ชาวดิน ออนเน็ต

***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........


วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 27, 2552

ประเทศไทยมีแต่คนเก่งที่ไม่ยอมรับความจริง เพราะกลัวเสียหน้า ประเทศไทยถึงได้วุ่นวายอยู่ทุกวันนี้

ข้อมูลภาพและบทความ โดย : คนบางมด : สายลมรัก (จาก ไทยฟรีนิวส์)

โบ้ย'หมอพรทิพย์'มั่ว!!ตร.ยัน'น้องโบว์'ตายเพราะ'ซี-โฟร์'ไม่ใช่แก๊สน้ำตา

'หมอพรทิพย์' แย้งผลสอบคดี 'น้องโบว์' เหยื่อสลายการชุมนุม 7 ต.ค. ย้ำเสียชีวิตเพราะโดนแก๊สน้ำตา ระบุไม่มีเครื่องมือที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นสารประกอบวัตถุระเบิด 'ซี-โฟร์' ชี้ผลชันสูตรศพพบเพียงสาร RDX ด้าน 'ผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐาน' โบ้ย 'ผอ.นิติวิทยาศาสตร์' มั่วนิ่ม!! ยันตำรวจมีเครื่องมือตรวจ 'ซี-โฟร์' พร้อมอ้างอิงเอกสารทางวิชาการสหรัฐฯระบุ 'สามารถทำได้'


พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจแถลงสาเหตุการเสียชีวิตของ น.ส.อังคนา ประดับปัญญาวุฒิ หรือน้องโบว์ ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ว่าเกิดจากระเบิดซีโฟร์

และปัจจุบันยังไม่มีเครื่องมือทางนิติวิทยาศาสตร์ใดที่แสดงผลตรวจพิสูจน์เป็นซีโฟร์ได้ มีแต่เครื่องมือที่แสดงผลถึงสารประกอบย่อย เช่น อาร์ดีเอ็กซ์ ซึ่งผลพิสูจน์ของตนที่ร่วมกับแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี พบสารอาร์ดีเอ็กซ์ที่บาดแผลน้องโบว์ และยังขอยืนยันว่าน้องโบว์เสียชีวิตจากแก๊สน้ำตาจีน ทั้งลูกขว้างและลูกยิง ที่มีอำนาจทำลายล้างสูงกว่าแก๊สน้ำตาทั่วไป เนื่องจากจุดชนวนด้วยอาร์ดีเอ็กซ์ นอกจากนี้ยังพบว่าร่างกายและเสื้อผ้าข้องน้องโบว์มีสารอาร์เดีเอ็กซ์

ทั้งนี้ จากการสรุปผลตรวจพิสูจน์ศพร่วมกับทีมแพทย์ที่ผ่าชันสูตรศพให้ความเห็นตรงกันว่า สภาพศพของน้องโบว์ไม่ได้เสียชีวิตจากระเบิด ตนมีประสบการณ์ในการตรวจศพเหยื่อระเบิดในสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้เชื่อได้ว่าน้องโบว์ไม่ได้เสียชีวิตจากระเบิด แต่ศพมีบาดแผลเฉพาะจุดที่ลงความเห็นได้ตรงกันกับแพทย์ที่ผ่าศพว่าเป็นวัตถุแก๊สน้ำตา





อย่างไรก็ตาม แม้ผลตรวจของกระทรวงยุติธรรมและตำรวจไม่เหมือนกันก็ไม่เป็นไร เพราะผู้ที่อยู่ในวงการด้านนิติวิทยาศาสตร์ ก็จะรู้ว่าไม่มีเครื่องมือใดที่แสดงผลตรวจเป็นระเบิดซีโฟร์ได้

สนว.ยันตร.มีเครื่องมือตรวจหา'ซี-โฟร์'

ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ(สนว.ตร.) กล่าวยืนยันว่า สนง.นิติวิทยาศาสตร์ตำรวจสามารถตรวจหาซีโฟร์ได้ โดยมีวิธีการหลายขั้นตอน และเครื่องมือหลายตัวประกอบกันที่สามารถตรวจหาสารเคมีที่เป็นสารวัตถุระเบิดและตรวจหาซีโฟร์ได้อย่างแน่นอน โดยมีขั้นตอนตามหลักสากล นอกจากจากเอกสารทางวิชาการณ์ของประเทศสหรัฐอเมริกาก็ระบุไว้ว่าสามารถตรวจหาซีโฟร์ได้

อย่างไรก็ตาม การตรวจหาสารจากเสื้อและเสื้อชั้นในของน้องโบว์ เป็นไปตามที่ได้แถลงข่าวไปว่าพบซีโฟร์ และพบสารเคมี 4 อย่างที่ประกอบเป็นซีโฟร์ สรุปได้ว่าเป็นซีโฟร์อย่างแน่นอน และการตรวจหาซีโฟร์ก็ไม่ได้ทำเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ตำรวจก็เคยมีการตรวจหาซีโฟร์มาก่อนแล้ว

ส่วนแก๊สน้ำตาที่นำมาตรวจ 4 ชนิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้นั้น จากที่ตรวจไม่พบว่ามีสารซีโฟร์ มีเพียงแก๊สน้ำตาที่ผลิตจากประเทศจีนที่มีสารอาร์ดีเอ็กซ์ ซึ่งการทำงานตรวจพิสูจน์เป็นขั้นตอนที่ทำอยู่ตามปกติ ส่วนน้องโบว์จะเสียชีวิตเพราะอะไรนั้น ยังไม่สามารถสรุปได้ อยู่ที่การผ่าพิสูจน์จากแพทย์ แต่ยืนยันได้ว่าปรากฎพบสารซีโฟร์ในเสื้อ และเสื้อชั้นในของน้องโบว์ ซึ่งเป็นสารที่แก๊สน้ำตาไม่มี



วีรบุรุษจ๊าบ..

ตายด้วยแก๊สน้ำตาด้วยเปล่า

ข้อมูลความจริงที่เราประชาชนคนไทยด้วยกันรับทราบจากสื่อต่างๆ ก็คือ การชุมนุมของพันธมิตรมีวัตถุระเบิดจำนวนมากมายและทำพลาดขนาดระเบิดรถตัวเองถึงขั้นเสียชีวิต แม้ขนาดเคลียร์พื้นที่ในทำเนียบรัฐบาลหลังจากยุติการชุมนุมของ พธม.ก็ยังพบวัตถุระเบิดที่ซุกซ่อนอยู่จำนวนมาก ข้อมูลความจริงเหล่านี้ก็พอที่จะบอกสาเหตุการเสียชีวิตได้แล้วหรือยังไม่สามารถสรุปได้ ประเทศไทยมีแต่คนเก่งที่ไม่ยอมรับความจริงเพราะกลัวเสียหน้า

สำนึกดีเสมอ นปช.ยุติการชุมนุมเช้านี้ ลั่นเดินหน้าขับไล่รัฐบาล

ที่มาจากไทยรัฐ

วันนี้ (26 ก.พ.) เมื่อเวลา 21.00 น. นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศแถลงการณ์ฉบับที่ 2 โดยระบุว่า เพื่อยกระดับการต่อสู่ในการขับไล่รัฐบาล ภายใต้แกนนำของพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ได้มาโดยความไม่ชอบธรรม ที่เกิดจากการแทรกแซงสถาบัน องค์กรอิสระ ทั้งตุลาการ ทหาร และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)ดังนั้นการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ขาดความชอบธรรม

ทั้งนี้ แกนนำ นปช. กล่าวต่อว่า โดยช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลได้บริหารประเทศอย่างไร้ประสิทธิภาพ ทั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และการปฏิเสธข้อเรียกร้องของกลุ่มเสื้อแดง 4 ข้อ ดังนั้นกลุ่มนปช. ที่ได้ชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 เพื่อทวงถามข้อเรียกร้อง จึงมีความชอบธรรมที่จะต่อสู้ขับไล่รัฐบาลเผด็จ การอย่างถึงที่สุด และวันนี้จะเป็นการเริ่มต้นการใช้ยุทธศาสตร์ที่เข้มข้นขึ้น โดยจะมีการดำเนินการขับไล่รัฐบาลทั้งในสภา และนอกสภา ในเมือง และในชนบท ในประเทศ และต่างประเทศ จนกว่าจะได้รับชัยชนะ และขอเรียกร้องให้ประชาชนไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไร ให้ออกมาร่วมกันขับไล่รัฐบาลเผด็จการ และต่อจากนี้ไปไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลต่อไป

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวถึงมาตรการต่อจากนี้ว่า กลุ่ม นปช.จะสลายการชุมนุมเช้าวันพรุ่งนี้ (27 ก.พ.) และได้กล่าวถึงมาตรการในการดำเนินการต่อว่า 1.คนเสื้อแดงขอสงวนสิทธิในการแสดงออกอย่างเปิดเผย เพื่อขับไล่รัฐบาลในทุกกรณี โดยปราศจากอาวุธ เจอที่ไหนไล่ที่นั่น 2.คนเสื้อแดงจะจัดตั้งเครือข่ายแนวร่วม ให้แดงทั้งแผ่นดิน โดยจะใช้เวลาหนึ่งเดือนนับจากนี้ ขณะที่แกนนำก็จะลงพื้นที่ในทุกภาค เพื่อรวบรวมมวลชน และหลังจากนี้หนึ่งเดือนเราจะกลับมาชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล แบบยืดเยื้อ ไม่กลับบ้าน ไม่ชนะไม่เลิก

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 27 ก.พ. - 1 มี.ค. ไทยจะเป็นจ้าภาพการประชุมอาเซียน เรารักประเทศไทย ภาระในการโอบอุ้มประเทศจึงอยู่ที่บ่าของคนเสื้อแดง เราหยุดให้เพื่อหน้าตาของประเทศ หากนายอภิสิทธิ์รักษาไว้ไม่ได้เราจะรักษาให้ พร้อมกล่าวยืนยันว่า การตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากการหารืออย่างละเอียดรอบคอบถี่ถ้วน ทางกลุ่มนปช. ไม่ได้พาผู้ชุมนุมมาทิ้งกลางทาง และขอให้ความมั่นใจว่าหากผู้ชุมนุมไว้ใจ พวกตน ตนก็จะซื่อสัตย์ต่อความไว้ใจ

“เราจะไม่ทำเหมือนพันธมิตรฯ ที่ปิดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน โดยในวันพรุ่งนี้ เราได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะมีขบวนเสด็จของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ในการพระราชทานปริญญาบัตรในเวลา 10.00 น. เราจะถวายความจงรักภักดี โดยจะเปิดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินให้” นายณัฐวุฒิ กล่าว

วันพฤหัสบดี, กุมภาพันธ์ 26, 2552

พันเอกสุชาติ พรหมใหม่ ผบ.พัน มทบ11 กองทัพภาคที่ 1 -- ทำไมถึงมีสันดานหมาๆส่งลูกน้องทหารไอ้เณรไปป่วนเสื้อแดง

โดย : Palrak www.thaifreenews


เอาอีกแล้วครับทหารไทย ทำไม ทำไม คนชั่วจึงปะปนแล้วก็ก่อเรื่องรังแกประชาชน มึงมันเป็นคนสันชาติไหนครับ





พันเอกสุชาติ พรหมใหม่ ผบ.พัน มทบ11 กองทัพภาคที่ 1 -- ทำไมถึงมีสันดานหมาๆส่งลูกน้องทหารไอ้เณรไปป่วนเสื้อแดง

บอกสังกัดว่าเป็นทหารรักษาพระองค์ แต่ทำไม มาเฝ้าทำเนียบ ยืนห่างกันถี่เหลือเกิน ถี่กว่าในวังอีก ไอ้มาร์คมันองค์ไหนวะถึงต้องมาอารักขาขนาดนั้น ได้เป้นนายกเพราะดจรก่อการร้ายแท้ หรือ ว่า ทหารพวกนี้ก็ใช่ ถุยๆ

เก็บภาพจาก : แมวอ้วนอ้วน ไทยฟรีนิวส์มาเพิ่มให้ดูกันอีกครับ



เมื่อคืนวาน เกิดเหตุชุลมุนขึ้นเล็กน้อย เมื่อการ์ดเสื้อแดงพบชายฉกรรจ์ 2 คนมีท่าทีพิรุธ เมื่อขอเข้าทำการตรวจสอบ ชายฉกรรจ์ทั้ง 2 ก็วิ่งหนี
การ์ดเสื้อแดงวิ่งไล่ตามตะคุบตัวไว้ได้ 1 คน อีกคนวิ่งหนีเข้าค่ายทหารไป โดยมีทหารเปิดประตูให้






โดยขณะวิ่งไล่ตามจับกุม "เกรียน" ได้ปะทะทำการ์ดเสื้อแดงบาดเจ็บแขนเดาะไปหนี่งคน ก่อนที่จะล๊อคคอได้
ตรวจค้นตัวพบ ว.ดำ (วิทยุสื่อสารใช้ทางราชการ) 1 เครื่อง
การ์ดเสื้อแดงยืนยันว่า 1 ใน 2 คนที่วิ่งหนีมีอาวุธปืน และพกวัตถุคล้ายระเบิดปิงปอง โดยคนร้ายได้วิ่งหนีเข้าค่ายทหารซึ่งทหารเป็นคนเปิดประตูรับเข้าไป

เมื่อจับตัวมาสอบถามเบื้องต้น "เกรียน" ให้การว่าเป็นคนเสื้อแดงมาจากต่างจังหวัด ตั้งใจมาร่วมชุมนุม เพียงแต่ไม่ได้ใส่เสื้อแดงมาเท่านั้น





เมื่อสอบถามว่า "แล้วทำไมต้องวิ่งหนี และขัดขืนการตรวจสอบ"
เกรียน ก็ไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้

ตรวจสอบโดยละเอียดจากกระเป๋าสตางค์ที่ชายนั้นติดตัวมา
พบบัตรข้าราชการทหาร ชื่อ ส.อ. อำนวย





แกนนำเสื้อแดงนัฐวุฒ จึงให้นำตัวพาไปส่งหน่วยต้นสังกัด
แต่ระหว่างเดินออกจากจุดที่ตรวจสอบ ได้ไม่นานก็เจอกับทหารอีกกลุ่มหนึ่ง แสดงตัวว่าเป็นผู้บังคับบัญชาของ ส.อ. อำนวย
โดยแสดงตัวว่าเป็น พ.อ. สุชาติ เป็น ผบ.พัน ขอมารับตัว ส.อ.อำนวย กลับไป
โดยแจ้งว่า ตนเองเป็นผู้สั้งการให้ ส.อ.อำนวย มาดูแลความปลอดภัยของผู้ชุมนุม ไม่มีเจตนาไม่ดี
นัฐวุฒ จึงถามว่า "อ้าว แล้วทำไมต้องวิ่งหนี ปะทะขัดขวางการตรวจสอบด้วยล่ะพี่"





หลังจากพูดคุยกันอีกเล็กน้อย ชาวเสื้อแดงก็คืนตัว ส.อ.อำนวย ให้กับกลุ่มทหารที่ออกมาแสดงตนรับตัวไป
ในภาพคือ บุคคลที่แสดงตนว่าเป็น พ.อ.สุชาติ ผบ.พัน ผู้สั่งให้ ส.อ.อำนวย มาปฏิบัติภารกิจ



ส.อ. อำนวย "ผมเป็นเสื้อแดง มาจาก ตจว. มาร่วมชุมนุม"
พ.อ.สุชาติ "ผมสั่งให้ ส.อ.อำนวยมาดูแลความเรียบร้อย"

พันเอก และ สิบเอก สงสัยไม่ได้เตี้ยมกันไว้..ผลงานเลยออกมาไม่เนียนทั้งคู่


..อายเขาไหมนี่ เขาน่าจะมาเกิดเป็นคนไทยแทนไอ้ห่าทหารเลวพวกนี้นะ




เมื่อวานนี้มีหนุ่มอเมริกัน 2 คน เข้ามาสังเกตุการณ์ที่ชุมนุมเสื้อแดง
โดยมีเพื่อนสาวชาวไทยเป็นผู้พาเข้ามาสังเกตุการณ์
ได้สอบถามเพื่อนชาวไทยทราบว่า หน่มอเมริกันนี้เป็นอาจารย์สอนอยุ่ที่ประเทศเกาหลี

ทั้งคู่ให้ความสนใจกับการชุมนุมเป็นอย่างยิ่ง และสนับสนุนการชุมนุมของชาวเสื้อแดง
บอกว่าสิ่งที่เสื้อแดงทำนั้นถูกต้องแล้ว
ประชาชนต้องต่อสุ้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง



วันพุธ, กุมภาพันธ์ 25, 2552

เก็บมาฝาก โอ้....ทหารไทย.....

ภาพโดย .. hi5.com

ทหารไทยภายใต้ การบังคับบัญชาของ ประวิทย์- ป๊อก ความสามารถพิเศษ ยืนอารักขา เฝ้าทำเนียบให้ไอ้นายกโจรก่อการร้าย หนีทหาร ที่ชื่อ ไอ้ มาร์ค อย่างจงรักภักดี

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket


Photobucket

ท่าทางทหารจะเอาจริงจังถึงตาย แต่ตำรวจต้องอยู่หน้านะ
Photobucket
คงจะมาแก้แค้นให้เพื่อนทหารที่ตายนี่ใช่ไหม ใช่คนเสื้อแดงฆ่ารึเปล่า ถึงขนกันมาตั้ง 20กว่ากองร้อย

Photobucket

วันอาทิตย์, กุมภาพันธ์ 22, 2552

หน่วยข่าวลับ: ผวาแดงคอมมิวนิสต์-ศก./ ผู้ใหญ่ส่งสัญญาน/ชวนเจรจารัฐบาลแห่งชาติ/ สุเทพไม่ถอย

โดย หน่วยข่าวลับ
ที่มา Blog สุริยาอัสดง/ http://www.thaienews.blogspot.com/
21 กุมภาพันธ์ 2552/


หมายเหตุไทยอีนิวส์: การประมวลข่าวดังกล่าวนำมาจากบุคคลนิรนามที่ใช้นามแฝงว่า "หน่วยข่าวลับ" ได้ทำการเผยแพร่ข่าวสารผ่านอินเตอร์เน็ตมานับตั้งแต่ก่อนการทำการัฐประหาร ยังไม่มีผู้ใดทราบว่า "หน่วยข่าวลับ" สังกัดหน่วยงานใด สีใด หรือมีจุดยืนในการประมวลข่าวเช่นใด แต่ข่าวต่างๆที่ออกมาจาก "หน่วยข่าวลับ" มักอ้างว่ามาจากทั้งหน่วยข่าวทางทหาร นักการเมือง รวมไปถึงแหล่งข่าวนิรนามจากอินเตอร์เน็ต


ไทยอีินิวส์จัดความน่าเชื่อถือของข่าวทั้งหมดในระดับข่าวลือที่พอจะเืชื่อถือได้ ขอให้ท่านใช้วิจารณญาณในการอ่าน


@@"หน่วยข่าวลับ" รายงานสถานการณ์ความเคลื่อนไหวทางการเมืองการทหาร หลังรัฐบาล"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"นายกรัฐมนตรี ภายใต้การกำกับของ"สุเทพ เทือกสุบรรณ"รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง บริหารประเทศมาได้ ๒ เดือน และกำลังจะมีการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ (๒๗ ก.พ.)ขณะที่กำลังมีความเคลื่อนไหวของม็อบต่อต้านฝ่าย"เสื้อแดง"(๒๔ก.พ.)ที่ขู่จะปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล พร้อมๆกับมีการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่ จ.ประจวบฯ ขณะเดียวกันก็มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เดินทางไปพบกับ"พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร"อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฮ่องกง ว่า มีความเคลื่อนไหวจากผลการส่ง"สัญญาณ"จาก"ผู้ใหญ่"คนสำคัญผ่าน"ผู้ใหญ่"ระดับสูงในคณะองคมนตรี ไปยัง"ชวน หลีกภัย"ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำมาซึ่งการพบปะพูดคุยระหว่าง"ผู้ใหญ่"ในพรรคประชาธิปัตย์ กับ"ร.ต.ท.เชาวรินทร์ ลัทธศักดิ์ศิริ"แห่งพรรคเพื่อไทย ก่อนมีการออกมาระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมพลิกเกมด้วยการหันมาจับตัวกับพรรคเพื่อไทย ในการตั้งรัฐบาลหลังจากนี้

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า "ผู้ใหญ่"มีความต้องการสกัดไม่ให้สถานการณ์ที่กำลังกัดเซาะทำลายสถาบันระดับสูงของประเทศลุกลามต่อไป หลังจากมีรายงานความเคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคเหนือ และอีสาน รวมถึงภาคใต้ตอนบน กับการจัดตั้งกองกำลังของอดีตแนวร่วม"พรรคคอมมิวนิสต์"เดิม โดยใช้ฐานมวลชนของกลุ่ม"เสื้อแดง"ที่เริ่มมีการเกาะตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทั้งฝ่ายซ้ายวิชาการ ที่มีแนวทางตรงข้ามกับ"ซ้ายศักดินา"ที่พร้อมผนึกตัวกับ"ฝ่ายเสื้อแดง"อีกส่วนหนึ่งที่มีแนวทางการต่อสู้ด้วยเหตุผลการสนับสนุน"ทักษิณ" โดยเนื้อหาสำคัญของการเคลื่อนไหวมีข้อตกลงที่แตกต่างไปจากการเคลื่อนไหวเมื่อครั้งหลัง ๑๙ก.ย.๔๙ ที่มี"ทักษิณ"เข้ามาเป็น"ตัวแปรสนับสนุน"ในด้าน"ทุน"

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ไม่ใช่มีเพียงแต่มวลชนที่อยู่นอกอำนาจรัฐ ที่เป็นประชาชนรากหญ้า และปัญญาชน หากแต่ยังมีการเคลื่อนไหวในหมู่นายทหารในกองทัพจำนวนไม่น้อย ภายใต้การเคลื่อนไหวของ ตท.๑๐ และ ทหารที่ได้รับผลกระทบจากการโยกย้าย รวมถึงที่ได้รับ"อิทธิพล"จาก"ข้อมูล"เกี่ยวกับข้อเท็จจริงในโครงสร้างอำนาจ และสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยที่อยู่ภายใต้"อำนาจ"เหนือ"อำนาจ"ที่กำลังทำให้ผลกระทบของวิกฤติเศรษฐกิจของโลกที่กำลังเกิดขึ้นในปี ๒๕๕๒ มีความรุนแรงมากขึ้นและยากควบคุม ซึ่งจะทำให้พวกเขาได้รับความเดือดร้อนไปด้วย และรวมถึงกลุ่มนายทหารที่ไม่พอใจกับภาพความตกต่ำเสื่อมเสียของกองทัพจากพฤติกรรมของนายทหารบางส่วนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับผลกระโยชน์ทางการเมืองและมีพฤติกรรมที่หมิ่นเหม่ต่อการทุจริตเรียกรับประโยชน์ ในห้วง คมช.

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า"ผู้ใหญ่"มีความกังวลอย่างมากกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่อาจลุกลามไปยังประชาชนในประเทศและอาจพาลมาสู่สถาบันระดับสูงที่ในระยะหลัง ๑๙ก.ย.๔๙ มีการใส่ข้อมูลด้านลบให้กับประชาชน ทำให้"ผู้ใหญ่"มีการรื้อแนวความคิดเดิมที่จะให้มี"รัฐบาลแห่งชาติ"เกิดขึ้นโดยยังคงมี"กองทัพ"เป็นแบ็คอัพในด้านความมั่นคง ขณะที่มีการเตรียมดึง"เกจิด้านเศรษฐกิจ"ที่เป็น"คนกลาง"ในการเข้าร่วมกันแก้วิกฤติเศรษฐกิจ ที่มีการประเมินแล้วว่ายอดเงินคงคลังที่แท้จริงที่เหลืออยู่นั้นน่าเป็นห่วงโดยเฉพาะเป็นที่แน่ชัดว่าประมาณการจัดเก็บรายได้(ภาษี)จะลดลง ซึ่ง"สัญญาณ"เหล่านี้ทำให้"ผู้ใหญ่"ไม่มั่นใจว่า"อภิสิทธิ์"หรือ"กรณ์ จาติกวณิชย์"รมว.คลัง จะรับมือได้ ซึ่งท่าทีนี้ถูกส่งผ่าน"นายชวน"รวมถึง"พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ"ที่ถูกระบุให้เป็น"ผู้ประสาน"การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ที่มีการส่งสัญญาณเหล่านี้ไปยังแกนนำของพรรคหลายๆคนรวมทั้ง"สุเทพ" โดยมีการระบุว่าสถานการณ์หนักหน่วงเกินไปที่จะให้พรรคประชาธิปัตย์มาแบกรับโดยเฉพาะประมาณเดือนมิ.ย.๕๒ ที่จะปรากฎภาพที่ชัดเจนในสถานการณ์วิกฤติ ที่ทำให้ในการเดินทางไปเจรจาขอกู้เงิน ๗.๒แสนล้านจากญี่ปุ่น มีข้อสรุปที่รัฐบาลไทยยอมกู้ในอัตราดอกเบี้ย ๓.๗-๓.๘ % ทั้งที่ประเทศอื่นๆกู้เพียงอัตรา ๐.๕-๐.๗ %

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า นอกจากแรงกระเพื่อมที่ทำท่าว่าจะบานปลายดังกล่าวแล้ว "ผู้ใหญ่"ยังมีความกังวลกับข่าวการดำเนินคดีกับบรรดาผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่มีเนื้อหาหมิ่นต่อสถาบันระดับสูงในห้วง ๒-๓ เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่"ดา ตอปิโด"ไล่มาจนถึง"ใจ อึ๊งภากรณ์"ลูกชายของ"ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์"และลามเลยไปถึงสื่อมวลชนต่างประเทศในประเทศไทย โดยเฉพาะการดำเนินคดีกับ"นายนิโครลายส์"นักเขียนชายออสเตรเลีย ที่ถูกจับกุมและต้องโทษหมิ่นสถาบัน ที่ทำให้เกิดกระแสโจมตีกระบวนการยุติธรรมของไทยไปทั่วในต่างประเทศโดยเฉพาะในออสเตรเลียและบรรดาประเทศต่างๆรวมถึงส่งผลกระทบต่อทัศนคติของสื่อต่างประเทศต่อสถาบันในประเทศ..โดยเฉพาะยิ่งมีการเคลื่อนไหวทั้งในและนอกประเทศไทยต่อกฎหมายหมิ่นสถาบันในรัฐธรรมนูญผ่าน"ใจ อึ๊งภากรณ์" ซึ่งความกังวลาดังกล่าวนำมาสู่ความเคลื่อนไหวของ"ผู้ใหญ่"สอดรับกันล่าสุดกับข่าวการได้รับพระราช
ทานอภัยโทษของ"นิโครลายส์"(๑๙ก.พ.)

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่าเบื้องหลังกรณีดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับการเตรียมจัดประชุมอาเซียนซัมมิทที่หัวหิน(๒๗ก.พ.)และรวมถึงท่าทีจากการเดินทางมาเยือน ๔ ประเทศในอาเซียนของ"ฮิลลาลี คลินตัน"รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ที่ไม่มีประเทศไทยอยู่ในรายการเยือน ที่แม้จะมีการประสานจาก"สุรินทร์ พิศสุวรรณ"ในฐานะเลขาธิการอาเซียน ในการพบปะกับ"ฮิลลาลี"ที่พยายามให้"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"นายกรัฐมนตรีของไทยมีโอกาสเดินทางไปในที่อินโดนิเซียในช่วงการเยือน แต่ก็ยังมีแรงเสียดทานผ่านท่าทีของฑูตสหรัฐประจำประเทศไทย ที่เข้าพบ"นายชวน หลีกภัย"ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์แทนที่จะพบ"อภิสิทธิ์"เมื่อ ๒-๓สัปดาห์ก่อน

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่าประเด็นที่สหรัฐไม่พอใจประเทศไทย และอาจทำให้ประเทศไทยโดยรัฐบาลปัจจุบัน(อภิสิทธิ์)ต้องพยายามเคลียร์กรณีคดียึดสนามบินสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง และกรณียึดทำเนียบรัฐบาล พร้อมๆกับกรณี เหตุการณ์ตำรวจสลายการชุมนุม ๗ ตุลาคม ในห้วงเวลาที่มีการประชุมอาเซียนซัมมิท คือ กรณีที่ในช่วงที่มีการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ มีการยึดเครื่องบินสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ของสหรัฐจำนวนหลายลำเพื่อเป็นประกันกับสหรัฐในห้วงเวลานั้น ที่ทำให้ช่วงเวลานั้นทำให้"ประธานาธิบดีบุช"ไม่พอใจ และกองทัพสหรัฐเตรียมที่จะเคลื่อนกองเรือที่ ๗ เข้ามาในประเทศไทยเพื่อกดดัน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวนำมาซึ่งความกังวลของ"ผู้ใหญ่"และเป็นสาเหตุต่อมาที่ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญมีการตัดสินคดียุบพรรคพลังประชาชนอย่างทุลักทุเลจนถูกวิจารณ์อย่างหนัก ทั้งนี้เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ความวุ่นวายโดยอาศัยกระบวนการยุติธรรม เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวนำมาซึ่งห้วงเวลานั้นสื่อสัญชาติสหรัฐมีการเคลื่อนไหวโจมตีประเทศไทยอย่างหนัก

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า แม้กระนั้นข้อหารือใน"สัญญาณ"จาก"ผู้ใหญ่"ที่ส่งผ่านไปยัง"ชวน"และ"บัญญัติ บรรทัดฐาน"ก็เห็นด้วย ในการให้รัฐบาลถอยฉากออกจากการรับหน้าเสื่อการแก้วิกฤติเศรษฐกิจโดยให้มี"คนอื่น"(คนนอก)มาคั่นก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง ถูกปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามจาก"สุเทพ"ที่มี"ผู้ใหญ่"อีกท่านให้การสนับสนุนมาตั้งแต่ต้น

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่าประเด็น เงินบริจาดให้พรรคประชาธิปัตย์ ๒๕๐ ล้านของ"ประชัย เลี่ยวไพรัช"แห่งทีพีไอ.นั้นเป็นเรื่องจริงที่รับรู้กันในหมู่แกนนำพรรค โดยเป็นการส่งผ่าน"นิพนธ์ บุญยามณี"รองเลขาธิการพรรค แต่ที่เรื่องนี้แดงออกมาเพราะ มีการเข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเงินของทีพีไอ.และพบว่ามีการปลอมเอกสารภาษี กรณีการจ้างบริษัทโฆษณาเมสไซอะของ"สุชาติ สังข์ขาว"ซึ่งเคยร่วมทำธุรกรรมกับ"สุพัฒน์ ธรรมเพชร"และ"ไทกร พลสุวรรณ"มือไม้ของ"สุเทพ เทือกสุบรรณ"ที่ภายหลังม็อบ"ชมรมคนรู้ทันทักษิณ"ที่มี"น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ"และกลุ่มมือไม้ของ"เสธหนั่น"..เครือข่ายของ"สุเทพ"มีความเชื่อมโยงกับ"ประชัย"มากขึ้นผ่านคอนเนคชั่นในกองทัพโดยเฉพาะมีการเชื่อมผ่านไปยังเครือข่ายของทหารบ้านสี่เสาฯ

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่ากรณีเงินดังกล่าวเป็นส่วนผสมระหว่างเรื่องเก่ากับเรื่องใหม่ ที่ทำให้"ประชัย"เองก็ยอมรับกับสื่อว่าเขาเคยบริจาดให้กับพรรคประชาธิปัตย์แต่เป็นห้วงที่รัฐธรรมนูญ ๔๐ บังคับใช้ซึ่งยังทำได้ แต่ความจริงจากหลักฐานของ ดีเอสไอ.ที่พบคือเส้นทางของเงินซึ่งมีมากกว่า ๒๕๐ ล้าน อาจถึงหลัก ๒-๓,๐๐๐ล้าน ที่มีการเคลื่อนไหวในระยะปี ๒๕๔๘-๕๐ ไม่ได้ไปที่ปลายทางเฉพาะกลุ่มธุรกิจโฆษณาที่ทำโฆษณาให้พรรคประชาธิปัตย์ หากแต่มีการโอนไปยังปลายทางบริษัทขนส่ง ที่ไปสอดรับกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดคนเข้ามาชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล และสนามบินสุวรรณภูมิ ในเครือข่ายของ"สุเทพ"ห้วงรัฐบาล"สมัคร"และ"สมชาย"

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า เริ่มมีท่าทีความไม่พอใจจากบรรดาแกนนำในปีกของ"สุเทพ"ที่เคยร่วมแรงร่วมใจกันในห้วงสถานการณ์ต่อสู้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเฉพาะมีท่าทีจาก"ชำนิ ศักดิเศรษฐ"ที่เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ระดมคนไปช่วยแต่ผลสุดท้ายเมื่อมีการตั้งรัฐบาลทั้งที่"สุเทพ"เป็นผู้จัดการทุกอย่างกลับไม่จัดตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ให้กับ"ชำนิ"ตามที่เขาคาดหมาย มีเพียง"วิทยา แก้วภราดัย"ซึ่งก็เป็นอีกหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ ที่ได้รับการตอบแทน ทำให้มีกระแสจากคนใกล้ชิด"ชำนิ"ว่าเขาไม่พอใจอย่างมากและกำลังตัดสินใจที่จะย้ายสังกัดไปอยู่กับ"เสธหนั่น"ต้นสังกัดเดิมของ"บ้านสนามบินน้ำ"ที่พรรคชาติไทย

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า สถานการณ์โดยรวมที่ประเมินแล้วว่าไม่สามารถควบคุมได้กับวิกฤติเศรษฐกิจ ที่มีผลพวงจาก ๒ ปีก่อนซ้ำกับสถานการณ์โลก ทำให้แกนนำระดับอาวุโสของพรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้มีการ"ยุบสภา"หลังจากผลักดันนโยบายประชานิยมได้ผลในระดับต้นๆแล้วโดยอาจใช้สถานการณ์การชุมนุมของม็อบเสื้อแดงและพันธมิตรที่อาจถูกทำให้สถานการณ์บานปลาย เป็นประเด็นอ้างที่ล้างไพ่

วันพุธ, กุมภาพันธ์ 18, 2552

เผด็จการครองอำนาจแต่ประชาธิปไตยครองประเทศ

บทความ โดย ปูนนก ที่มา ไทยฟรีนิวส์

การปฏิวัติ, การรัฐประหาร, การกบฏ ที่จริงคำ 3 คำนี้ก็มาจากพฤติกรรมเดียวกัน เพียงแต่ผลแห่งการกระทำต่างกันเท่านั้น ในประเทศไทยนับตั้งแต่ รศ. 130 (พ.ศ. 2455) เป็นต้นมา ประเทศไทยมีการปฏิวัติ (เปลี่ยนแปลงการปกครอง) มาแล้ว 1 ครั้ง, รัฐประหาร 12 ครั้ง และกบฏ 8 ครั้ง และทุก ๆ ครั้งก็ไม่มีครั้งไหนที่เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเลยแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนมากก็เพื่อการเปลี่ยนผู้มีอำนาจขึ้นมาปกครองประเทศเท่านั้น

การรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน ในครั้งนี้เป็นการรัฐประหารครั้งที่ 12 ที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยซึ่งรูปแบบก็หาได้แตกต่างจากที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตไม่ แต่เนื้อหาแตกต่างไปโดยสิ้นเชิงรัฐประหารครั้งนี้เป็นรัฐประหารที่กระทำต่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั่วทั้งประเทศ ในขณะที่บ้านเมืองกำลังพัฒนาและเจริญรุดหน้าไปอย่างเต็มที่เทียบเคียงกับ นานาอารยะประเทศ แต่ก็กลับมาสะดุดหยุดลงเพราะรัฐประหารครั้งนี้ ด้วยข้ออ้างที่ไม่ต่างจากเมื่อหลายสิบปีก่อน ก็คือ การคอรัปชั่น นักการเมืองโกง ไม่จงรักภักดี จะจริงเท็จอย่างไร ก็ต้องว่ากันไป แต่ที่แน่ ๆ อำนาจได้ถูกเปลี่ยนไปจากประชาชนไปสู่ผู้ถืออาวุธ และเผด็จการที่ครองเมืองอีกครั้ง

เวลานี้กระแสการเรียกร้องประชาธิปไตยได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งประเทศ ประชาชนที่เคยเข้าใจว่าประเทศไทยมีการปกครองแบบ ประชาธิปไตยแบบไทย ๆ นั้น ต่างก็ ตาสว่าง และเข้าใจกันอย่างชัดเจนแล้วว่า ที่ว่าประชาธิปไตยแบบไทย ๆ นั้น อันที่จริงแล้วก็คือ เผด็จการ นั่นเอง แต่เพียงเป็นเผด็จการซ่อนรูป และแนบเนียนกว่าเผด็จการในประเทศเผด็จการอื่น ๆ เท่านั้นเอง พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่เคยเป็นความหวังของประชาชนในการต่อสู้กับเผด็จการทหาร จนถึงขนาดได้รับขนานนามว่า พรรคเทพ มาแล้ว แต่พอเอาเข้าจริงเมื่อสีเหลืองทองที่ทาทับเอาไว้เริ่มลอกออกมา ประชาชนที่เคยหลงใหลบูชากันมาตลอดหลายสิบปีก็เริ่มมองเห็นว่า อันที่จริงแล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นเพียงแค่ กิ่งก้านอันหนึ่งที่ต้นไม้เผด็จการได้แพร่ขยายความเลวร้ายเอาไว้ในประเทศนี้เท่านั้นเอง....เวลานี้ประชาชนทั้งประเทศแม้แต่ในพื้่ีนที่ภาคใต้ที่เคยเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคต่างก็มองเห็นและเข้าใจถึงพฤติกรรมอันเลวร้ายของพรรคนี้อย่างชัดแจ้ง สังเกตได้จากประชาชนเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตยได้เริ่มเปิดตัวมากขึ้นในพื้นที่ภาคใต้อย่างมากมาย

ตาสว่าง

หลายสิบปีก่อนพี่น้องผู้เรียกร้องความเป็นธรรมในสังคมจำนวนมากทางภาคเหนือและภาคอิสานต้องเข้าป่าทำการต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการด้วยการใช้อาวุธ คนเหล่านี้ถูกรัฐบาลเรียกว่า ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ส่วนทางภาคใต้ก็มีแนวร่วมอีกส่วนหนึ่งที่ถูกเรียกว่า โจรจีนคอมมิวนิสต์ (จคม.) เช่นเดียวกัน แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่ต่อสู้นั้นศรัทธาในระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ แต่ด้วยความต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมทำให้พวกเขา (ซึ่งก็คือคนไทยธรรมดา ๆ นี่เอง) จำเป็นต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มีสิทธิเสรีภาพทางสังคมในประเทศนี้บ้าง

คอมมิวนิสต์ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อล้างสมองประชาชนให้เกิดความหวาดกลัวโดยไม่มีเหตุผล ด้วยความเชื่ออย่างขาดสติและประกอบกับการสื่อสารที่ไม่ครอบคลุมทั่วถึง ทำให้ประชาชนไทยจำนวนมากต้องล้มตายเพียงเชื่อว่า คอมมิวนิสต์เลว ภาพการล้อมปราบนักศึกษาในวันที่ 6 ตุึลาคม 2519 ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ หรือ ร่วมสมัยนั้นอย่างมิอาจจะลืมเลือนไปได้ และนั่นคือสิ่งที่แสดงให้เห็นแล้วว่า อำนาจเผด็จการนั้นชั่วร้ายเพียงใด

การล้อมปราบประชาขนมือเปล่าในวันที่ 14 ตุลาคม 2516, 6 ตุลาคม 2519 และเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เหล่านี้เป็นภาพที่ปรากฏชัดถึงรูปแบบการปกครองที่เผด็จการอ้างว่ากระทำเพื่อประชาขน อย่างไรก็ดีเวลานี้ด้วยการสื่อสารที่รวดเร็วและทั่วถึงมากขึ้น ประชาชนเริ่มเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการมากขึ้น ปรากฎการณ์ชาวเสื้อแดงผู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นและแพร่ขยายอยู่ทั่วทุกหัวระแแหงของประเทศนี้ เป็นสัญญาณเตือนที่แจ่มชัดว่าประเทศไทยคงไม่อาจจะหลีกพ้นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่จะนำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ได้

ปรากฏการณ์ใหญ่ก็คือการเกิดขึ้นกว้างขวางของประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตย ขณะเดียวกันเผด็จการก็พยายามอย่างเต็มกำลังในการยึดครองอำนาจของตนเองเอาไว้ โดยการปิดกั้นและให้การควบคุมทุกอย่าง เวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านการปกครองให้มาสู่ประชาชนได้มาถึงแล้ว ไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งได้ ยิ่งมีอำนาจมาพยายามปิดกั้นก็ยิ่งเกิดแรงต้าน....น้ำชนิดเดียวกันจะไหลไปรวมกัน...คนประเภทเดียวกันมักจะอยู่รวมกัน.....คนเสื้อแดง ทุกคนต่างก็มีจุดมุ่งหมายอันเดียวกันก็คือ การต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยอันแท้จริงในประเทศนี้ ความขัดแย้งที่ดูเหมือนจะเกิดขึ้นกํบกลุ่มคนเสื้อแดงหลาย ๆ กลุ่มเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามรูปแบบที่เกิดจากการรวมตัวโดยไม่มีการจัดตั้ง....และวานนี้คุึณขวัญชัย ไพรพนา นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยคนสำคัญของชาวอุดรได้ประกาศทั้งน้ำตาว่า จะนำพลพรรคชาวเสื้อแดงไม่ต่ำกว่า 2,000 คนมาร่วมในการชุมนุมครั้งสำคัญที่สนามหลวงวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้

ในยามยากนี้พวกเราชาวเสื้อแดงจำต้องหันหน้าเข้าหากัน เป็นไปไม่ได้ที่ทุึก ๆ คนจะคิดเหมือนกัน แต่เป็นความจริงที่ว่า เราทุกคนสู้เพื่อให้ได้มาในสิ่งเดียวกัน นี่คือจุดร่วมที่เราชาวเสื้อแดงทุกคนต้องยึดเอาไว้ให้มั่น พวกเราไม่มีใครอีกแล้วที่จะอยู่ฝ่ายเรา ไม่มีใครที่จะเห็นใจเรา นอกจากพวกเรากันเองเท่านั้น....พวกเราชาวเสื้อแดงทุกคนต่างก็เหมือนกับอวัยวะต่าง ๆ ที่อยู่ในร่างกายเดียวกัน อวัยวะแต่ละส่วนล้วนแล้วแต่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน และทุก ๆ อวัยวะต่างก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน แม้อวัยวะบางส่วนจะดูเล็กน้่อยแต่ก็มีความสำคัญยิ่งสำหรับชีวิต พวกเราคนเสื้อแดงก็ดุจเดียวกัน

ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะมองข้่ามความขัดแย้งทั้งมวล..... ยอมที่จะวางทิฐิมานะของตนเองลง.... วางความทะยานอยากของตัวเองเอาไว้.... ยอมงอไม่ยอมหัก.... กล้ำกลืนความไม่พอใจ... แล้วร่วมจับมือกัน...เดินเคียงไปด้วยกัน... เพราะยังมีความยากลำบากอีกมากมายนักที่จะต้องฟันฝ่าไปด้วยกัน ไม่มีใครที่จะรักและเห็นใจคนเสื้อแดงมากไปกว่าคนเสื้อแดงด้วยกัน....

เพราะถ้าเมื่อใดพวกเราแตกแยกกัน โดยคิดว่า ข้าแน่...ข้าเก่ง...ข้าอยู่เองได้ เมื่อนั้นเราจะตกลงไปสู่การทำลายของเผด็จการอย่างไม่สามารถกู้คืนได้อย่างแน่นอน..... เวลานี้เผด็จการกำลังครองอำนาจอยู่ในประเทศไทย แต่อย่าให้เผด็จการเอาประชาธิปไตยไปจากใจประชาชนได้อีกเลย......

ปูนนก

ยุทธวิธีการข่าวชิงมวลชน 15 บุคคลใน Youtube ที่ตัดต่อภาพใส่ร้ายชาวเสื้อแดงผู้รักชาติและประชาธิปไตย

โพสต์โดย : palrakonline ที่มา http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic.php?id=778320



แผนการณ์พันธมิตรฯและเผด็จการณ์ ระบอบอำมาตยาธิปไตย อันหนึ่งที่นำมาใช้ คือยุทธวิธีการข่าวชิงมวลชน

ด้วยการบิดเบือนข่าวให้โทษต่อ ชาวเสื้อแดงผู้รักชาติและประชาธิปไตย ให้คุณต่อพันธมิตรฯและเผด็จการณ์ ระบอบอำมาตยาธิปไตย

โดย

1.บิดเบือนข้อความเนื้อหาในข่าว โดยสื่อต่างๆ
2.บิดเบือนภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว

ภาพคลิปต่างๆ ที่นำเสนอในทีวีและสื่อต่างๆ จะทำการตัดต่อภาพที่เป็นคุณต่อพันธมิตรฯและเผด็จการณ์ ระบอบอำมาตยาธิปไตย bureaucratic polity (ในความคิดของพวกมัน) และเป็นโทษต่อ ชาวเสื้อแดงผู้รักชาติและประชาธิปไตย

นี่คือ 10 สาวกใน youtube ที่ปฏิบัติการยุทธวิธีการข่าวชิงมวลชน

http://www.youtube.com/user/astvtube

ASTV Tube
Want to Subscribe?
Sign in to YouTube now!
Sign in with your Google Account!
Reporter
astvtube
Beat: National News
Joined: July 30, 2008
Last Sign In: 1 day ago
Videos Watched: 209
Subscribers: 23
Channel Views: 2,497
ASTV Tube online from Thailand
Name: ASTV
Influences: ASTV Fanclub Online
Favorite News Sources: ASTV Fanclub Online
ASTV Fanclub Online
City: Bangkok
Hometown: Bangkok
Country: Thailand
Website: http://www.astv-tv.com

http://www.youtube.com/user/mrboringdays

mrboringdays
Want to Subscribe?
Sign in to YouTube now!
Sign in with your Google Account!
mrboringdays
Joined: March 02, 2007
Last Sign In: 2 weeks ago
Videos Watched: 459
Subscribers: 87
Channel Views: 14,504

Age: 34
Country: Thailand

http://www.youtube.com/user/Pattanaseri

Pattanaseri's Channel
Want to Subscribe?
Sign in to YouTube now!
Sign in with your Google Account!
Pattanaseri
Joined: October 13, 2007
Last Sign In: 1 month ago
Videos Watched: 301
Subscribers: 6
Channel Views: 781

Age: 44
Country: Thailand

http://www.youtube.com/user/ipsut

ipsut's Channel
Want to Subscribe?
Sign in to YouTube now!
Sign in with your Google Account!
ipsut
Joined: October 07, 2007
Last Sign In: 13 hours ago
Videos Watched: 1,029
Subscribers: 9
Channel Views: 872

Age: 58
Country: United States



http://www.youtube.com/user/cpdthai



CPDThai.Org
Want to Subscribe?
Sign in to YouTube now!
Sign in with your Google Account!
Reporter
cpdthai
Beat: Local News
Joined: April 22, 2008
Last Sign In: 2 months ago
Videos Watched: 912
Subscribers: 19
Channel Views: 2,875
ครป. / CPDThai.Org
Name: CPDThai
Influences: http://www.astv-tv.com
Favorite News Sources: http://www.astv-tv.com
Campaign for Popular Democracy (CPD.) Thailand
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไ ตย (ครป.)
City: Bangkok
Hometown: Bangkok
Country: Thailand
Schools: Thammasat
Interests and Hobbies: Campaign for Popular Democracy (CPD.) Thailand คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)
Movies and Shows: Campaign for Popular Democracy (CPD.) Thailand คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)
Music: Campaign for Popular Democracy (CPD.) Thailand คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)
Books: Campaign for Popular Democracy (CPD.) Thailand คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)
Website: http://www.cpdthai.org


http://www.youtube.com/user/meng438

M CHANNEL
Want to Subscribe?
Sign in to YouTube now!
Sign in with your Google Account!
meng438
Joined: April 20, 2006
Last Sign In: 6 days ago
Videos Watched: 1,026
Subscribers: 74
Channel Views: 6,059

Country: Belgium

http://www.youtube.com/user/pad049

pad049
Want to Subscribe?
Sign in to YouTube now!
Sign in with your Google Account!
pad049
Joined: September 06, 2008
Last Sign In: 1 month ago
Videos Watched: 487
Subscribers: 15
Channel Views: 1,223
People's Alliance for Democracy (พันธมิตร,PAD) Thailand Public
Anti-Thaksin,Anti-Samak,Anti-S omchai
Name: พันธมิตร
People's Alliance for Democracy (พันธมิตร,PAD) Thailand Public
Anti-Thaksin,Anti-Samak,Anti-S omchai
Hometown: Bangkok
Country: Thailand
Website: http://padvdo.blogspot.com/

http://www.youtube.com/user/jeabkero

jeabkero
Want to Subscribe?
Sign in to YouTube now!
Sign in with your Google Account!
jeabkero
Joined: September 07, 2008
Last Sign In: 1 day ago
Videos Watched: 302
Subscribers: 11
Channel Views: 641

Age: 28
Country: Thailand

http://www.youtube.com/user/sujinvibulatd

sujinvibulatd's Channel
Want to Subscribe?
Sign in to YouTube now!
Sign in with your Google Account!
sujinvibulatd
Joined: February 24, 2007
Last Sign In: 1 year ago
Videos Watched: 97
Subscribers: 1
Channel Views: 227

Name: Dude
Age: 42
Country: Thailand

http://www.youtube.com/user/uthaisak

uthaisak's Channel
Want to Subscribe?
Sign in to YouTube now!
Sign in with your Google Account!
uthaisak
Joined: October 29, 2006
Last Sign In: 9 months ago
Videos Watched: 268
Subscribers: 159
Channel Views: 14,574

Name: Uthaisak
City: Saraburi
Hometown: Muang Saraburi
Country: Thailand
Occupation: GM
Companies: TOT PCL, Thailand
Website: http://www.uthaisak.net

http://www.youtube.com/user/chaba2550

คลิปพันธมิตรกู้ชาติ
Want to Subscribe?
Sign in to YouTube now!
Sign in with your Google Account!
chaba2550
Joined: May 27, 2008
Last Sign In: 1 day ago
Videos Watched: 1,263
Subscribers: 45
Channel Views: 6,767
รวมคลิ๊ปพันธมิตรกู้ชาติ(25 พ.ค.- 3 ธ.ค.2551)
ต้านแก้รัฐธรรมนูญฯ ปี 50 People's Alliance for Democracy (PAD) ที่ถ่ายทอดผ่าน ASTV ...http://www.manager.co.th/.. .http://www.uthaisak.net/
Name: chaba
รวมคลิ๊ปพันธมิตรกู้ชาติ(25พ.ค. -ต.ค.2551)
ต้านแก้รัฐธรรมนูญฯ ปี 50 People's Alliance for Democracy (PAD) ที่ถ่ายทอดผ่าน ASTV http://www.uthaisak.net/
Country: Thailand
Occupation: ค้าขาย
Companies: อิสระ
Interests and Hobbies: แต่งกวี ภาพ เพลง
Movies and Shows: รัฐบาลหุ่นขายเขาพระวิหาร ..+* http://mblog.manager.co.th/chaba2550/th-18681/
Music: สี่เหลี่ยมก็มีสี่ด้าน ไอ้คนหน้าด้านคือไอ้หน้าเหลี่ยม
Books: คำพ่อสอน รวมพระราชดำรัส พระบรมราโชวาท ของในหลวง รัชกาลปัจจุบัน
Website: http://mblog.manager.co.th/chaba2550/

http://www.youtube.com/user/pantamit4eva

pantamit4eva
Want to Subscribe?
Sign in to YouTube now!
Sign in with your Google Account!
pantamit4eva
Joined: August 28, 2008
Last Sign In: 13 hours ago
Videos Watched: 8,025
Subscribers: 2
Channel Views: 2,406
Thank you PAD!
Go to www.antithaksin.com to know many truths about thaksin and his political party.
PAD - People's Alliance for Democracy anti-thaksin, samak, and Somchai

สู้เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ !
Age: 26
Country: Thailand

http://www.youtube.com/user/luktungclub

bon kalasin
Want to Subscribe?
Sign in to YouTube now!
Sign in with your Google Account!
luktungclub
Joined: September 04, 2007
Last Sign In: 1 day ago
Videos Watched: 225
Subscribers: 46
Channel Views: 7,908
บันทึกเรื่องราวของคนลูกทุ่งแดน อีสาน กับประสบการณ์หลากหลายที่ได้พบเ จอ
Age: 34
Country: Thailand

http://www.youtube.com/user/008th

008th's Channel
Want to Subscribe?
Sign in to YouTube now!
Sign in with your Google Account!
008th
Joined: May 18, 2008
Last Sign In: 6 days ago
Videos Watched: 1,902
Subscribers: 1
Channel Views: 1,863

Country: Thailand

http://www.youtube.com/user/ASTVBKK

ASTVBKK's Channel
Want to Subscribe?
Sign in to YouTube now!
Sign in with your Google Account!
ASTVBKK
Joined: May 02, 2007
Last Sign In: 1 year ago
Videos Watched: 44
Subscribers: 2
Channel Views: 325

Age: 29
Country: Laos

วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 16, 2552

'ประชา' ซัด! “ทหารนอกรีต” แฉกลับ “จิ้งเขียว” ดอด!ไถเงิน 5 พันล้านจาก 'ทักษิณ' พอไม่ให้ เลยมีชะตากรรมแบบนี้!

โดย : NEWS ไทยฟรีนิวส์



“ประชา” เอาคืน แฉกลับ “จิ้งเขียว” ดอดขอเงิน 5 พันล้าน-“นักการเมืองบางพรรค” ขอ 3 พันล้าน จาก “ทักษิณ” พอไม่ให้ เลยมีชะตากรรมแบบนี้ ท้าให้ออกมาปฏิเสธว่าไม่เคยขอเงิน แต่ไม่ต้องมาสาบานให้เสียเวลา ยัน “นายใหญ่” ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการเสนอกม.ปรองดองแห่งชาติ

วันที่ 16 ก.พ. 2552 สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น รายงานว่า นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวตอบโต้พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) โดยยืนยันว่า แม้ตนจะเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ไม่เคยได้รับเงิน เพื่อมาเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่อยากจะถามกลับว่า ที่ผ่านมามีคนไปขอเงินพ.ต.ท.ทักษิณ ถึง 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นคนไม่ใช่จากพรรคเพื่อไทย และพวกจิ้งจกสีเขียว ไปขอเงินถึง 5,000 ล้านบาท อยากถามว่า ทางคมช.เอง ทราบเรื่องแบบนี้หรือไม่ เพราะการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องมีชะตากรรมแบบนี้ เพราะไม่ยอมจ่ายเงินให้กลุ่มคนเหล่านี้ ซึ่งหากกลุ่มนี้ยังกล้าปฏิเสธว่าไม่เคยขอเงิน ตนขอท้าให้ไปจุดธูปอธิฐาน กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 9 วัด แต่ไม่ต้องมาสาบาน เพราะเชื่อว่าคนชั่วคงไม่กลัวคำสาบานเพียงแค่ให้กล่าวว่า ไม่เคยขอเงินพ.ต.ท.ทักษิณก็พอ

นาย ประชา กล่าวยืนยันว่า เร็ว ๆ นี้ จะเดินทางพบพ.ต.ท.ทักษิณแน่นอน และยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง การเสนอพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดอง เนื่องจากเป็นความเห็นของคนในพรรคเท่านั้น

ขณะ ที่นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย เตรียมนำร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติเข้าหารือต่อที่ประชุมพรรค เพื่อไทยบ่ายวันนี้ เพื่ออธิบายให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน และเป็นมติพรรค ก่อนเสนอต่อที่ประชุมสภา หลังส.ส.บางกลุ่มของพรรคออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย โดยยืนยันว่าการเสนอกฎหมายฉบับดังกล่าวไม่ได้มีเป้าหมายช่วยเหลือเฉพาะพ.ต. ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเท่านั้น แต่เป้าหมายเพื่อนิรโทษกรรมนักการเมืองที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ 19 ก.ย. 2549 ซึ่งครอบคลุมทั้งในส่วนบุคคลและพรรคการเมือง ทั้งนี้ก็เพื่อมุ่งแก้ปัญหาความแตกแยกภายในสังคม โดยเรื่องนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคได้มีการหารือกันมานานแล้ว แต่ไม่เคยมีการหารือกับพ.ต.ท.ทักษิณ

นายพีรพันธุ์ ยังได้ฝากเตือนไปยังคนในพรรคเพื่อไทยให้ระมัดระวังการพูดถึงเรื่องนี้ เพราะเกรงว่าจะถูกโจมตี พร้อมกันนี้เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ส.ส.ภายในพรรคจะเข้าใจและเห็นพ้องตรงกัน

วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 14, 2552

น้ำพริกถ้วยละ1.6แสนล้าน

จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ วันสุข
ปีที่ 4 ฉบับที่ 194
....................




งบประมาณกลางปีกว่า 1.61 แสนล้านบาทที่รัฐบาลนำเสนอต่อรัฐสภาเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศนั้นจะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของคนในประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจให้กระเตื้องขึ้นได้มากน้อยเพียงใด นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมาธิการงบประมาณ จะแยกแยะผ่านวัฒนา อ่อนกำปัง สู่ท่าน

การจัดทำงบประมาณเป็นอย่างไร

การจัดทำงบประมาณกลางปี 161,700 ล้านบาท เท่าที่ติดตามดูจากการจัดงบประมาณเช่นนี้คิดว่าการที่รัฐบาลตั้งเป้าในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยให้จีดีพีโตถึง 0.5% คิดว่าลำบากมาก แทบจะมองไม่เห็นโอกาสการเติบโตของจีดีพีตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ เห็นว่าเม็ดเงินงบประมาณที่ลงไปไม่ว่าจะงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการที่จะจัดงบประมาณในการซื้อชุดนักเรียน 4,000 ล้านบาท จัดซื้อหนังสือ 6,000 ล้านบาท มันไม่กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเท่าไร แต่จะกระตุ้นต่อมทุจริตมากกว่า และยังจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรง แต่ถามว่าจะกระตุ้นขนาดไหน ผมว่าลำบากในการตรวจสอบ เพราะเป็นการงุบงิบกันในการจัดทำงบประมาณดังกล่าว ผมจึงติดใจตรงนี้

เพราะการจัดทำงบประมาณรัฐบาลตั้งเป้าจะกระตุ้นการใช้จ่ายของพี่น้องประชาชน แต่ผมมองว่าไม่มีประโยชน์ เพราะแม้แต่สหรัฐอเมริกาซึ่งมีสภาพหนักกว่าเรา เป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่กว่าเรา สภาผู้แทนราษฎรของประเทศสหรัฐไม่แตกแยกเหมือนบ้านเรา ทั้งสองพรรคร่วมมือกันอนุมัติผ่านงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 850,000 ล้านเหรียญ ถือเป็น 6% ของจีดีพี ปรากฏว่าอเมริกายังยอมรับความเป็นจริง เพราะรัฐบาลของสหรัฐคาดการณ์ว่าจีดีพีจะโตประมาณ -8.2% แต่ประเทศไทยใช้เงิน 161,700 ล้านบาท คิดเป็น 0.01% ของจีดีพี แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี บอกจะทำให้จีดีพีโต 0.5-1.00% ผมว่ามันลำบากมาก เพราะมองภาพความเป็นจริงแล้วแทบไม่เห็นว่าจะเป็นไปตามเป้าประสงค์ของรัฐบาลที่ตั้งไว้

มีปัจจัยใดบ้างที่จะก่อให้เกิดการทุจริต

ปัจจัยที่เห็นเด่นชัดคือ การจัดทำงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ ยอมรับว่าจากนโยบายที่อัดงบประมาณลงไปนั้นส่งผลให้บรรดาผู้ประกอบการในการผลิตแบบเรียนต่างๆ บรรดาผู้ประกอบการโรงพิมพ์ต่างๆวิ่งวุ่นกันไปหมดในขณะนี้ โดยเฉพาะโรงพิมพ์หนังสือเรียนที่ตอนนี้ได้ข่าวว่ามีการติดต่อประสานงานกันทั้งในส่วนของนักการเมืองกับผู้ประกอบการ เพราะงบประมาณในการจัดทำหนังสือเรียนตั้งไว้สูงถึง 6,000 ล้านบาท ผมบอกได้เลยว่าจะมีปัญหา เพราะหนังสือเรียน การดีไซน์หนังสือลดทอนได้ แต่วัตถุประสงค์ให้ยืมเรียน 3 ปีจะเกิดการวุ่นวายตามมา ที่สำคัญความหนาของกระดาษ คุณภาพของกระดาษ เรารู้เลยว่าราคาน่าจะเท่าไร

งบประมาณในการจัดซื้อชุดนักเรียนก็เช่นกัน ที่มีการตั้งงบประมาณไว้กว่า 4,000 ล้านบาท ที่จะต้องจับตามากเป็นพิเศษ เพราะหากซื้อของดีก็ดีไป แต่หากซื้อมาแล้วแต่คนละเนื้อผ้าราคาก็ต่างกัน ตรงนี้ที่จะเป็นจุดทุจริต ซึ่งคิดว่าจะมีการทุจริตที่กระทรวงศึกษาธิการมากที่สุด เพราะงบประมาณกว่า 19,000 ล้านบาท เป็นงบประมาณที่จับต้องได้เพียง 10,000 ล้านบาท ที่เหลือไม่สามารถจับต้องได้ เพราะเป็นงบกิจกรรมที่ไม่รู้กิจกรรม ไม่มีที่มาที่ไป เงินกว่า 9,000 ล้านบาทเป็นเงินของพี่น้องประชาชน เขามีสิทธิที่จะรู้ว่าเงินเขาไปไหน ไปทำอะไร แต่รัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญ ผมว่างบประมาณก้อนนี้มีปัญหาแน่

มาตรการที่ออกมากระตุ้นการใช้จ่ายหรือไม่

หากถามว่าการจัดทำงบประมาณกลางปีของรัฐบาลสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศได้หรือไม่ ผมว่าเป็นการกระตุกเศรษฐกิจมากกว่า เพราะการกระตุ้นคือการหมุนเม็ดเงินในตลาด แต่นี่รัฐบาลเอาเงินให้เลย เช่น ให้เงิน 2,000 บาทต่อคน ไม่ใช่วิธีการที่ดีเลย เพราะตอนนี้น้ำมันขึ้น สินค้าต่างๆขึ้นทุกอย่าง เขาก็จะใช้เงินเดือน ส่วนที่รัฐบาลให้ไปเขาก็จะเก็บไว้ เพราะที่ผ่านมาไม่มีเงินเก็บ ลำพังแต่เงินเดือนก็ไม่พอใช้ ดังนั้น เมื่อรัฐบาลให้มาแทนที่จะเอาไปหมุนก็เอาไปเก็บแทน แล้วใช้จำนวนเงินเท่าเดิม

อีกเรื่องต้องยอมรับว่าความเหลื่อมล้ำของการจัดทำงบประมาณในการช่วยเหลือบรรดาอาสาสมัครต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหมอดินอาสา อาสาป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนหรือ อปพร. ประธานชุมชน และอาสาสมัครทั้งหลายไม่ได้เงินช่วยเหลือ ได้เฉพาะอาสาสมัครหมู่บ้านหรือ อสม. และ อสม. ที่ปัจจุบันนี้เพิ่มจาก 830,000 คน เป็น 1,200,000 คน ใครไปลงทะเบียนหลังเดือนมกราคม 2551 ก็ไม่ได้เงิน ก็จะทะเลาะกัน ดูแล้วจะได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งหลังเดือนมกราคมมีประชาชนขอลงทะเบียนเพิ่มอีก 400,000 กว่าคน เพราะรู้ว่าจะได้เงินหรือเปล่า การสมัครง่ายมาก ไม่ได้มีหลักฐานอะไรมากมาย ไม่เหมือนสมัครงาน

การให้เงินกับ อสม. ไม่ยุติธรรมกับคนอื่น

ไม่รู้รัฐบาลมองอย่างไร เพราะปัจจุบัน อสม. จะมีเงินประจำหมู่บ้านละ 10,000 บาทอยู่แล้ว และมีมติคณะกรรมาธิการให้อีกท้องถิ่นละ 20,000 บาท แต่ก็เบี้ยวกันไม่จัดสรรลงไปให้ อสม. รัฐบาลเลยแจกให้เอง แต่ให้เพียง 6 เดือน เดือนละ 600 บาท ไม่ใช่ให้ตลอด เชื่อว่ารัฐบาลไหนมาก็ไม่กล้าตัดงบตรงนี้ ถ้าตัดคือฆ่าตัวตาย สมควรให้เค้า การทำอะไรก็ต้องคิด ตอนนี้ถือว่าเป็นขาลง เงินที่มาจัดทำงบประมาณในปีนี้ก็กู้มาหมด อย่างที่ ส.ส. อภิปราย จะไปทำประชานิยมขาลงมันไม่ง่ายนัก สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จัดทำงบประมาณนี้เป็นช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น เงินหาง่าย ทั้งภาคการส่งออก สินค้าเกษตร แต่ครั้งนี้เป็นการกู้เงินมาแก้ปัญหา ผมว่ามีปัญหาแน่นอน ขนาดเงินกู้มาใช้หนี้จำนวน 19,000 ล้านบาท ก็ไม่รู้ว่าผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะไปกู้มาใช้หนี้

เมื่อก่อนรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เคยกล่าวหารัฐบาลทักษิณ เช่น นำกองทุนเงินล้านมาหาเสียงและไม่สามารถช่วยชาวบ้านได้ เพราะชาวบ้านมีหนี้อยู่แล้ว แต่รัฐบาลประชาธิปัตย์กลับมาทำตามนโยบายที่ตนเองบอกว่าเป็นนโยบายที่ไม่ดี แล้วเดี๋ยวนี้รัฐบาลกู้เงินมาทำตามนโยบายที่ตัวเองโจมตี ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้บอกว่าไม่ดี ไม่ได้เรื่อง แต่ตัวเองกลับทำตาม มันก็ดูแปลกๆ ผมว่ามันจะอันตราย เพราะรัฐบาลทำตามโดยไม่รู้ปรัชญาที่แท้จริงในนโยบายนี้

การแก้ปัญหาแรงงานถูกจุดหรือไม่

การจัดทำนโยบายด้านแรงงานนั้นผมว่ารัฐบาลตีโจทย์ผิด เพราะรัฐบาลดำเนินนโยบายในการให้เงินกินเปล่ากับผู้ประกันตนและข้าราชการคนละ 2,000 บาท ทั้งหมด 9 ล้านคน ผมว่าเม็ดเงินไม่กระจายกลับสู่ระบบ เงินจะไปสู่ระบบธนาคารมากกว่า เพราะคนที่มีเงินเดือนเกือบ 15,000 บาท ผมว่าเขาอยู่ได้ในสถานการณ์เช่นนี้ และไม่คำนึงถึงเงินที่จะได้จากรัฐบาลเท่าไร ได้มาก็ใช้จ่ายเท่าเดิม ดังนั้น การที่รัฐบาลออกนโยบายในการจะกระจายเม็ดเงินไม่ยากเลย เพราะประเทศไทยมีครอบครัวที่ยากจน 1.6 ล้านครอบครัว ก็แจกไปครอบครัวละ 1,000 บาท เท่ากับงบที่ตั้งไว้พอดี ยุติธรรมกับคนยากจน คนยากจนจะได้หมดไป แต่นี้ให้เฉพาะผู้ประกันตนกับข้าราชการ บรรดาข้าราชการในส่วนของท้องถิ่นก็ไม่ได้ เลยกลายเป็นฝนตกไม่ทั่วฟ้า

ลือว่ารัฐบาลเร่งหาเงินห้าแสนล้านจริงหรือไม่

ตรงนี้ไม่รู้ แต่ไม่ได้เกินเลยไปกว่านี้แน่ เพราะการจะหาเงินไม่ได้หาง่ายๆ ขณะนี้รัฐบาลเหลือเงินคงคลังเพียง 52,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยมาก ดังนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งหาเงินเข้ามาให้มากที่สุด การขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันจึงเป็นเป้าหมายหลัก โดยมีข่าวออกมาว่ารัฐบาลจะเก็บเงินภาษีสรรสามิตน้ำมันที่ 5 บาทต่อลิตร ซึ่งถือเป็นการผลักภาระให้ผู้บริโภค เพื่อหาเม็ดเงินเข้ามาให้มากที่สุด หมายถึงพี่น้องประชาชนต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น สวนทางกับที่รัฐบาลบอกว่าจะเพิ่มเม็ดเงินในกระเป๋าให้กับพี่น้องประชาชน

ล่าสุดได้ข่าวว่ารัฐบาลจะไปสหรัฐอเมริกาเพื่อขอกู้เงิน ตอนนี้รายได้ไม่มี การส่งออกตาย ท่องเที่ยวตาย และจากการเก็บภาษีน้ำมัน ผมคิดว่ารัฐบาลจะได้ประมาณเดือนละ 7,000-8,000 ล้านบาท ส่วนการขึ้นภาษีน้ำมันคิดว่าทำได้ไม่นานหรอก ขนาดขึ้นล็อตแรกก็หูชาแล้ว และเดือนกุมภาพันธ์จะขึ้นอีก 2 รอบ ถือว่าการกระทำเช่นนี้ของรัฐบาลเป็นการปล้นประชาชนมากกว่า ประชาชนตอนนี้เดือดร้อนจริงๆ รัฐบาลต้องพยุงเศรษฐกิจ ต้องประหยัด ทำเศรษฐกิจอย่างพอเพียงจริงๆ แต่นี่เชื่อว่าประชานิยมอย่างเดียวจะทำให้ประชาชนรักรัฐบาลมากขึ้น แต่ตรงข้ามกันเลย เป็นประชานิยมแบบผิดที่ผิดทาง แล้วเจอการเก็บภาษีอีก ผมว่าเป็นการทำลายประชาชน คนจะเริ่มหยุดใช้เงิน อย่างการจัดเก็บเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT เพิ่มขึ้น ผมว่ารัฐบาลไม่กล้าทำหรอก เพราะหากทำก็เท่ากับฆ่าตัวตาย จะกล้าขนาดนั้นหรือ พูดง่ายๆถ้าเพิ่ม VAT เมื่อไรระยะเวลาของรัฐบาลก็จะสั้นลง

ผมยังงงกับกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ออกมาพูดเรื่องประธานาธิบดีในเมืองไทย มันจะเป็นไปได้อย่างไร นี่คือประเทศไทยนะครับ ใครจะกล้าคิด ผมเข้าใจว่าพรรคประชาธิปัตย์มองทุกอย่างเป็นการเมือง จึงคิดแต่เรื่องการเมืองอย่างเดียว

เมื่อพูดถึงเรื่องงบประมาณ ผมเห็นว่ากรรมาธิการงบประมาณชุดนี้ทำอะไรไม่ได้มากนัก เพราะเป็นการจัดทำงบประมาณภายใต้ภาวะตึงเครียดทางการเมือง ดังนั้น การใช้เหลี่ยมคูทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์จึงมากเป็นพิเศษ จึงต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ไว้เลยว่าการจัดทำงบประมาณครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณตัดไม่ได้แม้แต่บาทเดียว เพราะรัฐบาลไม่ยอมให้ตัด

การจัดทำงบประมาณปี 2553 เป็นอย่างไร

การจัดทำงบประมาณประจำปี 2553 น่าจะเข้าสู่ที่ประชุมสภาในช่วงเดือนมิถุนายน 2552 ซึ่งไม่รู้จะจัดงบแบบไหน เพราะการจัดเก็บรายได้ปีนี้พลาดเป้า 132,000 ล้านบาท ขาดดุล 347,500 ล้านบาท ถือว่าสถานการณ์ทางการเมืองง่อนแง่น ทั้งนี้ ภาวะเศรษฐกิจโลกขณะนี้น่ากลัวมาก และมักมีคำถามว่ารัฐบาลไปได้ไหม ผมว่าเมืองไทยเจอ 2 เด้งทั้งการเมืองและพิษเศรษฐกิจ

ดังนั้น จีดีพีของไทยความจริงน่าจะอยู่ที่ -2% ในสถานการณ์ปรกติ แต่เจอพิษการเมืองเลยกลายเป็น -4% ผลที่ตามมาก็อันตรายมาก คนตกงานเพิ่มขึ้น ภาพรวมอาจมีคนตกงานถึง 3 ล้านคน ตอนนี้คนตกงานในเดือนพฤศจิกายนมี 18,000 คน เดือนธันวาคม 30,000 คน และเดือนมกราคมมีกว่า 70,000 คน ส่วนมาตรการที่รัฐบาลออกมารองรับนั้นคิดว่าเหมาะสม แต่ไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจบ้านเราเท่าไร

คุณธนินทร์บอกว่าทุกอย่างต้องดับเบิ้ล

คุณธนินทร์ เจียรวนนท์ ประธานกลุ่มซีพี ให้สัมภาษณ์ว่าหากจะกู้เศรษฐกิจของประเทศทุกอย่างต้องดับเบิ้ลหรือเพิ่มเป็น 2 เท่าจากที่รัฐบาลไทยรักไทยเคยทำไว้ ถามว่าตอนนี้จะเอาไรไปดับเบิ้ล ไม่ง่ายเลยจากภาพรวมในปัจจุบัน ตอนนี้เศรษฐกิจบ้านเราเป็นแบบนี้ เติมไปร้อยหมุนได้ห้าสิบก็เก่งแล้ว มันไม่ใช่เศรษฐกิจขาขึ้นเหมือนปี 2544 แต่เศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงขาลง คนละสถานการณ์กัน จะทำเหมือนกันไม่ได้ รัฐบาลไม่เข้าได้ใจในตรรกะที่จะทำเลยว่าต้องทำเช่นไร มองมุมไหน ดังนั้น ไม่ง่ายอย่างที่รัฐบาลคิดแน่

อนาคตของประเทศไทยเป็นอย่างไร

ตอนนี้ยังมองไม่ออกจริงๆ แต่ที่สัมผัสได้คือเศรษฐกิจในประเทศตกลงเรื่อยๆ บรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลกว่าจะเริ่มฟื้นตัวในอีก 2 ปีข้างหน้า อันนี้ส่งผลต่อประเทศไทยโดยตรง เพราะเราส่งออกมาก ดังนั้น เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลงมาก แต่โชคดีที่ประเทศไทยมีภาคการเกษตรมารองรับ บรรดาผู้ใช้แรงงานหรือพี่น้องประชาชนที่ตกงานกลับไปชนบทก็อยู่ได้ เพราะค่าใช้จ่ายน้อย

แต่รัฐบาลไม่เน้นภาคเกษตร ไปเน้นภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว เห็นแล้วน่าสงสาร ความจริงควรกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศมากกว่า ผมถึงบอกว่าการมองทุกอย่างเป็นการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์เป็นการทำร้ายประเทศมากกว่าพัฒนาประเทศ ซึ่งการจัดทำงบประมาณกลางปีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2552 เท่าที่รู้มีคนจัดงบ 3 คน ไม่อยากเอ่ยชื่อ เมื่อทำเสร็จแล้วเอามาให้พรรคร่วมรัฐบาลดู บรรดาพรรคร่วมก็เห็นตัวเลข เมื่อจัดเสร็จแล้วก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะเขาไม่ให้ทำ

สถานการณ์ทางการเมืองเป็นอย่างไร

ต้องยอมรับว่าการเมืองยังไม่นิ่ง ยังมีการโจมตีกล่าวหากันต่างๆนานา โดยในส่วนของพรรคเพื่อไทยก็กำลังจัดทัพกันอยู่ ยอมรับว่าพวกผมถูกเล่นจนบรรดาแกนนำของพรรคเกือบไม่เหลือจากการยุบพรรคทั้ง 111 จากสมัยพรรคไทยรักไทย และ 109 คนจากพลังประชาชน จนต้องให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นหัวเรือใหญ่ ส่วนเรื่องผู้นำฝ่ายค้านยังไม่จำเป็น เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้ ดังนั้น การดำเนินการทางการเมืองก็เป็นไปตามปรกติ ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นเป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ทุกวันนี้การอภิปรายทั้งคณะไม่มีแล้ว ต้องอภิปรายเป็นรายบุคคลว่ารัฐมนตรีคนนั้นคนนี้เป็นอย่างไร ผมว่าปรกติทำได้อยู่แล้ว ไม่เป็นไร เมื่อก่อนมีอภิปรายทั้งคณะก็ทำกันไป ไม่มีกระทรวง ดังนั้น การที่รัฐธรรมนูญออกมาเช่นนี้ก็ไม่เสียหายอะไร

ตระกูลชินวัตรเข้ามาเพื่อไทยจะดีขึ้นหรือไม่

การเข้ามาของคนในตระกูลชินวัตรก็ช่วยประคองกันไป เพราะจะทำให้พรรคมีรูปแบบชัดเจน เป็นการเข้ามาช่วยเหลือ ไม่ได้เป็นการชี้นำ ให้ตั้งไข่เดินได้เองอย่างมีคุณภาพ แต่มีแนวทางหรือความคิดเหมือนกัน ที่สำคัญประชาชน โดยเฉพาะภาคอีสานยังนิยมในตัว พ.ต.ท.ทักษิณอยู่มาก ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าหากรัฐบาลนี้อยู่ได้ถึง 6 เดือนจะดึงฐานเสียงภาคอีสานได้หมดนั้น ผมว่าฝันไปหรือเปล่า

พรรคภูมิใจไทยออกมาประกาศว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะมีจำนวน ส.ส. ไม่น้อยกว่า 140 คนนั้น อยากถามว่า ส.ส. ที่มีอยู่ตอนนี้ส่วนใหญ่ได้เป็น ส.ส. จากพรรคพลังประชาชนทั้งนั้นใช่หรือไม่ เพราะในช่วงหาเสียงมีการอ้างชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งนั้น และในการเลือกตั้งครั้งหน้าที่พรรคภูมิใจไทยบอกว่าจะได้คะแนนเสียงในภาคอีสานเกินร้อยนั้น ผมว่าผู้บริหารพรรคเพื่อไทยควรตัดศูนย์ออกหรือเปล่า ถ้าได้ขนาดนั้นผมว่าเก่ง

การเตรียมตัวของพรรคเพื่อไทย

ตอนนี้ถือว่าลงตัวในระดับหนึ่ง มีการพูดคุยกันมากขึ้น มีแนวทางในการทำงานที่ชัดเจนและเริ่มเสริมทัพทุกคนมีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พรรคเพื่อไทยไม่มีใครเป็นผู้นำ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามมติพรรค ส่วนเรื่องหัวหน้าพรรคทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หรือ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ผมว่าไม่มีใครรับหรอก หากถามผมผมก็ตอบไม่ได้ ส่วนที่มีชื่อ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร นั้นผมยังไม่เห็นมีใครเสนอ มีเพียงนักข่าวเท่านั้น ไม่รู้ว่าท่านอยากมาอยู่พรรคเพื่อไทยหรือไม่ และไม่รู้ว่าผู้ใหญ่ในพรรคไปทาบทามหรือเปล่า เป็นการพูดกันไปเองทั้งนั้น

การเลือกตั้งจะเป็นการแข่งขันของ 2 พรรคใหญ่

น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่น่าจะเป็นการแย่งตำแหน่งของ 2 พรรคคือ พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนพรรคอื่นๆก็เป็นองค์ประกอบเท่านั้น บอกเลยว่าการทำพรรคการเมืองไม่ง่าย เพราะเงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้พรรคใหญ่โต ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ประชาชนดูนโยบายพรรคแล้ว อย่าไปบอกว่าชาวอีสานซื้อได้ ตอนนี้เงินซื้อไม่ได้แล้ว บางทีเอาเงินแต่ไม่เลือกก็มี ส่วนแนวโน้มพรรคเล็กอยู่ไม่ได้หรอก อย่างพรรคชาติไทยพัฒนากับเพื่อแผ่นดิน ที่สุดอาจมาอยู่ด้วยกัน มันเป็นสัจธรรม หากพรรคเพื่อแผ่นดินจะถูกยุบ ส.ส. ก็ต้องมาอาศัยพรรคที่แข็งแกร่งกว่า

มองการออกกฎหมายนิรโทษกรรมอย่างไร

ยอมรับว่าตลอดชีวิตทางการเมืองของผมไม่เคยเห็นประเทศไทยมีการต่อสู้ทางการเมืองที่รุนแรงขนาดนี้มาก่อน ผมว่าผลัดกันเป็นรัฐบาล ผลัดกันบริหารประเทศบ้างจะดีกว่า ไม่ใช่เอาเป็นเอาตาย การเมืองแบบนี้น่ากลัว หากเศรษฐกิจ การเมืองในประเทศยังไม่นิ่ง บ้านเมืองก็เดินไปไม่ได้ อย่างไรก็ขอภาวนาว่าอย่ารุนแรงเกินไป เพราะการแบ่งสี แบ่งพวก แบ่งภูมิภาค มันไม่ดีหรอก เท่าที่ดูผมว่าสีแดงพอมีเหตุผล แต่ตอนนี้เกิดยั่วยุกันจะโทษเสื้อแดงไม่ได้ จะยั่วยุกันทำไม ก็บริหารประเทศไป สีแดงทำอะไรก็ไม่ยืดเยื้อ ไม่ได้ปิดที่ไหนนอนค้างคืน

เมื่อทุกฝ่ายเล่นกันจนประเทศเสียหายหมดแล้ว เมื่อถึงจุดๆหนึ่งก็ต้องทำ เพราะจะทำให้ทุกเรื่องสงบ ผมอยากให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ทุกอย่างจะได้ยุติ หันหน้าเข้าหากัน จริงๆแล้วไม่ใช่การออกกฎหมายนิรโทษกรรม เป็นการขอพระราชทานอภัยโทษทางการเมือง หากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานอภัยโทษแล้วถึงจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมได้ ที่ผ่านมาก็มีการขอพระราชทานอภัยโทษคดีการเมือง ไม่ว่าจะเป็นจอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประพาส จารุเสถียร พล.อ.สุจินดา คราประยูร ถือว่าเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ต้องให้อภัยกัน หากมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแล้วทั้ง 220 ออกมาได้จริงผมว่าก็เป็นผลดีต่อบ้านเมืองที่มีคนเก่งมาทำงาน ตอนนี้ประเทศเราต้องการคนเก่ง

จำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่

ผมเชื่อว่าทั้งนักการเมืองฝ่ายบริหารและฝ่ายค้านรู้ดีว่าอะไรเป็นไร การทำงานยากลำบากแค่ไหน ผลสุดท้ายต้องแก้รัฐธรรมนูญด้วย แต่จะเป็นเมื่อไรเท่านั้นเอง ซึ่งรัฐธรรมนูญมีไว้ให้แก้ ไม่ให้ยึดไว้อย่างเดิม เพราะหากรัฐบาลมองว่ามาตราไหนไม่ดี เป็นปัญหาในการบริหารประเทศก็ต้องแก้ หากแก้แล้วเสื้อเหลืองจะกลับมาอีกหรือไม่นั้น ผมว่าความคิดคงห้ามกันไม่ได้ แต่ควรออกมาด้วยเหตุและผล ทุกวันนี้มีพฤติกรรมเลียนแบบกลุ่มพันธมิตรฯมากมาย ทำให้คนไม่เคารพกฎหมาย

กรณีนายกฯกู้เงินจากญี่ปุ่นผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่

เรื่องนี้เป็นเพียงข้อตกลง ยังไม่ได้มีการลงนามในสัญญาก็ไม่ผิด หากลงนามเมื่อไรก็ต้องผ่านสภา รวมทั้งต้องอธิบายเหตุผลในการกู้เงินให้กับประชาชนรับทราบเป็นข้อตกลง ยังไม่ได้กู้ แค่เจรจา ลงนามในสัญญาเมื่อไรต้องเข้าสภา และต้องอธิบายให้กับประชาชนรับทราบ

การเมืองไทยในอนาคตเป็นอย่างไร

การเมืองไทยทำนายยากมาก ไม่มีอะไรแน่นอน ใครจะคิดว่าคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณที่มีความนิยมมากมาย แต่จะสะดุดล้มและถูกทำลายมากขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม การเมืองไทยจะยังคงเหลือระบบพรรคสองพรรคการเมืองใหญ่แน่นอน และฝ่ายทหารไม่ควรเข้ามาก้าวก่ายการเมือง เพราะจากการรัฐประหารที่ผ่านมาทำให้การพัฒนาการเมืองไทยสะดุด มีการกล่าวหาในเรื่องต่างๆมากมาย และจะยังมีไปเรื่อยๆ การเมืองมีวิวัฒนาการที่ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ก่อนไม่ได้เลือกนโยบายพรรค เลือกคนกับเงิน เดี๋ยวนี้ไม่ง่าย อย่าคิดว่าจะซื้อเสียงได้ เรื่อง พ.ร.บ.งบประมาณครั้งนี้ก็ผ่านอยู่แล้ว แต่เห็นว่าเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำมากกว่า เพราะเงินที่ออกมาไปไม่ถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง

วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 09, 2552

เชียงใหม่ เสื้อแดงฝ่ายประชาธิปไตย พลังแน่นเหนียว ต่อต้านรัฐบาลโจรก่อการร้าย ของ ไอ้มาร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ










ข้าราชการเสื้อแดงเชียงใหม่...ก็ไปร่วมเดินกับชาวเสื้อแดงตั้งแต่เวลา14.30 น. ...นำรถยนต์ส่วนตัวไปจอดใน ร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่ แล้วเดินเท้าเข้าบริเวณ โรงแรมแกรนด์วโรรส เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่รวมพลคนเสื้อแดงรักประชาธิปไตย แดดยังร้อนจี๋ แต่ทุกคนสู้เหลือเกิน...ช่วงเดิน 15.00 น. มีคนเยอะมาก มีเด็กน้อยน่ารักๆ มากมายเดินจูงมือพ่อแม่ไปด้วยกันดูน่าร๊ากๆๆๆๆ เหลือเกิน....ความรู้สึกที่เดินร่วมกับชาวเสื้อแดง ก็แอบสังเกตเห็นว่า ชาวเสื้อแดงทุกคน "ตั้งใจเหลือเกิน"กับการเดินเพื่อคัดค้านเผด็จการซ่อนรูปที่แฝงผ่านมากับรัฐบาลเถื่อน ระบบนิติธรรมถูกครอบงำด้วยอำนาจนอกระบบ....การเดินไม่มีใครบ่นว่าเหนื่อยซักคน ทุกคนเปล่งเสียงอย่างชัดเจนว่า "รัฐบาลอภิสิทธิ์ออกไป"...ไม่ยอมรับการโยกย้ายผบ.ตำรวจแต่ละระดับ....โกรธแค้นที่ รัฐบาลโดยทหารกลุ่มเล็กๆ ใช้งบลับ 2,000 ล้านบาท เพื่อมาทำลายล้าง "คนเสื้อแดง"ที่รักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง....ผมถึงแม้จะเป็นข้าราชการ ....แต่ก็เป็นลูกของชาวรากหญ้า กว่าจะได่ไต่ขึ้นรับราชการได้ด้วยลำแข็งของตนเอง เลือดตาแทบกระเด็น(ผมไม่มีเส้น สอบได้ด้วยตนเอง..ภูมิใจจริงๆ)...เพื่อนๆ ในที่ทำงานของผมก็เสื้อแดงกันเป็นทิวแถว แต่ที่กล้าๆ ใส่เสื้อแดง มีไม่กี่คน...สำหรับผม แดงชัดเจน..เพราะผมเป็นลูกชาวนา เป็นเด็กวัด ยากจน ผ่านความทุกข์ยากมามาก....ผมมาร่วมครั้งนี้เป้าหมายคือ "เรียกร้องระบอบประชาธิปไตย 100% ออกมาจากกลุ่มนอกกฎหมายประชาชน"....วันนี้ออกมาเดินเพื่อชดเชย ที่มิอาจไปร่วมเดินกับชาวเสื้อแดงที่ กทม. ....เพราะทุกครั้ง เจ้านายรู้แกว มักจะมอบหมายให้ทำงานหนักดักทางไว้ทุกที.....เสื้อแดงสู้ๆๆ ครับ
โดย : poo

อกอีแป้นจะแตก เชียงใหม่เสื้อแดงถึงขนาดนี้เลยหรือ

โดย : สายลมรัก







วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 07, 2552

คนอ่านติดใจ คนโพสท์ติดคุก

โดย : rungsira ไทยฟรีนิวส์






สมัย นปก. เสื้อเหลือง ปะทะสี่เสาร์เทเวศน์ บันทึกสีม่วง คืนวันที่ 22 กรกฏาคม 2550 นะครับ




คลังบทความของบล็อก