นปช. และให้แกนนำทุกคนยึดถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด

วันที่สอง ของการเรียน 4 ตุลาคม 2552 เริ่มจาก
ภาคเช้า เวลา 09.00-12.00 น. เข้มข้นมาก เพราะเป็นการระดมความคิดเห็นของนักเรียน นปช.ซึ่งแยกออกเป็น 12 กลุ่มยอย
ช่วยกันหาคำตอบโจทย์หัวข้อศึกษาที่ว่า
(1) ท่านมีวิธีการปฏิบัติอย่างไรเพื่อเพิ่มจำนวนพลังมวลชนคนเสื้อแดง
(2) ท่านมียุทธวิธีอย่างไรเพื่อเอาชนะระบอบอำมาตยาธิปไตย

ภาคบ่าย จากเวลา 13.00-15.00 น.โดยครูณัฐวุฒิ ได้ให้นักเรียนซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่ม (กลุ่มละ 3-5 คน) ขึ้นไปบนเวทีหน้าห้องเรียนเพื่อนำเสนอข้อคิดเห็นที่ได้เป็นยุติของกลุ่มตน(กลุ่มละ 10 นาที) ในหัวข้อศึกษาที่ได้ระดมความคิดเห็นกันมาในภาคเช้านั้นเอง ซึ่งแต่ละกลุ่มก็ได้นำเสนอแนวคิดของกลุ่มตน เยอะแยะมากมายน่ารับฟังทั้งนั้น โดยครู ณัฐวุฒิ ฯ ก็ได้เก็บรวบรวมเพื่อนำเสนอกรรมการ นปช.ใหญ่เพื่อกำหนดเป็นโยบายการต่อสู้หลังจากเปิดโรงเรียนครบ 4 ภาคแล้ว

ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อเวลา 15.00 - 16.00 น.ประธาน นปช.ได้ขึ้นมอบวุฒิบัตรให้แก่ตัวแทนนักเรียน 19 จังหวัด แล้วกล่าวปิดประชุม

ปิดท้ายด้วยครู และนักเรียนร่วมร้องเพลง"สัญญาใจเราไม่ทิ้งกัน" เป็นจบการเรียนการสอนลงโดยสมบูรณ์แบบ
ในวันที่สองของการอบรม เป็นวันที่เข้มข้นมาก ๆ จากการสังเกตุของผู้เขียน ได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่าง ของแกนนำคนเสื้อแดง
ในทางที่เป็นบวกมากขึ้น ซึ่งขอนำมากล่าวในที่นี้ คือ

1. ขบวนการของคนเสื้อแดงนั้น ไม่ได้โดดเดี่ยวมีเฉพาะคนรากหญ้าเท่านั้น เพราะขบวนการคนเสื้อแดงได้ขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ ถึงคนทุกชนชั้นที่มีความรักประชาธิปไตย รักความเป็นธรรม ในการเรียนครั้งนี้ก็มีคนทุกวงการเข้าร่วมเรียนด้วย เช่น ข้าราชพลเรือน ครู อาจารย์ ทหาร ตำรวจ (ยศตั้งแต่พันเอกลงมา) พ่อค้า เกษตรกร นักวิชาการ นักกฎหมาย ทนายความ นักจัดรายการ นักเคลื่อนไหว นักธุรกิจ ฯลฯ

2. ขบวนการคนเสื้อแดง กล้าเปิดเผยตัวเองมากขึ้น ด้วยสาเหตุแห่งความไม่ยุติธรรม ด้วยระบบกฎหมายแบบ 2 มาตรฐาน ทำให้มวลชนคนเสื้อแดงกล้าประกาศเปิดเผยตัวตน เปิดหน้าชก กับพวกอำมาตยา โดยไม่เกรงกลัว ไม่มีลับ ลวง พราง อีกต่อไป บางท่านเป็นนักวิชาการ บางท่านเป็นทหารบางท่านเป็นตำรวจ มีตำแหน่งหน้าที่เป็นถึง รองผู้กำกับสถานีตำรวจ ยังกล้าด่าอำมาตย์ ผ่านพีเพิลชาแนลไปทั่วโลก และยังบอกดัง ๆผ่านพีเพิลชาแนลอีกว่า "กูไม่กลัวมึง" อย่างนี้ "รัฐบาลอำนาจนิยม" และพวก "อำมาตย์" ได้ฟังแล้วคงของขึ้นไปหลายวันแน่

3. ขบวนการคนเสื้อแดง มีคนระดับปัญญาชนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้เห็นได้จากผู้ที่เข้าเรียน มีระดับ ป.ตรี ป.โท ป.เอก จำนวนมาก
ส่วนระดับ ม.ปลาย ปวช.ปวส. ก็มีเยอะ นั้นแสดงว่ายังมี "ปัญญาชน" อีกจำนวนมากที่ไม่ได้เป็น "ปัญญาชนห่างเครื่องของอำมาตยา"

4. ขบวนการคนเสื้อแดง เก็บกดกับอำมาตย์ เก็บกดกับรัฐบาล เก็บกดกับกระบวนการ"อยุติธรรม" กันมาก สังเกตุได้จาก
นักเรียน นปช.ที่ขึ้นนำเสนอหน้าห้องเรียน หากใครมีโอกาสแสดงความคิดเห็น พอได้โอกาสจับไมค์ก็ใส่ไม่ยั้ง แรงยิ่งกว่าแกนนำ "สามเกลอ"บนเวทีที่ท้องสนามหลวงเสียอืก จากที่ได้เข้าไปเป็น "นักเรียน นปช." 2 วัน 1 คืน ทั้งดูจากเนื้อหาในเอกสารการเรียนการสอน ฟังจากครูผู้สอนที่บรรยายหรือจากเหล่านักเรียนทั้งหลาย ที่เข้าเรียนแสดงความคิดเห็นกัน ก็มีแต่เรื่องการเรียกร้องประชาธิปไตย การเรียกร้องความเป็นธรรมเรียกร้องความยุติธรรม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่จะเป็นผลดีกับสังคมทั้งนั้น ผู้เขียนจึงได้พบความจริงว่า ที่พวก"รัฐบาลอำนาจนิยม" และพวก"อำมาตยา"ทั้งหลายกล่าวหาว่า "โรงเรียน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน เป็นโรงเรียนคอมมิวนิสต์ เป็นโรงเรียนของพวกคิดล้มล้างสถาบันฯ"นั้น ไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใด

"ข้อกล่าวหา"ที่พวกเขาพากันตั้งให้กับ"โรงเรียน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน"นั้น มันคือ "การใส่ร้ายป้ายสี"จากพวกจิตทรามเท่านั้นเอง
ในอนาคตถ้าพวกสมุนอำมาตย์"จิตทราม"ทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ปรับเปลี่ยนสันดานเดิม ๆ ของพวกเขา คงสักวันไม่นานเกินรอพวกเขา
จะได้รู้จักคำว่า "นรกมีจริง"เพราะว่า "โรงเรียน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน" แห่งนี้ เริ่มจะมีศิษย์เก่ามากขึ้น ๆ
จึงขอฝากเตือนดัง ๆ ไปยังพวก "รัฐบาลอำนาจนิยม" และพวก "อำมาตยา" ทั้งหลายว่า จงระวังปากอย่า "บังอาจ" ไปใส่ร้ายป้ายสี "สถาบัน" โรงเรียนผู้ปฎิบัติงาน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน เขาลอย ๆ โดยไม่มีหลักฐาน เพราะนักเรียน นปช. และ"ศิษบ์เก่า"ทุกคน
เขาก็มีศักดิ์ศรี "รักสถาบันฯ(โรงเรียน)" เช่นเดียวกับพวกคุณนั้นแหละ "อำมาตย์" เอ๋ย @

วันพุธ, ตุลาคม 14, 2552

โครงการแดงช่วยแดง จ.นนทบุรี‏

..... http://rednon.org/

กัญญาภัคร ปฤชาบุตร

ขอเชิญชาวเสื้อแดงเข้าร่วมกิจกรรม

โครงการแดงช่วยแดง




โดยการเข้าร่วมเป็นสมาชิก"กองทุนสวัสดิการ แดงนนท์บางกรวย"



ท่านสมาชิกจะเสียค่าสมาชิกเพียงเดือนละ10บาท

เพื่อช่วยเหลือ และเป็นกำลังใจให้แก่เพื่อนสมาชิก


สมัครสมาชิก

เพียงนำหลักฐานสำเนาบัตรประชาชนเพียง1ใบ และเงินค่าสมาชิก

เราจะได้ช่วยเหลือ และให้กำลังใจเพื่อนสมาชิกใน2กรณีย์ คือ



1.ช่วยเหลือสมาชิกในยามป่วยไข้เข้าโรงพยาบาล


2.ช่วยเหลือสมาชิกยามเสียชีวิต



ขอเชิญท่านผู้สนใจ สมัครสมาชิกได้ ณ วัดจันทร์ บางกรวย(หลัง ก.ฟ.ผ)


ในวันอาทิตย์ที่18 ตุลาคม 2552 เวลา9.00น เป็นต้นไป

และขอเชิญร่วมทำบุญเลี้ยงพระเพล9รูป และร่วมพิธีเจิมป้ายกองทุน

เพื่อความเป็นศิริมงคลร่วมกัน




สามารถ ไทรนิ่มนวล(แดงนนท์ บางกรวย)

081-9216530

โครงการดีๆที่ทุกคนมีส่วนร่วมได้ ฝากประชาสัมพันธ์ และเชิญชวนทุกท่านไปเป็นสมาชิก หรือไปร่วมงานและให้กำลังใจกันด้วยนะครับ

_________________________________

ติดตามคลิปอื่นๆ จากเว็บ นปช.ยูเอสเอ ได้ที่นี่

มุมดาวน์โหลด: http://norporchorusa.com/index.php?option=com_weblinks&view=categories&Itemid=79

เว็บไซต์ นปช.ยูเอสเอ นิวยอร์ค: http://norporchorusa.com

เว็บไซต์ ปนช.ยูเอสเอ แคลิฟอร์เนีย: http://norporchorusa2.com

คลิปล่าสุด

13 ตุลาคม 2009 http://www.norporchorusa2.com/forum/Themes/Analysis20/images/thai-utf8/new.gif

คลิปย้อนหลัง

29 กันยายน 2009

30 กันยายน 2009

01 ตุลาคม 2009

02 ตุลาคม 2009

05 ตุลาคม 2009

07 ตุลาคม 2009

08 ตุลาคม 2009

09 ตุลาคม 2009

12 ตุลาคม 2009

.....................................................

รวมคลิปเสียง คุณคฑาวุธ? "นายแน่มาก?" วันที่ 12 ตุลาคม 2552


ขอขอบคุณ ท่านสมาชิกที่ upload คลิปเสียง"รายการนายแน่มาก"
ทุกท่านสามารับฟังสดทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์เวลา20.30 ถึง 22.00น.
ได้ที่

ท่านใดสามารถไร้ท์ลงแผ่นแปลงเป็นออดิโอหรือMP3ได้ ช่วยทำแจกพี่น้องเสื้อแดงแถวชุมชนเราด้วย
ครับเพื่ออัพเดทข้อมูลติดตามสถานการณ์
และอย่างที่น่าจะยืนยันได้ว่า
ในเดือนตุลานี้สถานการณ์การประลองอำนาจทางทหารสองขั้ว
มีโอกาสซัดกันเองครับ
ยังไงคนเสื้อแดง ขึ้นภู ดูมันกัดกันก่อน แล้วรอแกนนำให้สัญญาณลงจากภูอีกทีครับ
................................................
มาร์ค’สร้างภาพผลาญงบ‘ยายไฮ’


จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 10 ฉบับที่ 2648 ประจำวัน จันทร์ ที่ 12 ตุลาคม 2009

พรรคเพื่อไทย : นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการลงพื้นที่ภาคอีสานของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมว่าเป็นผู้นำที่ล้มเหลว มีปัญหากับวิธีคิด โดยเฉพาะการนำเงินไปแจกยายไฮ ขันจันทา รวม 4.9 ล้านบาท ที่ได้ไม่คุ้มเสีย ใช้งบประมาณจากภาษีประชาชนเกือบ 100 ล้านบาท ในการเกณฑ์ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองเกือบหมื่นนายไปอารักขาดูแลความปลอดภัย

“เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ น่าจะมีวิธีคิดที่ดีกว่านี้ เช่น มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบเงินให้ยายไฮ หรือซื้อตั๋วให้ยายไฮมา กทม. เพื่อรับเงิน การที่นายกรัฐมนตรีคิดได้เท่านี้ทำให้ผลงานไปไม่ถึงไหน ทุกโครงการมีแต่ข่าวทุจริต คอร์รัปชัน การเดินทางไป 3 จังหวัดอีสานของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้แทนที่จะสัมผัสประชาชนโดยตรง กลับนั่งเฮลิคอปเตอร์ ดูถูกประชาชนและสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนด้วยการให้ตำรวจตั้งด่านสกัดประชาชน รถติดอย่างมาก จึงขอถามนายกรัฐมนตรีว่าถ้ากลัวแล้วลงพื้นที่ทำไมให้เปลืองงบประมาณแผ่นดิน”

นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า คณะทำงานพรรคเพื่อไทยได้ลงพื้นที่ไปด้วย และได้รับหลักฐานการร้องเรียนจากข้าราชการจังหวัดว่ามีนักการเมืองใหญ่ของรัฐบาล ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีชื่อย่อ ส. และ ว. บีบบังคับผู้ว่าราชการจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เกณฑ์คนมาสร้างภาพ หาเสียง รับนายกรัฐมนตรีอย่างอบอุ่น เช่น ที่จังหวัดอำนาจเจริญให้เกณฑ์ อสม. หมู่บ้านละ 15 คน หัวละ 100 บาท ค่าเช่ารถคันละ 500 บาท รวมใช้งบ 1.4 ล้านบาท โดยใช้จากงบสำรองจ่ายขององค์การบริหารส่วนจังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งการทำเช่นนี้สุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 266 ที่ห้ามมิให้นักการเมืองก้าวก่ายข้าราชการ ทั้งนี้ ขอให้นายกรัฐมนตรีถามจากคนใกล้ชิดที่ชื่อย่อ ส. และ ว. ว่าจริงหรือไม่




--
เขียนโดย IT fighter ถึง แสงสว่างของคนไทยคือ..ประชาธิปไตย เวลา 10/13/2009 12:43:00 ก่อนเที่ยง

วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 08, 2552

แท็กซี่วีรชนคนกล้า - นวมทอง ไพรวัลย์ พลีชีพต้านรัฐประหารเพื่ออุดมการณ์ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ (พ.ศ. 2489 - 31 ต.ค. 2549) เป็นคนขับแท็กซี่ที่ฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอตายใต้สะพานลอยถนนวิภาวดีรังสิต ภายหลังจากที่ได้ขับรถชนเข้ากับรถถังเบาของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า
ซึ่งการฆ่าตัวตายของเขาได้มีการหยิบยกขึ้นมากล่าวถึงโดยกลุ่มผู้ต่อต้านคณะปฏิรูป โดยกวี จิ้น กรรมาชน จากเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ประชาไท เขียนบทกวีชื่อ "เขาชื่อ...นวมทอง" เพื่อคารวะต่อนายนวมทอง ไพรวัลย์ คืนวันที่ 31 ตุลาคม 2549เขากำลังบันทึกเสียงบทเพลง ‘วันของเรา’ โดยไม่รู้เลยว่าเป็นคืนเดียวกับที่ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ ชายผู้ขับแท็กซี่ท้าชนรถถัง ได้ตัดสินใจพลีชีพเพื่อประกาศให้สังคมและคนที่สบประมาทได้รู้ว่า คนที่ยอมตายเพื่ประชาธิปไตยมีอยู่จริง







เขาชื่อ..นวมทอง

นวมทองขอพลีชีพ จุดประทีปแห่งสมัย
เกิดมาเพื่อรับใช้ พิทักษ์ไว้อุดมการณ์

เชื่อมั่นต่อจุดยืน เขาลุกขึ้นอย่างกล้าหาญ
คัดค้านเผด็จการ รัฐประหารน่าชิงชัง

เป็นเพียงสามัญชน พุ่งรถยนต์ชนรถถัง
หนึ่งคนมิอาจยั้ง เกินกำลังจะประลอง

วีรชนไม่ตายเปล่า หากปลุกเร้าเราทั้งผอง
คนซื่อชื่อนวมทอง จักเรียกร้องความเป็นธรรม


ด้วยจิตคารวะ
จิ้น กรรมาชน/2 พ.ย. 2549


............................................................................................

จดหมาย นวมทอง ไพรวัลย์

เทิดทูล ชาติ,ศาสนา, พระมหากษัตริย์ รัฐทหาร และ รัฐตำรวจ (ต้องไม่มี)
สวัสดีครับ ท่านพี่น้องประชาชนที่เคารพ เหตุที่ผมกระทำการ พลีชีพ ครั้งที่ 2 โดยการทำลายตัวเอง เพื่อมิให้เสียทรัพย์เหมือนครั้งแรก ก็เพื่อ

ลบคำสบประมาทของท่านรองโฆษก คปค.พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ ที่ให้สำภาษ นสพ.หลายฉบับว่า
“ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้” เหตุพลีชีพครั้งแรกของผมยอมรับว่าคำนวณความเร็วของรถ TAXI ผิดพลาด รถถังที่จอด

ลานพระบรมรูปทรงม้า ติดด้านหัวถนนราชดำเนินนอก เมื่อผมขับรถผ่าน กองบัญชาการทัพบก พ้นหัวถนนและเกาะกลางถนนเพื่อพุ่งเข้าชนต้องหักเลี้ยว

แบบตัว S ความเร็วจึงลดลงมาก เพราะต้องการชนแบบประสานงา ผมจึงแค่บาดเจ็บสาหัส ซี่โครงหัก 5 ซี่ ตาซ้ายบวมช้ำ คางทะลุถึงภายในช่องปาก

รักษาตัวโรงพยาบาลวชิรฯ มีคณะของคุณครู ประทีป ฮาตะ และคณะอื่นๆ มาเยี่ยมหลายคณะ และมีผู้สื่อข่าว นสพ.มาขอสัมภาษว่า ไม่พอใจหรือที่ปฏิรูป

แล้วบ้านเมืองสงบสุข ไม่มีการนองเลือด ผมตอบไปว่า ใครทำผิดกฎหมายและก่อความไม่สงบ ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ที่ผ่านมามีเบื้องหลังเบื้อง

ลึกมากมาย ตอนนี้ก็เปิดหน้ากากออกมาจนเกือบหมาดแล้ว เป็นการตบหน้าประชาชนอย่างไม่อาย แต่ไม่เห็นเป็นข่าว รวมทั้งข่าวของผมที่ชนรถถังเพื่อ

ประท้วง คปค. ลงข่าว นสพ.วันเดียว เงียบหายไปเลย ผมรักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิรฯ 13 วัน คุณหมอ อนุญาติให้กลับมาพักฟื้นที่บ้าน และนำ นสพ.ที่เสนอ

ข่าวชนรถถังประท้วง คปค. ของผม พบคำสัมภาษท่านรองโฆษกใน นสพ. ตรงกันหลายฉบับ ด้วยถ้อยคำที่กล่าวมาข้างต้น และยังปรามาสว่า ผมแก่แล้ว

คงทำด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ก็มีเวลาเอาสีมาพ่นข้อความรอบตัวรถ ยังคิดว่าอารมณ์ชั่ววูบ ไม่น่าให้ทำงานและกินเงินเดือนที่ได้มาจากภาษีของประชาชนเลย

ความคิดผมเมื่อหายป่วยดีก็จะทำมาหากินขับรถ TAXI ไม่ก่อวีรกรรมอีกต่อไป แต่พบข้อความการให้สัมภาษ นสพ.ของท่านรองโฆษก คปค. ในเชิง

ปรามาสดังกล่าว ก็เลยต้องสนองตอบกันหน่อย เพราะนิสัยคนไทย ฆ่าได้ แต่หยามไม่ได้ และเหตุผลที่ผมเลือกวันสุดท้ายของเดือนตุลาคมเป็นวันพลีชีพ

เพราะเดือนนี้ เป็นเดือนที่ วิญญาณของวีระชนที่สถิตอยู่ที่อนุสรณ์สถานฯ ที่ผมทำการพลีชีพนี้ ได้เรียกร้องกระทั่งได้มาซึ่งประชาธิปไตย และวิญญาณของ

ผมก็จะขอสถิตย์อยู่กับเหล่าวีระชนแห่งนี้ตลอดไปและขอยืนยันว่า ปฏิบัติการทั้งสองครั้งทำด้วยใจ ไม่มีใครจ้าง
สุดท้ายขอให้ลูกๆ และภรรยาจงภูมิใจ ในตัวพ่อ ไม่ต้องเสียใจ ชาติหน้าเกิดมาคงไม่พบเจอการปฏิวัติอีก
ลาก่อนพบกันชาติหน้า สวัสดีครับ
29 ตุลาคม 2549
(นาย นวมทอง ไพรวัลย์)
ปล.ขอแก้ข่าวขวดยาที่พบในรถภายหลังเกิดเหตุคืออาหารเสริมแค๊บซูลใบแปะก๊วย ไม่ใช่ยาแก้เครียดตามที่ลงข่าว นสพ. ผมไม่เครียดแต่ประท้วง จอมเผด็จการ
...........................................................................




เหตุการณ์ฆ่าตัวตาย


นวมทอง ไพรวัลย์ อดีตพนักงานการไฟฟ้าบางกรวย เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2549 ได้ขับรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรล่า สีม่วง ทะเบียน ทน 345 กทม. ของบริษัทสหกรณ์แหลมทองแท็กซี่ จำกัดพ่นสีคำว่า "พลีชีพ" ที่กระโปรงท้าย ส่วนบริเวณด้านข้างประตูรถทั้งสองข้างพ่นเป็นตัวหนังสือจับใจความว่า "พวกทำลายประเทศ"พุ่งเข้าชนรถถังเบา M41A2 Walker Bulldogตรากงจักร 71116 ของ คณะปฏิรูป พังยับเยิน และตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส ซี่โครงซ้ายหัก คางแตก ปากแตก และ ตาซ้ายบวมเป่ง หลังจากนั้นแท๊กซี่จำนวนหลายร้อยคันรีบรุดไปเยี่ยมแต่ถูกห้ามไม่ให้เข้าเยี่ยมเรื่องราวการรวมตัวของกลุ่มแท๊กซี่ไม่ได้ถูกรายงานข่าวต่อสาธารณะชน




ต่อมาในคืนวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ได้ผูกคอตาย กับราวสะพานลอย บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ฝั่งขาออก เยื้องกับที่ตั้งสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ (บริษัท วัชรพล จำกัด) โดยในจดหมายลาตายระบุ เพื่อลบคำสบประมาทของ พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ รองโฆษก คปค. ที่ว่า '"ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้" '

ในคืนที่นายนวมทองแขวนคอตาย เขาตั้งใจสวมเสื้อยืดสีดำ สกรีนข้อความเป็นบทกวี ที่เคยใช้ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย [1] ด้านหน้า เป็นบทกวีของรวี โดมพระจันทร์ และ ด้านหลัง เป็นบทกวีของกุหลาบ สายประดิษฐ์
1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ประชาชนจำนวน 200 คน ได้มาชุมนุมกันเพื่อขับไล่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. โดยเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึก และจัดการเลือกตั้งภายใน 2 เดือน ชนาพัทธ์ ณ นคร และวรัญชัย โชคชนะ ผู้นำกลุ่มพิราบขาว ได้กล่าวโจมตีคณะรัฐประหาร และเชิดชูวีรกรรมของ นวมทอง ไพรวัลย์ ช่วงค่ำแกนนำกลุ่มเครือข่าย 19 กันยาฯ ตามมาสมทบการชุมนุม [2]

9 พ.ย.2549 เวลา 16.00 น. งานฌาปนกิจศพวันสุดท้ายนายนวมทอง ไพรวัลย์ แท็กซี่วีรชน ที่ศาลา 1 ต.บางกระสอ องเมือง จ.นนทบุรี มีนายแพทย์สันต์ หัตถีรัตน์ เป็นประธานพิธีประชุมเพลิง โดยมีผู้มาร่วมงานประมาณ 300 คน อาทิ นายแพทย์เหวง โตจิราการ นางประทีป อึ้งทรงธรรม พล.ต.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เลขานุการกองทัพบก ได้เดินทางมาพร้อมกับ พ.ท.ไพบูลย์ พุ่มพิเชษฐ ผบ.ปตอ.พัน 1 รอ. พร้อมกำลังทหารมาร่วมงานศพกว่า 50 นาย โดยได้มอบเงินจำนวนหนึ่งในนามกองทัพบกให้กับนางบุญชู ภรรยานายนวมทอง เป็นการช่วยเหลือพร้อมสอบถามสารทุกข์สุกดิบกับนางบุญชู

พล.ต.วีรัณ กล่าวว่า ตนเองได้เดินทางมาร่วมงานศพในนามตัวแทนกองทัพบก โดยทางผู้บังคับบัญชาได้มอบหมายให้ตนเองมาดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งได้ช่วยเหลือมาแล้วในเบื้องต้น ส่วนในระยะยาวนั้นทางกองทัพยินดีที่รับบุตรสาวของนายนวมทอง เข้ารับราชการเป็นทหารต่อไป แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของ น.ส.สาวิดา ด้วยว่าจะต้องการเข้ามาประกอบอาชีพเป็นข้าราชการหรือไม่ เพราะทราบมาว่า น.ส.สาวิดา เพิ่งจะจบการศึกษาระดับปริญญาตรี และหากทางครอบครัวนางบุญชู เดือดร้อน และต้องการความช่วยเหลืออะไร ก็ขอให้ติดต่อผ่านมาทางตน ทางตนยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือต่อไป

ทางด้านนางบุญชู กล่าวกับ พล.ต.วีรัณ ว่า อยากให้ทางนายกรัฐมนตรี ซึ่งรับปากกับตนเองเอาไว้ว่า จะช่วยเหลือเรื่องไถ่ถอนบ้านที่ติดจำนองอยู่ แต่แล้วเรื่องก็เงียบไป ทั้ง ๆ ที่มีผู้ใหญ่หลายคนรับปากว่า จะช่วยเหลือ และอยากให้ทางเลขานุการกองทัพบกด้วยติดตามเรื่องสัญญาจากนายกรัฐมนตรีให้ด้วย อย่าให้เรื่องเงียบหายไปพร้อมกับงานศพ

น.ส.สาวิดา ลูกสาวนายนวมทอง กล่าวว่า ถ้าทางกองทัพบกให้โอกาสเข้ารับราชการทหารก็พร้อมที่จะรับราชการเช่นกัน เพราะเพิ่งรับปริญญามา แต่ไม่ทันที่พ่อได้อยู่ดูความสำเร็จ ก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน และเชื่อว่าพ่อไปดีแล้วไม่มีอะไรต้องห่วงอีก ก่อนการประชุมเพลิงนายวิสา คัญทัพ ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตได้อ่านบทกวีเพื่อไว้อาลัย ว่า อาลัยนวมทอง ไพรวัลย์ นักสู้ประชาธิปไตย 2549 “นายนวมทอง ไพรวัลย์ จารึกชื่อไว้นิรันดร์ ทุกยุคสมัย นักสู้ประชาธิปไตย สามัญชนยิ่งใหญ่ยังมีจริง ให้สติกับใจที่ไร้สติ ฉุดปัญญาสมาธิหยุดนิ่ง กฎประชาชนสร้าง ถูกบ้างทิ้ง แท็กซี่วิ่งชนรถถังดังทั้งเมือง เดินทางสู่ความตายโดดมุ่งมั่น ฝันนี้สร้างสรรค์ ให้ฝันเฟื่อง อย่าว่าเขาเราท่านให้กันเคือง เลยผู้ฉลาดปราดเปรื่องแห่งเมืองไทย ความคนความจริงความรู้สึก ตื้นลึกอกสั่นหวั่นไหว บางทีบางสิ่งที่จริงใจ ก็แพ้ภัยย้อนยอก ในหลอกลวง”

นอกจากนี้นายอเนชา ไพรวัลย์ ลูกชายคนเล็กของนายนวมทอง ได้บวชหน้าไฟอุทิศส่วนกุศลให้กับบิดาด้วย จากนั้นจึงเคลื่อนย้ายศพนายนวมทองจากศาลา 1 ไปยังเมรุเพื่อทำการเผา และระหว่างที่นำศพนายนวมทองเข้าเตาเผา นางบุญชูได้ขอร้องสัปเหร่อของวัดเพื่อขอเปิดโลงศพดูหน้านายนวมทองเป็นครั้งสุดท้าย แต่สัปเหร่อไม่ยอมเปิดโรงศพให้ดู โดยบอกว่า ตนเองต้องทำตามทำตามหน้าที่ ทำให้บรรดาญาติ ๆ ของนายนวมทองไม่พอใจ แต่ก็ไม่คัดค้านอีก

ภายหลังจากทำการประชุมเพลิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่บรรดาผู้ร่วมงานทยอยเดินทางกลับ นางบุญชู ได้นำเทปบันทึกเสียงของนายนวมทอง ที่บันทึกไว้ก่อนตาย มาเปิดผ่านเครื่องขยายเสียง โดยมีใจความว่า พ.อ.อัคร เป็นผู้ดูถูกคนรักประชาธิปไตย เพราะเขาเป็นทหารจึงไม่รู้จักคำว่าประชาธิปไตย เพราะทหารมักถูกกดขี่จากผู้บังคับบัญชาอีกที เรื่องนี้ตนรู้ดีเพราะว่าเคยเป็นทหารมาก่อน สมัยนั้นตนเองเป็นทหารสังกัด ม.พัน 3 และ ม.พัน 4 เรื่องการพลีชีพครั้งแรกของตนนั้น แม้ว่าจะทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ตาม แต่ก็ได้รับผลตอบรับกลับมาอย่างดี เพราะหลังจากนั้นแล้ว ตนเองได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษจากคนอื่น ๆ มาเป็นจำนวนมาก ที่ด่าก็มีแต่มีน้อย เพราะประชาชนเขาต้องการให้ คปค.จงสำนึกด้วยว่า สิ่งที่ทำลงไปนั้น ประชาชนเขาจะรู้สึกอย่างไร ทุกอย่างได้เปิดเผยหมดแล้ว

สมคบกับอสรพิษแล้วก็ถูกอสรพิษแว้งกัด ตนดีใจที่การพลีชีพครั้งแรก เป็นการทำเพื่อประเทศชาติ เพราะมีแต่คนพูดถึงเรื่องแท็กซี่ชนรถถัง และไม่เคยนึกเสียดายชีวิต ยินดีด้วยความยิ้มแย้ม ที่ได้ทำเพื่อประชาธิปไตย ไม่ขอยอมอยู่ในระบอบเผด็จการ ตนมีสติดี สมองไม่เลอะเลือนและมีชีวิตอยู่ได้อีกนาน แต่ตนเองทนไม่ได้ที่เอาเหตุผลอะไรมาอ้างในการปฏิวัติ ทำให้ประชาชนเขาลือกันว่า ลอบสังหารไม่ได้ก็ปฏิวัติมันเสียเลย กล่าวหาเขาอย่างนั้นอย่างนี้ แต่สุดท้ายก็เป็นเหมือนเขาเช่นกัน และตนเองเกิดมาเป็นคนไทย คนไทยเขาถือว่าฆ่าได้หยามไม่ได้ ฉะนั้นเมื่อโฆษก คปค.ให้สัมภาษณ์ดูถูกตนว่า รับจ้างเอาเงินเขามา จึงต้องแสดงการพลีชีพครั้งที่ 2 ให้เห็นกันไปเลย

สุดท้ายนี้ตนเองเป็นห่วงและสงสารภรรยามากที่สุด แต่อย่างไรเสียทุกคนก็ต้องจากกันไม่ช้าก็เร็ว แต่เพื่อประเทศชาติและประชาชนแล้ว ตนต้องทำ และหวังว่าชาติหน้าเกิดมาไม่ต้องเจอการปฏิวัติอีก สุดท้ายขอร้องเพลงปลอบใจลูกเมียตามประสานักร้องเก่า ในเพลงลูกแก้วเมียขวัญ ของสุรพล สมบัติเจริญ และขอขอบคุณทุกคนที่ตั้งใจฟังตั้งแต่ต้นจนจบ พร้อมกับขอตั้งฉายาให้คณะปฏิวัติชุดนี้ว่า “ เผด็จการปากพล่อย คปค.ตอแหล” เพราะผิดสัญญาว่า จะไม่ปฏิวัติ แต่ก็ตระบัดสัตย์(3)


อุดมการณ์ของลุง จากคำบอกเล่าบางช่วงของ จอม เพชรประดับ นักข่าวไอทีวีผู้เป็นคนสุดท้ายที่ได้รับฟังความจริงจากปากลุงนวมทอง พร้อมเปิดใจพูดถึงการทำงานของนักข่าวโทรทัศน์ ในวันที่กฏอัยการศึกถูกต่ออายุอย่างไม่มีกำหนด…



‘อุดมการณ์ประชาธิปไตยของลุงนาวมทอง ไพรวัลย์ - ข่าวเด่นที่ต้องนำเสนอ’ ...มีคำถามว่าเราจะเชื่อได้อย่างไรว่าคุณลุงเป็นคนที่มีอุดมการณ์บริสุทธิ์ เราก็ดูจากการพูดคุย ดูจากการสัมภาษณ์ ดูจากครอบครัวแล้ว ผมเชื่อว่านี่คือการกระทำจากความคิดและความเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของคุณลุง…
“วันที่ 14 ตุลาคม 2549 ผมไปรายงานสดรำลึก 33 ปี ของเหตุการณ์ ตุลา 2516 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว คุณลุงนวมทองก็เข้ามาแนะนำตัวกับผมว่า เขาคือคุณลุงนวมทองที่เป็นคนขับรถแท๊กซี่ที่ชนรถถัง ผมก็ถามคุณลุงว่าออกจากโรงพยาบาลมาเมื่อไหร่ เป็นยังไงบ้าง แกก็บอกว่าเพิ่งออกมาได้ 2 วัน ผมบอกคุณลุงไปว่าผมชื่นชมในความสามารถของคุณลุงที่กล้าหาญ กล้าออกมาแสดงความรู้สึกนึกคิดในขณะที่ทุกคนกำลังกลัว

ผมขอเบอร์คุณลุงไว้ เผื่อจะไปสัมภาษณ์ทีหลัง แต่ระหว่างที่ผมกำลังรอสัมภาษณ์แหล่งข่าวคนหนึ่งซึ่งยังอยู่ในห้องบรรยาย ผมเห็นว่าคุณลุงยังวนเวียนอยู่แถวนั้น ผมก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นผมสัมภาษณ์คุณลุงเลยดีกว่า

ผมถามว่าทำไมคุณลุงถึงตัดสินใจจะฆ่าตัวตาย หรือว่าขับรถไปชนรถถัง คุณลุงก็อธิบายให้ฟังและบอกเหตุผล คุยกันประมาณสัก 20 นาที จากนั้นผมบอกคุณลุงว่าอันที่ผมสัมภาษณ์ไป ผมยังไม่ได้ออกอากาศนะครับ เพราะคุณลุงก็คงทราบว่ายังอยู่ในระหว่างกฏอัยการศึก ผมคงไม่สามารถออกอากาศได้ในตอนนี้ ผมจะออกให้คุณลุงได้ก็ต่อเมื่อยกเลิกประกาศกฏอัยการศึกแล้ว ผมบอกคุณลุงอย่างนั้น แล้วเราก็ลากัน

เทปที่คุยกันวันนั้นผมก็เก็บไว้ แต่หลังจากนั้นประมาณ 15 วัน คุณลุงก็โทรมาผม บอกว่าคุณจอมครับ เทปนั้นเก็บไว้ให้ดีๆ แต่ผมคิดว่าคุณลุงคงไม่ได้โทรหาผมเพื่อจะบอกให้ผมรีบออกอากาศหรือว่าอะไร เพราะคุณลุงก็ทราบดีว่าผมยังทำไม่ได้ ผมก็บอกคุณลุงว่าแน่นอน ผมจะเก็บไว้ให้ดี

พอรุ่งเช้า ผมเช็คข่าวถึงได้รู้ว่าคุณลุงตัดสินใจฆ่าตัวตาย ทางไอทีวีก็เลยปรึกษาว่าเราควรจะเอาเทปของคุณลุงออกอากาศดีไหม หลังจากปรึกษากับบรรณาธิการบริหาร เขาก็บอกให้ลองพิจารณากันดู มันเป็นประเด็นที่น่าสนใจ และคุณลุงก็โทรมาหาเราเป็นที่แรก แล้วอีกอย่างเรื่องนี้เป็นการรักษาอุดมการณ์ทางประชาธิปไตย ไม่ได้เกี่ยวกับการปลุกระดม

ตอนที่คุณลุงขับรถชนรถถัง นายทหารบางคนออกมาปรามาสว่าไม่มีใครหรอกที่คิดฆ่าตัวตายเพียงเพราะอุดมการณ์ทางการเมือง คุณลุงต้องการแสดงให้เห็นว่านั่นเป็นการปรามาสเขามากเกินไป มีคนอีกมากมายที่ยอมตายเพื่ออุดมการณ์ประชาธิปไตย นั่นคือบทหนึ่งที่จะพิสูจน์ว่ามีคนไม่น้อยที่พร้อมจะตายเพื่อรักษาอุดมการณ์ ซึ่งเราจะไม่ค่อยเห็นเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในประเทศไทย

คนลักษณะนี้มีไม่มากในสังคมไทย ทีนี้มีคำถามว่าเราจะเชื่อได้อย่างไรว่าคุณลุงเป็นคนที่มีอุดมการณ์บริสุทธิ์ เราก็ดูจากการพูดคุย ดูจากการสัมภาษณ์ ดูจากครอบครัวแล้ว ผมเชื่อว่านี่คือการกระทำจากความคิดและความเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของคุณลุงมากกว่าจะเป็นการว่าจ้างจากใคร หรือว่าจะเป็นบุคคลวิกลจริต

เมื่อเรามอง เราวิเคราะห์อะไรต่างๆ แล้ว ทางไอทีวีก็เลยตกลงใจว่าเราจะออกอากาศ เพราะว่าเราต้องการสะท้อนภาพของคนที่มีความเชื่อมั่นในลัทธิทางการเมือง และเป็นลัทธิทางการเมืองที่เราก็ต้องการด้วย นั่นก็คือประชาธิปไตย”

‘เหตุการณ์คร่าวๆ เมื่อข่าวการฆ่าตัวตายของลุงนวมทองจี้ใจดำรัฐบาลทหาร’ ...ต้องบอกก่อนว่าทหารเขาไม่ได้บุกมาปิดไอทีวี...แต่มีหนังสือมาเตือนว่าไม่ควรที่จะเผยแพร่ข่าวนี้ หรืออาจจะเผยแพร่ได้ในลักษณะของข่าวทั่วไป คือ ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร...

“เมื่อเราออกข่าวไปตอนภาคเที่ยง เราก็เล่าให้ฟังเป็นข่าวอ่าน พูดถึงเหตุการณ์ที่คุณลุงเสียชีวิตด้วยการผูกคอตาย จากนั้นก็เป็นสกู๊ปที่ผมทำขึ้นมา เพื่อจะบอกถึงเหตุผล ซึ่งก็คือคำสัมภาษณ์ของคุณลุงนั่นแหละว่าทำไมคุณลุงถึงเลือกที่จะสละชีวิตตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย จากนั้นพอได้ออกอากาศข่าวเที่ยงเสร็จแล้ว เราก็ออกอากาศอีกทีในช่วงข่าวภาคค่ำ คือ 6 โมงเย็น ก็ทำแบบเดียวกัน โดยมีคำบรรยายมากขึ้น

แน่นอนว่าอุดมการณ์ทางประชาธิปไตย ย่อมขัดแย้งกับแนวทางของทหารที่ทำรัฐประหารอยู่แล้ว แต่ความตั้งใจหลักๆ ของคุณลุงนวมทอง คือต้องการรักษาอุดมการณ์ทางประชาธิปไตยเอาไว้อย่างแท้จริง เราก็พิจารณาว่า ถ้าเป็นอุดมการณ์ที่บริสุทธิ์แบบนี้ เรื่องนี้ก็น่าจะออกได้ และเราก็เป็นที่เดียวที่มีบทสัมภาษณ์ และเป็นที่เดียวที่มีเหตุผลในการฆ่าตัวตายของคุณลุงว่าเพราะอะไร ถ้าเอาออกไปแล้ว มันก็เหมือนเป็นการเปิดข้อเท็จจริงว่าเป้าหมายของคุณลุงคืออะไร

คุณลุงไม่ได้ถูกฆาตกรรม คุณลุงไม่ได้เป็นคนสติไม่ดี และคุณลุงไม่ได้ถูกจ้างจากใคร แต่คุณลุงทำด้วยเจตนาของตัวเอง และเป็นความสมัครใจที่จะตาย เพราะต้องการที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่ายังมีคนอย่างคุณลุงคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการปกครองที่มาจากการปฏิรูป-ปฏิวัติ ตรงนั้นคือสิ่งที่เขาต้องการจะบอก นั่นก็คือว่าอุดมการณ์ประชาธิปไตยต้องรักษาไว้ด้วยชีวิต

หลังจากที่ข่าวเที่ยงออกไป เราประเมินสถานการณ์แล้วว่าไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ทหารไม่ได้โทรมา ไม่มีการเตือนมาว่าไม่ให้ออกอากาศ เราก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ก็เลยเอามาเสนอต่อในข่าวภาคค่ำ แต่พอข่าวภาคค่ำออกไปปุ๊บ มันดูเหมือนว่ากระแสมันแรงขึ้น คนดูที่ดูมาตั้งแต่ตอนเที่ยง พอตอนค่ำเขาดูอีก เขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันแรง พอมันแรงปั๊บ ทหารก็ตักเตือน ต้องบอกก่อนว่าทหารเขาไม่ได้บุกมาปิดไอทีวี แต่มีหนังสือเตือนมาว่าไม่ควรเผยแพร่ข่าวนี้ หรืออาจจะเผยแพร่ได้ในลักษณะของข่าวทั่วไป คือ ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร

ตอนที่ทหารเตือนมา ข่าวภาคค่ำได้ออกอากาศไปแล้ว เขาจึงเตือนมาเพื่อไม่ให้เราออกอากาศอีกในช่วงฮอทนิวส์ มันก็เลยไม่มีข่าวนี้ออกอากาศในช่วงฮอทนิวส์ ซึ่งที่จริงเราจะเสนอข่าวนี้ในช่วงฮอทนิวส์ก็ได้ แต่เขาไม่ให้เราเอาบทสัมภาษณ์ของคุณลุงออกอากาศ แต่อาจจะออกเป็นข่าวพิธีการหรือพิธีกรรมก็ได้

ผมไม่ได้ดูในหนังสือที่ทหารส่งมา แต่ได้ยินมาว่ามีการพูดถึงข่าวของคุณลุงนวมทองว่าอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งและความแตกแยก หรือเป็นชนวนของการไม่สมานฉันท์ของคนในชาติ นั่นคือเหตุผลที่ใช้ แต่ถ้าคำพูดชัดๆ ตรงๆ ในจดหมาย ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เหตุผลหลักก็คือเขาอยากให้เกิดความสงบเรียบร้อย ไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง อยากให้เกิดความสมานฉันท์ ไม่เพิ่มความขัดแย้งในสังคมขึ้นมาอีก

หลังจากนั้นในไอทีวีก็มีการคุยกันว่ามีการเตือนเกิดขึ้น ก็ขอให้ระมัดระวังในการเสนอข่าว เพราะเขาเองก็จับตาดูอยู่อย่างเป็นห่วงเหมือนกันว่าเราจะเล่นอะไรต่อ และเราก็กลัวว่าใครจะเอาเรื่องราวของคุณลุงไปประท้วง ไปคัดค้าน หรือไปใช้ประโยชน์ในการอื่น เราก็ไม่เห็นด้วย เราก็ถือว่าเราทำหน้าที่ของสื่อที่บอกถึงคนที่ต้องการจะพิสูจน์ความเชื่อมั่น ศรัทธา และก็ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์แล้ว (4)

"ถ้อยคำของรองโฆษก ท่านอัคร ทิพยโรจน์ ท่านดูถูกเหยียดหยามคนรักประชาธิปไตยอย่างมาก ท่านไม่มีหัวใจประชาธิปไตย เพราะการเป็นทหารไม่มีหัวใจเป็นประชาธิปไตย เพราะต้องเชื่อฟังคำสั่งเจ้านาย กดหัวลูกน้อง ผมเคยเป็นทหาร ม. พัน 3 ม.พัน4 ยานเกราะ ผมรู้ดี..."

"ขอให้ คมช.ตอนนี้จงรู้สำนึกว่าที่ท่านทำตอนนี้ ประชาชนเขามีความรู้สึกอย่างไร ท่านอย่าเข้าใจผิดนะว่าคนสนับสนุน.........

"พันธมิตรที่ก่อความไม่สงบ ก่อการชุมนุม แต่มันมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากมาย ประชาชนเขาเข้าใจว่าพวกท่านนี่แหละอยู่เบื้องหลัง ไม่ต้องมาพูดจาแก้ตัว เพราะว่าตอนนี้ทุกอย่างเปิดเผยหมดแล้ว.............

"อายุขนาดนี้ ยังต้องอยู่ในระบอบเผด็จการ ผมทนไม่ได้ ........ พระสยามเทวาธิราชท่านก็คงไม่อยากให้ประเทศไทยดักดานอยู่แบบนี้หรอก...

"ท่านรองโฆษก คปค. ยศขณะนั้น ท่านบอกว่าผมแก่แล้ว คงไม่มีอุดมการณ์ทางการเมือง ผมนี่อายุ 60 นะ คณะผู้ก่อการ อีตนายกฯเปรม 80 กว่า ท่านนายกฯสุรยุทธ 60 กว่า ท่านสนธิ บุญยรัตนกลิน ท่านก็ใกล้ 60 สามคนนี้ 200 กว่า แล้วมาว่าผมแก่ ถึงผมแก่ ผมมีสติดี แข็งแรง สมองไม่เลอะเลือน คงอยู่ได้อีกนาน แต่มาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมทนไม่ได้...

"การแต่งตั้งทหารก็ไปฟ้องเสาหลัก แล้วเสาหลักจริงๆตอนเป็น ผบ.ทบที่ท่านคึกฤทธิ์ตั้งให้ กระโดดข้ามห้วยมาจากไหน ท่านก็กระโดดข้ามห้วยมาเหมือนกัน อะไรก็แล้วแต่ที่กล่าวหา ท่าน คปค.เป็นเองทั้งนั้นแหละ....

.............................................................................

คำกล่าวของนักปราชญ์และนักต่อสู้ท่านต่างๆมาคำรำพันถึงลุง

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน(How the Steel Was Tempered) นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933เทอด ประชาธรรม (ทวีป วรดิลก) แปล พ.ศ.2518

"...คุณรวมถูกคุมขังอยู่ 2 เดือนเต็ม ตลอดเวลาที่อยู่ในคุมขังนั้น เขามิได้ยอมแพ้หรือระทดท้อ เมื่อหลานสาวไปเยี่ยม เขาก็ยังยิ้มอย่างอารมณ์ดี, กล่าวแต่เพียงว่า ขอให้เรียนให้ดีๆ แน่นอน นี่มิใช่เป็นแต่เรื่องความเข้มแข็งของจิตใจเท่านั้น แต่มันเป็นเรื่องของความศรัทธาที่ลุกโพลงอยู่ในดวงใจของเขา ทำให้เขายืนหยัดอยู่ได้ ประวัติศาสตร์มีเหตุการณ์เช่นนี้ให้เราเห็นเสมอ นี่แหละคือ มรณสักขี (martyrdom) หรือนัยหนึ่งการยอมสละชีวิตเพื่อพิสูจน์ถึงอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ของตนต่อหน้าศัตรูที่มุ่งร้าย"

จาก รวม วงษ์พันธ์ วีรบุรุษนักรบของประชาชน อนุสรณ์เนื่องในงานฌาปนกิจศพ นายรวม วงษ์พันธ์ ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม กรุงเทพฯ 23 เม.ย. 2538 33 ปี ภายหลังถูกจอมเผด็จการสฤษดิ์สั่งประหารในข้อหาคอมมิวนิสต์ด้วยอำนาจมาตรา 17 เมื่อ 24 เม.ย. 2505


คือชีวิต.....
ที่พระเจ้าประทานสิทธิ์ให้เทียมเท่า
เพียงครั้งเดียวทุกผู้ได้อยู่เนา
สมบัติใดไหนเล่าค่าเท่าทัน
รักชีวิตมีชีวิตที่คิดหมาย
อย่าอยู่อย่างอับอายให้โลกหยัน
อย่าอยู่อย่างเปล่าค่าเปลืองคืนวัน
จงอยู่ฝันอยู่สู้อยู่สร้างธรรม
เพื่อวันตายตาคู่จะรู้หลับ
ชีวิตดับปลาบปลื้มและดื่มด่ำ
ด้วยได้มอบกายใจใฝ่ตรากตรำ
ปลดแอกจำจองมนุษย์จนสุดใจ(5)




ขอสดุดี และร่วมไว้อาลัย

แด่ วีระบุรุษ ประชาธิปไตย นาม ....นวมทอง ไพรวัลย์

ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ พันธุ์นักสู้
ผู้เชิดชู ประชาธิปไตย ใจเข้มแข็ง
อุดมการ แน่วแน่ สู้สุดแรง
จึงแข็งแกร่ง ดังเพชร ใจเด็ดจริง


เผด็จการ จะเย้ยหยัน ไม่หวาดหวั่น
พร้อมสู้มัน ทุกที่ ไม่หนีหาย
สละได้ แม้ชีวี พลีร่างกาย
เพื่อเป้าหมาย คือประชา ธิปไตย


ขับแท็กซี่ แม้ดู ไม่มีค่า
แต่ราคา ข้างใน ใครจะเหมือน
พลีชีพได้ ทั่วไทย สั่นสะเทือน
ช่วยย้ำเตือน คุณค่า ความเป็นคน...


บัดนี้ครบ รอบปี ที่พลีร่าง
ท่านได้สร้าง วีรกรรม อันยิ่งใหญ่
ทั้งหมดนี้ เพื่อประชา ธิปไตย
ขอคารวะไว้ ในดวงใจ ไม่รู้ลืม..


(บทกลอนโดย คุณสมชาย คัดลอกจาก c-box สถานีวิทยุ นปก.ดอทคอม)




หนึ่งธุลี มีค่า น่ายกย่อง
คุณนวมทอง ผ่องผุด ดุจโคมฉาย
เขาอุทิศ ชีวิตให้ ไม่เสียดาย
เพื่อท้าทาย เหล่าปีศาจ อำมาตย์มาร

ขับรถยนต์ ชนรถถัง อย่างคนกล้า
ด้วยศรัทรา มวลมหา ประชาหาญ
ด้วยสำนึก ผนึกแห่ง อุดมการณ์
ยืนหยัดต้าน โจรกบฎ กดขี่คน

ไม่ร้องขอ รอฟ้า มายุติ
ตั้งสติ ที่ใจ ไม่สับสน
ไม่วนวก สกปรก แฝงเล่ห์กล
จักดั้นด้น ชนดะ ระยะยาว

หลับเถิด เกิดใหม่ ในชาติหน้า
อาจดีกว่า ชาตินี้ ที่ปวดร้าว
ผู้ยังอยู่ สู้ต่อ ทุกเรื่องราว
ต้นลมหนาว เผ้าคิดถึง คุณนวมทอง

โชติ วงษ์ชน
ร่วมรำลึก คุณนวมทอง ไพรวัลย์
๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๐


ผมไม่สนใจว่าใครจะพูดถึงลุงแกว่าอย่างไรหรือจะไม่มีใครพูดถึง จำไม่ได้ คุ้นๆ ไม่สนใจว่าลุงแกจะถูกจารึกในประวัติศาสตร์อย่างพวกสร้างภาพหรือไม่(นั่นเป็นการแสดงถึงข้อยืนยันในสังคมปัจจุบันว่าประวัติศาสตร์มักถูกเขียนโดยผู้ชนะ) แต่ผมเชื่อว่าลุงแกยังไม่ตาย เพราะการกระทำของลุงเป็นเครื่องยืนยันอย่างหนึ่งว่า มนุษย์มิได้เห็นแก่ตัวเสมอไปหรือ"ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้" ลุงได้ปลุกไฟแห่งศรัทธาที่กำลังริบหรี่ในโลกปัจจุบัน ลุงนวมทอง สามัญชน ผู้ไม่ต้องเดินสายหรือพร่ำโฆษณาชวนเชื่อว่าตนเป็นคนดีมีคุณธรรม ลุงแกได้พิสูจน์ถึงแม้ผมจะไม่เห็นด้วยกับวิธีการของลุกก็ตาม เพราะเสียดายไม่รู้ว่าจะมีคนที่มีจุดยืนมั่นอย่างลุงเหลืออยู่กี่คนในโลกใบนี้ เพราะเท่าที่เห็นก็มีแต่ในโฆษณา


อ้างอิง

1.มติชนสุดสัปดาห์ 3-9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 หน้า 98, คอลัมน์ชกคาดเชือก โดย วงศ์ ตาวัน
2. The Nation, Small rally against CNS, call for election
3. http://www.bangkokbiznews.com/
4. สัมภาษณ์: จอม เพชรประดับ และถ้อยคำสุดท้ายของ ‘นวมทอง ไพรวัลย์ โดยตติกานต์ อุดกันทา วันที่ : 10/12/2549 จากประชาไทย
5. แด่นวมทอง ไพรวัลย์ : มรณสักขีเพื่อประชาธิปไตย โดย เกษียร เตชะพีระ มติชนรายวัน วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 1047 หน้า 6

http://www.prachatai.com/05web/th/home
wikipedia.org/">http://www।wikipedia.org/



สุดท้ายขอให้ลูกๆ และภรรยาจงภูมิใจในตัวพ่อ ไม่ต้องเสียใจ ชาติหน้าเกิดมาคงไม่พบเจอการปฏิวัติอีก

......................................................

วันพุธ, ตุลาคม 07, 2552

ย้อนอดีตนักสู้เพื่อประชาธิปไตย 1-2 กันยายน 2551(ณรงค์ศักดิ์ กอบไธสง)

[06_033546_41.jpg]
"สรรเสริญ ณรงค์ศักดิ์ กอบไธสง"

อยากให้เป็นวีรชนคนสุดท้าย
ที่ตกตายกลางเส้นทางการต่อสู้
อยากจะให้เรือนร่างนี้เป็นครู
ของผู้กล้าตัดถางทางเสรี

ณรงค์ศักดิ์ กอบไธสง จงนอนหลับ
พวกเรารับสืบทอดต่อหน้าที่
แม้ไม่รู้กี่วันเคลื่อน กี่เดือนปี
ประเทศจึงมีประชาธิปไตย

ณรงค์ศักดิ์ กอบไธสง จงนอนหลับ
รอระยับแสงทองของฟ้าใหม่
น้ำใสริน ดินฝันอันอำไพ
เลี้ยงเรือกสวนนาไร่อิ่มอุดม

เมื่อนั้นท่านในเด็กน้อย....ค่อยๆ ...ตื่น
โลกสดชื่นทรัพยากรแบ่งเหมาะสม
ความเท่าเทียมทั่วถึงทั้งสังคม
เป็นประชานิยมอย่างสมบูรณ์

เขียนโดย ไม้หนึ่ง ก.กุนที
อ่านที่วัดเสมียนนารีโดยพิธีกรวันพิธีรดน้ำศพ

************************************


ชีวิตท่าน นับว่า มีค่าล้น

วีรชน คนกล้า น่านับถือ

ณรงค์ศักดิ์ น่าเกรงขาม นามระบือ

กอบไธสง นั่นคือ สกุลไทย

อุดมการณ์ แน่วแน่ มาแต่ต้น

บรรพชน รักชาติ ประกาศไว้

ยืนอยู่ข้าง ยุติธรรม ประจำใจ

จะขับไล่ คนชั่ว แม้ตัวตาย


(โดยนายพัน)

********************


ร่างสิ้นสูญ ชูตระกูล สูงสง่า

" กอบไธสง " อยู่คู่ฟ้า แดนสยาม

ขจรไกล สู่สากล ทุกเขตคาม

จารึกนาม " ณรงค์ศักดิ์ " รักเสรี


(โดยท่าน Hawkman )

********************

ร่างแนบนิ่ง อิงแอบ ใจประชา

นักรบกล้า ณรงค์ศักดิ์ จักเตือนอยู่

เสรีชน คนรากหญ้า น้ำตาพรู

กอบไทธง คงอยู่ ใจประชา


(โดยท่าน คุณวายุบุตร )

-----------------------------------------------------------


วันที่ 4 ก.ย 2551นาง ชบา สิงหกลางพล อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 ม.5 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พี่สาวนายณรงค์ศักดิ์ กอบไธสงค์ ผู้เสียชีวิตเหตุประ ทะกันระหว่างวันที่ 2 กันยายน 2551 เวลาประมาณ 01।30 น। ได้ เดินทางมารับศพ ที่ แผนก นิติเวช ร. พ. วชิระ ก่อนเปิดเผยว่า น้องชายของตนเป็นผู้มีอุดมการณ์ ไม่ใช่คน เร่รอนแต่อย่างใด ซึ่งครอบครัวนั้นน้องชายตนไม่มี ก่อนเกิดเหตุประมาณ 20 วัน น้องชายตน ได้เดินทางมาหาตนที่ บ้าน จ.กาญจนบุรี เพื่อมาขอเงินโดยให้เหตุผลว่า จะไปร่วมชุมนุมที่ท้อง สนามหลวง เพราะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของกลุ่มพันธมิตร ที่ไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล แต่ กฎหมายกับไม่สามารถทำอะไรได้ โดยบอกว่าบ้านเมืองขณะนี้ถูกย่ำยี ซึ่งตนก็ได้บอกไปว่า ต้องระมัดระวังตัวและหลังจากคุยกันแล้ว ตนก็ไม่ได้สนใจอะไร มากทราบอีกครั้งว่าน้อชายได้ เดินทางมากรุงเทพฯ โดยนำแหวนที่สวมใส่อยู่ไปจำนำกับคนรู้จักและได้เงินมา 200 บาท “ตอนที่น้องชายเสีย ก็ยังไม่ทราบ จนกระทั่งมีเพื่อนบ้านที่ดูทีวีมาบอกว่า เห็นบัตรประชาชน ของน้องชาย ในตอนแรกนั้นยังตั้งตัวไม่ติด ยังไม่สามารถหาเงินเดินทางมารับศพน้องชายได้ จึงทำให้มาช้า จริงๆ แล้วที่น้องชายมาร่วมชุมนุมนั้นเพราะมีความห่วงบ้านเมืองอย่างจริงจัง น้องชายเป็นคนที่มีอุดมณ์การ เหมือนพี่ชายคือ นาย เที่ยงธรรม ณ เมืองพุทธ ที่เคยร่วมต่อ ต้านเผด็จการ สมัย จอมพลประภาส และจอมพล ถนอม จนกระทั่งถูกจับกุม และได้รับการ อภัยโทษ เป็นคนแรกขอยืนยันว่าน้องชายไม่ได้รับค่าจ้างมาและเงินก็ซื้อน้องชายตนไม่ได้ อยากให้น้องชายได้รับความเป็นธรรม ไม่อยากให้น้องชายตายฟรี อยากให้ทุกฝ่ายได้รับรู้ว่า การเสียชีวิตของน้องชายนั้น ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ อยากให้ทางกลุ่มพันธมิตรนั้นหยุดได้ แล้ว สำหรับศพของน้องชายนั้น ได้ปรึกษา กับกลุ่ม แกนนำ นปช. โดยทางกลุ่ม นปช . ต้องการนำศพของน้องชาย บำเพ็ญกุศลที่ กรุงเทพก่อน เนื่องจากยังมีกลุ่ม นปช. อีกหลาย คนที่ต้องการ มาเคารพ ศพ จากนั้นก็จะนำศพ ของน้องชาย ไปฌาปณกิจศพ ต่อที่ วัดท่าทุ่งนา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ต่อไป “นางชบากล่าว ด้านชายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อายุ 46 ปี 1 ในแกนนำ นปช. พร้อมพวกกว่า10 คนเดินทางมา เพื่อรับศพ นายณรงค์ศักดิ์ เปิดเผยว่า ได้รู้จักกับ นายณรงค์ศักดิ์ มาตั้งแต่ ปี49 นายณรงค์ศักดิ นั้นเป็นคนมีอุดมการณ์ ซึ่งคนจะรู้ จักกันในนาม “รงค์” โดยเมื่อเหตุการณ์หน้าบ้าน สี่เสาเทเวศน์ ครั้งสลายการชุมนุม นายณรงค์ศักดิ์ ได้เดินทางไปด้วย และก็ได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา แต่ครั้งนี้ก็ยังเดินทางมาร่วมชุมนุมอีก ก่อนเกิดเหตุยังมีการพูดคุยกัน ซึ่งตนก็เตือน นาบยณรงค์ศักดิ์ ว่า อายุมากแล้วอยากให้อยู่แนวหลัง โดยให้หนุ่มๆ อยู่ด้านหน้า แต่นาย ณรงค์ศักดิ์ บอกว่า ไม่เป็นไร ตนเคยเป็นตำรวจเก่า จนกระทั่งทราบภายหลังว่า ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ซึ่งหลังจากนี้ทางกล่าม นปช. ก็จะให้การช่วยเหลือครอบครัว นายณรงค์ศักดิ์ ในเรื่องของค่าใช้จ่ายการทำศพ รวมไปถึงเงินชดเชยที่ได้จากการบริจาค อย่างเต็มที่ “ตอนนี้ก็ได้ประมาณ 1 แสนบาทแล้ว หลังจากนี้ก็จะนำศพ ไปบำเพ็บกุศลที่วัดเสมียนนารี เป็นเวลา 21 วัน โดยในวันพรุ่งนี้ ก็จะจัดการ รับศพอย่างสมเกียรติ ซึ่งจะมีกองเกียรติยศ สวมเสื้อแดง และนำธง นปช. คลุมโรงศพเข้าแถวเดินขบวน ไปวัดเสมียนนารี โดยมีแกนนำ นปช . มาร่วมรับศพด้วย ซึ่งตอนนี้อยากญาติผู้ตายได้เข้าพบ นายก รัฐมนตรี เพื่อขอคำยืนยันว่า นายณรงค์ศักดิ์ จะไม่ตายเปล่า โดยตอนนี้ก็กำลังปรึกษาทางญาติผู้ตายว่า จะมีการทำอนุเสาวรีย์ให้กับนายณรงค์ศักดิ์ เพื่อเป็นอนุสรณ์การต่อสู้เพื่อความถูกต้องและเสียสละชีวิต และรักษาอธิปไตย ของชาติ ซึ่งหากว่าทางญาติเห็นด้วยก็จะมีการสร้างตรงจุดที่เสียชีวิต บริเวณสะพานมัฆวาน โดยขณะนี้ทางกลุ่ม นปช. กำลังสืบหาผู้เห็นเหตุการณ์ ในคืนดังกล่าว เพื่อยืนยันจุดที่นายณรงค์ถูกตีเสียชีวิต โดยขณะนี้ยังไม่ทราบตัวคนเห็นเหตุการณ์ และจุดที่แน่นอน “ นายสมยศกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเที่ยงวันเดียวกัน พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ได้เดินทางมาร.พ.วชิระ ในนามกลุ่ม รักเชียงใหม่ 51 นำเงิน จำนวน 2หมื่นบาท มามอบให้กับ ญาติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ที่ยังรักษาตัวอีก 4 ราย ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น.ที่ สน.นางเลิ้ง นางชบา สิงหกลางพล อายุ 70 ปี พี่สาวนายณรงค์ศักดิ์ กอบไธสง อายุ 55 ปีสมาชิกกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งเสียชีวิตขณะยกพวกเข้าปะทะกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา พร้อมด้วยนายวิภูแถลง พัฒนภูไทย แกนนำ นปช. และนายเรืองเดช เหลืองบริบูรณ์ ทนายความ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.นพคุณ ประทุมเพ็ชร พนักงานสอบสวน(สบ3) สน.นางเลิ้ง เพื่อให้ดำเนินคดีกับ5แกนนำพันธมิตร และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงาน พันธมิตรฯ ในข้อหาก่อเหตุชุลมุนทำให้มีผู้เสียชีวิต โดยได้นำหลักฐานเป็นวีซีดีบันทึกภาพเหตุการณ์ ภาพถ่าย และหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าววันเกิดเหตุ มามอบให้พนักงานสอบสวน นางชบา กล่าวว่า มาแจ้งความให้ดำเนินคดีกับทั้ง 6 คน ซึ่งอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ปะทะกัน เพราะต้องการขอความเป็นธรรมที่น้องชายเสียชีวิต และไม่อยากให้น้องชายตายฟรี ที่ผ่านมาน้องชายเป็นคนมีอุดมการณ์และต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมให้กับบ้านเมืองมาโดยตลอด สาเหตุที่น้องชายออกมาชุมนุมเพราะบ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย เนื่องจากกลุ่มพันธมิตรฯบุกยึดทำเนียบ ทำให้รัฐบาลทำงานไม่ได้ การบังคับใช้กฎหมายก็มีปัญหา นางชบา กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้น้องชายไปหาตนที่ จ.กาญจนบุรี เพื่อขอเงินเป็นค่าเดินทางมาร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. แต่ตนไม่ให้เงินและห้ามปรามว่าอย่าไปเลย ช่วยขายส้มโออยู่บ้านดีกว่า แต่น้องชายได้นำแหวนไปจำนำกับเพื่อนบ้านในราคา 200 บาท เพื่อมาร่วมชุมนุม และยังบอกให้ตนดูแลตัวเองให้ดี ไม่ต้องเป็นห่วง และจะหาเงินมาช่วยทอดกฐินที่ตนจะจัด แต่มาทราบภายหลังทราบว่าน้องชายเสียชีวิตแล้ว ทั้งที่น้องชายไม่มีอาวุธ หมวกกันน็อคก็ไม่มี“อยากเรียกร้องผ่านสื่อมวลชนถึงพี่สมัคร อยากให้มาพบ เพราะอยากขอความเป็นธรรมให้กับน้องชาย ขณะเดียวกันก็อยากให้ช่วยยุติความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ส่วนกลุ่มพันธมิตรก็หยุดได้แล้ว ขอให้น้องชายตนเป็นเหยื่อความรุนแรงรายสุดท้ายที่ต้องจบชีวิตแบบนี้ หรือหากพันธมิตรฯยังไม่จบก็มาเอาชีวิตฉันอีกคนก็ได้” นางชบากล่าว

ร่วงอีกหนึ่ง ซึ่งน้ำมือ คือสัตว์ป่า
เยี่ยงผู้กล้า ท้าทน ชนเบื้องหน้า
สละร่าง บังข้างหลัง หลั่งเลือดทา
ดังสัตถา ประชา ธิปไตย

หวงแหนไว้ สิทธิฝัน อันใหญ่ยิ่ง
เพื่อผดุง สรรพสิ่ง ยิ่งไฉน
เอกราช ในร่างกาย แลจิตใจ
อธิปไท อธิปไตย นัยสั่งมา

ร่างเยินยับ แต่หัวใจ ยังกร้าวแกร่ง
ดวงจิตแรง เข้มคมแข็ง กว่าหินผา
ธาตุเปื่อยยุ่ย ฉาดรังษี แสงศรัทธา
แม้นอาทิตย์ จันทรา มิอาจบัง

อธิษฐาน ส่งวิญญู ผู้ดับสิ้น
โบกโบยบิน สู่ที่สูง สุดโดยหวัง
เสวยสุข บนฉิมพลี วิมานยัง
มิต้องพัก ห่วงเบื้องหลัง ยังต่อกร

รุ่งศิลา
๖ กันยายน ๒๕๕๑

.......................................................................................................
กบฏพันธมิตรฯฆ่าประชาชน
ข่าวจากเว็บต่างๆที่ลงภาพความป่าเถื่อนของกลุ่มโจรกบฏพันธมิตรในวันที่ลุงณรงค์ศักดิ์ถูกทำร้ายเสียชีวิต
เช้ามืดของวันที่ 2 กันยายนพ।ศ. 2551

..............................................................................................................................




ภาพของนายณรงค์ศักดิ์ กรอบไธสง ที่กำลังถูกรุมทำร้ายจากฝ่ายพันธมิตรฯทั้งที่เขาสลบแน่นิ่งไปแล้ว..ภาพนี้ให้ความรู้สึก..สลดใจและหดหู่ใจ..กับคนไทยที่ทำกับคนไทย..เป็นความป่าเถื่อนไม่ต่างจากฝูงสัตว์ดุร้ายกำลังขย้ำเหยื่ออย่างไรความปราณี



ที่หลงเหลือคือร่างที่เละไปทั้งใบหน้า แต่ไร้ความรู้สึกของนายณรงค์ศักดิ์....เพราะเป็นร่างที่ปราศจากวิญญาณ..โดยที่เจ้าตัวก่อนเสียชีวิตอาจอยู่ในอาการหวาดกลัว..ในท่ามกลางดงหมัดดงไม้และอาวุธร้ายไม้กอล์ฟ

.............................................................................................................


กองกำลังกบฏพันธมิตรฯ โดยการสนับสนุนของพวกปฏิกิริยาชนชั้นกลาง
กลุ่มธุรกิจสื่อสารมวลชนไทย นักวิชาการมหาวิทยาลัย และฝ่ายอมาตยาฯ
ได้ร่วมกันสังหารโหดประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย หรือ นปก. ในขณะที่
ประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยกำลังเดินทางไปเรียกร้องให้กบฏถอนกำลัง
ออกจากการยึดครองทำเนียบรัฐบาล -

กบฏพันธมิตรฯ พวกปฏิกิริยาชนชั้นกลาง กลุ่มธุรกิจสื่อสารมวลชนไทย
นักวิชาการมหาวิทยาลัย และฝ่ายอมาตยาธิปไตยทุกคนจะต้องรับผิดชอบ
ต่อบาปกรรมครั้งนี้


ภาพจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 3

ภาพจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 3

[003.jpg]
http://www.youtube.com/watch?v=0kNVHDynXUY&feature=related
http://video.mthai.com/player.php?id=6M1223563392M0
http://video.mthai.com/player.php?id=6M1223563392M0
http://www.youtube.com/watch?v=sizynp62Lag&feature=related
http://www.youtube.com/watch?v=98E5SOd76L0
http://www.youtube.com/watch?v=pPY5haHLkv4

นายพงศ์ศักดิ์ กับเส้นทางคลิป

ที่มา http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=843353
โดยคุณ แฟนเดฟ

นายพงศ์ศักดิ์ กับเส้นทางคลิป ที่ไปอยู่ในมือสนธิลิ้ม ไปอยู่ยังไงมาดู













2009 10 06 PTV 3เกลอแฉสัมพันธ์ลับหนุ่มหน้ามนต์กับพงษ์ศักดิ์

http://www.youtube.com/watch?v=jjj7MkD2lKw

คลังบทความของบล็อก